Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
(๑๒) ๒. อายาจนวโคฺค
(12) 2. Āyācanavaggo
๑๓๑. ‘‘สโทฺธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ สมฺมา อายาจมาโน อายาเจยฺย – ‘ตาทิโส โหมิ ยาทิสา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’ติฯ เอสา, ภิกฺขเว, ตุลา เอตํ ปมาณํ มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ยทิทํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ
131. ‘‘Saddho , bhikkhave, bhikkhu evaṃ sammā āyācamāno āyāceyya – ‘tādiso homi yādisā sāriputtamoggallānā’ti. Esā, bhikkhave, tulā etaṃ pamāṇaṃ mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ yadidaṃ sāriputtamoggallānā’’ti.
๑๓๒. ‘‘สทฺธา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี เอวํ สมฺมา อายาจมานา อายาเจยฺย – ‘ตาทิสี โหมิ ยาทิสี เขมา จ ภิกฺขุนี อุปฺปลวณฺณา จา’ติฯ เอสา, ภิกฺขเว, ตุลา เอตํ ปมาณํ มม สาวิกานํ ภิกฺขุนีนํ ยทิทํ เขมา จ ภิกฺขุนี อุปฺปลวณฺณา จา’’ติฯ
132. ‘‘Saddhā, bhikkhave, bhikkhunī evaṃ sammā āyācamānā āyāceyya – ‘tādisī homi yādisī khemā ca bhikkhunī uppalavaṇṇā cā’ti. Esā, bhikkhave, tulā etaṃ pamāṇaṃ mama sāvikānaṃ bhikkhunīnaṃ yadidaṃ khemā ca bhikkhunī uppalavaṇṇā cā’’ti.
๑๓๓. ‘‘สโทฺธ, ภิกฺขเว, อุปาสโก เอวํ สมฺมา อายาจมาโน อายาเจยฺย – ‘ตาทิโส โหมิ ยาทิโส จิโตฺต จ คหปติ หตฺถโก จ อาฬวโก’ติฯ เอสา, ภิกฺขเว, ตุลา เอตํ ปมาณํ มม สาวกานํ อุปาสกานํ ยทิทํ จิโตฺต จ คหปติ หตฺถโก จ อาฬวโก’’ติฯ
133. ‘‘Saddho, bhikkhave, upāsako evaṃ sammā āyācamāno āyāceyya – ‘tādiso homi yādiso citto ca gahapati hatthako ca āḷavako’ti. Esā, bhikkhave, tulā etaṃ pamāṇaṃ mama sāvakānaṃ upāsakānaṃ yadidaṃ citto ca gahapati hatthako ca āḷavako’’ti.
๑๓๔. ‘‘สทฺธา , ภิกฺขเว, อุปาสิกา เอวํ สมฺมา อายาจมานา อายาเจยฺย – ‘ตาทิสี โหมิ ยาทิสี ขุชฺชุตฺตรา จ อุปาสิกา เวฬุกณฺฑกิยา 1 จ นนฺทมาตา’ติฯ เอสา , ภิกฺขเว, ตุลา เอตํ ปมาณํ มม สาวิกานํ อุปาสิกานํ ยทิทํ ขุชฺชุตฺตรา จ อุปาสิกา เวฬุกณฺฑกิยา จ นนฺทมาตา’’ติฯ
134. ‘‘Saddhā , bhikkhave, upāsikā evaṃ sammā āyācamānā āyāceyya – ‘tādisī homi yādisī khujjuttarā ca upāsikā veḷukaṇḍakiyā 2 ca nandamātā’ti. Esā , bhikkhave, tulā etaṃ pamāṇaṃ mama sāvikānaṃ upāsikānaṃ yadidaṃ khujjuttarā ca upāsikā veḷukaṇḍakiyā ca nandamātā’’ti.
๑๓๕. ‘‘ทฺวีหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ทฺวีหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตีติฯ
135. ‘‘Dvīhi, bhikkhave, dhammehi samannāgato bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamehi dvīhi? Ananuvicca apariyogāhetvā avaṇṇārahassa vaṇṇaṃ bhāsati, ananuvicca apariyogāhetvā vaṇṇārahassa avaṇṇaṃ bhāsati. Imehi kho, bhikkhave, dvīhi dhammehi samannāgato bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatīti.
‘‘ทฺวีหิ , ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ทฺวีหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ
‘‘Dvīhi , bhikkhave, dhammehi samannāgato paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavati. Katamehi dvīhi? Anuvicca pariyogāhetvā avaṇṇārahassa avaṇṇaṃ bhāsati, anuvicca pariyogāhetvā vaṇṇārahassa vaṇṇaṃ bhāsati. Imehi kho, bhikkhave, dvīhi dhammehi samannāgato paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavatī’’ti.
๑๓๖. ‘‘ทฺวีหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ทฺวีหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อปฺปสาทนีเย ฐาเน ปสาทํ อุปทํเสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ปสาทนีเย ฐาเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตีติฯ
136. ‘‘Dvīhi, bhikkhave, dhammehi samannāgato bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamehi dvīhi? Ananuvicca apariyogāhetvā appasādanīye ṭhāne pasādaṃ upadaṃseti, ananuvicca apariyogāhetvā pasādanīye ṭhāne appasādaṃ upadaṃseti. Imehi kho, bhikkhave, dvīhi dhammehi samannāgato bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatīti.
‘‘ทฺวีหิ , ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมหิ ทฺวีหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อปฺปสาทนีเย ฐาเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปสาทนีเย ฐาเน ปสาทํ อุปทํเสติฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ
‘‘Dvīhi , bhikkhave, dhammehi samannāgato paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavati. Katamehi dvīhi? Anuvicca pariyogāhetvā appasādanīye ṭhāne appasādaṃ upadaṃseti, anuvicca pariyogāhetvā pasādanīye ṭhāne pasādaṃ upadaṃseti. Imehi kho, bhikkhave, dvīhi dhammehi samannāgato paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavatī’’ti.
๑๓๗. ‘‘ทฺวีสุ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฎิปชฺชมาโน พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ , พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? มาตริ จ ปิตริ จฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีสุ มิจฺฉาปฎิปชฺชมาโน พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตีติฯ
137. ‘‘Dvīsu, bhikkhave, micchāpaṭipajjamāno bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ , bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamesu dvīsu? Mātari ca pitari ca. Imesu kho, bhikkhave, dvīsu micchāpaṭipajjamāno bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatīti.
‘‘ทฺวีสุ, ภิกฺขเว, สมฺมาปฎิปชฺชมาโน ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? มาตริ จ ปิตริ จฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีสุ สมฺมาปฎิปชฺชมาโน ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ
‘‘Dvīsu, bhikkhave, sammāpaṭipajjamāno paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavati. Katamesu dvīsu? Mātari ca pitari ca. Imesu kho, bhikkhave, dvīsu sammāpaṭipajjamāno paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavatī’’ti.
๑๓๘. ‘‘ทฺวีสุ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฎิปชฺชมาโน พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? ตถาคเต จ ตถาคตสาวเก จฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฎิปชฺชมาโน พาโล อพฺยโตฺต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวโชฺช จ โหติ สานุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ อปุญฺญํ ปสวตีติฯ
138. ‘‘Dvīsu, bhikkhave, micchāpaṭipajjamāno bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavati. Katamesu dvīsu? Tathāgate ca tathāgatasāvake ca. Imesu kho, bhikkhave, micchāpaṭipajjamāno bālo abyatto asappuriso khataṃ upahataṃ attānaṃ pariharati, sāvajjo ca hoti sānuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca apuññaṃ pasavatīti.
‘‘ทฺวีสุ , ภิกฺขเว, สมฺมาปฎิปชฺชมาโน ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวติฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? ตถาคเต จ ตถาคตสาวเก จฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีสุ สมฺมาปฎิปชฺชมาโน ปณฺฑิโต วิยโตฺต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวโชฺช จ โหติ อนนุวโชฺช จ วิญฺญูนํ, พหุญฺจ ปุญฺญํ ปสวตี’’ติฯ
‘‘Dvīsu , bhikkhave, sammāpaṭipajjamāno paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavati. Katamesu dvīsu? Tathāgate ca tathāgatasāvake ca. Imesu kho, bhikkhave, dvīsu sammāpaṭipajjamāno paṇḍito viyatto sappuriso akkhataṃ anupahataṃ attānaṃ pariharati, anavajjo ca hoti ananuvajjo ca viññūnaṃ, bahuñca puññaṃ pasavatī’’ti.
๑๓๙. ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมาฯ กตเม เทฺว? สจิตฺตโวทานญฺจ น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, เทฺว ธมฺมา’’ติฯ
139. ‘‘Dveme, bhikkhave, dhammā. Katame dve? Sacittavodānañca na ca kiñci loke upādiyati. Ime kho, bhikkhave, dve dhammā’’ti.
๑๔๐. ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมาฯ กตเม เทฺว? โกโธ จ อุปนาโห จฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, เทฺว ธมฺมา’’ติฯ
140. ‘‘Dveme, bhikkhave, dhammā. Katame dve? Kodho ca upanāho ca. Ime kho, bhikkhave, dve dhammā’’ti.
๑๔๑. ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมาฯ กตเม เทฺว? โกธวินโย จ อุปนาหวินโย จฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, เทฺว ธมฺมา’’ติฯ
141. ‘‘Dveme, bhikkhave, dhammā. Katame dve? Kodhavinayo ca upanāhavinayo ca. Ime kho, bhikkhave, dve dhammā’’ti.
อายาจนวโคฺค ทุติโยฯ
Āyācanavaggo dutiyo.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / (๑๒) ๒. อายาจนวคฺควณฺณนา • (12) 2. Āyācanavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / (๑๒) ๒. อายาจนวคฺควณฺณนา • (12) 2. Āyācanavaggavaṇṇanā