Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๑. พุทฺธวโคฺค
1. Buddhavaggo
อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา
Abbhantaranidānavaṇṇanā
๕.
5.
‘‘อถ พุทฺธาปทานานิ, สุณาถ สุทฺธมานสา;
‘‘Atha buddhāpadānāni, suṇātha suddhamānasā;
ติํสปารมิสมฺปุณฺณา, ธมฺมราชา อสงฺขิยา’’ติฯ –
Tiṃsapāramisampuṇṇā, dhammarājā asaṅkhiyā’’ti. –
เอตฺถ อถาติ อธิการนฺตรูปทสฺสนเตฺถ นิปาตปทํ, วิภตฺติยุตฺตายุตฺตนิปาตทฺวเยสุ วิภตฺติยุตฺตนิปาตปทํฯ อถ วา –
Ettha athāti adhikārantarūpadassanatthe nipātapadaṃ, vibhattiyuttāyuttanipātadvayesu vibhattiyuttanipātapadaṃ. Atha vā –
‘‘อธิกาเร มงฺคเล เจว, นิปฺผนฺนเตฺถวธารเณ;
‘‘Adhikāre maṅgale ceva, nipphannatthevadhāraṇe;
อนนฺตเรปคมเน, อถ-สโทฺท ปวตฺตติ’’ฯ
Anantarepagamane, atha-saddo pavattati’’.
ตถา หิ –
Tathā hi –
‘‘อธิกิจฺจํ อธิฎฺฐานํ, อธิอตฺถํ วิภาสติ;
‘‘Adhikiccaṃ adhiṭṭhānaṃ, adhiatthaṃ vibhāsati;
เสฎฺฐเชฎฺฐกภาเวน, อธิกาโร วิธียเต’’ติฯ –
Seṭṭhajeṭṭhakabhāvena, adhikāro vidhīyate’’ti. –
วุตฺตตฺตา พุทฺธานํ สมตฺติํสปารมิธมฺมานํ อธิกิจฺจโต, เสฎฺฐเชฎฺฐโต อธิการเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติฯ ติวิธโพธิสตฺตานํ ปูชามงฺคลสภาวโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ, เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ วจนโต (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) มงฺคลเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติ ฯ พุทฺธาทีนํ ภควนฺตานํ สมฺปตฺติกิจฺจสฺส อรหตฺตมเคฺคน นิปฺผนฺนโต นิปฺผนฺนเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติ ฯ พุทฺธาทีนํ อรหตฺตมคฺคาทิกุสลโต อญฺญกุสลานํ อภาวโต อวธารณเฎฺฐน นิวารณเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติฯ ขุทฺทกปาฐสงฺคหานนฺตรํ สงฺคหิตนฺติ อนนฺตรเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติฯ อิโต ขุทฺทกปาฐโต ปฎฺฐายาติ อปคมนเฎฺฐน อถ-สเทฺทน ยุตฺตมปทานานีติฯ
Vuttattā buddhānaṃ samattiṃsapāramidhammānaṃ adhikiccato, seṭṭhajeṭṭhato adhikāraṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti. Tividhabodhisattānaṃ pūjāmaṅgalasabhāvato ‘‘pūjā ca pūjaneyyānaṃ, etaṃ maṅgalamuttama’’nti vacanato (khu. pā. 5.3; su. ni. 262) maṅgalaṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti . Buddhādīnaṃ bhagavantānaṃ sampattikiccassa arahattamaggena nipphannato nipphannaṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti . Buddhādīnaṃ arahattamaggādikusalato aññakusalānaṃ abhāvato avadhāraṇaṭṭhena nivāraṇaṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti. Khuddakapāṭhasaṅgahānantaraṃ saṅgahitanti anantaraṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti. Ito khuddakapāṭhato paṭṭhāyāti apagamanaṭṭhena atha-saddena yuttamapadānānīti.
พุโทฺธติ เอตฺถ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธ, โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธ, สพฺพญฺญุตาย พุโทฺธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุโทฺธ, อนญฺญเนยฺยตาย พุโทฺธ, วิสวิตาย พุโทฺธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุโทฺธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุโทฺธ, ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน พุโทฺธ, อทุติยเฎฺฐน พุโทฺธ, ตณฺหาปหานเฎฺฐน พุโทฺธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุโทฺธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ พุโทฺธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฎิลาภา พุโทฺธ, พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ อนตฺถนฺตรเมตํฯ ยถา นีลาทิวณฺณโยคโต ปโฎ ‘‘นีโล ปโฎ, รโตฺต ปโฎ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธคุณโยคโต พุโทฺธฯ อถ วา ‘‘โพธิ’’วุจฺจติ จตูสุ มเคฺคสุ ญาณํ, เตน ญาเณน สกลทิยฑฺฒสหสฺสกิเลสาริคเณ เขเปตฺวา นิพฺพานาธิคมนโต ญาณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติฯ เตน สมฺปยุโตฺต สมงฺคีปุคฺคโล พุโทฺธฯ เตเนว ญาเณน ปเจฺจกพุโทฺธปิ สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา นิพฺพานมธิคจฺฉติฯ พุทฺธานํ ปน จตูสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุ กปฺปสตสหเสฺสสุ จ ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิญาณสฺสาธิคตตฺตา จ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณมหากรุณาสมาปตฺติญาณยมกปาฎิหีรญาณสพฺพญฺญุตญฺญาณ- อนาวรณอาสยานุสยาทิอสาธารณญาณานํ สมธิคตตฺตา จ เอกายปิ ธมฺมเทสนาย อสเงฺขฺยยฺยาสตฺตนิกาเย ธมฺมามตํ ปาเยตฺวา นิพฺพานสฺส ปาปนโต จ ตเทว ญาณํ พุทฺธานเมวาธิกภาวโต เตสเมว สมฺพุทฺธานํ อปทานํ การณํ พุทฺธาปทานํฯ ตญฺหิ ทุวิธํ กุสลากุสลวเสนฯ ปเจฺจกพุทฺธา ปน น ตถา กาตุํ สมตฺถา, อนฺนาทิปจฺจยทายกานํ สงฺคหํ กโรนฺตาปิ –
Buddhoti ettha bujjhitā saccānīti buddho, bodhetā pajāyāti buddho, sabbaññutāya buddho, sabbadassāvitāya buddho, anaññaneyyatāya buddho, visavitāya buddho, khīṇāsavasaṅkhātena buddho, nirupakkilesasaṅkhātena buddho, pabbajjāsaṅkhātena buddho, adutiyaṭṭhena buddho, taṇhāpahānaṭṭhena buddho, ekāyanamaggaṃ gatoti buddho, eko anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti buddho, abuddhivihatattā buddhipaṭilābhā buddho, buddhi buddhaṃ bodhoti anatthantarametaṃ. Yathā nīlādivaṇṇayogato paṭo ‘‘nīlo paṭo, ratto paṭo’’ti vuccati, evaṃ buddhaguṇayogato buddho. Atha vā ‘‘bodhi’’vuccati catūsu maggesu ñāṇaṃ, tena ñāṇena sakaladiyaḍḍhasahassakilesārigaṇe khepetvā nibbānādhigamanato ñāṇaṃ ‘‘bodhī’’ti vuccati. Tena sampayutto samaṅgīpuggalo buddho. Teneva ñāṇena paccekabuddhopi sabbakilese khepetvā nibbānamadhigacchati. Buddhānaṃ pana catūsu asaṅkhyeyyesu kappasatasahassesu ca pāramiyo pūretvā bodhiñāṇassādhigatattā ca indriyaparopariyattañāṇamahākaruṇāsamāpattiñāṇayamakapāṭihīrañāṇasabbaññutaññāṇa- anāvaraṇaāsayānusayādiasādhāraṇañāṇānaṃ samadhigatattā ca ekāyapi dhammadesanāya asaṅkhyeyyāsattanikāye dhammāmataṃ pāyetvā nibbānassa pāpanato ca tadeva ñāṇaṃ buddhānamevādhikabhāvato tesameva sambuddhānaṃ apadānaṃ kāraṇaṃ buddhāpadānaṃ. Tañhi duvidhaṃ kusalākusalavasena. Paccekabuddhā pana na tathā kātuṃ samatthā, annādipaccayadāyakānaṃ saṅgahaṃ karontāpi –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
‘‘Icchitaṃ patthitaṃ tuyhaṃ, khippameva samijjhatu;
ปูเรนฺตุ จิตฺตสงฺกปฺปา, จโนฺท ปนฺนรโส ยถาฯ
Pūrentu cittasaṅkappā, cando pannaraso yathā.
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
‘‘Icchitaṃ patthitaṃ tuyhaṃ, khippameva samijjhatu;
ปูเรนฺตุ จิตฺตสงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๕ ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๙๒; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สามาวตีวตฺถุ) –
Pūrentu cittasaṅkappā, maṇi jotiraso yathā’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.95 pubbūpanissayasampattikathā; a. ni. aṭṭha. 1.1.192; dha. pa. aṭṭha. 1.sāmāvatīvatthu) –
อิมาหิ ทฺวีหิเยว คาถาหิ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ เทเสนฺตาปิ อสเงฺขฺยยฺยสตฺตนิกาเย โพเธตุํ น สกฺกุณนฺติ, ตสฺมา น สพฺพญฺญุพุทฺธสทิสา หุตฺวา ปาฎิเอกฺกํ วิสุํ พุทฺธาติ ปเจฺจกพุทฺธาฯ เตสํ อปทานํ การณํ ปเจฺจกพุทฺธาปทานํฯ
Imāhi dvīhiyeva gāthāhi dhammaṃ desenti. Desentāpi asaṅkhyeyyasattanikāye bodhetuṃ na sakkuṇanti, tasmā na sabbaññubuddhasadisā hutvā pāṭiekkaṃ visuṃ buddhāti paccekabuddhā. Tesaṃ apadānaṃ kāraṇaṃ paccekabuddhāpadānaṃ.
จิรํ ฐิตาติ เถราฯ อถ วา ถิรตรสีลาจารมทฺทวาทิคุเณหิ ยุตฺตาติ เถราฯ อถ วา ถิรวรสีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนคุเณหิ ยุตฺตาติ เถราฯ อถ วา ถิรตรสงฺขาตปณีตานุตฺตรสนฺตินิพฺพานมธิคตาติ เถรา, เถรานํ อปทานานิ เถราปทานานิฯ ตถา ตาทิคุเณหิ ยุตฺตาติ เถรี, เถรีนํ อปทานานิ เถรีปทานานิฯ เตสุ พุทฺธาปทาเน ปเญฺจว อปทานานิ, ปเญฺจว สุตฺตนฺตาฯ เตนาหุ โปราณา –
Ciraṃ ṭhitāti therā. Atha vā thiratarasīlācāramaddavādiguṇehi yuttāti therā. Atha vā thiravarasīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanaguṇehi yuttāti therā. Atha vā thiratarasaṅkhātapaṇītānuttarasantinibbānamadhigatāti therā, therānaṃ apadānāni therāpadānāni. Tathā tādiguṇehi yuttāti therī, therīnaṃ apadānāni therīpadānāni. Tesu buddhāpadāne pañceva apadānāni, pañceva suttantā. Tenāhu porāṇā –
‘‘ปเญฺจว อปทานานิ, ปญฺจ สุตฺตานิ ยสฺส จ;
‘‘Pañceva apadānāni, pañca suttāni yassa ca;
อิทํ พุทฺธาปทานนฺติ, ปฐมํ อนุโลมโต’’ติฯ
Idaṃ buddhāpadānanti, paṭhamaṃ anulomato’’ti.
ปเจฺจกพุทฺธาปทาเนปิ ปเญฺจว อปทานานิ, ปเญฺจว สุตฺตนฺตาฯ เตนาหุ โปราณา –
Paccekabuddhāpadānepi pañceva apadānāni, pañceva suttantā. Tenāhu porāṇā –
‘‘ปเญฺจว อปทานานิ, ปญฺจ สุตฺตานิ ยสฺส จ;
‘‘Pañceva apadānāni, pañca suttāni yassa ca;
อิทํ ปเจฺจกพุทฺธาปทานนฺติ, ทุติยํ อนุโลมโต’’ติฯ
Idaṃ paccekabuddhāpadānanti, dutiyaṃ anulomato’’ti.
เถราปทาเนสุ ทสาธิกปญฺจสตาปทานานิ, วคฺคโต เอกปญฺญาส วคฺคาฯ เตนาหุ โปราณา –
Therāpadānesu dasādhikapañcasatāpadānāni, vaggato ekapaññāsa vaggā. Tenāhu porāṇā –
‘‘ปญฺจสตทสปทานานิ, เอกปญฺญาส วคฺคโต;
‘‘Pañcasatadasapadānāni, ekapaññāsa vaggato;
อิทํ เถราปทานนฺติ, ตติยํ อนุโลมโต’’ติฯ
Idaṃ therāpadānanti, tatiyaṃ anulomato’’ti.
เถรีอปทาเนสุ จตฺตาลีสํ อปทานานิ, วคฺคโต จตุโร วคฺคาฯ เตนาหุ โปราณา –
Therīapadānesu cattālīsaṃ apadānāni, vaggato caturo vaggā. Tenāhu porāṇā –
‘‘จตฺตาลีสํปทานานิ, จตุวคฺคานิ ยสฺส จ;
‘‘Cattālīsaṃpadānāni, catuvaggāni yassa ca;
อิทํ เถรีปทานนฺติ, จตุตฺถํ อนุโลมโต’’ติฯ
Idaṃ therīpadānanti, catutthaṃ anulomato’’ti.
อปทานนฺติ เอตฺถ อปทาน-สโทฺท การณคหณอปคมนปฎิปาฎิอโกฺกสนาทีสุ ทิสฺสติฯ ตถา หิ เอส ‘‘ขตฺติยานํ อปทานํ, พฺราหฺมณานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ การเณ ทิสฺสติ, ขตฺติยานํ การณํ พฺราหฺมณานํ การณนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อุปาสกานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ คหเณ ทิสฺสติ, สํสุฎฺฐุ คหณนฺติ อโตฺถฯ ‘‘วาณิชานํ อปทานํ, สุทฺทานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ อปคมเน ทิสฺสติ, ตโต ตโต เตสํ อปคมนนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ สปทานจารวเสน ปิณฺฑาย จรตี’’ติอาทีสุ ปฎิปาฎิยา ทิสฺสติ, ฆรปฎิปาฎิยา จรตีติ อโตฺถฯ ‘‘อปคตา อิเม สามญฺญา, อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาติ อปทาเนตี’’ติอาทีสุ อโกฺกสเน ทิสฺสติ, อโกฺกสติ ปริภาสตีติ อโตฺถฯ อิธ ปน การเณ ทิสฺสติฯ ตสฺมา พุทฺธานํ อปทานานิ พุทฺธาปทานิ, พุทฺธการณานีติ อโตฺถฯ คงฺคาวาลุกูปมานํ อเนเกสํ พุทฺธานํ ทานปารมิตาทิสมตฺติํสปารมิตา การณนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อถ อธิการาทีสุ ยุตฺตอปทานานิ สุทฺธมานสา สุณาถาติ สมฺพโนฺธฯ
Apadānanti ettha apadāna-saddo kāraṇagahaṇaapagamanapaṭipāṭiakkosanādīsu dissati. Tathā hi esa ‘‘khattiyānaṃ apadānaṃ, brāhmaṇānaṃ apadāna’’ntiādīsu kāraṇe dissati, khattiyānaṃ kāraṇaṃ brāhmaṇānaṃ kāraṇanti attho. ‘‘Upāsakānaṃ apadāna’’ntiādīsu gahaṇe dissati, saṃsuṭṭhu gahaṇanti attho. ‘‘Vāṇijānaṃ apadānaṃ, suddānaṃ apadāna’’ntiādīsu apagamane dissati, tato tato tesaṃ apagamananti attho. ‘‘Piṇḍapātiko bhikkhu sapadānacāravasena piṇḍāya caratī’’tiādīsu paṭipāṭiyā dissati, gharapaṭipāṭiyā caratīti attho. ‘‘Apagatā ime sāmaññā, apagatā ime brahmaññāti apadānetī’’tiādīsu akkosane dissati, akkosati paribhāsatīti attho. Idha pana kāraṇe dissati. Tasmā buddhānaṃ apadānāni buddhāpadāni, buddhakāraṇānīti attho. Gaṅgāvālukūpamānaṃ anekesaṃ buddhānaṃ dānapāramitādisamattiṃsapāramitā kāraṇanti daṭṭhabbaṃ. Atha adhikārādīsu yuttaapadānāni suddhamānasā suṇāthāti sambandho.
ตตฺถ สุทฺธมานสาติ อรหตฺตมคฺคญาเณน ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา ฐิตตฺตา สุทฺธมานสา ปริสุทฺธจิตฺตา สุทฺธหทยา ปญฺจสตา ขีณาสวา อิมสฺมิํ ธมฺมสภาเย สนฺนิสินฺนา สุณาถ, โอหิตโสตา มนสิ กโรถาติ อโตฺถฯ
Tattha suddhamānasāti arahattamaggañāṇena diyaḍḍhakilesasahassaṃ khepetvā ṭhitattā suddhamānasā parisuddhacittā suddhahadayā pañcasatā khīṇāsavā imasmiṃ dhammasabhāye sannisinnā suṇātha, ohitasotā manasi karothāti attho.
เอตฺถ ปน ‘‘อปทานานี’’ติ อวตฺวา ปเจฺจกพุทฺธาปทานเถราปทานเถรีอปทาเนสุ วิชฺชมาเนสุปิ ‘‘อถ พุทฺธาปทานานี’’ติ วจนํ ขนฺธยมกอายตนธาตุสจฺจสงฺขารอนุสยยมเกสุ วิชฺชมาเนสุปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ ‘‘มูลยมก’’นฺติ วจนํ วิย, เตรสสงฺฆาทิเสสเทฺวอนิยตติํสนิสฺสคฺคิเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ ‘‘ปาราชิกกโณฺฑ’’ติ วจนํ วิย จ อิธาปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettha pana ‘‘apadānānī’’ti avatvā paccekabuddhāpadānatherāpadānatherīapadānesu vijjamānesupi ‘‘atha buddhāpadānānī’’ti vacanaṃ khandhayamakaāyatanadhātusaccasaṅkhāraanusayayamakesu vijjamānesupi padhānavasena ādivasena ca ‘‘mūlayamaka’’nti vacanaṃ viya, terasasaṅghādisesadveaniyatatiṃsanissaggiyesu vijjamānesupi padhānavasena ādivasena ca ‘‘pārājikakaṇḍo’’ti vacanaṃ viya ca idhāpi padhānavasena ādivasena ca vuttanti daṭṭhabbaṃ.
‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธาปทานานี’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘วณฺณาคโม…เป.… ปญฺจวิธํ นิรุตฺต’’นฺติ นิรุตฺตินเยน วา ‘‘เตสุ วุทฺธิโลปาคมวิการวิปรีตาเทสา จา’’ติ สุเตฺตน วา ตติยตฺถวาจกสฺส สมฺมาตินิปาตปทสฺส, สยํสทฺทตฺถวาจกสฺส ส-นฺติอุปสคฺคปทสฺส จ โลปํ กตฺวา กิตนฺตวาจีพุทฺธสทฺทเมว คเหตฺวา คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘พุทฺธาปทานานี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธาปทานานีติ อโตฺถฯ
‘‘Sammāsambuddhāpadānānī’’ti vattabbe ‘‘vaṇṇāgamo…pe… pañcavidhaṃ nirutta’’nti niruttinayena vā ‘‘tesu vuddhilopāgamavikāraviparītādesā cā’’ti suttena vā tatiyatthavācakassa sammātinipātapadassa, sayaṃsaddatthavācakassa sa-ntiupasaggapadassa ca lopaṃ katvā kitantavācībuddhasaddameva gahetvā gāthābandhasukhatthaṃ ‘‘buddhāpadānānī’’ti vuttaṃ. Tasmā sammāsambuddhāpadānānīti attho.
อิติ วิสุทฺธชนวิลาสินิยา อปทาน-อฎฺฐกถาย
Iti visuddhajanavilāsiniyā apadāna-aṭṭhakathāya
อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abbhantaranidānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๑. พุทฺธอปทานํ • 1. Buddhaapadānaṃ