Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๘. อภยมาตุเถรีคาถาวณฺณนา
8. Abhayamātutherīgāthāvaṇṇanā
อุทฺธํ ปาทตลาติอาทิกา อภยมาตาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินนฺตี ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ปตฺตํ คเหตฺวา กฎจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ อทาสิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ตาทิเสน กมฺมนิสฺสเนฺทน อุเชฺชนิยํ ปทุมวตี นาม นครโสภิณี อโหสิฯ ราชา พิมฺพิสาโร ตสฺสา รูปสมฺปตฺติอาทิเก คุเณ สุตฺวา ปุโรหิตสฺส อาจิกฺขิ – ‘‘อุเชฺชนิยํ กิร ปทุมวตี นาม คณิกา อโหสิ, ตมหํ ทฎฺฐุกาโมมฺหี’’ติฯ ปุโรหิโต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ มนฺตพเลน กุมฺภีรํ นาม ยกฺขํ อาวเหตฺวา ยกฺขานุภาเวน ราชานํ ตาวเทว อุเชฺชนีนครํ เนสิฯ ราชา ตาย สทฺธิํ เอกรตฺติํ สํวาสํ กเปฺปสิฯ สา เตน คพฺภํ คณฺหิฯ รโญฺญ จ อาโรเจสิ – ‘‘มม กุจฺฉิยํ คโพฺภ ปติฎฺฐหี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ราชา นํ ‘‘สเจ ปุโตฺต ภเวยฺย, วเฑฺฒตฺวา มมํ ทเสฺสหี’’ติ วตฺวา นามมุทฺทิกํ ทตฺวา อคมาสิฯ สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นามคฺคหณทิวเส อภโยติ นามํ อกาสิฯ ปุตฺตญฺจ สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘ตว ปิตา พิมฺพิสารมหาราชา’’ติ รโญฺญ สนฺติกํ ปหิณิฯ ราชา ตํ ปุตฺตํ ปสฺสิตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฎิลภิตฺวา กุมารกปริหาเรน วเฑฺฒสิฯ ตสฺส สทฺธาปฎิลาโภ ปพฺพชฺชา วิเสสาธิคโม จ เหฎฺฐา อาคโตเยวฯ ตสฺส มาตา อปรภาเค ปุตฺตสฺส อภยเตฺถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี นจิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๖๐-๗๐) –
Uddhaṃpādatalātiādikā abhayamātāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave puññāni upacinantī tissassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthāraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pasannamānasā pattaṃ gahetvā kaṭacchumattaṃ bhikkhaṃ adāsi. Sā tena puññakammena devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde tādisena kammanissandena ujjeniyaṃ padumavatī nāma nagarasobhiṇī ahosi. Rājā bimbisāro tassā rūpasampattiādike guṇe sutvā purohitassa ācikkhi – ‘‘ujjeniyaṃ kira padumavatī nāma gaṇikā ahosi, tamahaṃ daṭṭhukāmomhī’’ti. Purohito ‘‘sādhu, devā’’ti mantabalena kumbhīraṃ nāma yakkhaṃ āvahetvā yakkhānubhāvena rājānaṃ tāvadeva ujjenīnagaraṃ nesi. Rājā tāya saddhiṃ ekarattiṃ saṃvāsaṃ kappesi. Sā tena gabbhaṃ gaṇhi. Rañño ca ārocesi – ‘‘mama kucchiyaṃ gabbho patiṭṭhahī’’ti. Taṃ sutvā rājā naṃ ‘‘sace putto bhaveyya, vaḍḍhetvā mamaṃ dassehī’’ti vatvā nāmamuddikaṃ datvā agamāsi. Sā dasamāsaccayena puttaṃ vijāyitvā nāmaggahaṇadivase abhayoti nāmaṃ akāsi. Puttañca sattavassikakāle ‘‘tava pitā bimbisāramahārājā’’ti rañño santikaṃ pahiṇi. Rājā taṃ puttaṃ passitvā puttasinehaṃ paṭilabhitvā kumārakaparihārena vaḍḍhesi. Tassa saddhāpaṭilābho pabbajjā visesādhigamo ca heṭṭhā āgatoyeva. Tassa mātā aparabhāge puttassa abhayattherassa santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā bhikkhunīsu pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī nacirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.1.60-70) –
‘‘ปิณฺฑจารํ จรนฺตสฺส, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;
‘‘Piṇḍacāraṃ carantassa, tissanāmassa satthuno;
กฎจฺฉุภิกฺขํ ปคฺคยฺห, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํฯ
Kaṭacchubhikkhaṃ paggayha, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ.
‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา สมฺพุโทฺธ, ติโสฺส โลกคฺคนายโก;
‘‘Paṭiggahetvā sambuddho, tisso lokagganāyako;
วีถิยา สณฺฐิโต สตฺถา, อกา เม อนุโมทนํฯ
Vīthiyā saṇṭhito satthā, akā me anumodanaṃ.
‘‘กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, ตาวติํสํ คมิสฺสสิ;
‘‘Kaṭacchubhikkhaṃ datvāna, tāvatiṃsaṃ gamissasi;
ฉตฺติํสเทวราชูนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิฯ
Chattiṃsadevarājūnaṃ, mahesittaṃ karissasi.
‘‘ปญฺญาสํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิ;
‘‘Paññāsaṃ cakkavattīnaṃ, mahesittaṃ karissasi;
มนสา ปตฺถิตํ สพฺพํ, ปฎิลจฺฉสิ สพฺพทาฯ
Manasā patthitaṃ sabbaṃ, paṭilacchasi sabbadā.
‘‘สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, ปพฺพชิสฺสสิ กิญฺจนา;
‘‘Sampattiṃ anubhotvāna, pabbajissasi kiñcanā;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสสินาสวาฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissasināsavā.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุโทฺธ, ติโสฺส โลกคฺคนายโก;
‘‘Idaṃ vatvāna sambuddho, tisso lokagganāyako;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเรฯ
Nabhaṃ abbhuggamī vīro, haṃsarājāva ambare.
‘‘สุทินฺนํ เม ทานวรํ, สุยิฎฺฐา ยาคสมฺปทา;
‘‘Sudinnaṃ me dānavaraṃ, suyiṭṭhā yāgasampadā;
กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, ปตฺตาหํ อจลํ ปทํฯ
Kaṭacchubhikkhaṃ datvāna, pattāhaṃ acalaṃ padaṃ.
‘‘เทฺวนวุเต อิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Dvenavute ito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ภิกฺขาทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bhikkhādānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุเตฺตน อภยเตฺถเรน ธมฺมํ กเถเนฺตน โอวาทวเสน ยา คาถา ภาสิตา, อุทานวเสน สยมฺปิ ตา เอว ปจฺจุทาหรนฺตี –
Arahattaṃ pana patvā attano puttena abhayattherena dhammaṃ kathentena ovādavasena yā gāthā bhāsitā, udānavasena sayampi tā eva paccudāharantī –
๓๓.
33.
‘‘อุทฺธํ ปาทตลา อมฺม, อโธ เว เกสมตฺถกา;
‘‘Uddhaṃ pādatalā amma, adho ve kesamatthakā;
ปจฺจเวกฺขสฺสุมํ กายํ, อสุจิํ ปูติคนฺธิกํฯ
Paccavekkhassumaṃ kāyaṃ, asuciṃ pūtigandhikaṃ.
๓๔.
34.
‘‘เอวํ วิหรมานาย, สโพฺพ ราโค สมูหโต;
‘‘Evaṃ viharamānāya, sabbo rāgo samūhato;
ปริฬาโห สมุจฺฉิโนฺน, สีติภูตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติฯ – อาห;
Pariḷāho samucchinno, sītibhūtāmhi nibbutā’’ti. – āha;
ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาว อยํ สเงฺขปโตฺถ – อมฺม ปทุมวติ, ปาทตลโต อุทฺธํ เกสมตฺถกโต อโธ นานปฺปการอสุจิปูริตาย อสุจิํ สพฺพกาลํ ปูติคนฺธวายนโต ปูติคนฺธิกํ, อิมํ กุจฺฉิตานํ อายตนตาย กายํ สรีรํ ญาณจกฺขุนา ปจฺจเวกฺขสฺสูติฯ อยญฺหิ ตสฺสา ปุเตฺตน โอวาททานวเสน ภาสิตา คาถาฯ
Tattha paṭhamagāthāya tāva ayaṃ saṅkhepattho – amma padumavati, pādatalato uddhaṃ kesamatthakato adho nānappakāraasucipūritāya asuciṃ sabbakālaṃ pūtigandhavāyanato pūtigandhikaṃ, imaṃ kucchitānaṃ āyatanatāya kāyaṃ sarīraṃ ñāṇacakkhunā paccavekkhassūti. Ayañhi tassā puttena ovādadānavasena bhāsitā gāthā.
สา ตํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี อาจริยปูชาวเสน ตเมว คาถํ ปฐมํ วตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ กเถนฺตี ‘‘เอวํ วิหรมานายา’’ติ ทุติยํ คาถมาหฯ
Sā taṃ sutvā arahattaṃ patvā udānentī ācariyapūjāvasena tameva gāthaṃ paṭhamaṃ vatvā attano paṭipattiṃ kathentī ‘‘evaṃ viharamānāyā’’ti dutiyaṃ gāthamāha.
ตตฺถ เอวํ วิหรมานายาติ เอวํ มม ปุเตฺตน อภยเตฺถเรน ‘‘อุทฺธํ ปาทตลา’’ติอาทินา ทิเนฺน โอวาเท ฐตฺวา สพฺพกายํ อสุภโต ทิสฺวา เอกคฺคจิตฺตา ตตฺถ ภูตุปาทายเภเท รูปธเมฺม ตปฺปฎิพเทฺธ เวทนาทิเก อรูปธเมฺม ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน วิหรมานายฯ สโพฺพ ราโค สมูหโตติ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาย มเคฺคน ฆฎิตาย มคฺคปฎิปาฎิยา อคฺคมเคฺคน สโพฺพ ราโค มยา สมูหโต สมุคฺฆาฎิโตฯ ปริฬาโห สมุจฺฉิโนฺนติ ตโต เอว สโพฺพ กิเลสปริฬาโห สมฺมเทว อุจฺฉิโนฺน, ตสฺส จ สมุจฺฉินฺนตฺตา เอว สีติภูตา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพุตา อมฺหีติฯ
Tattha evaṃ viharamānāyāti evaṃ mama puttena abhayattherena ‘‘uddhaṃ pādatalā’’tiādinā dinne ovāde ṭhatvā sabbakāyaṃ asubhato disvā ekaggacittā tattha bhūtupādāyabhede rūpadhamme tappaṭibaddhe vedanādike arūpadhamme pariggahetvā tattha tilakkhaṇaṃ āropetvā aniccānupassanādivasena viharamānāya. Sabbo rāgo samūhatoti vuṭṭhānagāminivipassanāya maggena ghaṭitāya maggapaṭipāṭiyā aggamaggena sabbo rāgo mayā samūhato samugghāṭito. Pariḷāho samucchinnoti tato eva sabbo kilesapariḷāho sammadeva ucchinno, tassa ca samucchinnattā eva sītibhūtā saupādisesāya nibbānadhātuyā nibbutā amhīti.
อภยมาตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhayamātutherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๘. อภยมาตุเถรีคาถา • 8. Abhayamātutherīgāthā