Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา

    8. Abhayarājakumārasuttavaṇṇanā

    ๘๓. เอวํ เม สุตนฺติ อภยสุตฺตํฯ ตตฺถ อภโยติ ตสฺส นามํฯ ราชกุมาโรติ พิมฺพิสารสฺส โอรสปุโตฺตฯ วาทํ อาโรเปหีติ โทสํ อาโรเปหิฯ เนรยิโกติ นิรเย นิพฺพตฺตโกฯ กปฺปโฎฺฐติ กปฺปฎฺฐิติโกฯ อเตกิโจฺฉติ พุทฺธสหเสฺสนาปิ ติกิจฺฉิตุํ น สกฺกาฯ อุคฺคิลิตุนฺติ เทฺว อเนฺต โมเจตฺวา กเถตุํ อสโกฺกโนฺต อุคฺคิลิตุํ พหิ นีหริตุํ น สกฺขิติฯ โอคิลิตุนฺติ ปุจฺฉาย โทสํ ทตฺวา หาเรตุํ อสโกฺกโนฺต โอคิลิตุํ อโนฺต ปเวเสตุํ น สกฺขิติฯ

    83.Evaṃme sutanti abhayasuttaṃ. Tattha abhayoti tassa nāmaṃ. Rājakumāroti bimbisārassa orasaputto. Vādaṃ āropehīti dosaṃ āropehi. Nerayikoti niraye nibbattako. Kappaṭṭhoti kappaṭṭhitiko. Atekicchoti buddhasahassenāpi tikicchituṃ na sakkā. Uggilitunti dve ante mocetvā kathetuṃ asakkonto uggilituṃ bahi nīharituṃ na sakkhiti. Ogilitunti pucchāya dosaṃ datvā hāretuṃ asakkonto ogilituṃ anto pavesetuṃ na sakkhiti.

    เอวํ, ภเนฺตติ นิคโณฺฐ กิร จิเนฺตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มยฺหํ สาวเก ภินฺทิตฺวา คณฺหาติ, หนฺทาหํ เอกํ ปญฺหํ อภิสงฺขโรมิ, ยํ ปุโฎฺฐ สมโณ โคตโม อุกฺกุฎิโก หุตฺวา นิสิโนฺน อุฎฺฐาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติฯ โส อภยสฺส เคหา นีหฎภโตฺต สินิทฺธโภชนํ ภุญฺชโนฺต พหู ปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา – ‘‘เอตฺถ สมโณ โคตโม อิมํ นาม โทสํ ทเสฺสสฺสติ, เอตฺถ อิมํ นามา’’ติ สเพฺพ ปหาย จาตุมาสมตฺถเก อิมํ ปญฺหํ อทฺทสฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺส ปญฺหสฺส ปุจฺฉาย วา วิสฺสชฺชเน วา น สกฺกา โทโส ทาตุํ, โอวฎฺฎิกสาโร อยํ, โก นุ โข อิมํ คเหตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติฯ ตโต ‘‘อภโย ราชกุมาโร ปณฺฑิโต, โส สกฺขิสฺสตีติ ตํ อุคฺคณฺหาเปมี’’ติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหาเปสิฯ โส วาทชฺฌาสยตาย ตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉโนฺต ‘‘เอวํ, ภเนฺต,’’ติ อาหฯ

    Evaṃ, bhanteti nigaṇṭho kira cintesi – ‘‘samaṇo gotamo mayhaṃ sāvake bhinditvā gaṇhāti, handāhaṃ ekaṃ pañhaṃ abhisaṅkharomi, yaṃ puṭṭho samaṇo gotamo ukkuṭiko hutvā nisinno uṭṭhātuṃ na sakkhissatī’’ti. So abhayassa gehā nīhaṭabhatto siniddhabhojanaṃ bhuñjanto bahū pañhe abhisaṅkharitvā – ‘‘ettha samaṇo gotamo imaṃ nāma dosaṃ dassessati, ettha imaṃ nāmā’’ti sabbe pahāya cātumāsamatthake imaṃ pañhaṃ addasa. Athassa etadahosi – ‘‘imassa pañhassa pucchāya vā vissajjane vā na sakkā doso dātuṃ, ovaṭṭikasāro ayaṃ, ko nu kho imaṃ gahetvā samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessatī’’ti. Tato ‘‘abhayo rājakumāro paṇḍito, so sakkhissatīti taṃ uggaṇhāpemī’’ti niṭṭhaṃ gantvā uggaṇhāpesi. So vādajjhāsayatāya tassa vacanaṃ sampaṭicchanto ‘‘evaṃ, bhante,’’ti āha.

    ๘๔. อกาโล โข อชฺชาติ อยํ ปโญฺห จตูหิ มาเสหิ อภิสงฺขโต, ตตฺถ อิทํ คเหตฺวา อิทํ วิสฺสชฺชิยมาเน ทิวสภาโค นปฺปโหสฺสตีติ มญฺญโนฺต เอวํ จิเนฺตสิฯ โส ทานีติ เสฺว ทานิฯ อตฺตจตุโตฺถติ กสฺมา พหูหิ สทฺธิํ น นิมเนฺตสิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘พหูสุ นิสิเนฺนสุ โถกํ ทตฺวา วทนฺตสฺส อญฺญํ สุตฺตํ อญฺญํ การณํ อญฺญํ ตถารูปํ วตฺถุํ อาหริตฺวา ทเสฺสสฺสติ, เอวํ สเนฺต กลโห วา โกลาหลเมว วา ภวิสฺสติฯ อถาปิ เอกกํเยว นิมเนฺตสฺสามิ, เอวมฺปิ เม ครหา อุปฺปชฺชิสฺสติ ‘ยาวมจฺฉรี วายํ อภโย, ภควนฺตํ ทิวเส ทิวเส ภิกฺขูนํ สเตนปิ สหเสฺสนปิ สทฺธิํ จรนฺตํ ทิสฺวาปิ เอกกํเยว นิมเนฺตสี’’’ติฯ ‘‘เอวํ ปน โทโส น ภวิสฺสตี’’ติ อปเรหิ ตีหิ สทฺธิํ อตฺตจตุตฺถํ นิมเนฺตสิฯ

    84.Akālokho ajjāti ayaṃ pañho catūhi māsehi abhisaṅkhato, tattha idaṃ gahetvā idaṃ vissajjiyamāne divasabhāgo nappahossatīti maññanto evaṃ cintesi. So dānīti sve dāni. Attacatutthoti kasmā bahūhi saddhiṃ na nimantesi? Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘bahūsu nisinnesu thokaṃ datvā vadantassa aññaṃ suttaṃ aññaṃ kāraṇaṃ aññaṃ tathārūpaṃ vatthuṃ āharitvā dassessati, evaṃ sante kalaho vā kolāhalameva vā bhavissati. Athāpi ekakaṃyeva nimantessāmi, evampi me garahā uppajjissati ‘yāvamaccharī vāyaṃ abhayo, bhagavantaṃ divase divase bhikkhūnaṃ satenapi sahassenapi saddhiṃ carantaṃ disvāpi ekakaṃyeva nimantesī’’’ti. ‘‘Evaṃ pana doso na bhavissatī’’ti aparehi tīhi saddhiṃ attacatutthaṃ nimantesi.

    ๘๕. น เขฺวตฺถ, ราชกุมาร, เอกํเสนาติ น โข, ราชกุมาร, เอตฺถ ปเญฺห เอกํเสน วิสฺสชฺชนํ โหติฯ เอวรูปญฺหิ วาจํ ตถาคโต ภาเสยฺยาปิ น ภาเสยฺยาปิฯ ภาสิตปจฺจเยน อตฺถํ ปสฺสโนฺต ภาเสยฺย, อปสฺสโนฺต น ภาเสยฺยาติ อโตฺถฯ อิติ ภควา มหานิคเณฺฐน จตูหิ มาเสหิ อภิสงฺขตํ ปญฺหํ อสนิปาเตน ปพฺพตกูฎํ วิย เอกวจเนเนว สํจุเณฺณสิฯ อนสฺสุํ นิคณฺฐาติ นฎฺฐา นิคณฺฐาฯ

    85.Na khvettha, rājakumāra, ekaṃsenāti na kho, rājakumāra, ettha pañhe ekaṃsena vissajjanaṃ hoti. Evarūpañhi vācaṃ tathāgato bhāseyyāpi na bhāseyyāpi. Bhāsitapaccayena atthaṃ passanto bhāseyya, apassanto na bhāseyyāti attho. Iti bhagavā mahānigaṇṭhena catūhi māsehi abhisaṅkhataṃ pañhaṃ asanipātena pabbatakūṭaṃ viya ekavacaneneva saṃcuṇṇesi. Anassuṃ nigaṇṭhāti naṭṭhā nigaṇṭhā.

    ๘๖. อเงฺก นิสิโนฺน โหตีติ อูรูสุ นิสิโนฺน โหติฯ เลสวาทิโน หิ วาทํ ปฎฺฐเปนฺตา กิญฺจิเทว ผลํ วา ปุปฺผํ วา โปตฺถกํ วา คเหตฺวา นิสีทนฺติฯ เต อตฺตโน ชเย สติ ปรํ อโชฺฌตฺถรนฺติ, ปรสฺส ชเย สติ ผลํ ขาทนฺตา วิย ปุปฺผํ ฆายนฺตา วิย โปตฺถกํ วาเจนฺตา วิย วิเกฺขปํ ทเสฺสนฺติฯ อยํ ปน จิเนฺตสิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ เอส โอสฎสงฺคาโม ปรวาทมทฺทโนฯ สเจ เม ชโย ภวิสฺสติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ภวิสฺสติ, ทารกํ วิชฺฌิตฺวา โรทาเปสฺสามิฯ ตโต ปสฺสถ, โภ, อยํ ทารโก โรทติ, อุฎฺฐหถ ตาว, ปจฺฉาปิ ชานิสฺสามา’’ติ ตสฺมา ทารกํ คเหตฺวา นิสีทิฯ ภควา ปน ราชกุมารโต สหสฺสคุเณนปิ สตสหสฺสคุเณนปิ วาทีวรตโร, ‘‘อิมเมวสฺส ทารกํ อุปมํ กตฺวา วาทํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ ราชกุมารา’’ติอาทิมาหฯ

    86.Aṅke nisinno hotīti ūrūsu nisinno hoti. Lesavādino hi vādaṃ paṭṭhapentā kiñcideva phalaṃ vā pupphaṃ vā potthakaṃ vā gahetvā nisīdanti. Te attano jaye sati paraṃ ajjhottharanti, parassa jaye sati phalaṃ khādantā viya pupphaṃ ghāyantā viya potthakaṃ vācentā viya vikkhepaṃ dassenti. Ayaṃ pana cintesi – ‘‘sammāsambuddho esa osaṭasaṅgāmo paravādamaddano. Sace me jayo bhavissati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce bhavissati, dārakaṃ vijjhitvā rodāpessāmi. Tato passatha, bho, ayaṃ dārako rodati, uṭṭhahatha tāva, pacchāpi jānissāmā’’ti tasmā dārakaṃ gahetvā nisīdi. Bhagavā pana rājakumārato sahassaguṇenapi satasahassaguṇenapi vādīvarataro, ‘‘imamevassa dārakaṃ upamaṃ katvā vādaṃ bhindissāmī’’ti cintetvā ‘‘taṃ kiṃ maññasi rājakumārā’’tiādimāha.

    ตตฺถ มุเข อาหเรยฺยาติ มุเข ฐเปยฺยฯ อาหเรยฺยสฺสาหนฺติ อปเนยฺยํ อสฺส อหํฯ อาทิเกเนวาติ ปฐมปโยเคเนวฯ อภูตนฺติ อภูตตฺถํฯ อตจฺฉนฺติ น ตจฺฉํฯ อนตฺถสํหิตนฺติ น อตฺถสํหิตํ น วฑฺฒินิสฺสิตํฯ อปฺปิยา อมนาปาติ เนว ปิยา น มนาปาฯ อิมินา นเยเนว สพฺพตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Tattha mukhe āhareyyāti mukhe ṭhapeyya. Āhareyyassāhanti apaneyyaṃ assa ahaṃ. Ādikenevāti paṭhamapayogeneva. Abhūtanti abhūtatthaṃ. Atacchanti na tacchaṃ. Anatthasaṃhitanti na atthasaṃhitaṃ na vaḍḍhinissitaṃ. Appiyā amanāpāti neva piyā na manāpā. Iminā nayeneva sabbattha attho daṭṭhabbo.

    ตตฺถ อปฺปิยปเกฺข ปฐมวาจา อโจรํเยว โจโรติ, อทาสํเยว ทาโสติ, อทุปฺปยุตฺตํเยว ทุปฺปยุโตฺตติ ปวตฺตาฯ น ตํ ตถาคโต ภาสติฯ ทุติยวาจา โจรํเยว โจโร อยนฺติอาทิวเสน ปวตฺตาฯ ตมฺปิ ตถาคโต น ภาสติฯ ตติยวาจา ‘‘อิทานิ อกตปุญฺญตาย ทุคฺคโต ทุพฺพโณฺณ อเปฺปสโกฺข , อิธ ฐตฺวาปิ ปุน ปุญฺญํ น กโรสิ, ทุติยจิตฺตวาเร กถํ จตูหิ อปาเยหิ น มุจฺจิสฺสสี’’ติ เอวํ มหาชนสฺส อตฺถปุเรกฺขาเรน ธมฺมปุเรกฺขาเรน อนุสาสนีปุเรกฺขาเรน จ วตฺตพฺพวาจาฯ ตตฺร กาลญฺญู ตถาคโตติ ตสฺมิํ ตติยพฺยากรเณ ตสฺสา วาจาย พฺยากรณตฺถาย ตถาคโต กาลญฺญู โหติ, มหาชนสฺส อาทานกาลํ คหณกาลํ ชานิตฺวาว พฺยากโรตีติ อโตฺถฯ

    Tattha appiyapakkhe paṭhamavācā acoraṃyeva coroti, adāsaṃyeva dāsoti, aduppayuttaṃyeva duppayuttoti pavattā. Na taṃ tathāgato bhāsati. Dutiyavācā coraṃyeva coro ayantiādivasena pavattā. Tampi tathāgato na bhāsati. Tatiyavācā ‘‘idāni akatapuññatāya duggato dubbaṇṇo appesakkho , idha ṭhatvāpi puna puññaṃ na karosi, dutiyacittavāre kathaṃ catūhi apāyehi na muccissasī’’ti evaṃ mahājanassa atthapurekkhārena dhammapurekkhārena anusāsanīpurekkhārena ca vattabbavācā. Tatra kālaññū tathāgatoti tasmiṃ tatiyabyākaraṇe tassā vācāya byākaraṇatthāya tathāgato kālaññū hoti, mahājanassa ādānakālaṃ gahaṇakālaṃ jānitvāva byākarotīti attho.

    ปิยปเกฺข ปฐมวาจา อฎฺฐานิยกถา นามฯ สา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวํ กิร คามวาสิมหลฺลกํ นครํ อาคนฺตฺวา ปานาคาเร ปิวนฺตํ วเญฺจตุกามา สมฺพหุลา ธุตฺตา ปีตฎฺฐาเน ฐตฺวา เตน สทฺธิํ สุรํ ปิวนฺตา ‘‘อิมสฺส นิวาสนปาวุรณมฺปิ หเตฺถ ภณฺฑกมฺปิ สพฺพํ คณฺหิสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา กติกํ อกํสุ – ‘‘เอเกกํ อตฺตปจฺจกฺขกถํ กเถม, โย ‘อภูต’นฺติ กเถสิ, กถิตํ วา น สทฺทหติ, ตํ ทาสํ กตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติฯ ตมฺปิ มหลฺลกํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘ตุมฺหากมฺปิ ตาต รุจฺจตี’’ติฯ เอวํ โหตุ ตาตาติฯ

    Piyapakkhe paṭhamavācā aṭṭhāniyakathā nāma. Sā evaṃ veditabbā – evaṃ kira gāmavāsimahallakaṃ nagaraṃ āgantvā pānāgāre pivantaṃ vañcetukāmā sambahulā dhuttā pītaṭṭhāne ṭhatvā tena saddhiṃ suraṃ pivantā ‘‘imassa nivāsanapāvuraṇampi hatthe bhaṇḍakampi sabbaṃ gaṇhissāmā’’ti cintetvā katikaṃ akaṃsu – ‘‘ekekaṃ attapaccakkhakathaṃ kathema, yo ‘abhūta’nti kathesi, kathitaṃ vā na saddahati, taṃ dāsaṃ katvā gaṇhissāmā’’ti. Tampi mahallakaṃ pucchiṃsu ‘‘tumhākampi tāta ruccatī’’ti. Evaṃ hotu tātāti.

    เอโก ธุโตฺต อาห – มยฺหํ, โภ มาตุ, มยิ กุจฺฉิคเต กปิฎฺฐผลโทหโล อโหสิฯ สา อญฺญํ กปิฎฺฐหารกํ อลพฺภมานา มํเยว เปเสสิฯ อหํ คนฺตฺวา รุกฺขํ อภิรุหิตุํ อสโกฺกโนฺต อตฺตนาว อตฺตานํ ปาเท คเหตฺวา มุคฺครํ วิย รุกฺขสฺส อุปริ ขิปิํ; อถ สาขโต สาขํ วิจรโนฺต ผลานิ คเหตฺวา โอตริตุํ อสโกฺกโนฺต ฆรํ คนฺตฺวา นิเสฺสณิํ อาหริตฺวา โอรุยฺห มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ผลานิ มาตุยา อทาสิํ; ตานิ ปน มหนฺตานิ โหนฺติ จาฎิปฺปมาณานิฯ ตโต เม มาตรา เอกาสเน นิสินฺนาย สมสฎฺฐิผลานิ ขาทิตานิฯ มยา เอกุจฺฉเงฺคน อานีตผเลสุ เสสกานิ กุลสนฺตเก คาเม ขุทฺทกมหลฺลกานํ อเหสุํฯ อมฺหากํ ฆรํ โสฬสหตฺถํ, เสสปริกฺขารภณฺฑกํ อปเนตฺวา กปิฎฺฐผเลเหว ยาว ฉทนํ ปูริตํฯ ตโต อติเรกานิ คเหตฺวา เคหทฺวาเร ราสิํ อกํสุฯ โส อสีติหตฺถุเพฺพโธ ปพฺพโต วิย อโหสิฯ กิํ อีทิสํ, โภ สกฺกา, สทฺทหิตุนฺติ?

    Eko dhutto āha – mayhaṃ, bho mātu, mayi kucchigate kapiṭṭhaphaladohalo ahosi. Sā aññaṃ kapiṭṭhahārakaṃ alabbhamānā maṃyeva pesesi. Ahaṃ gantvā rukkhaṃ abhiruhituṃ asakkonto attanāva attānaṃ pāde gahetvā muggaraṃ viya rukkhassa upari khipiṃ; atha sākhato sākhaṃ vicaranto phalāni gahetvā otarituṃ asakkonto gharaṃ gantvā nisseṇiṃ āharitvā oruyha mātu santikaṃ gantvā phalāni mātuyā adāsiṃ; tāni pana mahantāni honti cāṭippamāṇāni. Tato me mātarā ekāsane nisinnāya samasaṭṭhiphalāni khāditāni. Mayā ekucchaṅgena ānītaphalesu sesakāni kulasantake gāme khuddakamahallakānaṃ ahesuṃ. Amhākaṃ gharaṃ soḷasahatthaṃ, sesaparikkhārabhaṇḍakaṃ apanetvā kapiṭṭhaphaleheva yāva chadanaṃ pūritaṃ. Tato atirekāni gahetvā gehadvāre rāsiṃ akaṃsu. So asītihatthubbedho pabbato viya ahosi. Kiṃ īdisaṃ, bho sakkā, saddahitunti?

    คามิกมหลฺลโก ตุณฺหี นิสีทิตฺวา สเพฺพสํ กถาปริโยสาเน ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ ตาตา, มหนฺตํ รฎฺฐํ, รฎฺฐมหนฺตตาย สกฺกา สทฺทหิตุ’’นฺติฯ ยถา จ เตน, เอวํ เสเสหิปิ ตถารูปาสุ นิกฺการณกถาสุ กถิตาสุ อาห – มยฺหมฺปิ ตาตา สุณาถ, น ตุมฺหากํเยว กุลานิ, อมฺหากมฺปิ กุลํ มหากุลํ, อมฺหากํ ปน อวเสสเขเตฺตหิ กปฺปาสเขตฺตํ มหนฺตตรํ ฯ ตสฺส อเนกกรีสสตสฺส กปฺปาสเขตฺตสฺส มเชฺฌ เอโก กปฺปาสรุโกฺข มหา อสีติหตฺถุเพฺพโธ อโหสิฯ ตสฺส ปญฺจ สาขา, ตาสุ อวเสสสาขา ผลํ น คณฺหิํสุ, ปาจีนสาขาย เอกเมว มหาจาฎิมตฺตํ ผลํ อโหสิฯ ตสฺส ฉ อํสิโย, ฉสุ อํสีสุ ฉ กปฺปาสปิณฺฑิโย ปุปฺผิตาฯ อหํ มสฺสุํ กาเรตฺวา นฺหาตวิลิโตฺต เขตฺตํ คนฺตฺวา ตา กปฺปาสปิณฺฑิโย ปุปฺผิตา ทิสฺวา ฐิตโกว หตฺถํ ปสาเรตฺวา คณฺหิํฯ ตา กปฺปาสปิณฺฑิโย ถามสมฺปนฺนา ฉ ทาสา อเหสุํฯ เต สเพฺพ มํ เอกกํ โอหาย ปลาตาฯ เอตฺตเก อทฺธาเน เต น ปสฺสามิ, อชฺช ทิฎฺฐา, ตุเมฺห เต ฉ ชนาฯ ตฺวํ นโนฺท นาม, ตฺวํ ปุโณฺณ นาม, ตฺวํ วฑฺฒมาโน นาม, ตฺวํ จิโตฺต นาม ตฺวํ มงฺคโล นาม, ตฺวํ โปฎฺฐิโย นามาติ วตฺวา อุฎฺฐาย นิสินฺนเกเยว จูฬาสุ คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ เต ‘‘น มยํ ทาสา’’ติปิ วตฺตุํ นาสกฺขิํสุฯ อถ เน กฑฺฒโนฺต วินิจฺฉยํ เนตฺวา ลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ยาวชีวํ ทาเส กตฺวา ปริภุญฺชิฯ เอวรูปิํ กถํ ตถาคโต น ภาสติฯ

    Gāmikamahallako tuṇhī nisīditvā sabbesaṃ kathāpariyosāne pucchito āha – ‘‘evaṃ bhavissati tātā, mahantaṃ raṭṭhaṃ, raṭṭhamahantatāya sakkā saddahitu’’nti. Yathā ca tena, evaṃ sesehipi tathārūpāsu nikkāraṇakathāsu kathitāsu āha – mayhampi tātā suṇātha, na tumhākaṃyeva kulāni, amhākampi kulaṃ mahākulaṃ, amhākaṃ pana avasesakhettehi kappāsakhettaṃ mahantataraṃ . Tassa anekakarīsasatassa kappāsakhettassa majjhe eko kappāsarukkho mahā asītihatthubbedho ahosi. Tassa pañca sākhā, tāsu avasesasākhā phalaṃ na gaṇhiṃsu, pācīnasākhāya ekameva mahācāṭimattaṃ phalaṃ ahosi. Tassa cha aṃsiyo, chasu aṃsīsu cha kappāsapiṇḍiyo pupphitā. Ahaṃ massuṃ kāretvā nhātavilitto khettaṃ gantvā tā kappāsapiṇḍiyo pupphitā disvā ṭhitakova hatthaṃ pasāretvā gaṇhiṃ. Tā kappāsapiṇḍiyo thāmasampannā cha dāsā ahesuṃ. Te sabbe maṃ ekakaṃ ohāya palātā. Ettake addhāne te na passāmi, ajja diṭṭhā, tumhe te cha janā. Tvaṃ nando nāma, tvaṃ puṇṇo nāma, tvaṃ vaḍḍhamāno nāma, tvaṃ citto nāma tvaṃ maṅgalo nāma, tvaṃ poṭṭhiyo nāmāti vatvā uṭṭhāya nisinnakeyeva cūḷāsu gahetvā aṭṭhāsi. Te ‘‘na mayaṃ dāsā’’tipi vattuṃ nāsakkhiṃsu. Atha ne kaḍḍhanto vinicchayaṃ netvā lakkhaṇaṃ āropetvā yāvajīvaṃ dāse katvā paribhuñji. Evarūpiṃ kathaṃ tathāgato na bhāsati.

    ทุติยวาจา อามิสเหตุจาฎุกมฺยตาทิวเสน นานปฺปการา ปเรสํ โถมนวาจา เจว, โจรกถํ ราชกถนฺติ อาทินยปฺปวตฺตา ติรจฺฉานกถา จฯ ตมฺปิ ตถาคโต น ภาสติฯ ตติยวาจา อริยสจฺจสนฺนิสฺสิตกถา, ยํ วสฺสสตมฺปิ สุณนฺตา ปณฺฑิตา เนว ติตฺติํ คจฺฉนฺติฯ อิติ ตถาคโต เนว สพฺพมฺปิ อปฺปิยวาจํ ภาสติ น ปิยวาจํฯ ตติยํ ตติยเมว ปน ภาสิตพฺพกาลํ อนติกฺกมิตฺวา ภาสติฯ ตตฺถ ตติยํ อปฺปิยวาจํ สนฺธาย เหฎฺฐา ทหรกุมารอุปมา อาคตาติ เวทิตพฺพํฯ

    Dutiyavācā āmisahetucāṭukamyatādivasena nānappakārā paresaṃ thomanavācā ceva, corakathaṃ rājakathanti ādinayappavattā tiracchānakathā ca. Tampi tathāgato na bhāsati. Tatiyavācā ariyasaccasannissitakathā, yaṃ vassasatampi suṇantā paṇḍitā neva tittiṃ gacchanti. Iti tathāgato neva sabbampi appiyavācaṃ bhāsati na piyavācaṃ. Tatiyaṃ tatiyameva pana bhāsitabbakālaṃ anatikkamitvā bhāsati. Tattha tatiyaṃ appiyavācaṃ sandhāya heṭṭhā daharakumāraupamā āgatāti veditabbaṃ.

    ๘๗. อุทาหุ ฐานโสเวตนฺติ อุทาหุ ฐานุปฺปตฺติกญาเณน ตงฺขณํเยว ตํ ตถาคตสฺส อุปฎฺฐาตีติ ปุจฺฉติฯ สญฺญาโตติ ญาโต ปญฺญาโต ปากโฎฯ ธมฺมธาตูติ ธมฺมสภาโวฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสตํ อธิวจนํ ฯ ตํ ภควตา สุปฺปฎิวิทฺธํ, หตฺถคตํ ภควโตฯ ตสฺมา โส ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ สพฺพํ ฐานโสว ปฎิภาตีติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ อยํ ปน ธมฺมเทสนา เนยฺยปุคฺคลวเสน ปรินิฎฺฐิตาติฯ

    87.Udāhu ṭhānasovetanti udāhu ṭhānuppattikañāṇena taṅkhaṇaṃyeva taṃ tathāgatassa upaṭṭhātīti pucchati. Saññātoti ñāto paññāto pākaṭo. Dhammadhātūti dhammasabhāvo. Sabbaññutaññāṇassetaṃ adhivacanaṃ . Taṃ bhagavatā suppaṭividdhaṃ, hatthagataṃ bhagavato. Tasmā so yaṃ yaṃ icchati, taṃ taṃ sabbaṃ ṭhānasova paṭibhātīti. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Ayaṃ pana dhammadesanā neyyapuggalavasena pariniṭṭhitāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Abhayarājakumārasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. อภยราชกุมารสุตฺตํ • 8. Abhayarājakumārasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา • 8. Abhayarājakumārasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact