Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา
8. Abhayarājakumārasuttavaṇṇanā
๘๓. ชาติยา อสมาโน นิหีนาจริโย ปรทตฺตูปชีวิกาย มาตุยา กุจฺฉิยํ ชาโต ปาทสิกปุโตฺตฯ นินฺทาวเสน วทติ เอเตนาติ วาโท อคุโณติ อาห – ‘‘วาทํ อาโรเปหีติ โทสํ อาโรเปหี’’ติฯ นิพฺพตฺตวเสน นิรยํ อรหติ, นิรยสํวตฺตนิเยน วา กเมฺมน นิรเย นิยุโตฺต เนรยิโกฯ อาปายิโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อวีจิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ อายุกปฺปสญฺญิตํ อนฺตรกปฺปํ ติฎฺฐตีติ กปฺปโฎฺฐฯ นิรยูปปตฺติปริหรณวเสน ติกิจฺฉิตุํ สกฺกุเณโยฺยติ เตกิโจฺฉ, น เตกิโจฺฉ อเตกิโจฺฉฯ เทฺว อเนฺต โมเจตฺวาติ ผรุสํ วา อปฺปิยํ วา กเปฺปยฺยาติ เทฺว โกฎฺฐาเส มุญฺจิตฺวา เต อนามสิตฺวา ปุจฺฉิตํ อตฺถํ ตโต พหิ กโรโนฺต อุคฺคิลติ นามฯ ตํ ปน เอวํ กาตุํ น สโกฺกตีติ อาห – ‘‘อุคฺคิลิตุํ พหิ นีหริตุํ น สกฺขิตี’’ติฯ เอวเมวายํ ปุจฺฉา น คเหตพฺพา, อยเมตฺถ โทโสติ ตํ อปุจฺฉํ กโรโนฺต อปนยโนฺต โอคิลติ นาม, ตถา ปน อสโกฺกโนฺต ปติฎฺฐาเปโนฺต น โอคิลติ นาม, ภควา ปน ตมตฺถํ โอกาสมฺปิ อกโรโนฺต อุภยถาปิ อสกฺขีติ เวทิตโพฺพฯ กถํ? ภควา หิ ‘‘น เขฺวตฺถ ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทโนฺต นิคณฺฐสฺส อธิปฺปายํ วิปริวเตฺตติ, อุโภ อเนฺต โมเจตฺวา ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิ, เอวํ ตาว อุคฺคิลิตุํ อสกฺขิฯ ‘‘น ตตฺร ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทโนฺต เอว จ ‘‘นายํ ปุจฺฉา เอวํ อวิภาเคน ปุจฺฉิตพฺพา, วิภชิตฺวา ปน ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉาย โทสํ ทีเปโนฺต ตํ หาเรโนฺต โอคิลิตุมฺปิ สกฺขตีติฯ
83. Jātiyā asamāno nihīnācariyo paradattūpajīvikāya mātuyā kucchiyaṃ jāto pādasikaputto. Nindāvasena vadati etenāti vādo aguṇoti āha – ‘‘vādaṃ āropehīti dosaṃ āropehī’’ti. Nibbattavasena nirayaṃ arahati, nirayasaṃvattaniyena vā kammena niraye niyutto nerayiko. Āpāyikoti etthāpi eseva nayo. Avīcimhi uppajjitvā tattha āyukappasaññitaṃ antarakappaṃ tiṭṭhatīti kappaṭṭho. Nirayūpapattipariharaṇavasena tikicchituṃ sakkuṇeyyoti tekiccho, na tekiccho atekiccho. Dve ante mocetvāti pharusaṃ vā appiyaṃ vā kappeyyāti dve koṭṭhāse muñcitvā te anāmasitvā pucchitaṃ atthaṃ tato bahi karonto uggilati nāma. Taṃ pana evaṃ kātuṃ na sakkotīti āha – ‘‘uggilituṃ bahi nīharituṃ na sakkhitī’’ti. Evamevāyaṃ pucchā na gahetabbā, ayamettha dosoti taṃ apucchaṃ karonto apanayanto ogilati nāma, tathā pana asakkonto patiṭṭhāpento na ogilati nāma, bhagavā pana tamatthaṃ okāsampi akaronto ubhayathāpi asakkhīti veditabbo. Kathaṃ? Bhagavā hi ‘‘na khvettha rājakumāra ekaṃsenā’’ti vadanto nigaṇṭhassa adhippāyaṃ viparivatteti, ubho ante mocetvā pañhaṃ vissajjesi, evaṃ tāva uggilituṃ asakkhi. ‘‘Na tatra rājakumāra ekaṃsenā’’ti vadanto eva ca ‘‘nāyaṃ pucchā evaṃ avibhāgena pucchitabbā, vibhajitvā pana pucchitabbā’’ti pucchāya dosaṃ dīpento taṃ hārento ogilitumpi sakkhatīti.
อุฎฺฐาตุํ น สกฺขิสฺสติ จิตฺตสฺส อญฺญถา ปวตฺติยาฯ อภโย เทฺว มเคฺค กตปริจโย เฉโก นิปุโณ วาทสีโล จ หุตฺวา วิจรติฯ เตนาห – ‘‘โส วาทชฺฌาสยตาย ตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉโนฺต ‘เอวํ, ภเนฺต’ติ อาหา’’ติฯ
Uṭṭhātuṃ na sakkhissati cittassa aññathā pavattiyā. Abhayo dve magge kataparicayo cheko nipuṇo vādasīlo ca hutvā vicarati. Tenāha – ‘‘so vādajjhāsayatāya tassa vacanaṃ sampaṭicchanto ‘evaṃ, bhante’ti āhā’’ti.
๘๕. เอวรูปนฺติ ยา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา ทุรุตฺตวาจา, เอวรูปา วาจา, น ปน ผรุสวาจาฯ ผรุสวาจาย หิ เสตุฆาโต ตถาคตานํฯ เจตนาผรุสตาย หิ ผรุสวาจา อิจฺฉิตา, น ปเรสํ อปฺปิยตามเตฺตนฯ นฎฺฐา นิคณฺฐา โอคิลิกาทิสมฺมตสฺส ปญฺหสฺส เอกวจเนน วิทฺธํสิตตฺตาฯ
85.Evarūpanti yā paresaṃ appiyā amanāpā duruttavācā, evarūpā vācā, na pana pharusavācā. Pharusavācāya hi setughāto tathāgatānaṃ. Cetanāpharusatāya hi pharusavācā icchitā, na paresaṃ appiyatāmattena. Naṭṭhā nigaṇṭhā ogilikādisammatassa pañhassa ekavacanena viddhaṃsitattā.
๘๖. ทารกสฺส อเงฺก นิสีทนสฺส การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘เลสวาทิโน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เลสวาทิโนติ ฉลวาทิโน, วาทมเคฺค วา อปริปุณฺณตาย เลสมเตฺตเนว วาทสีลาฯ โอสฎสงฺคาโมติ อเนกวารํ ปรวาทมทฺทนวเสน โอติณฺณวาทสงฺคาโมฯ วิชฺฌิตฺวาติ นเขน วิชฺฌิตฺวาฯ อิมเมวาติ ยฺวายํ ทารโก อตฺตโน วาทภงฺคปริหรณตฺถํ อิมินา อเงฺก นิสีทาปิโต, อิมเมว อสฺส ทารกํ อุปมํ นิสฺสยํ กตฺวา วาทํ ภินฺทิสฺสามิฯ ‘‘อสฺส วาทํ อปฺปฎิตตาย อุปมาย ภญฺชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวาฯ
86. Dārakassa aṅke nisīdanassa kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘lesavādino’’tiādi vuttaṃ. Tattha lesavādinoti chalavādino, vādamagge vā aparipuṇṇatāya lesamatteneva vādasīlā. Osaṭasaṅgāmoti anekavāraṃ paravādamaddanavasena otiṇṇavādasaṅgāmo. Vijjhitvāti nakhena vijjhitvā. Imamevāti yvāyaṃ dārako attano vādabhaṅgapariharaṇatthaṃ iminā aṅke nisīdāpito, imameva assa dārakaṃ upamaṃ nissayaṃ katvā vādaṃ bhindissāmi. ‘‘Assa vādaṃ appaṭitatāya upamāya bhañjissāmī’’ti cintetvā.
อปเนยฺยํ อสฺส อหนฺติ อสฺส ทารกสฺส มุขโต อหํ ตํ อปเนยฺยํฯ อภูตโตฺถว อภูตํ อุตฺตรปทโลเปนาติ อาห ‘‘อภูตนฺติ อภูตตฺถ’’นฺติฯ อตจฺฉนฺติ ตเสฺสว เววจนนฺติ อาห ‘‘อตจฺฉนฺติ น ตจฺฉ’’นฺติฯ อภูตนฺติ วา อสนฺตํ อวิชฺชมานํฯ อตจฺฉนฺติ อตถาการํฯ อนตฺถสํหิตนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิเกน, สมฺปรายิเกน วา อนเตฺถน สํหิตํ, อนเตฺถ วา สํหิตํ, น อโตฺถติ วา อนโตฺถ, อตฺถสฺส ปฎิปโกฺข สภาโว, เตน สํหิตนฺติ อนตฺถสํหิตํ, ปิสุณวาจํ สมฺผปฺปลาปญฺจาติ อโตฺถฯ เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วจีทุจฺจริตสฺส คหิตตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Apaneyyaṃassa ahanti assa dārakassa mukhato ahaṃ taṃ apaneyyaṃ. Abhūtatthova abhūtaṃ uttarapadalopenāti āha ‘‘abhūtanti abhūtattha’’nti. Atacchanti tasseva vevacananti āha ‘‘atacchanti na taccha’’nti. Abhūtanti vā asantaṃ avijjamānaṃ. Atacchanti atathākāraṃ. Anatthasaṃhitanti diṭṭhadhammikena, samparāyikena vā anatthena saṃhitaṃ, anatthe vā saṃhitaṃ, na atthoti vā anattho, atthassa paṭipakkho sabhāvo, tena saṃhitanti anatthasaṃhitaṃ, pisuṇavācaṃ samphappalāpañcāti attho. Evamettha catubbidhassapi vacīduccaritassa gahitatā daṭṭhabbā.
ทุปฺปยุโตฺตติ ทุปฺปฎิปโนฺนฯ น ตํ ตถาคโต ภาสติ อภูตตาทิโทสทุฎฺฐตฺตาฯ ตมฺปิ ตถาคโต น ภาสติ ภูตเตฺถปิ อนตฺถสํหิตตาทิโทสทุฎฺฐตฺตาฯ
Duppayuttoti duppaṭipanno. Na taṃ tathāgato bhāsati abhūtatādidosaduṭṭhattā. Tampi tathāgato na bhāsati bhūtatthepi anatthasaṃhitatādidosaduṭṭhattā.
ฐานํ การณํ เอติสฺสา อตฺถีติ ฐานิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา, น ฐานิยาติ อฎฺฐานิยา, นิกฺการณา อยุตฺติยุตฺตา, สา เอว กถาติ อฎฺฐานิยกถาฯ อตฺตปจฺจกฺขกถํ กเถมาติ อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ ฉลกถํ กเถมฯ
Ṭhānaṃ kāraṇaṃ etissā atthīti ṭhāniyā ka-kārassa ya-kāraṃ katvā, na ṭhāniyāti aṭṭhāniyā, nikkāraṇā ayuttiyuttā, sā eva kathāti aṭṭhāniyakathā. Attapaccakkhakathaṃ kathemāti attanā eva paccakkhaṃ katvā pavattiyamānaṃ chalakathaṃ kathema.
คามิกมหลฺลโก ‘‘อิเม มํ วเญฺจตุกามา, อหเมว ทานิ อิเม วเญฺจสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘เอวํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ ‘‘น มยํ ทาสา’’ติปิ วตฺตุํ นาสกฺขิํสุ ปุเพฺพ ตถากติกาย กตตฺตาฯ
Gāmikamahallako ‘‘ime maṃ vañcetukāmā, ahameva dāni ime vañcessāmī’’ti cintetvā ‘‘evaṃ bhavissatī’’tiādimāha. ‘‘Na mayaṃ dāsā’’tipi vattuṃ nāsakkhiṃsu pubbe tathākatikāya katattā.
ตติยํ ตติยเมวาติ ทฺวีสุปิ ปเกฺขสุ ตติยํ ตติยเมว วาจํฯ ภาสิตพฺพกาลํ อนติกฺกมิตฺวาติ ยสฺส ยทา ยถา ภาสิตพฺพํ, ตสฺส ตทา ตเถว จ ภาสนโต ภาสิตพฺพํ การณํ ภาสิตพฺพกาลญฺจ อนติกฺกมิตฺวาว ภาสติฯ
Tatiyaṃ tatiyamevāti dvīsupi pakkhesu tatiyaṃ tatiyameva vācaṃ. Bhāsitabbakālaṃ anatikkamitvāti yassa yadā yathā bhāsitabbaṃ, tassa tadā tatheva ca bhāsanato bhāsitabbaṃ kāraṇaṃ bhāsitabbakālañca anatikkamitvāva bhāsati.
๘๗. ฐานุปฺปตฺติกญาเณนาติ ฐาเน เอว อุปฺปชฺชนกญาเณนฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ การเณ ตสฺส ตํ ตํ อวตฺถาย อุปฺปชฺชนกญาเณน, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโวติ ธมฺมสภาโวฯ ธเมฺม สภาวธเมฺม อนวเสเส วา ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, สพฺพญฺญุตาฯ เตนาห ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ สุปฺปฎิวิทฺธนฺติ สพฺพํ เญยฺยธมฺมํ สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนวเสน, สุฎฺฐุ ปฎิวิทฺธนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘หตฺถคตํ ภควโต’’ติฯ เนยฺยปุคฺคลวเสน ปรินิฎฺฐิตาติ กถาปริวิภาเคน อยเมว เทสนา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทเสฺสโนฺต อรหตฺตํ ปจฺจกฺขาสีติฯ
87.Ṭhānuppattikañāṇenāti ṭhāne eva uppajjanakañāṇena. Tasmiṃ tasmiṃ kāraṇe tassa taṃ taṃ avatthāya uppajjanakañāṇena, dhammānaṃ yathāsabhāvato avabujjhanasabhāvoti dhammasabhāvo. Dhamme sabhāvadhamme anavasese vā yāthāvato upadhāretīti dhammadhātu, sabbaññutā. Tenāha ‘‘sabbaññutaññāṇassetaṃ adhivacana’’nti. Suppaṭividdhanti sabbaṃ ñeyyadhammaṃ suṭṭhu paṭivijjhanavasena, suṭṭhu paṭividdhanti attho. Tenāha ‘‘hatthagataṃ bhagavato’’ti. Neyyapuggalavasena pariniṭṭhitāti kathāparivibhāgena ayameva desanā cattāri ariyasaccāni dassento arahattaṃ paccakkhāsīti.
อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Abhayarājakumārasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. อภยราชกุมารสุตฺตํ • 8. Abhayarājakumārasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา • 8. Abhayarājakumārasuttavaṇṇanā