Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๔. อภยสุตฺตํ
4. Abhayasuttaṃ
๑๘๔. อถ โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
184. Atha kho jāṇussoṇi brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho jāṇussoṇi brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ – ‘นตฺถิ โย มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสา’’’ติฯ ‘‘อตฺถิ, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺส; อตฺถิ ปน, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Ahañhi, bho gotama, evaṃvādī evaṃdiṭṭhi – ‘natthi yo maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassā’’’ti. ‘‘Atthi, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa; atthi pana, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺส? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกโจฺจ กาเมสุ อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉโนฺท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตโณฺหฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘ปิยา วต มํ กามา ชหิสฺสนฺติ, ปิเย จาหํ กาเม ชหิสฺสามี’ติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Katamo ca, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa? Idha, brāhmaṇa, ekacco kāmesu avītarāgo hoti avigatacchando avigatapemo avigatapipāso avigatapariḷāho avigatataṇho. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘piyā vata maṃ kāmā jahissanti, piye cāhaṃ kāme jahissāmī’ti. So socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ กาเย อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉโนฺท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตโณฺหฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘ปิโย วต มํ กาโย ชหิสฺสติ, ปิยญฺจาหํ กายํ ชหิสฺสามี’ติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco kāye avītarāgo hoti avigatacchando avigatapemo avigatapipāso avigatapariḷāho avigatataṇho. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘piyo vata maṃ kāyo jahissati, piyañcāhaṃ kāyaṃ jahissāmī’ti. So socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ อกตกลฺยาโณ โหติ อกตกุสโล อกตภีรุตฺตาโณ กตปาโป กตลุโทฺท กตกิพฺพิโสฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตาณํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิสํฯ ยาวตา, โภ, อกตกลฺยาณานํ อกตกุสลานํ อกตภีรุตฺตาณานํ กตปาปานํ กตลุทฺทานํ กตกิพฺพิสานํ คติ ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco akatakalyāṇo hoti akatakusalo akatabhīruttāṇo katapāpo kataluddo katakibbiso. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘akataṃ vata me kalyāṇaṃ, akataṃ kusalaṃ, akataṃ bhīruttāṇaṃ; kataṃ pāpaṃ, kataṃ luddaṃ, kataṃ kibbisaṃ. Yāvatā, bho, akatakalyāṇānaṃ akatakusalānaṃ akatabhīruttāṇānaṃ katapāpānaṃ kataluddānaṃ katakibbisānaṃ gati taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti. So socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ กงฺขี โหติ วิจิกิจฺฉี อนิฎฺฐงฺคโต สทฺธเมฺมฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘กงฺขี วตมฺหิ วิจิกิจฺฉี อนิฎฺฐงฺคโต สทฺธเมฺม’ติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน ภายติ, สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ อิเม โข, พฺราหฺมณ, จตฺตาโร มรณธมฺมา สมานา ภายนฺติ, สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ มรณสฺสฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco kaṅkhī hoti vicikicchī aniṭṭhaṅgato saddhamme. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘kaṅkhī vatamhi vicikicchī aniṭṭhaṅgato saddhamme’ti. So socati kilamati paridevati, urattāḷiṃ kandati, sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno bhāyati, santāsaṃ āpajjati maraṇassa. Ime kho, brāhmaṇa, cattāro maraṇadhammā samānā bhāyanti, santāsaṃ āpajjanti maraṇassa.
‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺส? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกโจฺจ กาเมสุ วีตราโค โหติ วิคตจฺฉโนฺท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตโณฺหฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส น เอวํ โหติ – ‘ปิยา วต มํ กามา ชหิสฺสนฺติ, ปิเย จาหํ กาเม ชหิสฺสามี’ติฯ โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยํ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Katamo ca, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa? Idha, brāhmaṇa, ekacco kāmesu vītarāgo hoti vigatacchando vigatapemo vigatapipāso vigatapariḷāho vigatataṇho. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa na evaṃ hoti – ‘piyā vata maṃ kāmā jahissanti, piye cāhaṃ kāme jahissāmī’ti. So na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayaṃ kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ กาเย วีตราโค โหติ วิคตจฺฉโนฺท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตโณฺหฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส น เอวํ โหติ – ‘ปิโย วต มํ กาโย ชหิสฺสติ, ปิยญฺจาหํ กายํ ชหิสฺสามี’ติฯ โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco kāye vītarāgo hoti vigatacchando vigatapemo vigatapipāso vigatapariḷāho vigatataṇho. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa na evaṃ hoti – ‘piyo vata maṃ kāyo jahissati, piyañcāhaṃ kāyaṃ jahissāmī’ti. So na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ อกตปาโป โหติ อกตลุโทฺท อกตกิพฺพิโส กตกลฺยาโณ กตกุสโล กตภีรุตฺตาโณฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘อกตํ วต เม ปาปํ, อกตํ ลุทฺทํ, อกตํ กิพฺพิสํ; กตํ กลฺยาณํ, กตํ กุสลํ, กตํ ภีรุตฺตาณํฯ ยาวตา, โภ, อกตปาปานํ อกตลุทฺทานํ อกตกิพฺพิสานํ กตกลฺยาณานํ กตกุสลานํ กตภีรุตฺตาณานํ คติ ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติฯ โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco akatapāpo hoti akataluddo akatakibbiso katakalyāṇo katakusalo katabhīruttāṇo. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘akataṃ vata me pāpaṃ, akataṃ luddaṃ, akataṃ kibbisaṃ; kataṃ kalyāṇaṃ, kataṃ kusalaṃ, kataṃ bhīruttāṇaṃ. Yāvatā, bho, akatapāpānaṃ akataluddānaṃ akatakibbisānaṃ katakalyāṇānaṃ katakusalānaṃ katabhīruttāṇānaṃ gati taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti. So na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกโจฺจ อกงฺขี โหติ อวิจิกิจฺฉี นิฎฺฐงฺคโต สทฺธเมฺมฯ ตเมนํ อญฺญตโร คาโฬฺห โรคาตโงฺก ผุสติฯ ตสฺส อญฺญตเรน คาเฬฺหน โรคาตเงฺกน ผุฎฺฐสฺส เอวํ โหติ – ‘อกงฺขี วตมฺหิ อวิจิกิจฺฉี นิฎฺฐงฺคโต สทฺธเมฺม’ติฯ โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, มรณธโมฺม สมาโน น ภายติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ มรณสฺสฯ อิเม โข, พฺราหฺมณ, จตฺตาโร มรณธมฺมา สมานา น ภายนฺติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ มรณสฺสา’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, brāhmaṇa, idhekacco akaṅkhī hoti avicikicchī niṭṭhaṅgato saddhamme. Tamenaṃ aññataro gāḷho rogātaṅko phusati. Tassa aññatarena gāḷhena rogātaṅkena phuṭṭhassa evaṃ hoti – ‘akaṅkhī vatamhi avicikicchī niṭṭhaṅgato saddhamme’ti. So na socati na kilamati na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Ayampi kho, brāhmaṇa, maraṇadhammo samāno na bhāyati, na santāsaṃ āpajjati maraṇassa. Ime kho, brāhmaṇa, cattāro maraṇadhammā samānā na bhāyanti, na santāsaṃ āpajjanti maraṇassā’’ti.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ จตุตฺถํฯ
‘‘Abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Catutthaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. อภยสุตฺตวณฺณนา • 4. Abhayasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. อภยสุตฺตวณฺณนา • 4. Abhayasuttavaṇṇanā