Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๖. อภยสุตฺตํ
6. Abhayasuttaṃ
๒๓๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ อถ โข อภโย ราชกุมาโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปูรโณ, ภเนฺต, กสฺสโป เอวมาห – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย อญฺญาณาย อทสฺสนายฯ อเหตุ, อปฺปจฺจโย 1 อญฺญาณํ อทสฺสนํ โหติฯ นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย ญาณาย ทสฺสนายฯ อเหตุ, อปฺปจฺจโย ญาณํ ทสฺสนํ โหตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ราชกุมาร, เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย อญฺญาณาย อทสฺสนายฯ สเหตุ, สปฺปจฺจโย 2 อญฺญาณํ อทสฺสนํ โหติฯ อตฺถิ , ราชกุมาร, เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย ญาณาย ทสฺสนายฯ สเหตุ, สปฺปจฺจโย ญาณํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
237. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate. Atha kho abhayo rājakumāro yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho abhayo rājakumāro bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pūraṇo, bhante, kassapo evamāha – ‘natthi hetu, natthi paccayo aññāṇāya adassanāya. Ahetu, appaccayo 3 aññāṇaṃ adassanaṃ hoti. Natthi hetu, natthi paccayo ñāṇāya dassanāya. Ahetu, appaccayo ñāṇaṃ dassanaṃ hotī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti? ‘‘Atthi, rājakumāra, hetu, atthi paccayo aññāṇāya adassanāya. Sahetu, sappaccayo 4 aññāṇaṃ adassanaṃ hoti. Atthi , rājakumāra, hetu, atthi paccayo ñāṇāya dassanāya. Sahetu, sappaccayo ñāṇaṃ dassanaṃ hotī’’ti.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, เหตุ, กตโม ปจฺจโย อญฺญาณาย อทสฺสนาย? กถํ สเหตุ, สปฺปจฺจโย อญฺญาณํ อทสฺสนํ โหตี’’ติ? ‘‘ยสฺมิํ โข, ราชกุมาร, สมเย กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ น ชานาติ น ปสฺสติ – อยมฺปิ โข, ราชกุมาร, เหตุ, อยํ ปจฺจโย อญฺญาณาย อทสฺสนายฯ เอวมฺปิ สเหตุ สปฺปจฺจโย อญฺญาณํ อทสฺสนํ โหติฯ
‘‘Katamo pana, bhante, hetu, katamo paccayo aññāṇāya adassanāya? Kathaṃ sahetu, sappaccayo aññāṇaṃ adassanaṃ hotī’’ti? ‘‘Yasmiṃ kho, rājakumāra, samaye kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati kāmarāgaparetena, uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ na jānāti na passati – ayampi kho, rājakumāra, hetu, ayaṃ paccayo aññāṇāya adassanāya. Evampi sahetu sappaccayo aññāṇaṃ adassanaṃ hoti.
‘‘ปุน จปรํ, ราชกุมาร, ยสฺมิํ สมเย พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน…เป.… ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิเตน… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิเตน… วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ น ชานาติ น ปสฺสติ – อยมฺปิ โข, ราชกุมาร, เหตุ, อยํ ปจฺจโย อญฺญาณาย อทสฺสนายฯ เอวมฺปิ สเหตุ สปฺปจฺจโย อญฺญาณํ อทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, rājakumāra, yasmiṃ samaye byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati byāpādaparetena…pe… thinamiddhapariyuṭṭhitena… uddhaccakukkuccapariyuṭṭhitena… vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati vicikicchāparetena, uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ na jānāti na passati – ayampi kho, rājakumāra, hetu, ayaṃ paccayo aññāṇāya adassanāya. Evampi sahetu sappaccayo aññāṇaṃ adassanaṃ hotī’’ti.
‘‘โก นามายํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘นีวรณา นาเมเต, ราชกุมารา’’ติฯ ‘‘ตคฺฆ, ภควา, นีวรณา; ตคฺฆ, สุคต, นีวรณา! เอกเมเกนปิ โข, ภเนฺต, นีวรเณน อภิภูโต ยถาภูตํ น ชาเนยฺย น ปเสฺสยฺย, โก ปน วาโท ปญฺจหิ นีวรเณหิ?
‘‘Ko nāmāyaṃ, bhante, dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Nīvaraṇā nāmete, rājakumārā’’ti. ‘‘Taggha, bhagavā, nīvaraṇā; taggha, sugata, nīvaraṇā! Ekamekenapi kho, bhante, nīvaraṇena abhibhūto yathābhūtaṃ na jāneyya na passeyya, ko pana vādo pañcahi nīvaraṇehi?
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, เหตุ, กตโม ปจฺจโย ญาณาย ทสฺสนาย? กถํ สเหตุ, สปฺปจฺจโย ญาณํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ? ‘‘อิธ , ราชกุมาร, ภิกฺขุ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ โส สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาวิเตน จิเตฺตน ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ – อยมฺปิ โข, ราชกุมาร, เหตุ, อยํ ปจฺจโย ญาณาย ทสฺสนายฯ เอวมฺปิ สเหตุ, สปฺปจฺจโย ญาณํ ทสฺสนํ โหติฯ
‘‘Katamo pana, bhante, hetu, katamo paccayo ñāṇāya dassanāya? Kathaṃ sahetu, sappaccayo ñāṇaṃ dassanaṃ hotī’’ti? ‘‘Idha , rājakumāra, bhikkhu satisambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. So satisambojjhaṅgaṃ bhāvitena cittena yathābhūtaṃ jānāti passati – ayampi kho, rājakumāra, hetu, ayaṃ paccayo ñāṇāya dassanāya. Evampi sahetu, sappaccayo ñāṇaṃ dassanaṃ hoti.
‘‘ปุน จปรํ, ราชกุมาร, ภิกฺขุ…เป.… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ โส อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาวิเตน จิเตฺตน ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ – อยมฺปิ โข, ราชกุมาร, เหตุ, อยํ ปจฺจโย ญาณาย ทสฺสนายฯ เอวํ สเหตุ, สปฺปจฺจโย ญาณํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, rājakumāra, bhikkhu…pe… upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. So upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāvitena cittena yathābhūtaṃ jānāti passati – ayampi kho, rājakumāra, hetu, ayaṃ paccayo ñāṇāya dassanāya. Evaṃ sahetu, sappaccayo ñāṇaṃ dassanaṃ hotī’’ti.
‘‘โก นามายํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘โพชฺฌงฺคา นาเมเต, ราชกุมารา’’ติฯ ‘‘ตคฺฆ, ภควา, โพชฺฌงฺคา; ตคฺฆ, สุคต, โพชฺฌงฺคา! เอกเมเกนปิ โข, ภเนฺต, โพชฺฌเงฺคน สมนฺนาคโต ยถาภูตํ ชาเนยฺย ปเสฺสยฺย, โก ปน วาโท สตฺตหิ โพชฺฌเงฺคหิ? โยปิ เม, ภเนฺต, คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ อาโรหนฺตสฺส กายกิลมโถ จิตฺตกิลมโถ, โสปิ เม ปฎิปฺปสฺสโทฺธ, ธโมฺม จ เม อภิสมิโต’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Ko nāmāyaṃ, bhante, dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Bojjhaṅgā nāmete, rājakumārā’’ti. ‘‘Taggha, bhagavā, bojjhaṅgā; taggha, sugata, bojjhaṅgā! Ekamekenapi kho, bhante, bojjhaṅgena samannāgato yathābhūtaṃ jāneyya passeyya, ko pana vādo sattahi bojjhaṅgehi? Yopi me, bhante, gijjhakūṭaṃ pabbataṃ ārohantassa kāyakilamatho cittakilamatho, sopi me paṭippassaddho, dhammo ca me abhisamito’’ti. Chaṭṭhaṃ.
สากจฺฉวโคฺค ฉโฎฺฐฯ
Sākacchavaggo chaṭṭho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อาหารา ปริยายมคฺคิ, เมตฺตํ สงฺคารเวน จ;
Āhārā pariyāyamaggi, mettaṃ saṅgāravena ca;
อภโย ปุจฺฉิโต ปญฺหํ, คิชฺฌกูฎมฺหิ ปพฺพเตติฯ
Abhayo pucchito pañhaṃ, gijjhakūṭamhi pabbateti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อภยสุตฺตวณฺณนา • 6. Abhayasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. อภยสุตฺตวณฺณนา • 6. Abhayasuttavaṇṇanā