Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๘. อเภชฺชปริสปโญฺห
8. Abhejjaparisapañho
๘. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘ตถาคโต อเภชฺชปริโส’ติ, ปุน จ ภณถ ‘เทวทเตฺตน เอกปฺปหารํ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานี’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต อเภชฺชปริโส, เตน หิ เทวทเตฺตน เอกปฺปหารํ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ เทวทเตฺตน เอกปฺปหารํ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานิ, เตน หิ ‘ตถาคโต อเภชฺชปริโส’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, คมฺภีโร ทุนฺนิเวฐิโย, คณฺฐิโตปิ คณฺฐิตโร, เอตฺถายํ ชโน อาวโฎ นิวุโต โอวุโต ปิหิโต ปริโยนโทฺธ, เอตฺถ ตว ญาณพลํ ทเสฺสหิ ปรวาเทสู’’ติฯ
8. ‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘tathāgato abhejjapariso’ti, puna ca bhaṇatha ‘devadattena ekappahāraṃ pañca bhikkhusatāni bhinnānī’ti. Yadi, bhante nāgasena, tathāgato abhejjapariso, tena hi devadattena ekappahāraṃ pañca bhikkhusatāni bhinnānīti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi devadattena ekappahāraṃ pañca bhikkhusatāni bhinnāni, tena hi ‘tathāgato abhejjapariso’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, gambhīro dunniveṭhiyo, gaṇṭhitopi gaṇṭhitaro, etthāyaṃ jano āvaṭo nivuto ovuto pihito pariyonaddho, ettha tava ñāṇabalaṃ dassehi paravādesū’’ti.
‘‘อเภชฺชปริโส, มหาราช, ตถาคโต, เทวทเตฺตน จ เอกปฺปหารํ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานิ, ตญฺจ ปน เภทกสฺส พเลน, เภทเก วิชฺชมาเน นตฺถิ, มหาราช, อเภชฺชํ นามฯ เภทเก สติ มาตาปิ ปุเตฺตน ภิชฺชติ, ปุโตฺตปิ มาตรา ภิชฺชติ, ปิตาปิ ปุเตฺตน ภิชฺชติ, ปุโตฺตปิ ปิตรา ภิชฺชติ, ภาตาปิ ภคินิยา ภิชฺชติ, ภคินีปิ ภาตรา ภิชฺชติ, สหาโยปิ สหาเยน ภิชฺชติ, นาวาปิ นานาทารุสงฺฆฎิตา อูมิเวคสมฺปหาเรน ภิชฺชติ, รุโกฺขปิ มธุกปฺปสมฺปนฺนผโล อนิลพลเวคาภิหโต ภิชฺชติ, สุวณฺณมฺปิ ชาติมนฺตํ 1 โลเหน ภิชฺชติฯ อปิ จ, มหาราช, เนโส อธิปฺปาโย วิญฺญูนํ, เนสา พุทฺธานํ อธิมุตฺติ, เนโส ปณฺฑิตานํ ฉโนฺท ‘ตถาคโต เภชฺชปริโส’ติฯ อปิ เจตฺถ การณํ อตฺถิ, เยน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘อเภชฺชปริโส’ติฯ กตมํ เอตฺถ การณํ? ตถาคตสฺส, มหาราช, กเตน อทาเนน วา อปฺปิยวจเนน วา อนตฺถจริยาย วา อสมานตฺตตาย วา ยโต กุโตจิ จริยํ จรนฺตสฺสปิ ปริสา ภินฺนาติ น สุตปุพฺพํ, เตน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘อเภชฺชปริโส’ติฯ ตยาเปตํ, มหาราช, ญาตพฺพํ ‘อตฺถิ กิญฺจิ นวเงฺค พุทฺธวจเน สุตฺตาคตํ, อิมินา นาม การเณน โพธิสตฺตสฺส กเตน ตถาคตสฺส ปริสา ภินฺนา’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต, โน เจตํ โลเก ทิสฺสติ โนปิ สุยฺยติฯ สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Abhejjapariso, mahārāja, tathāgato, devadattena ca ekappahāraṃ pañca bhikkhusatāni bhinnāni, tañca pana bhedakassa balena, bhedake vijjamāne natthi, mahārāja, abhejjaṃ nāma. Bhedake sati mātāpi puttena bhijjati, puttopi mātarā bhijjati, pitāpi puttena bhijjati, puttopi pitarā bhijjati, bhātāpi bhaginiyā bhijjati, bhaginīpi bhātarā bhijjati, sahāyopi sahāyena bhijjati, nāvāpi nānādārusaṅghaṭitā ūmivegasampahārena bhijjati, rukkhopi madhukappasampannaphalo anilabalavegābhihato bhijjati, suvaṇṇampi jātimantaṃ 2 lohena bhijjati. Api ca, mahārāja, neso adhippāyo viññūnaṃ, nesā buddhānaṃ adhimutti, neso paṇḍitānaṃ chando ‘tathāgato bhejjapariso’ti. Api cettha kāraṇaṃ atthi, yena kāraṇena tathāgato vuccati ‘abhejjapariso’ti. Katamaṃ ettha kāraṇaṃ? Tathāgatassa, mahārāja, katena adānena vā appiyavacanena vā anatthacariyāya vā asamānattatāya vā yato kutoci cariyaṃ carantassapi parisā bhinnāti na sutapubbaṃ, tena kāraṇena tathāgato vuccati ‘abhejjapariso’ti. Tayāpetaṃ, mahārāja, ñātabbaṃ ‘atthi kiñci navaṅge buddhavacane suttāgataṃ, iminā nāma kāraṇena bodhisattassa katena tathāgatassa parisā bhinnā’ti? ‘‘Natthi bhante, no cetaṃ loke dissati nopi suyyati. Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
อเภชฺชปริสปโญฺห อฎฺฐโมฯ
Abhejjaparisapañho aṭṭhamo.
อเภชฺชวโคฺค ทุติโยฯ
Abhejjavaggo dutiyo.
อิมสฺมิํ วเคฺค อฎฺฐ ปญฺหาฯ
Imasmiṃ vagge aṭṭha pañhā.
Footnotes: