Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
อภิภายตนกถาวณฺณนา
Abhibhāyatanakathāvaṇṇanā
๒๐๔. ปฎิภาคนิมิตฺตภูตํ กสิณารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ การณํ เอตสฺสาติ กสิณายตนํ, ฌานํฯ อถ วา อารมฺมณสฺส อนวเสสผรณเฎฺฐน กสิณญฺจ ตํ อายตนญฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฎฺฐานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติ สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ กสิณายตนํฯ เตเนวาห ‘‘สติปิ อภิภายตนานํ กสิณายตนเตฺต’’ติฯ ภาวนาย นิมิตฺตํ ภาวนานิมิตฺตํ, อารมฺมณสฺส ปริตฺตปฺปมาณตา สุวิสุทฺธนีลาทิตา จ, ตเทว นานตฺตํฯ ภาวนา เอว วา ปุพฺพภาคภูตา ภาวนานิมิตฺตํ, ตสฺส นานตฺตํ ภาวนานิมิตฺตนานตฺตํฯ ปุพฺพภาคภาวนา หิ ยถาวุตฺตวิเสเส อารมฺมเณ ปวตฺติอาการวิเสสโต นานาสภาวาติฯ กสิณนิมิตฺตสฺส อภิภวนกภาวนานิมิตฺตนานตฺตํ กสิณ…เป.… นานตฺตํ, ตโตติ โยเชตพฺพํฯ
204. Paṭibhāganimittabhūtaṃ kasiṇārammaṇasaṅkhātaṃ āyatanaṃ kāraṇaṃ etassāti kasiṇāyatanaṃ, jhānaṃ. Atha vā ārammaṇassa anavasesapharaṇaṭṭhena kasiṇañca taṃ āyatanañca yogino sukhavisesānaṃ adhiṭṭhānabhāvato manāyatanadhammāyatanabhāvato cāti sasampayuttaṃ jhānaṃ kasiṇāyatanaṃ. Tenevāha ‘‘satipi abhibhāyatanānaṃ kasiṇāyatanatte’’ti. Bhāvanāya nimittaṃ bhāvanānimittaṃ, ārammaṇassa parittappamāṇatā suvisuddhanīlāditā ca, tadeva nānattaṃ. Bhāvanā eva vā pubbabhāgabhūtā bhāvanānimittaṃ, tassa nānattaṃ bhāvanānimittanānattaṃ. Pubbabhāgabhāvanā hi yathāvuttavisese ārammaṇe pavattiākāravisesato nānāsabhāvāti. Kasiṇanimittassa abhibhavanakabhāvanānimittanānattaṃ kasiṇa…pe… nānattaṃ, tatoti yojetabbaṃ.
เอตฺถ จ ปุริมานิ จตฺตาริ อภิภายตนานิ ภูตกสิณารมฺมณานิ, ภูตกสิเณสุ จ ยํ สุวณฺณํ ทุพฺพณฺณนฺติ จ น สกฺกา วตฺตุํฯ ตตฺถ ปวตฺติตานิ สพฺพตฺถ วา วณฺณาโภครหิเตน ปวตฺติตานิ ปฐมตติยาภิภายตนานีติ ทุติยจตุตฺถานิ วณฺณกสิณารมฺมณานิฯ ยทิ เอวํ ทุติยจตุเตฺถหิ ปญฺจมาทีนํ โก วิเสโสติ ‘‘ปญฺจมาทีนิ วณฺณโต รมณียตรานิ, น ตถา อิตรานี’’ติ วทนฺติฯ ปุริมานิปิ จตฺตาริ อฎฺฐ กสิณารมฺมณาเนว, ตสฺมา ตํ เนสํ มติมตฺตํ ‘‘อฎฺฐสุ กสิเณสู’’ติ วุตฺตตฺตาฯ วิโมเกฺขสุ จ ปฐมทุติยวิโมกฺขา อฎฺฐ กสิณารมฺมณาฯ ตติโย วณฺณกสิณารมฺมโณฯ ปฐมทุติยาปิ วา วณฺณกสิณารมฺมณา เอว ‘‘พหิทฺธา นีลกสิณาทิรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ อารมฺมณมนุญฺญตาย หิ ตตฺถ อนิคฺคติตภาเวน เตสํ ปวตฺตีติฯ เอวํ สเนฺต ตติยสฺส อิตเรหิ โก วิเสโสติ? สุภาการาโภโคฯ ตติโย เอว หิ สุภนฺติ อาภุชนวเสน ปวตฺตติ, น อิตเรติฯ
Ettha ca purimāni cattāri abhibhāyatanāni bhūtakasiṇārammaṇāni, bhūtakasiṇesu ca yaṃ suvaṇṇaṃ dubbaṇṇanti ca na sakkā vattuṃ. Tattha pavattitāni sabbattha vā vaṇṇābhogarahitena pavattitāni paṭhamatatiyābhibhāyatanānīti dutiyacatutthāni vaṇṇakasiṇārammaṇāni. Yadi evaṃ dutiyacatutthehi pañcamādīnaṃ ko visesoti ‘‘pañcamādīni vaṇṇato ramaṇīyatarāni, na tathā itarānī’’ti vadanti. Purimānipi cattāri aṭṭha kasiṇārammaṇāneva, tasmā taṃ nesaṃ matimattaṃ ‘‘aṭṭhasu kasiṇesū’’ti vuttattā. Vimokkhesu ca paṭhamadutiyavimokkhā aṭṭha kasiṇārammaṇā. Tatiyo vaṇṇakasiṇārammaṇo. Paṭhamadutiyāpi vā vaṇṇakasiṇārammaṇā eva ‘‘bahiddhā nīlakasiṇādirūpāni jhānacakkhunā passatī’’ti vuttattā. Ārammaṇamanuññatāya hi tattha aniggatitabhāvena tesaṃ pavattīti. Evaṃ sante tatiyassa itarehi ko visesoti? Subhākārābhogo. Tatiyo eva hi subhanti ābhujanavasena pavattati, na itareti.
ญาณํ อปฺปนาปญฺญาฯ วิชฺชมาเนปีติ อปิ-สเทฺทน อวิชฺชมาเนปีติ ทเสฺสติฯ ปริตฺตปฺปมาณตา อภิภวนสฺส การณํ อิเมสุ จตูสุ อภิภายตเนสูติ อธิปฺปาโยฯ นนุ จ สพฺพตฺถ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วจนโต วณฺณาโภคสหิตานิเยว คหิตานีติ? น คหิตานีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถาติ อาคเมสุฯ ตถา อปฺปมาณานีติ วณฺณาโภครหิตานิ จ สพฺพานิ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ กถํ วิสิฎฺฐานํ วณฺณาโภเคน รหิตานํ สหิตานญฺจ เอกชฺฌํ มนสิ กโรติ? น เอกชฺฌํ, วิสุํเยว ปน เตสุ มนสิกาโรฯ ยทิ วิสุํ กถเมกนฺติ? ปริตฺตภาวสามญฺญโตฯ ยทิ เอวํ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณคฺคหณํ อติริจฺฉตี’’ติ, นาติริจฺฉตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อตฺถิ หิ เอโส ปริยาโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยทิทํ วณฺณาโภคชนิตํ วิเสสํ อคฺคเหตฺวา ปริตฺตสามเญฺญน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺวา ปุน ตทโนฺตคธธมฺมปฺปเภทํ วิเนยฺยวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺตพฺพตาย วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ วิสุํ มนสิ กตฺวา อุภยตฺถาปิ วณฺณาโภครหิตปริตฺตาภิภวเน ตํ สหิตปริตฺตาภิภวเน จ ปริตฺตาภิภวนสฺส สามญฺญํ คเหตฺวา เอกนฺติ วจนํ, เอโส ปริยาโย วิชฺชตีติ อยมธิปฺปาโยฯ
Ñāṇaṃ appanāpaññā. Vijjamānepīti api-saddena avijjamānepīti dasseti. Parittappamāṇatā abhibhavanassa kāraṇaṃ imesu catūsu abhibhāyatanesūti adhippāyo. Nanu ca sabbattha ‘‘suvaṇṇadubbaṇṇānī’’ti vacanato vaṇṇābhogasahitāniyeva gahitānīti? Na gahitānīti dassento ‘‘tattha cā’’tiādimāha. Tatthāti āgamesu. Tathā appamāṇānīti vaṇṇābhogarahitāni ca sabbāni appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇānīti attho. Yadi evaṃ kathaṃ visiṭṭhānaṃ vaṇṇābhogena rahitānaṃ sahitānañca ekajjhaṃ manasi karoti? Na ekajjhaṃ, visuṃyeva pana tesu manasikāro. Yadi visuṃ kathamekanti? Parittabhāvasāmaññato. Yadi evaṃ ‘‘suvaṇṇadubbaṇṇaggahaṇaṃ atiricchatī’’ti, nātiricchatīti dassento ‘‘atthi hi eso pariyāyo’’tiādimāha. Tattha yadidaṃ vaṇṇābhogajanitaṃ visesaṃ aggahetvā parittasāmaññena ekattaṃ netvā ‘‘parittāni abhibhuyyā’’ti vatvā puna tadantogadhadhammappabhedaṃ vineyyavasena dassetuṃ ‘‘tāni ce kadāci vaṇṇavasena ābhujitāni honti suvaṇṇadubbaṇṇāni abhibhuyyā’’ti vattabbatāya vaṇṇābhogarahitāni sahitāni ca visuṃ manasi katvā ubhayatthāpi vaṇṇābhogarahitaparittābhibhavane taṃ sahitaparittābhibhavane ca parittābhibhavanassa sāmaññaṃ gahetvā ekanti vacanaṃ, eso pariyāyo vijjatīti ayamadhippāyo.
เอวํ สุตฺตนฺตาภิธมฺมปาฐวิเสสโต อฎฺฐกถาย วิโรธาภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สุตฺตนฺตาภิธมฺมปาฐานํ อวิโรธํ อธิปฺปายวิภาวเนน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถจา’’ติอาทิมาหฯ เอวํ อภิธเมฺม วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ วิสุํ วุตฺตานิฯ สุตฺตเนฺต ปน ‘‘อุภยานิ เอกชฺฌ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กถํ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อาคตสฺสาติ สุตฺตเนฺต อาคตสฺสฯ ตตฺถ หิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี’’ติ อาคตํฯ อวจนโตติ อภิธเมฺม อวจนโตฯ ยทิปิ วิโมกฺขา วิสุํ เทสิตา, กสิณายตนภาโว วิย ปน อภิภายตนานํ วิโมกฺขกิจฺจตาปิ อตฺถีติ อภิภายตนวิโมกฺขานํ อิธาปิ สงฺกโร ทุนฺนิวาโรติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต’’ติฯ เตน ยถา อภิภายตนเทสนายํ อภิภายตนกิจฺจานิ นิรวเสสโต วุตฺตานิ, เอวํ วิโมกฺขเทสนายํ วิโมกฺขกิจฺจานีติ อิธ เตสํ อสงฺกโรเยวาติ ทเสฺสติฯ
Evaṃ suttantābhidhammapāṭhavisesato aṭṭhakathāya virodhābhāvaṃ dassetvā idāni suttantābhidhammapāṭhānaṃ avirodhaṃ adhippāyavibhāvanena dassetuṃ ‘‘tatthacā’’tiādimāha. Evaṃ abhidhamme vaṇṇābhogarahitāni sahitāni ca visuṃ vuttāni. Suttante pana ‘‘ubhayāni ekajjha’’nti vuttaṃ, taṃ kathaṃ viññāyatīti āha ‘‘tadeta’’ntiādi. Tattha āgatassāti suttante āgatassa. Tattha hi ‘‘ajjhattaṃ rūpasaññī’’ti āgataṃ. Avacanatoti abhidhamme avacanato. Yadipi vimokkhā visuṃ desitā, kasiṇāyatanabhāvo viya pana abhibhāyatanānaṃ vimokkhakiccatāpi atthīti abhibhāyatanavimokkhānaṃ idhāpi saṅkaro dunnivāroti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘sabbavimokkhakiccasādhāraṇavacanabhāvato’’ti. Tena yathā abhibhāyatanadesanāyaṃ abhibhāyatanakiccāni niravasesato vuttāni, evaṃ vimokkhadesanāyaṃ vimokkhakiccānīti idha tesaṃ asaṅkaroyevāti dasseti.
เย จ ยถาวุตฺตํ ววตฺถานํ น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, เตหิ สุตฺตนฺตาภิธมฺมปาฐเภเท อญฺญํ การณํ วตฺตพฺพํ สิยาฯ กิเมตฺถ วตฺตพฺพํ, นนุ อฎฺฐกถายํ ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตเนฺต’’ติอาทิํ วตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วุตฺตนฺติฯ น ตํ ตสฺส การณวจนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อชฺฌตฺตรูปาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยนฺติ อิธ สุตฺตเนฺต จ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๖๕) วุตฺตวจนํ สนฺธายาหฯ พหิทฺธา รูปานิเยว หิ อภิภวนียานีติฯ อญฺญเหตุกนฺติ เทสนาวิลาสโต อญฺญํ อภิภวนียเหตุ เอตสฺสาติ อญฺญเหตุกํฯ อชฺฌตฺตอรูปสญฺญิตาย เอว, น สุตฺตเนฺต วิย อชฺฌตฺตรูปสญฺญิตาย จาติ อโตฺถฯ อวิภูตตฺตาติ อิทํ ญาณุตฺตรานํ สห นิมิตฺตุปฺปาทเนน อปฺปนานิพฺพตฺตนํ อารมฺมณสฺส อภิภโว น สุฎฺฐุ วิภูตภาวมนฺตเรน สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ นนุ จ อฎฺฐกถายํ ปาฐทฺวยวิเสสสฺส เทสนาวิลาโส การณภาเวน วุโตฺตติ อาห ‘‘เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตโพฺพ’’ติฯ เทสนาวิลาโส หิ นาม วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิชฺชมานเสฺสว ปริยายสฺส วิภาวนํ น ยสฺส กสฺสจีติฯ ตตฺถ จ ‘‘ปริยายเทสนตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการววตฺถานํ เทสนาวิลาสนิพนฺธนมาหฯ ตถา เจว หิ ปุรโต เทสนาวิลาโส วิภาวิโตฯ
Ye ca yathāvuttaṃ vavatthānaṃ na sampaṭicchanti, tehi suttantābhidhammapāṭhabhede aññaṃ kāraṇaṃ vattabbaṃ siyā. Kimettha vattabbaṃ, nanu aṭṭhakathāyaṃ ‘‘kasmā pana yathā suttante’’tiādiṃ vatvā ‘‘ajjhattarūpānaṃ anabhibhavanīyato’’ti kāraṇaṃ vuttanti. Na taṃ tassa kāraṇavacananti dassento ‘‘ajjhattarūpāna’’ntiādimāha. Tattha yanti idha suttante ca ‘‘bahiddhā rūpāni passatī’’ti (a. ni. 8.65) vuttavacanaṃ sandhāyāha. Bahiddhā rūpāniyeva hi abhibhavanīyānīti. Aññahetukanti desanāvilāsato aññaṃ abhibhavanīyahetu etassāti aññahetukaṃ. Ajjhattaarūpasaññitāya eva, na suttante viya ajjhattarūpasaññitāya cāti attho. Avibhūtattāti idaṃ ñāṇuttarānaṃ saha nimittuppādanena appanānibbattanaṃ ārammaṇassa abhibhavo na suṭṭhu vibhūtabhāvamantarena sambhavatīti katvā vuttaṃ. Nanu ca aṭṭhakathāyaṃ pāṭhadvayavisesassa desanāvilāso kāraṇabhāvena vuttoti āha ‘‘desanāvilāso ca yathāvuttavavatthānavasena veditabbo’’ti. Desanāvilāso hi nāma vineyyajjhāsayānurūpaṃ vijjamānasseva pariyāyassa vibhāvanaṃ na yassa kassacīti. Tattha ca ‘‘pariyāyadesanattā’’tiādinā vuttappakāravavatthānaṃ desanāvilāsanibandhanamāha. Tathā ceva hi purato desanāvilāso vibhāvito.
อภิภายตนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhibhāyatanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปาวจรกุสลํ • Rūpāvacarakusalaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อภิภายตนกถา • Abhibhāyatanakathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อภิภายตนกถาวณฺณนา • Abhibhāyatanakathāvaṇṇanā