Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๑๕๕. อภิธมฺมภาชนีเย ยถา เหฎฺฐา วิปสฺสกานํ อุปการตฺถาย ‘‘จกฺขายตนํ รูปายตน’’นฺติ ยุคลโต อายตนานิ วุตฺตานิ, ตถา อวตฺวา อชฺฌตฺติกพาหิรานํ สพฺพาการโต สภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘จกฺขายตนํ โสตายตน’’นฺติ เอวํ อชฺฌตฺติกพาหิรววตฺถานนเยน วุตฺตานิฯ
155. Abhidhammabhājanīye yathā heṭṭhā vipassakānaṃ upakāratthāya ‘‘cakkhāyatanaṃ rūpāyatana’’nti yugalato āyatanāni vuttāni, tathā avatvā ajjhattikabāhirānaṃ sabbākārato sabhāvadassanatthaṃ ‘‘cakkhāyatanaṃ sotāyatana’’nti evaṃ ajjhattikabāhiravavatthānanayena vuttāni.
๑๕๖. เตสํ นิเทฺทสวาเร ตตฺถ กตมํ จกฺขายตนนฺติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
156. Tesaṃ niddesavāre tattha katamaṃ cakkhāyatanantiādīni heṭṭhā vuttanayeneva veditabbāni.
๑๖๗. ยํ ปเนตํ ธมฺมายตนนิเทฺทเส ‘‘ตตฺถ กตมา อสงฺขตา ธาตุ? ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’’ติ วุตฺตํ, ตตฺรายมโตฺถ – อสงฺขตา ธาตูติ อสงฺขตสภาวํ นิพฺพานํฯ ยสฺมา ปเนตํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺติ, ตสฺมา ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุตฺตํฯ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานตฺถกถาฯ
167. Yaṃ panetaṃ dhammāyatananiddese ‘‘tattha katamā asaṅkhatā dhātu? Rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayo’’ti vuttaṃ, tatrāyamattho – asaṅkhatā dhātūti asaṅkhatasabhāvaṃ nibbānaṃ. Yasmā panetaṃ āgamma rāgādayo khīyanti, tasmā rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuttaṃ. Ayamettha ācariyānaṃ samānatthakathā.
วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘ปาฎิเยกฺกํ นิพฺพานํ นาม นตฺถิ, กิเลสกฺขโยว นิพฺพาน’นฺติฯ ‘สุตฺตํ อาหรา’ติ จ วุเตฺต ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพานนฺติ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตมํ นุ โข, อาวุโส, นิพฺพานนฺติ? โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย – อิทํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ เอตํ ชมฺพุขาทกสุตฺตํ อาหริตฺวา ‘อิมินา สุเตฺตน เวทิตพฺพํ ปาฎิเยกฺกํ นิพฺพานํ นาม นตฺถิ, กิเลสกฺขโยว นิพฺพาน’นฺติ อาหฯ โส วตฺตโพฺพ – ‘กิํ ปน ยถา เจตํ สุตฺตํ ตถา อโตฺถ’ติ? อทฺธา วกฺขติ – ‘อาม , นตฺถิ สุตฺตโต มุญฺจิตฺวา อโตฺถ’ติฯ ตโต วตฺตโพฺพ – ‘อิทํ ตาว เต สุตฺตํ อาภตํ; อนนฺตรสุตฺตํ อาหรา’ติฯ อนนฺตรสุตฺตํ นาม – ‘‘อรหตฺตํ อรหตฺตนฺติ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตมํ นุ โข, อาวุโส, อรหตฺตนฺติ? โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย – อิทํ วุจฺจติ อรหตฺต’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕) อิทํ ตเสฺสวานนฺตรํ อาภตสุตฺตํฯ
Vitaṇḍavādī panāha – ‘pāṭiyekkaṃ nibbānaṃ nāma natthi, kilesakkhayova nibbāna’nti. ‘Suttaṃ āharā’ti ca vutte ‘‘nibbānaṃ nibbānanti kho, āvuso sāriputta, vuccati; katamaṃ nu kho, āvuso, nibbānanti? Yo kho, āvuso, rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayo – idaṃ vuccati nibbāna’’nti etaṃ jambukhādakasuttaṃ āharitvā ‘iminā suttena veditabbaṃ pāṭiyekkaṃ nibbānaṃ nāma natthi, kilesakkhayova nibbāna’nti āha. So vattabbo – ‘kiṃ pana yathā cetaṃ suttaṃ tathā attho’ti? Addhā vakkhati – ‘āma , natthi suttato muñcitvā attho’ti. Tato vattabbo – ‘idaṃ tāva te suttaṃ ābhataṃ; anantarasuttaṃ āharā’ti. Anantarasuttaṃ nāma – ‘‘arahattaṃ arahattanti, āvuso sāriputta, vuccati; katamaṃ nu kho, āvuso, arahattanti? Yo kho, āvuso, rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayo – idaṃ vuccati arahatta’’nti (saṃ. ni. 4.315) idaṃ tassevānantaraṃ ābhatasuttaṃ.
อิมสฺมิํ ปน นํ อาภเต อาหํสุ – ‘นิพฺพานํ นาม ธมฺมายตนปริยาปโนฺน ธโมฺม, อรหตฺตํ จตฺตาโร ขนฺธาฯ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรโนฺต ธมฺมเสนาปติ นิพฺพานํ ปุจฺฉิโตปิ อรหตฺตํ ปุจฺฉิโตปิ กิเลสกฺขยเมว อาหฯ กิํ ปน นิพฺพานญฺจ อรหตฺตญฺจ เอกํ อุทาหุ นาน’นฺติ? ‘เอกํ วา โหตุ นานํ วาฯ โก เอตฺถ ตยา อติพหุํ จุณฺณีกรณํ กโรเนฺตน อโตฺถ’? ‘น ตฺวํ เอกํ นานํ ชานาสีติฯ นนุ ญาเต สาธุ โหตี’ติ เอวํ ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิโต วเญฺจตุํ อสโกฺกโนฺต อาห – ‘ราคาทีนํ ขีณเนฺต อุปฺปนฺนตฺตา อรหตฺตํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’ติ วุจฺจตีติฯ ตโต นํ อาหํสุ – ‘มหากมฺมํ เต กตํฯ ลญฺชํ ทตฺวาปิ ตํ วทาเปโนฺต เอตเทว วทาเปยฺยฯ ยเถว จ เต เอตํ วิภชิตฺวา กถิตํ, เอวํ อิทมฺปิ สลฺลเกฺขหิ – นิพฺพานญฺหิ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุตฺตํฯ ตีณิปิ หิ เอตานิ นิพฺพานเสฺสว อธิวจนานี’ติฯ
Imasmiṃ pana naṃ ābhate āhaṃsu – ‘nibbānaṃ nāma dhammāyatanapariyāpanno dhammo, arahattaṃ cattāro khandhā. Nibbānaṃ sacchikatvā viharanto dhammasenāpati nibbānaṃ pucchitopi arahattaṃ pucchitopi kilesakkhayameva āha. Kiṃ pana nibbānañca arahattañca ekaṃ udāhu nāna’nti? ‘Ekaṃ vā hotu nānaṃ vā. Ko ettha tayā atibahuṃ cuṇṇīkaraṇaṃ karontena attho’? ‘Na tvaṃ ekaṃ nānaṃ jānāsīti. Nanu ñāte sādhu hotī’ti evaṃ punappunaṃ pucchito vañcetuṃ asakkonto āha – ‘rāgādīnaṃ khīṇante uppannattā arahattaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayo’ti vuccatīti. Tato naṃ āhaṃsu – ‘mahākammaṃ te kataṃ. Lañjaṃ datvāpi taṃ vadāpento etadeva vadāpeyya. Yatheva ca te etaṃ vibhajitvā kathitaṃ, evaṃ idampi sallakkhehi – nibbānañhi āgamma rāgādayo khīṇāti nibbānaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuttaṃ. Tīṇipi hi etāni nibbānasseva adhivacanānī’ti.
สเจ เอวํ วุเตฺต สญฺญตฺติํ คจฺฉติ อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ, พหุนิพฺพานตาย กาเรตโพฺพฯ กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘ราคกฺขโย นาม ราคเสฺสว ขโย อุทาหุ โทสโมหานมฺปิ? โทสกฺขโย นาม โทสเสฺสว ขโย อุทาหุ ราคโมหานมฺปิ? โมหกฺขโย นาม โมหเสฺสว ขโย อุทาหุ ราคโทสานมฺปี’ติ? อทฺธา วกฺขติ – ‘ราคกฺขโย นาม ราคเสฺสว ขโย, โทสกฺขโย นาม โทสเสฺสว ขโย, โมหกฺขโย นาม โมหเสฺสว ขโย’ติฯ
Sace evaṃ vutte saññattiṃ gacchati iccetaṃ kusalaṃ; no ce, bahunibbānatāya kāretabbo. Kathaṃ? Evaṃ tāva pucchitabbo – ‘rāgakkhayo nāma rāgasseva khayo udāhu dosamohānampi? Dosakkhayo nāma dosasseva khayo udāhu rāgamohānampi? Mohakkhayo nāma mohasseva khayo udāhu rāgadosānampī’ti? Addhā vakkhati – ‘rāgakkhayo nāma rāgasseva khayo, dosakkhayo nāma dosasseva khayo, mohakkhayo nāma mohasseva khayo’ti.
ตโต วตฺตโพฺพ – ‘ตว วาเท ราคกฺขโย เอกํ นิพฺพานํ โหติ, โทสกฺขโย เอกํ, โมหกฺขโย เอกํ; ติณฺณํ อกุสลมูลานํ ขเย ตีณิ นิพฺพานานิ โหนฺติ, จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขเย จตฺตาริ, ปญฺจนฺนํ นีวรณานํ ขเย ปญฺจ, ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ขเย ฉ, สตฺตนฺนํ อนุสยานํ ขเย สตฺต, อฎฺฐนฺนํ มิจฺฉตฺตานํ ขเย อฎฺฐ, นวนฺนํ ตณฺหามูลกธมฺมานํ ขเย นว, ทสนฺนํ สํโยชนานํ ขเย ทส, ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสสฺส ขเย ปาฎิเยกฺกํ ปาฎิเยกฺกํ นิพฺพานนฺติ พหูนิ นิพฺพานานิ โหนฺติฯ นตฺถิ ปน เต นิพฺพานานํ ปมาณนฺติฯ เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติฯ ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานเสฺสว อธิวจนานีติ คณฺห’ฯ
Tato vattabbo – ‘tava vāde rāgakkhayo ekaṃ nibbānaṃ hoti, dosakkhayo ekaṃ, mohakkhayo ekaṃ; tiṇṇaṃ akusalamūlānaṃ khaye tīṇi nibbānāni honti, catunnaṃ upādānānaṃ khaye cattāri, pañcannaṃ nīvaraṇānaṃ khaye pañca, channaṃ taṇhākāyānaṃ khaye cha, sattannaṃ anusayānaṃ khaye satta, aṭṭhannaṃ micchattānaṃ khaye aṭṭha, navannaṃ taṇhāmūlakadhammānaṃ khaye nava, dasannaṃ saṃyojanānaṃ khaye dasa, diyaḍḍhakilesasahassassa khaye pāṭiyekkaṃ pāṭiyekkaṃ nibbānanti bahūni nibbānāni honti. Natthi pana te nibbānānaṃ pamāṇanti. Evaṃ pana aggahetvā nibbānaṃ āgamma rāgādayo khīṇāti ekameva nibbānaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuccati. Tīṇipi hetāni nibbānasseva adhivacanānīti gaṇha’.
สเจ ปน เอวํ วุเตฺตปิ น สลฺลเกฺขติ, โอฬาริกตาย กาเรตโพฺพฯ กถํ? ‘อนฺธพาลา หิ อจฺฉทีปิมิคมกฺกฎาทโยปิ กิเลสปริยุฎฺฐิตา วตฺถุํ ปฎิเสวนฺติฯ อถ เนสํ ปฎิเสวนปริยเนฺต กิเลโส วูปสมฺมติฯ ตว วาเท อจฺฉทีปิมิคมกฺกฎาทโย นิพฺพานปฺปตฺตา นาม โหนฺติฯ โอฬาริกํ วต เต นิพฺพานํ ถูลํ, กเณฺณหิ ปิฬนฺธิตุํ น สกฺกาติฯ เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติฯ ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานเสฺสว อธิวจนานีติ คณฺห’ฯ
Sace pana evaṃ vuttepi na sallakkheti, oḷārikatāya kāretabbo. Kathaṃ? ‘Andhabālā hi acchadīpimigamakkaṭādayopi kilesapariyuṭṭhitā vatthuṃ paṭisevanti. Atha nesaṃ paṭisevanapariyante kileso vūpasammati. Tava vāde acchadīpimigamakkaṭādayo nibbānappattā nāma honti. Oḷārikaṃ vata te nibbānaṃ thūlaṃ, kaṇṇehi piḷandhituṃ na sakkāti. Evaṃ pana aggahetvā nibbānaṃ āgamma rāgādayo khīṇāti ekameva nibbānaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuccati. Tīṇipi hetāni nibbānasseva adhivacanānīti gaṇha’.
สเจ ปน เอวํ วุเตฺตปิ น สลฺลเกฺขติ, โคตฺรภุนาปิ กาเรตโพฺพฯ กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘ตฺวํ โคตฺรภุ นาม อตฺถีติ วเทสี’ติ? ‘อาม วทามี’ติฯ ‘โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสา ขีณา, ขียนฺติ, ขียิสฺสนฺตี’ติ? น ขีณา, น ขียนฺติ; อปิจ โข ขียิสฺสนฺตีติฯ ‘โคตฺรภุ ปน กิํ อารมฺมณํ กโรตี’ติ? ‘นิพฺพานํ’ฯ ‘ตว โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสา น ขีณา, น ขียนฺติ; อถ โข ขียิสฺสนฺติฯ ตฺวํ อขีเณสุเยว กิเลเสสุ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ ปญฺญเปสิ, อปฺปหีเนสุ อนุสเยสุ อนุสยปฺปหานํ นิพฺพานํ ปญฺญเปสิฯ ตํ เต น สเมติฯ เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติฯ ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานเสฺสว อธิวจนานีติ คณฺห’ฯ
Sace pana evaṃ vuttepi na sallakkheti, gotrabhunāpi kāretabbo. Kathaṃ? Evaṃ tāva pucchitabbo – ‘tvaṃ gotrabhu nāma atthīti vadesī’ti? ‘Āma vadāmī’ti. ‘Gotrabhukkhaṇe kilesā khīṇā, khīyanti, khīyissantī’ti? Na khīṇā, na khīyanti; apica kho khīyissantīti. ‘Gotrabhu pana kiṃ ārammaṇaṃ karotī’ti? ‘Nibbānaṃ’. ‘Tava gotrabhukkhaṇe kilesā na khīṇā, na khīyanti; atha kho khīyissanti. Tvaṃ akhīṇesuyeva kilesesu kilesakkhayaṃ nibbānaṃ paññapesi, appahīnesu anusayesu anusayappahānaṃ nibbānaṃ paññapesi. Taṃ te na sameti. Evaṃ pana aggahetvā nibbānaṃ āgamma rāgādayo khīṇāti ekameva nibbānaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuccati. Tīṇipi hetāni nibbānasseva adhivacanānīti gaṇha’.
สเจ ปน เอวํ วุเตฺตปิ น สลฺลเกฺขติ, มเคฺคน กาเรตโพฺพฯ กถํ? เอวํ ตาว ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘ตฺวํ มคฺคํ นาม วเทสี’ติ? ‘อาม วเทมี’ติฯ ‘มคฺคกฺขเณ กิเลสา ขีณา, ขียนฺติ, ขิยิสฺสนฺตี’ติ? ชานมาโน วกฺขติ – ‘ขีณาติ วา ขียิสฺสนฺตีติ วา วตฺตุํ น วฎฺฎติ, ขียนฺตีติ วตฺตุํ วฎฺฎตี’ติฯ ‘ยทิ เอวํ, มคฺคสฺส กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ กตมํ? มเคฺคน ขียนกกิเลสา กตเม? มโคฺค กตมํ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา กตเม กิเลเส เขเปติ? ตสฺมา มา เอวํ คณฺหฯ นิพฺพานํ ปน อาคมฺม ราคาทโย ขีณาติ เอกเมว นิพฺพานํ ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วุจฺจติฯ ตีณิปิ เหตานิ นิพฺพานเสฺสว อธิวจนานี’ติฯ
Sace pana evaṃ vuttepi na sallakkheti, maggena kāretabbo. Kathaṃ? Evaṃ tāva pucchitabbo – ‘tvaṃ maggaṃ nāma vadesī’ti? ‘Āma vademī’ti. ‘Maggakkhaṇe kilesā khīṇā, khīyanti, khiyissantī’ti? Jānamāno vakkhati – ‘khīṇāti vā khīyissantīti vā vattuṃ na vaṭṭati, khīyantīti vattuṃ vaṭṭatī’ti. ‘Yadi evaṃ, maggassa kilesakkhayaṃ nibbānaṃ katamaṃ? Maggena khīyanakakilesā katame? Maggo katamaṃ kilesakkhayaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā katame kilese khepeti? Tasmā mā evaṃ gaṇha. Nibbānaṃ pana āgamma rāgādayo khīṇāti ekameva nibbānaṃ rāgakkhayo dosakkhayo mohakkhayoti vuccati. Tīṇipi hetāni nibbānasseva adhivacanānī’ti.
เอวํ วุเตฺต เอวมาห – ‘ตฺวํ อาคมฺม อาคมฺมาติ วเทสี’ติ? ‘อาม วเทมี’ติฯ ‘อาคมฺม นามาติ อิทํ เต กุโต ลทฺธ’นฺติ? ‘สุตฺตโต ลทฺธ’นฺติ ฯ ‘อาหร สุตฺต’นฺติฯ ‘‘เอวํ อวิชฺชา จ ตณฺหา จ ตํ อาคมฺม, ตมฺหิ ขีณา, ตมฺหิ ภคฺคา, น จ กิญฺจิ กทาจี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต ปรวาที ตุณฺหีภาวํ อาปโนฺนติฯ
Evaṃ vutte evamāha – ‘tvaṃ āgamma āgammāti vadesī’ti? ‘Āma vademī’ti. ‘Āgamma nāmāti idaṃ te kuto laddha’nti? ‘Suttato laddha’nti . ‘Āhara sutta’nti. ‘‘Evaṃ avijjā ca taṇhā ca taṃ āgamma, tamhi khīṇā, tamhi bhaggā, na ca kiñci kadācī’’ti. Evaṃ vutte paravādī tuṇhībhāvaṃ āpannoti.
อิธาปิ ทสายตนานิ กามาวจรานิ, เทฺว ปน จตุภูมกานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Idhāpi dasāyatanāni kāmāvacarāni, dve pana catubhūmakāni lokiyalokuttaramissakānīti veditabbāni.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo