Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๑๘๓. อภิธมฺมภาชนีเย สรูเปเนว สพฺพาปิ ธาตุโย ทเสฺสโนฺต อฎฺฐารส ธาตุโย – จกฺขุธาตุ รูปธาตูติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุเทฺทสวาเร ตาว –
183. Abhidhammabhājanīye sarūpeneva sabbāpi dhātuyo dassento aṭṭhārasa dhātuyo – cakkhudhātu rūpadhātūtiādimāha. Tattha uddesavāre tāva –
อตฺถโต ลกฺขณาทิโต, กมตาวตฺวสงฺขโต;
Atthato lakkhaṇādito, kamatāvatvasaṅkhato;
ปจฺจยา อถ ทฎฺฐพฺพา, เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Paccayā atha daṭṭhabbā, veditabbo vinicchayo.
ตตฺถ ‘อตฺถโต’ติ จกฺขตีติ จกฺขุฯ รูปยตีติ รูปํฯ จกฺขุสฺส วิญฺญาณํ จกฺขุวิญฺญาณนฺติ เอวมาทินา ตาว นเยน จกฺขาทีนํ วิเสสตฺถโต เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ อวิเสเสน ปน วิทหติ, ธียเต, วิธานํ, วิธียเต เอตาย, เอตฺถ วา ธียตีติ ธาตุฯ โลกิยา หิ ธาตุโย การณภาเวน ววตฺถิตา หุตฺวา สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิย สุวณฺณรชตาทิํ อเนกปฺปการํ สํสารทุกฺขํ วิทหนฺติ ; ภารหาเรหิ จ ภาโร วิย สเตฺตหิ ธียเนฺต ธารียเนฺตติ อโตฺถฯ ทุกฺขวิธานมตฺตเมว เจตา อวสวตฺตนโตฯ เอตาหิ จ กรณภูตาหิ สํสารทุกฺขํ สเตฺตหิ อนุวิธียติ; ตถาวิหิตเญฺจตํ เอตาเสฺวว ธียติ ฐปียตีติ อโตฺถฯ อิติ จกฺขาทีสุ เอเกโก ธโมฺม ยถาสมฺภวํ วิทหติ ธียเตติอาทิอตฺถวเสน ธาตูติ วุจฺจติฯ
Tattha ‘atthato’ti cakkhatīti cakkhu. Rūpayatīti rūpaṃ. Cakkhussa viññāṇaṃ cakkhuviññāṇanti evamādinā tāva nayena cakkhādīnaṃ visesatthato veditabbo vinicchayo. Avisesena pana vidahati, dhīyate, vidhānaṃ, vidhīyate etāya, ettha vā dhīyatīti dhātu. Lokiyā hi dhātuyo kāraṇabhāvena vavatthitā hutvā suvaṇṇarajatādidhātuyo viya suvaṇṇarajatādiṃ anekappakāraṃ saṃsāradukkhaṃ vidahanti ; bhārahārehi ca bhāro viya sattehi dhīyante dhārīyanteti attho. Dukkhavidhānamattameva cetā avasavattanato. Etāhi ca karaṇabhūtāhi saṃsāradukkhaṃ sattehi anuvidhīyati; tathāvihitañcetaṃ etāsveva dhīyati ṭhapīyatīti attho. Iti cakkhādīsu ekeko dhammo yathāsambhavaṃ vidahati dhīyatetiādiatthavasena dhātūti vuccati.
อปิจ ยถา ติตฺถิยานํ อตฺตา นาม สภาวโต นตฺถิ, น เอวเมตาฯ เอตา ปน อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโยฯ ยถา จ โลเก วิจิตฺตา หริตาลมโนสิลาทโย สิลาวยวา ธาตุโยติ วุจฺจนฺติ, เอวเมตาปิ ธาตุโย วิย ธาตุโยฯ วิจิตฺตา เหตา ญาณเญยฺยาวยวาติฯ ยถา วา สรีรสงฺขาตสฺส สมุทายสฺส อวยวภูเตสุ รสโสณิตาทีสุ อญฺญมญฺญํ วิสภาคลกฺขณปริจฺฉิเนฺนสุ ธาตุสมญฺญา, เอวเมเตสุปิ ปญฺจกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส อวยเวสุ ธาตุสมญฺญา เวทิตพฺพาฯ อญฺญมญฺญวิสภาคลกฺขณปริจฺฉินฺนา เหเต จกฺขาทโยติฯ อปิจ ธาตูติ นิชฺชีวมตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตถา หิ ภควา – ‘‘ฉ ธาตุโร อยํ, ภิกฺขุ, ปุริโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๓-๓๔๔) ชีวสญฺญาสมูหนตฺถํ ธาตุเทสนํ อกาสีติฯ ตสฺมา ยถาวุเตฺตนเตฺถน จกฺขุ จ ตํ ธาตุ จาติ จกฺขุธาตุ …เป.… มโนวิญฺญาณญฺจ ตํ ธาตุ จาติ มโนวิญฺญาณธาตูติ เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Apica yathā titthiyānaṃ attā nāma sabhāvato natthi, na evametā. Etā pana attano sabhāvaṃ dhārentīti dhātuyo. Yathā ca loke vicittā haritālamanosilādayo silāvayavā dhātuyoti vuccanti, evametāpi dhātuyo viya dhātuyo. Vicittā hetā ñāṇañeyyāvayavāti. Yathā vā sarīrasaṅkhātassa samudāyassa avayavabhūtesu rasasoṇitādīsu aññamaññaṃ visabhāgalakkhaṇaparicchinnesu dhātusamaññā, evametesupi pañcakkhandhasaṅkhātassa attabhāvassa avayavesu dhātusamaññā veditabbā. Aññamaññavisabhāgalakkhaṇaparicchinnā hete cakkhādayoti. Apica dhātūti nijjīvamattassetaṃ adhivacanaṃ. Tathā hi bhagavā – ‘‘cha dhāturo ayaṃ, bhikkhu, puriso’’tiādīsu (ma. ni. 3.343-344) jīvasaññāsamūhanatthaṃ dhātudesanaṃ akāsīti. Tasmā yathāvuttenatthena cakkhu ca taṃ dhātu cāti cakkhudhātu …pe… manoviññāṇañca taṃ dhātu cāti manoviññāṇadhātūti evaṃ tāvettha atthato viññātabbo vinicchayo.
‘ลกฺขณาทิโต’ติ จกฺขาทีนํ ลกฺขณาทิโต เปตฺถ เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ ตานิ จ ปน เตสํ ลกฺขณาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
‘Lakkhaṇādito’ti cakkhādīnaṃ lakkhaṇādito pettha veditabbo vinicchayo. Tāni ca pana tesaṃ lakkhaṇādīni heṭṭhā vuttanayeneva veditabbāni.
‘กมโต’ติ อิธาปิ ปุเพฺพ วุเตฺตสุ อุปฺปตฺติกฺกมาทีสุ เทสนากฺกโมว ยุชฺชติฯ โส จ ปนายํ เหตุผลานุปุพฺพววตฺถานวเสน วุโตฺตฯ จกฺขุธาตุ รูปธาตูติ อิทญฺหิ ทฺวยํ เหตุฯ จกฺขุวิญฺญาณธาตูติ ผลํฯ เอวํ สพฺพตฺถ กมโต เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
‘Kamato’ti idhāpi pubbe vuttesu uppattikkamādīsu desanākkamova yujjati. So ca panāyaṃ hetuphalānupubbavavatthānavasena vutto. Cakkhudhātu rūpadhātūti idañhi dvayaṃ hetu. Cakkhuviññāṇadhātūti phalaṃ. Evaṃ sabbattha kamato veditabbo vinicchayo.
‘ตาวตฺวโต’ติ ตาวภาวโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตสุ เตสุ หิ สุตฺตาภิธมฺมปเทเสสุ อาภาธาตุ, สุภธาตุ, อากาสานญฺจายตนธาตุ, วิญฺญาณญฺจายตนธาตุ, อากิญฺจญฺญายตนธาตุ , เนวสญฺญานาสญฺญายตนธาตุ, สญฺญาเวทยิตนิโรธธาตุ, กามธาตุ, พฺยาปาทธาตุ, วิหิํสาธาตุ, เนกฺขมฺมธาตุ, อพฺยาปาทธาตุ, อวิหิํสาธาตุ, สุขธาตุ, ทุกฺขธาตุ, โสมนสฺสธาตุ, โทมนสฺสธาตุ, อุเปกฺขาธาตุ , อวิชฺชาธาตุ, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ, หีนธาตุ, มชฺฌิมธาตุ, ปณีตธาตุ, ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิญฺญาณธาตุ, สงฺขตธาตุ, อสงฺขตธาตุ, อเนกธาตุนานาธาตุโลโกติ เอวมาทโย อญฺญาปิ ธาตุโย ทิสฺสนฺติฯ
‘Tāvatvato’ti tāvabhāvato. Idaṃ vuttaṃ hoti – tesu tesu hi suttābhidhammapadesesu ābhādhātu, subhadhātu, ākāsānañcāyatanadhātu, viññāṇañcāyatanadhātu, ākiñcaññāyatanadhātu , nevasaññānāsaññāyatanadhātu, saññāvedayitanirodhadhātu, kāmadhātu, byāpādadhātu, vihiṃsādhātu, nekkhammadhātu, abyāpādadhātu, avihiṃsādhātu, sukhadhātu, dukkhadhātu, somanassadhātu, domanassadhātu, upekkhādhātu , avijjādhātu, ārambhadhātu, nikkamadhātu, parakkamadhātu, hīnadhātu, majjhimadhātu, paṇītadhātu, pathavīdhātu, āpodhātu, tejodhātu, vāyodhātu, ākāsadhātu, viññāṇadhātu, saṅkhatadhātu, asaṅkhatadhātu, anekadhātunānādhātulokoti evamādayo aññāpi dhātuyo dissanti.
เอวํ สติ สพฺพาสํ วเสน ปริเจฺฉทํ อกตฺวา กสฺมา อฎฺฐารสาติ อยเมว ปริเจฺฉโท กโตติ เจ? สภาวโต วิชฺชมานานํ สพฺพธาตูนํ ตทโนฺตคธตฺตาฯ รูปธาตุเยว หิ อาภาธาตุฯ สุภธาตุ ปน รูปาทิปฺปฎิพทฺธาฯ กสฺมา? สุภนิมิตฺตตฺตาฯ สุภนิมิตฺตญฺหิ สุภธาตุฯ ตญฺจ รูปาทิวินิมุตฺตํ น วิชฺชติ, กุสลวิปาการมฺมณา วา รูปาทโย เอว สุภธาตูติ รูปาทิมตฺตเมเวสาฯ อากาสานญฺจายตนธาตุอาทีสุ จิตฺตํ มโนวิญฺญาณธาตุฯ เสสา ธมฺมา ธมฺมธาตุฯ สญฺญาเวทยิตนิโรธธาตุ ปน สภาวโต นตฺถิ; ธาตุทฺวยนิโรธมตฺตเมว หิ สาฯ กามธาตุ ธมฺมธาตุมตฺตํ วา โหติ, ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมา กามธาตุ? กามปฎิสํยุโตฺต ตโกฺก …เป.… มิจฺฉาสงฺกโปฺป’’ติ; อฎฺฐารสปิ ธาตุโย วา, ยถาห ‘‘เหฎฺฐโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อโนฺตกริตฺวา ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเร เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, รูปา, เวทนา, สญฺญา, สงฺขารา, วิญฺญาณํ – อยํ วุจฺจติ กามธาตู’’ติฯ เนกฺขมฺมธาตุ ธมฺมธาตุ เอว; ‘‘สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมธาตู’’ติ วา วจนโต มโนวิญฺญาณธาตุปิ โหติเยวฯ พฺยาปาทวิหิํสาอพฺยาปาทอวิหิํสาสุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาอวิชฺชาอารมฺภนิกฺกมปรกฺกมธาตุโย ธมฺมธาตุเยวฯ
Evaṃ sati sabbāsaṃ vasena paricchedaṃ akatvā kasmā aṭṭhārasāti ayameva paricchedo katoti ce? Sabhāvato vijjamānānaṃ sabbadhātūnaṃ tadantogadhattā. Rūpadhātuyeva hi ābhādhātu. Subhadhātu pana rūpādippaṭibaddhā. Kasmā? Subhanimittattā. Subhanimittañhi subhadhātu. Tañca rūpādivinimuttaṃ na vijjati, kusalavipākārammaṇā vā rūpādayo eva subhadhātūti rūpādimattamevesā. Ākāsānañcāyatanadhātuādīsu cittaṃ manoviññāṇadhātu. Sesā dhammā dhammadhātu. Saññāvedayitanirodhadhātu pana sabhāvato natthi; dhātudvayanirodhamattameva hi sā. Kāmadhātu dhammadhātumattaṃ vā hoti, yathāha ‘‘tattha katamā kāmadhātu? Kāmapaṭisaṃyutto takko …pe… micchāsaṅkappo’’ti; aṭṭhārasapi dhātuyo vā, yathāha ‘‘heṭṭhato avīcinirayaṃ pariyantaṃ katvā uparito paranimmitavasavattideve antokaritvā yaṃ etasmiṃ antare etthāvacarā ettha pariyāpannā khandhadhātuāyatanā, rūpā, vedanā, saññā, saṅkhārā, viññāṇaṃ – ayaṃ vuccati kāmadhātū’’ti. Nekkhammadhātu dhammadhātu eva; ‘‘sabbepi kusalā dhammā nekkhammadhātū’’ti vā vacanato manoviññāṇadhātupi hotiyeva. Byāpādavihiṃsāabyāpādaavihiṃsāsukhadukkhasomanassadomanassupekkhāavijjāārambhanikkamaparakkamadhātuyo dhammadhātuyeva.
หีนมชฺฌิมปณีตธาตุโย อฎฺฐารสธาตุมตฺตเมวฯ หีนา หิ จกฺขาทโย หีนธาตุฯ มชฺฌิมปณีตา จกฺขาทโย มชฺฌิมา เจว ปณีตา จ ธาตูฯ นิปฺปริยาเยน ปน อกุสลา ธมฺมธาตุมโนวิญฺญาณธาตุโย หีนธาตุฯ โลกิยา กุสลาพฺยากตา อุโภปิ จกฺขุธาตุอาทโย จ มชฺฌิมธาตุฯ โลกุตฺตรา ปน ธมฺมธาตุมโนวิญฺญาณธาตุโย ปณีตธาตุฯ ปถวีเตโชวาโยธาตุโย โผฎฺฐพฺพธาตุเยวฯ อาโปธาตุ อากาสธาตุ จ ธมฺมธาตุเยวฯ วิญฺญาณธาตุ จกฺขุวิญฺญาณาทิสตฺตวิญฺญาณธาตุสเงฺขโปเยวฯ สตฺตรส ธาตุโย ธมฺมธาตุเอกเทโส จ สงฺขตธาตุฯ อสงฺขตธาตุ ปน ธมฺมธาตุเอกเทโสวฯ อเนกธาตุนานาธาตุโลโก ปน อฎฺฐารสธาตุปฺปเภทมตฺตเมวาติฯ อิติ สภาวโต วิชฺชมานานํ สพฺพธาตูนํ ตทโนฺตคธตฺตา อฎฺฐารเสว วุตฺตาติฯ
Hīnamajjhimapaṇītadhātuyo aṭṭhārasadhātumattameva. Hīnā hi cakkhādayo hīnadhātu. Majjhimapaṇītā cakkhādayo majjhimā ceva paṇītā ca dhātū. Nippariyāyena pana akusalā dhammadhātumanoviññāṇadhātuyo hīnadhātu. Lokiyā kusalābyākatā ubhopi cakkhudhātuādayo ca majjhimadhātu. Lokuttarā pana dhammadhātumanoviññāṇadhātuyo paṇītadhātu. Pathavītejovāyodhātuyo phoṭṭhabbadhātuyeva. Āpodhātu ākāsadhātu ca dhammadhātuyeva. Viññāṇadhātu cakkhuviññāṇādisattaviññāṇadhātusaṅkhepoyeva. Sattarasa dhātuyo dhammadhātuekadeso ca saṅkhatadhātu. Asaṅkhatadhātu pana dhammadhātuekadesova. Anekadhātunānādhātuloko pana aṭṭhārasadhātuppabhedamattamevāti. Iti sabhāvato vijjamānānaṃ sabbadhātūnaṃ tadantogadhattā aṭṭhāraseva vuttāti.
อปิจ วิชานนสภาเว วิญฺญาเณ ชีวสญฺญีนํ ชีวสญฺญาสมูหนตฺถมฺปิ อฎฺฐารเสว วุตฺตา ฯ สนฺติ หิ สตฺตา วิชานนสภาเว วิญฺญาเณ ชีวสญฺญิโนฯ เตสํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณมโนวิญฺญาณธาตุเภเทน ตสฺสา อเนกตฺตํ, จกฺขุรูปาทิปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อนิจฺจตญฺจ ปกาเสตฺวา ทีฆรตฺตานุสยิตํ ชีวสญฺญํ สมูหนิตุกาเมน ภควตา อฎฺฐารส ธาตุโย ปกาสิตาฯ กิญฺจ ภิโยฺย? ตถา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน; เย จ อิมาย นาติสเงฺขปวิตฺถาราย เทสนาย เวเนยฺยา สตฺตา, ตทชฺฌาสยวเสน จ อฎฺฐารเสว ปกาสิตาฯ
Apica vijānanasabhāve viññāṇe jīvasaññīnaṃ jīvasaññāsamūhanatthampi aṭṭhāraseva vuttā . Santi hi sattā vijānanasabhāve viññāṇe jīvasaññino. Tesaṃ cakkhusotaghānajivhākāyaviññāṇamanoviññāṇadhātubhedena tassā anekattaṃ, cakkhurūpādipaccayāyattavuttitāya aniccatañca pakāsetvā dīgharattānusayitaṃ jīvasaññaṃ samūhanitukāmena bhagavatā aṭṭhārasa dhātuyo pakāsitā. Kiñca bhiyyo? Tathā veneyyajjhāsayavasena; ye ca imāya nātisaṅkhepavitthārāya desanāya veneyyā sattā, tadajjhāsayavasena ca aṭṭhāraseva pakāsitā.
สเงฺขปวิตฺถารนเยน ตถา ตถา หิ,
Saṅkhepavitthāranayena tathā tathā hi,
ธมฺมํ ปกาสยติ เอส ยถา ยถาสฺส;
Dhammaṃ pakāsayati esa yathā yathāssa;
สทฺธมฺมเตชวิหตํ วิลยํ ขเณน,
Saddhammatejavihataṃ vilayaṃ khaṇena,
เวเนยฺยสตฺตหทเยสุ ตโม ปยาตีติฯ
Veneyyasattahadayesu tamo payātīti.
เอวเมตฺถ ‘ตาวตฺวโต’ เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Evamettha ‘tāvatvato’ veditabbo vinicchayo.
‘สงฺขโต’ติ จกฺขุธาตุ ตาว ชาติโต เอโก ธโมฺมเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ จกฺขุปสาทวเสนฯ ตถา โสตฆานชิวฺหากายรูปสทฺทคนฺธรสธาตุโย โสตปสาทาทิวเสนฯ โผฎฺฐพฺพธาตุ ปน ปถวีเตโชวาโยวเสน ตโย ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติฯ จกฺขุวิญฺญาณธาตุ กุสลากุสลวิปากวเสน เทฺว ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติฯ ตถา โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณธาตุโยฯ มโนธาตุ ปน ปญฺจทฺวาราวชฺชนกุสลากุสลวิปากสมฺปฎิจฺฉนวเสน ตโย ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติฯ ธมฺมธาตุ ติณฺณํ อรูปกฺขนฺธานํ, โสฬสนฺนํ สุขุมรูปานํ, อสงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน วีสติธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติฯ มโนวิญฺญาณธาตุ เสสกุสลากุสลาพฺยากตวิญฺญาณวเสน ฉสตฺตติธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉตีติ เอวเมตฺถ ‘สงฺขโต’ เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
‘Saṅkhato’ti cakkhudhātu tāva jātito eko dhammotveva saṅkhaṃ gacchati cakkhupasādavasena. Tathā sotaghānajivhākāyarūpasaddagandharasadhātuyo sotapasādādivasena. Phoṭṭhabbadhātu pana pathavītejovāyovasena tayo dhammāti saṅkhaṃ gacchati. Cakkhuviññāṇadhātu kusalākusalavipākavasena dve dhammāti saṅkhaṃ gacchati. Tathā sotaghānajivhākāyaviññāṇadhātuyo. Manodhātu pana pañcadvārāvajjanakusalākusalavipākasampaṭicchanavasena tayo dhammāti saṅkhaṃ gacchati. Dhammadhātu tiṇṇaṃ arūpakkhandhānaṃ, soḷasannaṃ sukhumarūpānaṃ, asaṅkhatāya ca dhātuyā vasena vīsatidhammāti saṅkhaṃ gacchati. Manoviññāṇadhātu sesakusalākusalābyākataviññāṇavasena chasattatidhammāti saṅkhaṃ gacchatīti evamettha ‘saṅkhato’ veditabbo vinicchayo.
‘ปจฺจยา’ติ จกฺขุธาตุอาทีนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทีสุ ปจฺจยโต เวทิตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ โส ปเนเตสํ ปจฺจยภาโว นิเทฺทสวาเร อาวิ ภวิสฺสติฯ
‘Paccayā’ti cakkhudhātuādīnaṃ cakkhuviññāṇadhātuādīsu paccayato veditabbo vinicchayo. So panetesaṃ paccayabhāvo niddesavāre āvi bhavissati.
‘ทฎฺฐพฺพา’ติ ทฎฺฐพฺพโตเปตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ อโตฺถฯ สพฺพา เอว หิ สงฺขตา ธาตุโย ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิวิตฺตโต, ธุวสุภสุขตฺตภาวสุญฺญโต, ปจฺจยายตฺตวุตฺติโต จ ทฎฺฐพฺพาฯ วิเสสโต ปเนตฺถ เภริตลํ วิย จกฺขุธาตุ ทฎฺฐพฺพา, ทโณฺฑ วิย รูปธาตุ, สโทฺท วิย จกฺขุวิญฺญาณธาตุ ฯ ตถา อาทาสตลํ วิย จกฺขุธาตุ, มุขํ วิย รูปธาตุ, มุขนิมิตฺตํ วิย จกฺขุวิญฺญาณธาตุฯ อถ วา อุจฺฉุติลานิ วิย จกฺขุธาตุ, ยนฺตจกฺกยฎฺฐิ วิย รูปธาตุ, อุจฺฉุรสเตลานิ วิย จกฺขุวิญฺญาณธาตุฯ ตถา อธรารณี วิย จกฺขุธาตุ, อุตฺตรารณี วิย รูปธาตุ, อคฺคิ วิย จกฺขุวิญฺญาณธาตุฯ เอส นโย โสตธาตุอาทีสุปิฯ
‘Daṭṭhabbā’ti daṭṭhabbatopettha vinicchayo veditabboti attho. Sabbā eva hi saṅkhatā dhātuyo pubbantāparantavivittato, dhuvasubhasukhattabhāvasuññato, paccayāyattavuttito ca daṭṭhabbā. Visesato panettha bheritalaṃ viya cakkhudhātu daṭṭhabbā, daṇḍo viya rūpadhātu, saddo viya cakkhuviññāṇadhātu . Tathā ādāsatalaṃ viya cakkhudhātu, mukhaṃ viya rūpadhātu, mukhanimittaṃ viya cakkhuviññāṇadhātu. Atha vā ucchutilāni viya cakkhudhātu, yantacakkayaṭṭhi viya rūpadhātu, ucchurasatelāni viya cakkhuviññāṇadhātu. Tathā adharāraṇī viya cakkhudhātu, uttarāraṇī viya rūpadhātu, aggi viya cakkhuviññāṇadhātu. Esa nayo sotadhātuādīsupi.
มโนธาตุ ปน ยถาสมฺภวโต จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทีนํ ปุเรจรานุจรา วิย ทฎฺฐพฺพาฯ ธมฺมธาตุยา เวทนากฺขโนฺธ สลฺลมิว สูลมิว จ ทฎฺฐโพฺพ ; สญฺญาสงฺขารกฺขนฺธา เวทนาสลฺลสูลโยคา อาตุรา วิย; ปุถุชฺชนานํ วา สญฺญา อาสาทุกฺขชนนโต ริตฺตมุฎฺฐิ วิย, อยถาภุจฺจนิมิตฺตคฺคาหกโต วนมิโค วิย; สงฺขารา ปฎิสนฺธิยํ ปกฺขิปนโต องฺคารกาสุยํ ขิปนกปุริโส วิย, ชาติทุกฺขานุพนฺธนโต ราชปุริสานุพนฺธโจรา วิย, สพฺพานตฺถาวหสฺส ขนฺธสนฺตานสฺส เหตุโต วิสรุกฺขพีชานิ วิย; รูปํ นานาวิธูปทฺทวนิมิตฺตโต ขุรจกฺกํ วิย ทฎฺฐพฺพํฯ
Manodhātu pana yathāsambhavato cakkhuviññāṇadhātuādīnaṃ purecarānucarā viya daṭṭhabbā. Dhammadhātuyā vedanākkhandho sallamiva sūlamiva ca daṭṭhabbo ; saññāsaṅkhārakkhandhā vedanāsallasūlayogā āturā viya; puthujjanānaṃ vā saññā āsādukkhajananato rittamuṭṭhi viya, ayathābhuccanimittaggāhakato vanamigo viya; saṅkhārā paṭisandhiyaṃ pakkhipanato aṅgārakāsuyaṃ khipanakapuriso viya, jātidukkhānubandhanato rājapurisānubandhacorā viya, sabbānatthāvahassa khandhasantānassa hetuto visarukkhabījāni viya; rūpaṃ nānāvidhūpaddavanimittato khuracakkaṃ viya daṭṭhabbaṃ.
อสงฺขตา ปน ธาตุ อมตโต สนฺตโต เขมโต จ ทฎฺฐพฺพาฯ กสฺมา? สพฺพานตฺถปฎิปกฺขภูตตฺตาฯ มโนวิญฺญาณธาตุ คหิตารมฺมณํ มุญฺจิตฺวาปิ อญฺญํ คเหตฺวาว ปวตนโต วนมกฺกโฎ วิย, ทุทฺทมนโต อสฺสขฬุโงฺก วิย, ยตฺถกามนิปาติโต เวหาสํ ขิตฺตทโณฺฑ วิย, โลภโทสาทินานปฺปการกิเลสโยคโต รงฺคนโฎ วิย ทฎฺฐโพฺพติฯ
Asaṅkhatā pana dhātu amatato santato khemato ca daṭṭhabbā. Kasmā? Sabbānatthapaṭipakkhabhūtattā. Manoviññāṇadhātu gahitārammaṇaṃ muñcitvāpi aññaṃ gahetvāva pavatanato vanamakkaṭo viya, duddamanato assakhaḷuṅko viya, yatthakāmanipātito vehāsaṃ khittadaṇḍo viya, lobhadosādinānappakārakilesayogato raṅganaṭo viya daṭṭhabboti.
๑๘๔. นิเทฺทสวาเร จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จาติ อิทญฺจ ทฺวยํ ปฎิจฺจ อญฺญญฺจ กิริยามโนธาตุเญฺจว สมฺปยุตฺตขนฺธตฺตยญฺจาติ อโตฺถฯ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา หิ จกฺขุ นิสฺสยปจฺจโย โหติ, รูปํ อารมฺมณปจฺจโย, กิริยมโนธาตุ วิคตปจฺจโย, ตโย อรูปกฺขนฺธา สหชาตปจฺจโยฯ ตสฺมา เอสา จกฺขุวิญฺญาณธาตุ อิเม จตฺตาโร ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ นามฯ โสตญฺจ ปฎิจฺจาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
184. Niddesavāre cakkhuñca paṭicca rūpe cāti idañca dvayaṃ paṭicca aññañca kiriyāmanodhātuñceva sampayuttakhandhattayañcāti attho. Cakkhuviññāṇadhātuyā hi cakkhu nissayapaccayo hoti, rūpaṃ ārammaṇapaccayo, kiriyamanodhātu vigatapaccayo, tayo arūpakkhandhā sahajātapaccayo. Tasmā esā cakkhuviññāṇadhātu ime cattāro paṭicca uppajjati nāma. Sotañca paṭiccātiādīsupi eseva nayo.
นิรุทฺธสมนนฺตราติ นิรุทฺธาย สมนนฺตราฯ ตชฺชา มโนธาตูติ ตสฺมิํ อารมฺมเณ ชาตา กุสลากุสลวิปากโต ทุวิธา มโนธาตุ สมฺปฎิจฺฉนกิจฺจาฯ สพฺพธเมฺมสุ วา ปน ปฐมสมนฺนาหาโรติ เอเตสุ จกฺขุวิญฺญาณาทีสุ สพฺพธเมฺมสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ ปฐมสมนฺนาหาโร; จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทีนํ วา อารมฺมณสงฺขาเตสุ สพฺพธเมฺมสุ ปฐมสมนฺนาหาโรติ อยเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอเตน ปญฺจทฺวาราวชฺชนกิจฺจา กิริยมโนธาตุ คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ
Niruddhasamanantarāti niruddhāya samanantarā. Tajjā manodhātūti tasmiṃ ārammaṇe jātā kusalākusalavipākato duvidhā manodhātu sampaṭicchanakiccā. Sabbadhammesu vā pana paṭhamasamannāhāroti etesu cakkhuviññāṇādīsu sabbadhammesu uppajjamānesu paṭhamasamannāhāro; cakkhuviññāṇadhātuādīnaṃ vā ārammaṇasaṅkhātesu sabbadhammesu paṭhamasamannāhāroti ayamettha attho veditabbo. Etena pañcadvārāvajjanakiccā kiriyamanodhātu gahitāti veditabbā.
มโนธาตุยาปิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตราติ เอตฺถ ปิ-กาโร สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ ตสฺมา มโนธาตุยาปิ มโนวิญฺญาณธาตุยาปีติ อยเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตน ยา จ วิปากมโนธาตุยา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธาย สมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ สนฺตีรณกิจฺจา วิปากมโนวิญฺญาณธาตุ, ยา จ ตสฺสา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธาย สมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ โวฎฺฐพฺพนกิจฺจา กิริยมโนวิญฺญาณธาตุ, ยา จ ตสฺสา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธาย สมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ ชวนกิจฺจา มโนวิญฺญาณธาตุ – ตา สพฺพาปิ กถิตา โหตีติ เวทิตพฺพาฯ มนญฺจ ปฎิจฺจาติ ภวงฺคมนํฯ ธเมฺม จาติ จตุภูมิกธมฺมารมฺมณํฯ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณนฺติ สหาวชฺชนกํ ชวนํ นิพฺพตฺตติฯ
Manodhātuyāpi uppajjitvā niruddhasamanantarāti ettha pi-kāro sampiṇḍanattho. Tasmā manodhātuyāpi manoviññāṇadhātuyāpīti ayamettha attho veditabbo. Tena yā ca vipākamanodhātuyā uppajjitvā niruddhāya samanantarā uppajjati santīraṇakiccā vipākamanoviññāṇadhātu, yā ca tassā uppajjitvā niruddhāya samanantarā uppajjati voṭṭhabbanakiccā kiriyamanoviññāṇadhātu, yā ca tassā uppajjitvā niruddhāya samanantarā uppajjati javanakiccā manoviññāṇadhātu – tā sabbāpi kathitā hotīti veditabbā. Manañca paṭiccāti bhavaṅgamanaṃ. Dhamme cāti catubhūmikadhammārammaṇaṃ. Uppajjati manoviññāṇanti sahāvajjanakaṃ javanaṃ nibbattati.
อิมสฺมิํ ปน ฐาเน หเตฺถ คหิตปญฺหํ นาม คณฺหิํสุฯ มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถโร กิร นาม ทีฆภาณกาภยเตฺถรํ หเตฺถ คเหตฺวา อาห – ‘ปฎิจฺจาติ นาม อาคตฎฺฐาเน อาวชฺชนํ วิสุํ น กาตพฺพํ, ภวงฺคนิสฺสิตกเมว กาตพฺพ’นฺติฯ ตสฺมา อิธ มโนติ สหาวชฺชนกํ ภวงฺคํฯ มโนวิญฺญาณนฺติ ชวนมโนวิญฺญาณํฯ อิมสฺมิํ ปน อภิธมฺมภาชนีเย โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว จตุภูมิกา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาติฯ
Imasmiṃ pana ṭhāne hatthe gahitapañhaṃ nāma gaṇhiṃsu. Mahādhammarakkhitatthero kira nāma dīghabhāṇakābhayattheraṃ hatthe gahetvā āha – ‘paṭiccāti nāma āgataṭṭhāne āvajjanaṃ visuṃ na kātabbaṃ, bhavaṅganissitakameva kātabba’nti. Tasmā idha manoti sahāvajjanakaṃ bhavaṅgaṃ. Manoviññāṇanti javanamanoviññāṇaṃ. Imasmiṃ pana abhidhammabhājanīye soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve catubhūmikā lokiyalokuttaramissakā kathitāti.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo