Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๐๖-๒๑๔. อิทานิ อภิธมฺมภาชนียํ โหติฯ ตตฺถ ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ อวตฺวา นิปฺปเทสโต ปจฺจยสงฺขาตํ สมุทยํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตฺตาริ สจฺจานี’’ติ วุตฺตํ ฯ อริยสจฺจานีติ หิ วุเตฺต อวเสสา จ กิเลสา, อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา, ตีณิ จ กุสลมูลานิ สาสวานิ, อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา น สงฺคยฺหนฺติฯ น จ เกวลํ ตณฺหาว ทุกฺขํ สมุทาเนติ, อิเมปิ อวเสสา จ กิเลสาทโย ปจฺจยา สมุทาเนนฺติเยวฯ อิติ อิเมปิ ปจฺจยา ทุกฺขํ สมุทาเนนฺติเยวาติ นิปฺปเทสโต ปจฺจยสงฺขาตํ สมุทยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ อวตฺวา ‘‘จตฺตาริ สจฺจานี’’ติ วุตฺตํฯ
206-214. Idāni abhidhammabhājanīyaṃ hoti. Tattha ‘‘ariyasaccānī’’ti avatvā nippadesato paccayasaṅkhātaṃ samudayaṃ dassetuṃ ‘‘cattāri saccānī’’ti vuttaṃ . Ariyasaccānīti hi vutte avasesā ca kilesā, avasesā ca akusalā dhammā, tīṇi ca kusalamūlāni sāsavāni, avasesā ca sāsavā kusalā dhammā na saṅgayhanti. Na ca kevalaṃ taṇhāva dukkhaṃ samudāneti, imepi avasesā ca kilesādayo paccayā samudānentiyeva. Iti imepi paccayā dukkhaṃ samudānentiyevāti nippadesato paccayasaṅkhātaṃ samudayaṃ dassetuṃ ‘‘ariyasaccānī’’ti avatvā ‘‘cattāri saccānī’’ti vuttaṃ.
นิเทฺทสวาเร จ เนสํ ปฐมํ ทุกฺขํ อนิทฺทิสิตฺวา ตเสฺสว ทุกฺขสฺส สุขนิเทฺทสตฺถํ ทุกฺขสมุทโย นิทฺทิโฎฺฐฯ ตสฺมิญฺหิ นิทฺทิเฎฺฐ ‘‘อวเสสา จ กิเลสา’’ติอาทินา นเยน ทุกฺขสจฺจํ สุขนิเทฺทสํ โหติฯ นิโรธสจฺจเมฺปตฺถ ตณฺหาย ปหานํ ‘‘ตณฺหาย จ อวเสสานญฺจ กิเลสานํ ปหาน’’นฺติ เอวํ ยถาวุตฺตสฺส สมุทยสฺส ปหานวเสน ปญฺจหากาเรหิ นิทฺทิฎฺฐํฯ มคฺคสจฺจํ ปเนตฺถ ปฐมชฺฌานิกโสตาปตฺติมคฺควเสน ธมฺมสงฺคณิยํ วิภตฺตสฺส เทสนานยสฺส มุขมตฺตเมว ทเสฺสเนฺตน นิทฺทิฎฺฐํฯ ตตฺถ นยเภโท เวทิตโพฺพฯ ตํ อุปริ ปกาสยิสฺสามฯ
Niddesavāre ca nesaṃ paṭhamaṃ dukkhaṃ aniddisitvā tasseva dukkhassa sukhaniddesatthaṃ dukkhasamudayo niddiṭṭho. Tasmiñhi niddiṭṭhe ‘‘avasesā ca kilesā’’tiādinā nayena dukkhasaccaṃ sukhaniddesaṃ hoti. Nirodhasaccampettha taṇhāya pahānaṃ ‘‘taṇhāya ca avasesānañca kilesānaṃ pahāna’’nti evaṃ yathāvuttassa samudayassa pahānavasena pañcahākārehi niddiṭṭhaṃ. Maggasaccaṃ panettha paṭhamajjhānikasotāpattimaggavasena dhammasaṅgaṇiyaṃ vibhattassa desanānayassa mukhamattameva dassentena niddiṭṭhaṃ. Tattha nayabhedo veditabbo. Taṃ upari pakāsayissāma.
ยสฺมา ปน น เกวลํ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคว ปฎิปทา ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๓) วจนโต ปน ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปญฺจงฺคิโกปิ มโคฺค ปฎิปทา เอวาติ เทสิโต, ตสฺมา ตํ นยํ ทเสฺสตุํ ปญฺจงฺคิกวาโรปิ นิทฺทิโฎฺฐฯ ยสฺมา จ น เกวลํ อฎฺฐงฺคิกปญฺจงฺคิกมคฺคาว ปฎิปทา, สมฺปยุตฺตกา ปน อติเรกปญฺญาสธมฺมาปิ ปฎิปทา เอว, ตสฺมา ตํ นยํ ทเสฺสตุํ ตติโย สพฺพสงฺคาหิกวาโรปิ นิทฺทิโฎฺฐฯ ตตฺถ ‘‘อวเสสา ธมฺมา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย สมฺปยุตฺตา’’ติ อิทํ ปริหายติฯ เสสํ สพฺพตฺถ สทิสเมวฯ
Yasmā pana na kevalaṃ aṭṭhaṅgiko maggova paṭipadā ‘‘pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hotī’’ti (ma. ni. 3.433) vacanato pana puggalajjhāsayavasena pañcaṅgikopi maggo paṭipadā evāti desito, tasmā taṃ nayaṃ dassetuṃ pañcaṅgikavāropi niddiṭṭho. Yasmā ca na kevalaṃ aṭṭhaṅgikapañcaṅgikamaggāva paṭipadā, sampayuttakā pana atirekapaññāsadhammāpi paṭipadā eva, tasmā taṃ nayaṃ dassetuṃ tatiyo sabbasaṅgāhikavāropi niddiṭṭho. Tattha ‘‘avasesā dhammā dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya sampayuttā’’ti idaṃ parihāyati. Sesaṃ sabbattha sadisameva.
ตตฺถ อฎฺฐงฺคิกวารสฺส ‘‘ตณฺหาย อวเสสานญฺจ กิเลสานํ ปหาน’’นฺติอาทีสุ ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุ ปฐมโกฎฺฐาเส ตาว โสตาปตฺติมเคฺค ฌานาภินิเวเส สุทฺธิกปฎิปทา, สุทฺธิกสุญฺญตา, สุญฺญตปฎิปทา, สุทฺธิกอปฺปณิหิตํ, อปฺปณิหิตปฎิปทาติ อิเมสุ ปญฺจสุ วาเรสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกปญฺจกนยานํ วเสน ทส นยา โหนฺติฯ เอวํ เสเสสุปีติ วีสติยา อภินิเวเสสุ เทฺว นยสตานิฯ ตานิ จตูหิ อธิปตีหิ จตุคฺคุณิตานิ อฎฺฐ ฯ อิติ สุทฺธิกานิ เทฺว สาธิปตี อฎฺฐาติ สพฺพมฺปิ นยสหสฺสํ โหติฯ ยถา จ โสตาปตฺติมเคฺค, เอวํ เสสมเคฺคสุปีติ จตฺตาริ นยสหสฺสานิ โหนฺติฯ ยถา จ ปฐมโกฎฺฐาเส จตฺตาริ, เอวํ เสเสสุปีติ อฎฺฐงฺคิกวาเร ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุ วีสติ นยสหสฺสานิ โหนฺติฯ ตถา ปญฺจงฺคิกวาเร สพฺพสงฺคาหิกวาเร จาติ สพฺพานิปิ สฎฺฐิ นยสหสฺสานิ สตฺถารา วิภตฺตานิฯ ปาฬิ ปน สเงฺขเปน อาคตาฯ เอวมิทํ ติวิธมหาวารํ ปญฺจทสโกฎฺฐาสํ สฎฺฐินยสหสฺสปฎิมณฺฑิตํ อภิธมฺมภาชนียํ นาม นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha aṭṭhaṅgikavārassa ‘‘taṇhāya avasesānañca kilesānaṃ pahāna’’ntiādīsu pañcasu koṭṭhāsesu paṭhamakoṭṭhāse tāva sotāpattimagge jhānābhinivese suddhikapaṭipadā, suddhikasuññatā, suññatapaṭipadā, suddhikaappaṇihitaṃ, appaṇihitapaṭipadāti imesu pañcasu vāresu dvinnaṃ dvinnaṃ catukkapañcakanayānaṃ vasena dasa nayā honti. Evaṃ sesesupīti vīsatiyā abhinivesesu dve nayasatāni. Tāni catūhi adhipatīhi catugguṇitāni aṭṭha . Iti suddhikāni dve sādhipatī aṭṭhāti sabbampi nayasahassaṃ hoti. Yathā ca sotāpattimagge, evaṃ sesamaggesupīti cattāri nayasahassāni honti. Yathā ca paṭhamakoṭṭhāse cattāri, evaṃ sesesupīti aṭṭhaṅgikavāre pañcasu koṭṭhāsesu vīsati nayasahassāni honti. Tathā pañcaṅgikavāre sabbasaṅgāhikavāre cāti sabbānipi saṭṭhinayasahassāni satthārā vibhattāni. Pāḷi pana saṅkhepena āgatā. Evamidaṃ tividhamahāvāraṃ pañcadasakoṭṭhāsaṃ saṭṭhinayasahassapaṭimaṇḍitaṃ abhidhammabhājanīyaṃ nāma niddiṭṭhanti veditabbaṃ.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๔. สจฺจวิภโงฺค • 4. Saccavibhaṅgo