Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๒๔๓. เอวํ มหาปถวิํ ปตฺถรโนฺต วิย อากาสํ วิตฺถารยโนฺต วิย จ สพฺพธเมฺมสุ อปฺปฎิหตญาโณ สตฺถา สุตฺตนฺตภาชนีเย นิคฺคณฺฐิํ นิชฺชฎํ ปจฺจยาการํ นานาจิตฺตวเสน ทเสฺสตฺวา อิทานิ ยสฺมา น เกวลํ อยํ ปจฺจยากาโร นานาจิเตฺตสุเยว โหติ, เอกจิเตฺตปิ โหติเยว, ตสฺมา อภิธมฺมภาชนียวเสน เอกจิตฺตกฺขณิกํ ปจฺจยาการํ นานปฺปการโต ทเสฺสตุํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโรติอาทินา นเยน มาติกํ ตาว ฐเปสิฯ เอวํ ฐปิตาย ปน มาติกาย –
243. Evaṃ mahāpathaviṃ pattharanto viya ākāsaṃ vitthārayanto viya ca sabbadhammesu appaṭihatañāṇo satthā suttantabhājanīye niggaṇṭhiṃ nijjaṭaṃ paccayākāraṃ nānācittavasena dassetvā idāni yasmā na kevalaṃ ayaṃ paccayākāro nānācittesuyeva hoti, ekacittepi hotiyeva, tasmā abhidhammabhājanīyavasena ekacittakkhaṇikaṃ paccayākāraṃ nānappakārato dassetuṃ avijjāpaccayā saṅkhārotiādinā nayena mātikaṃ tāva ṭhapesi. Evaṃ ṭhapitāya pana mātikāya –
อวิชฺชาทีหิ มูเลหิ, นว มูลปทา นว;
Avijjādīhi mūlehi, nava mūlapadā nava;
นยา ตตฺถ จตุกฺกานิ, วารเภทญฺจ ทีปเยฯ
Nayā tattha catukkāni, vārabhedañca dīpaye.
ตตฺรายํ ทีปนา – เอตฺถ หิ อวิชฺชาสงฺขารวิญฺญาณนามฉฎฺฐายตนผสฺสเวทนาตณฺหาอุปาทานปฺปเภเทหิ อวิชฺชาทีหิ นวหิ มูลปเทหิ อวิชฺชาทิโก, สงฺขาราทิโก, วิญฺญาณาทิโก, นามาทิโก, ฉฎฺฐายตนาทิโก, ผสฺสาทิโก, เวทนาทิโก, ตณฺหาทิโก, อุปาทานาทิโกติ อิเม นว มูลปทา นว นยา โหนฺติฯ
Tatrāyaṃ dīpanā – ettha hi avijjāsaṅkhāraviññāṇanāmachaṭṭhāyatanaphassavedanātaṇhāupādānappabhedehi avijjādīhi navahi mūlapadehi avijjādiko, saṅkhārādiko, viññāṇādiko, nāmādiko, chaṭṭhāyatanādiko, phassādiko, vedanādiko, taṇhādiko, upādānādikoti ime nava mūlapadā nava nayā honti.
เตสุ โย ตาว อยํ อวิชฺชาทิโก นโย, ตตฺถ ปจฺจยจตุกฺกํ, เหตุจตุกฺกํ, สมฺปยุตฺตจตุกฺกํ, อญฺญมญฺญจตุกฺกนฺติ จตฺตาริ จตุกฺกานิ โหนฺติฯ ยถา เจตฺถ เอวํ เสเสสุปีติ เอเกกสฺมิํ นเย จตุนฺนํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน ฉตฺติํส จตุกฺกานิฯ ตตฺถ เอเกเกน จตุเกฺกน จตุนฺนํ จตุนฺนํ วารานํ สงฺคหิตตฺตา จตุนฺนมฺปิ จตุกฺกานํ วเสน เอเกกสฺมิํ นเย โสฬส โสฬส วาราติ จตุจตฺตาลีสาธิกํ วารสตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Tesu yo tāva ayaṃ avijjādiko nayo, tattha paccayacatukkaṃ, hetucatukkaṃ, sampayuttacatukkaṃ, aññamaññacatukkanti cattāri catukkāni honti. Yathā cettha evaṃ sesesupīti ekekasmiṃ naye catunnaṃ catunnaṃ catukkānaṃ vasena chattiṃsa catukkāni. Tattha ekekena catukkena catunnaṃ catunnaṃ vārānaṃ saṅgahitattā catunnampi catukkānaṃ vasena ekekasmiṃ naye soḷasa soḷasa vārāti catucattālīsādhikaṃ vārasataṃ hotīti veditabbaṃ.
๑. ปจฺจยจตุกฺกํ
1. Paccayacatukkaṃ
ตตฺถ ยเทตํ สพฺพปฐเม อวิชฺชามูลเก นเย ปจฺจยจตุกฺกํ, ตสฺมิํ ปฐโม นามรูปฎฺฐาเน นามสฺส, สฬายตนฎฺฐาเน ฉฎฺฐายตนสฺส จ วุตฺตตฺตา อปริปุณฺณองฺคทฺวยยุโตฺต ทฺวาทสงฺคิกวาโร นามฯ ทุติโย นามรูปฎฺฐาเน นามเสฺสว, สฬายตนฎฺฐาเน จ น กสฺสจิ วุตฺตตฺตา อปริปุณฺณเอกงฺคยุโตฺต เอกาทสงฺคิกวาโร นามฯ ตติโย สฬายตนฎฺฐาเน ฉฎฺฐายตนสฺส วุตฺตตฺตา ปริปุณฺณเอกงฺคยุโตฺต ทฺวาทสงฺคิกวาโร นามฯ จตุโตฺถ ปน ปริปุณฺณทฺวาทสงฺคิโกเยวฯ
Tattha yadetaṃ sabbapaṭhame avijjāmūlake naye paccayacatukkaṃ, tasmiṃ paṭhamo nāmarūpaṭṭhāne nāmassa, saḷāyatanaṭṭhāne chaṭṭhāyatanassa ca vuttattā aparipuṇṇaaṅgadvayayutto dvādasaṅgikavāro nāma. Dutiyo nāmarūpaṭṭhāne nāmasseva, saḷāyatanaṭṭhāne ca na kassaci vuttattā aparipuṇṇaekaṅgayutto ekādasaṅgikavāro nāma. Tatiyo saḷāyatanaṭṭhāne chaṭṭhāyatanassa vuttattā paripuṇṇaekaṅgayutto dvādasaṅgikavāro nāma. Catuttho pana paripuṇṇadvādasaṅgikoyeva.
ตตฺถ สิยา – อยมฺปิ ฉฎฺฐายตนปจฺจยา ผโสฺสติ วุตฺตตฺตา อปริปุเณฺณกงฺคยุโตฺตเยวาติ? น, ตสฺส อนงฺคตฺตาฯ ผโสฺสเยว เหตฺถ องฺคํ, น ฉฎฺฐายตนํฯ ตสฺมา ตสฺส อนงฺคตฺตา นายํ อปริปุเณฺณกงฺคยุโตฺตติฯ อฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตํ – ‘‘ปฐโม สพฺพสงฺคาหิกเฎฺฐน , ทุติโย ปจฺจยวิเสสเฎฺฐน, ตติโย คพฺภเสยฺยกสตฺตานํ วเสน, จตุโตฺถ โอปปาติกสตฺตานํ วเสน คหิโตฯ ตถา ปฐโม สพฺพสงฺคาหิกเฎฺฐน, ทุติโย ปจฺจยวิเสสเฎฺฐน, ตติโย อปริปุณฺณายตนวเสน, จตุโตฺถ ปริปุณฺณายตนวเสน คหิโตฯ ตถา ปฐโม สพฺพสงฺคาหิกเฎฺฐน, ทุติโย มหานิทานสุตฺตนฺตวเสน (ที. นิ. ๒.๙๕ อาทโย), ตติโย รูปภววเสน, จตุโตฺถ กามภววเสน คหิโต’’ติฯ
Tattha siyā – ayampi chaṭṭhāyatanapaccayā phassoti vuttattā aparipuṇṇekaṅgayuttoyevāti? Na, tassa anaṅgattā. Phassoyeva hettha aṅgaṃ, na chaṭṭhāyatanaṃ. Tasmā tassa anaṅgattā nāyaṃ aparipuṇṇekaṅgayuttoti. Aṭṭhakathāyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘paṭhamo sabbasaṅgāhikaṭṭhena , dutiyo paccayavisesaṭṭhena, tatiyo gabbhaseyyakasattānaṃ vasena, catuttho opapātikasattānaṃ vasena gahito. Tathā paṭhamo sabbasaṅgāhikaṭṭhena, dutiyo paccayavisesaṭṭhena, tatiyo aparipuṇṇāyatanavasena, catuttho paripuṇṇāyatanavasena gahito. Tathā paṭhamo sabbasaṅgāhikaṭṭhena, dutiyo mahānidānasuttantavasena (dī. ni. 2.95 ādayo), tatiyo rūpabhavavasena, catuttho kāmabhavavasena gahito’’ti.
ตตฺถ ปฐโม อิเมสุ ทุติยาทีสุ ตีสุ วาเรสุ น กตฺถจิ น ปวิสตีติ สพฺพสงฺคาหิโกติ วุโตฺตฯ เสสานํ วิเสโส ปรโต อาวิภวิสฺสติฯ ตสฺสาวิภาวตฺถํ –
Tattha paṭhamo imesu dutiyādīsu tīsu vāresu na katthaci na pavisatīti sabbasaṅgāhikoti vutto. Sesānaṃ viseso parato āvibhavissati. Tassāvibhāvatthaṃ –
ยํ ยตฺถ อญฺญถา วุตฺตํ, อวุตฺตญฺจาปิ ยํ ยหิํ;
Yaṃ yattha aññathā vuttaṃ, avuttañcāpi yaṃ yahiṃ;
ยํ ยถา ปจฺจโย ยสฺส, ตํ สพฺพมุปลกฺขเยฯ
Yaṃ yathā paccayo yassa, taṃ sabbamupalakkhaye.
ตตฺรายํ นโย – อวิเสเสน ตาว จตูสุปิ เอเตสุ สุตฺตนฺตภาชนิเย วิย สงฺขาราติ อวตฺวา สงฺขาโรติ วุตฺตํ, ตํ กสฺมาติ? เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตาฯ ตตฺร หิ นานาจิตฺตกฺขณิโก ปจฺจยากาโร วิภโตฺตฯ อิธ เอกจิตฺตกฺขณิโก อารโทฺธฯ เอกจิตฺตกฺขเณ จ พหู เจตนา น สนฺตีติ สงฺขาราติ อวตฺวา สงฺขาโรติ วุตฺตํฯ
Tatrāyaṃ nayo – avisesena tāva catūsupi etesu suttantabhājaniye viya saṅkhārāti avatvā saṅkhāroti vuttaṃ, taṃ kasmāti? Ekacittakkhaṇikattā. Tatra hi nānācittakkhaṇiko paccayākāro vibhatto. Idha ekacittakkhaṇiko āraddho. Ekacittakkhaṇe ca bahū cetanā na santīti saṅkhārāti avatvā saṅkhāroti vuttaṃ.
ปฐมวาเร ปเนตฺถ เอกจิตฺตกฺขณปริยาปนฺนธมฺมสงฺคหณโต สพฺพฎฺฐานสาธารณโต จ รูปํ ฉเฑฺฑตฺวา ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นาม’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ ตญฺหิ เอกจิตฺตกฺขณปริยาปนฺนํ สพฺพฎฺฐานสาธารณญฺจ, น กตฺถจิ วิญฺญาณปฺปวตฺติฎฺฐาเน น ปวตฺตติฯ ยสฺมา จ เอกจิตฺตกฺขณปริยาปโนฺน เอโกเวตฺถ ผโสฺส, ตสฺมา ตสฺสานุรูปํ ปจฺจยภูตํ อายตนํ คณฺหโนฺต สฬายตนฎฺฐาเน ‘‘นามปจฺจยา ฉฎฺฐายตน’’นฺติ เอกํ มนายตนํเยว อาหฯ ตญฺหิ เอกสฺส อกุสลผสฺสสฺส อนุรูปํ ปจฺจยภูตํฯ กามเญฺจตํ สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตํ, เหตุผลวิเสสทสฺสนตฺถํ ปน องฺคปุณฺณตฺถญฺจ ปุน อิธ คหิตํฯ ตตฺร หิ เอตสฺส วิเสเสน สงฺขาโร เหตุ, อวิเสเสน นามํ ผลํฯ อิธ ปนสฺส อวิเสเสน นามํ เหตุ, วิเสเสน ผโสฺส ผลนฺติฯ โสกาทโย ปน ยสฺมา สเพฺพ เอกจิตฺตกฺขเณ น สมฺภวนฺติ, สพฺพสฺมิญฺจ จิตฺตปฺปวตฺติฎฺฐาเน เจว จิเตฺต จ น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น คหิตาฯ ชาติชรามรณานิ ปน อจิตฺตกฺขณมตฺตานิปิ สมานานิ จิตฺตกฺขเณ อโนฺตคธตฺตา องฺคปริปูรณตฺถํ คหิตานิฯ เอวํ ตาเวตฺถ ‘ยํ อญฺญถา วุตฺตํฯ ยญฺจ อวุตฺตํ’ ตํ เวทิตพฺพํฯ
Paṭhamavāre panettha ekacittakkhaṇapariyāpannadhammasaṅgahaṇato sabbaṭṭhānasādhāraṇato ca rūpaṃ chaḍḍetvā ‘‘viññāṇapaccayā nāma’’ntveva vuttaṃ. Tañhi ekacittakkhaṇapariyāpannaṃ sabbaṭṭhānasādhāraṇañca, na katthaci viññāṇappavattiṭṭhāne na pavattati. Yasmā ca ekacittakkhaṇapariyāpanno ekovettha phasso, tasmā tassānurūpaṃ paccayabhūtaṃ āyatanaṃ gaṇhanto saḷāyatanaṭṭhāne ‘‘nāmapaccayā chaṭṭhāyatana’’nti ekaṃ manāyatanaṃyeva āha. Tañhi ekassa akusalaphassassa anurūpaṃ paccayabhūtaṃ. Kāmañcetaṃ saṅkhārapaccayā viññāṇanti etthāpi vuttaṃ, hetuphalavisesadassanatthaṃ pana aṅgapuṇṇatthañca puna idha gahitaṃ. Tatra hi etassa visesena saṅkhāro hetu, avisesena nāmaṃ phalaṃ. Idha panassa avisesena nāmaṃ hetu, visesena phasso phalanti. Sokādayo pana yasmā sabbe ekacittakkhaṇe na sambhavanti, sabbasmiñca cittappavattiṭṭhāne ceva citte ca na pavattanti, tasmā na gahitā. Jātijarāmaraṇāni pana acittakkhaṇamattānipi samānāni cittakkhaṇe antogadhattā aṅgaparipūraṇatthaṃ gahitāni. Evaṃ tāvettha ‘yaṃ aññathā vuttaṃ. Yañca avuttaṃ’ taṃ veditabbaṃ.
ยํ ปเนตฺถ อิโต ปเรสุ วาเรสุ วุตฺตํ, ตสฺสโตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยสฺมิํ ยสฺมิํ ปน วาเร โย โย วิเสโส อาคโต, ตํ ตํ ตตฺถ ตเตฺถว ปกาสยิสฺสามฯ
Yaṃ panettha ito paresu vāresu vuttaṃ, tassattho vuttanayeneva veditabbo. Yasmiṃ yasmiṃ pana vāre yo yo viseso āgato, taṃ taṃ tattha tattheva pakāsayissāma.
‘ยํ ยถา ปจฺจโย ยสฺสา’ติ เอตฺถ ปน สงฺขารสฺส อวิชฺชา สมฺปยุตฺตธมฺมสาธารเณหิ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ฉหิ เหตุปจฺจเยน จาติ สตฺตธา ปจฺจโยฯ ตตฺถ ยสฺมา ปรโต เหตุจตุกฺกาทีนิ ตีณิ จตุกฺกานิ อวิคตสมฺปยุตฺตอญฺญมญฺญปจฺจยวเสน วุตฺตานิ, ตสฺมา อิธ ตานิ อปเนตฺวา อวเสสานํ วเสน อวิชฺชา สงฺขารสฺส จตุธา ปจฺจโยติ เวทิตโพฺพฯ
‘Yaṃ yathā paccayo yassā’ti ettha pana saṅkhārassa avijjā sampayuttadhammasādhāraṇehi sahajātaaññamaññanissayasampayuttaatthiavigatapaccayehi chahi hetupaccayena cāti sattadhā paccayo. Tattha yasmā parato hetucatukkādīni tīṇi catukkāni avigatasampayuttaaññamaññapaccayavasena vuttāni, tasmā idha tāni apanetvā avasesānaṃ vasena avijjā saṅkhārassa catudhā paccayoti veditabbo.
สงฺขาโร วิญฺญาณสฺส สาธารเณหิ ฉหิ, กมฺมาหารปจฺจเยหิ จาติ อฎฺฐธา ปจฺจโยฯ อิธ ปน เตเยว ตโย อปเนตฺวา ปญฺจธาฯ วิญฺญาณํ นามสฺส สาธารเณหิ ฉหิ, อินฺทฺริยาหาราธิปตีหิ จาติ นวธาฯ อิธ ปน ตโย อปเนตฺวา ฉธาฯ นามํ ฉฎฺฐายตนสฺส สาธารเณหิ ฉหิฯ กิญฺจิ ปเนตฺถ อธิปติปจฺจเยน, กิญฺจิ อาหารปจฺจยาทีหีติ อเนกธาฯ อิธ ปน เตเยว ตโย อปเนตฺวา ติธา จตุธา ปญฺจธา วาฯ ฉฎฺฐายตนํ ผสฺสสฺส ยถา วิญฺญาณํ นามสฺสฯ เอวํ ผโสฺส เวทนาย สาธารเณหิ ฉหิ อาหารปจฺจเยน จาติ สตฺตธาฯ อิธ ปน เตเยว ตโย อปเนตฺวา จตุธาฯ เวทนา ตณฺหาย สาธารเณหิ ฉหิ ฌานินฺทฺริยปจฺจเยหิ จาติ อฎฺฐธาฯ อิธ ปน เตเยว ตโย อปเนตฺวา ปญฺจธาฯ ตณฺหา อุปาทานสฺส, ยถา อวิชฺชา สงฺขารสฺสฯ เอวํ อุปาทานํ ภวสฺส สาธารเณหิ ฉหิ มคฺคปจฺจเยน จาติ สตฺตธาฯ อิธ ปน เตเยว ตโย อปเนตฺวา จตุธาฯ ภโว ชาติยา, ยสฺมา ชาตีติ อิธ สงฺขตลกฺขณํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา ปริยาเยน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว ปจฺจโยฯ ตถา ชาติ ชรามรณสฺสาติฯ
Saṅkhāro viññāṇassa sādhāraṇehi chahi, kammāhārapaccayehi cāti aṭṭhadhā paccayo. Idha pana teyeva tayo apanetvā pañcadhā. Viññāṇaṃ nāmassa sādhāraṇehi chahi, indriyāhārādhipatīhi cāti navadhā. Idha pana tayo apanetvā chadhā. Nāmaṃ chaṭṭhāyatanassa sādhāraṇehi chahi. Kiñci panettha adhipatipaccayena, kiñci āhārapaccayādīhīti anekadhā. Idha pana teyeva tayo apanetvā tidhā catudhā pañcadhā vā. Chaṭṭhāyatanaṃ phassassa yathā viññāṇaṃ nāmassa. Evaṃ phasso vedanāya sādhāraṇehi chahi āhārapaccayena cāti sattadhā. Idha pana teyeva tayo apanetvā catudhā. Vedanā taṇhāya sādhāraṇehi chahi jhānindriyapaccayehi cāti aṭṭhadhā. Idha pana teyeva tayo apanetvā pañcadhā. Taṇhā upādānassa, yathā avijjā saṅkhārassa. Evaṃ upādānaṃ bhavassa sādhāraṇehi chahi maggapaccayena cāti sattadhā. Idha pana teyeva tayo apanetvā catudhā. Bhavo jātiyā, yasmā jātīti idha saṅkhatalakkhaṇaṃ adhippetaṃ, tasmā pariyāyena upanissayapaccayeneva paccayo. Tathā jāti jarāmaraṇassāti.
เย ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘อิมสฺมิํ จตุเกฺก สเพฺพสมฺปิ สงฺขาราทีนํ อวิชฺชาทโย สหชาตปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺติฯ สหชาตปจฺจยวเสเนว หิ ปฐมวาโร อารโทฺธ’’ติ, เต ภวาทีนํ ตถา อภาวํ เสสปจฺจยานญฺจ สมฺภวํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ น หิ ภโว ชาติยา สหชาตปจฺจโย โหติ, น ชาติ ชรามรณสฺสฯ เย เจเตสํ สงฺขราทีนํ อวเสสา ปจฺจยา วุตฺตา, เตปิ สมฺภวนฺติเยวฯ ตสฺมา น สกฺกา ฉเฑฺฑตุนฺติฯ เอวํ ตาว ปฐมวาเร ยํ ยตฺถ อญฺญถา วุตฺตํ, อวุตฺตญฺจาปิ ยํ ยหิํ, ยญฺจ ยถา ยสฺส ปจฺจโย โหติ, ตํ เวทิตพฺพํฯ ทุติยวาราทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Ye pana evaṃ vadanti – ‘‘imasmiṃ catukke sabbesampi saṅkhārādīnaṃ avijjādayo sahajātapaccayena paccayā honti. Sahajātapaccayavaseneva hi paṭhamavāro āraddho’’ti, te bhavādīnaṃ tathā abhāvaṃ sesapaccayānañca sambhavaṃ dassetvā paṭikkhipitabbā. Na hi bhavo jātiyā sahajātapaccayo hoti, na jāti jarāmaraṇassa. Ye cetesaṃ saṅkharādīnaṃ avasesā paccayā vuttā, tepi sambhavantiyeva. Tasmā na sakkā chaḍḍetunti. Evaṃ tāva paṭhamavāre yaṃ yattha aññathā vuttaṃ, avuttañcāpi yaṃ yahiṃ, yañca yathā yassa paccayo hoti, taṃ veditabbaṃ. Dutiyavārādīsupi eseva nayo.
อยํ ปน วิเสโส – ทุติยวาเร ‘‘นามปจฺจยา ผโสฺส’’ติ วตฺวา สฬายตนฎฺฐาเน น กิญฺจิ วุตฺตํ, ตํ กิมตฺถนฺติ? ปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถเญฺจว มหานิทานเทสนาสงฺคหตฺถญฺจฯ ผสฺสสฺส หิ น เกวลญฺจ ฉฎฺฐายตนเมว ปจฺจโย, เวทนากฺขนฺธาทโย ปน ตโย ขนฺธาปิ ปจฺจยาเยวฯ มหานิทานสุตฺตเนฺต จสฺส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ผโสฺสติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ กิํ ปจฺจยา ผโสฺสติ? อิติ เจ วเทยฺย, นามปจฺจยา ผโสฺสติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๖)ฯ เอวํ สฬายตนํ ฉเฑฺฑตฺวา เอกาทสงฺคิโก ปฎิจฺจสมุปฺปาโท วุโตฺตฯ ตสฺมา อิมสฺส ปจฺจยวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ อิมิสฺสา จ มหานิทานสุตฺตนฺตเทสนาย ปริคฺคหตฺถํ ทุติยวาเร ‘‘นามปจฺจยา ผโสฺส’’ติ วตฺวา สฬายตนฎฺฐาเน น กิญฺจิ วุตฺตนฺติฯ เอส ตาว ทุติยวาเร วิเสโสฯ
Ayaṃ pana viseso – dutiyavāre ‘‘nāmapaccayā phasso’’ti vatvā saḷāyatanaṭṭhāne na kiñci vuttaṃ, taṃ kimatthanti? Paccayavisesadassanatthañceva mahānidānadesanāsaṅgahatthañca. Phassassa hi na kevalañca chaṭṭhāyatanameva paccayo, vedanākkhandhādayo pana tayo khandhāpi paccayāyeva. Mahānidānasuttante cassa ‘‘atthi idappaccayā phassoti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. Kiṃ paccayā phassoti? Iti ce vadeyya, nāmapaccayā phassoti iccassa vacanīya’’nti (dī. ni. 2.96). Evaṃ saḷāyatanaṃ chaḍḍetvā ekādasaṅgiko paṭiccasamuppādo vutto. Tasmā imassa paccayavisesassa dassanatthaṃ imissā ca mahānidānasuttantadesanāya pariggahatthaṃ dutiyavāre ‘‘nāmapaccayā phasso’’ti vatvā saḷāyatanaṭṭhāne na kiñci vuttanti. Esa tāva dutiyavāre viseso.
ตติยวาเร ปน ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ สุตฺตนฺตภาชนีเย อาคตเมว จตุตฺถมงฺคํ วุตฺตํ, ตํ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา ปจฺจยาการสฺส อิธ อยุตฺตนฺติ เจ? ตํ นายุตฺตํฯ กสฺมา? สกกฺขเณ ปจฺจยภาวโตฯ สเจปิ หิ ตตฺถ รูปํ จิตฺตกฺขณโต อุทฺธํ ติฎฺฐติ, ตถาปิสฺส ตํ วิญฺญาณํ สกกฺขเณ ปจฺจโย โหติฯ กถํ? ปุเรชาตสฺส ตาว จิตฺตสมุฎฺฐานสฺส อญฺญสฺส วา ปจฺฉาชาตปจฺจเยนฯ วุตฺตเญฺจตํ ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๑)ฯ สหชาตสฺส ปน จิตฺตสมุฎฺฐานสฺส นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ยถาห ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๘)ฯ
Tatiyavāre pana ‘‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti suttantabhājanīye āgatameva catutthamaṅgaṃ vuttaṃ, taṃ ekacittakkhaṇikattā paccayākārassa idha ayuttanti ce? Taṃ nāyuttaṃ. Kasmā? Sakakkhaṇe paccayabhāvato. Sacepi hi tattha rūpaṃ cittakkhaṇato uddhaṃ tiṭṭhati, tathāpissa taṃ viññāṇaṃ sakakkhaṇe paccayo hoti. Kathaṃ? Purejātassa tāva cittasamuṭṭhānassa aññassa vā pacchājātapaccayena. Vuttañcetaṃ ‘‘pacchājātā cittacetasikā dhammā purejātassa imassa kāyassa pacchājātapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.11). Sahajātassa pana cittasamuṭṭhānassa nissayapaccayena paccayo. Yathāha ‘‘cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ nissayapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.8).
ยทิ เอวํ, ปุริมวาเรสุ กสฺมา เอวํ น วุตฺตนฺติ ? รูปปฺปวตฺติเทสํ สนฺธาย เทสิตตฺตาฯ อยญฺหิ ปจฺจยากาโร รูปปฺปวตฺติเทเส กามภเว คพฺภเสยฺยกานเญฺจว อปริปุณฺณายตนโอปปาติกานญฺจ รูปาวจรเทวานญฺจ วเสน เทสิโตฯ เตเนเวตฺถ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ อวตฺวา ฉฎฺฐายตนนฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ รูปํ ปน หทยรูปํ เวทิตพฺพํฯ ตํ ปเนตสฺส ฉฎฺฐายตนสฺส นิสฺสยปจฺจเยน เจว ปุเรชาตปจฺจเยน จาติ ทฺวิธา ปจฺจโย โหตีติ เอส ตติยวาเร วิเสโสฯ
Yadi evaṃ, purimavāresu kasmā evaṃ na vuttanti ? Rūpappavattidesaṃ sandhāya desitattā. Ayañhi paccayākāro rūpappavattidese kāmabhave gabbhaseyyakānañceva aparipuṇṇāyatanaopapātikānañca rūpāvacaradevānañca vasena desito. Tenevettha ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti avatvā chaṭṭhāyatananti vuttaṃ. Tattha nāmaṃ heṭṭhā vuttanayameva. Rūpaṃ pana hadayarūpaṃ veditabbaṃ. Taṃ panetassa chaṭṭhāyatanassa nissayapaccayena ceva purejātapaccayena cāti dvidhā paccayo hotīti esa tatiyavāre viseso.
จตุตฺถวาโร ปน โยนิวเสน โอปปาติกานํ, อายตนวเสน ปริปุณฺณายตนานํ, ภววเสน กามาวจรสตฺตานํ วเสน วุโตฺตฯ เตเนเวตฺถ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามํ ฉฎฺฐายตนสฺส สหชาตาทีหิ, จกฺขายตนาทีนํ ปจฺฉาชาตปจฺจเยนฯ รูเป หทยรูปํ ฉฎฺฐายตนสฺส นิสฺสยปจฺจยปุเรชาตปจฺจเยหิ, จตฺตาริ มหาภูตานิ จกฺขายตนาทีนํ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคเตหิฯ ยสฺมา ปเนส เอกจิตฺตกฺขณิโก ปจฺจยากาโร, ตสฺมา เอตฺถ สฬายตนปจฺจยาติ อวตฺวา ‘‘ฉฎฺฐายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ วุโตฺตติ อยํ จตุตฺถวาเร วิเสโสฯ
Catutthavāro pana yonivasena opapātikānaṃ, āyatanavasena paripuṇṇāyatanānaṃ, bhavavasena kāmāvacarasattānaṃ vasena vutto. Tenevettha ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti vuttaṃ. Tattha nāmaṃ chaṭṭhāyatanassa sahajātādīhi, cakkhāyatanādīnaṃ pacchājātapaccayena. Rūpe hadayarūpaṃ chaṭṭhāyatanassa nissayapaccayapurejātapaccayehi, cattāri mahābhūtāni cakkhāyatanādīnaṃ sahajātanissayaatthiavigatehi. Yasmā panesa ekacittakkhaṇiko paccayākāro, tasmā ettha saḷāyatanapaccayāti avatvā ‘‘chaṭṭhāyatanapaccayā phasso’’ti vuttoti ayaṃ catutthavāre viseso.
เอวเมเตสํ นานากรณํ ญตฺวา ปุน สเพฺพเสฺวว เตสุ วิเสเสน ปฐมกา เทฺว วารา อรูปภเว ปจฺจยาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อรูปภวสฺมิญฺหิ รูเปน อสมฺมิสฺสานิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ ปวตฺตนฺติฯ ตติโย รูปภเว ปจฺจยาการทสฺสนตฺถํ วุโตฺตฯ รูปภวสฺมิญฺหิ สติปิ รูปสมฺมิสฺสเตฺต สฬายตนํ น ปวตฺตติฯ จตุโตฺถ กามภเว ปจฺจยาการทสฺสนตฺถํ วุโตฺตฯ กามภวสฺมิญฺหิ สกลํ สฬายตนํ ปวตฺตติฯ ตติโย วา รูปภเว เจว กามภเว จ อปริปุณฺณายตนานํ อกุสลปฺปวตฺติกฺขณํ สนฺธาย วุโตฺตฯ จตุโตฺถ วา กามภเว ปริปุณฺณายตนานํฯ ปฐโม วา สพฺพตฺถคามิตํ สนฺธาย วุโตฺตฯ โส หิ น กตฺถจิ จิตฺตปฺปวตฺติเทเส น ปวตฺตติฯ ทุติโย ปจฺจยวิเสสํ สนฺธาย วุโตฺตฯ เอกาทสงฺคิกตฺตเญฺหตฺถ ผสฺสสฺส จ นามปจฺจยตฺตํ ปจฺจยวิเสโสฯ ตติโย ปุริมโยนิทฺวยํ สนฺธาย วุโตฺตฯ ปุริมาสุ หิ ทฺวีสุ โยนีสุ โส สมฺภวติ, ตตฺถ สทา สฬายตนสฺส อสมฺภวโตฯ จตุโตฺถ ปจฺฉิมโยนิทฺวยํ สนฺธาย วุโตฺตฯ ปจฺฉิมาสุ หิ โส ทฺวีสุ โยนีสุ สมฺภวติ, ตตฺถ สทา สฬายตนสฺส สมฺภวโตติฯ
Evametesaṃ nānākaraṇaṃ ñatvā puna sabbesveva tesu visesena paṭhamakā dve vārā arūpabhave paccayākāradassanatthaṃ vuttāti veditabbā. Arūpabhavasmiñhi rūpena asammissāni paṭiccasamuppādaṅgāni pavattanti. Tatiyo rūpabhave paccayākāradassanatthaṃ vutto. Rūpabhavasmiñhi satipi rūpasammissatte saḷāyatanaṃ na pavattati. Catuttho kāmabhave paccayākāradassanatthaṃ vutto. Kāmabhavasmiñhi sakalaṃ saḷāyatanaṃ pavattati. Tatiyo vā rūpabhave ceva kāmabhave ca aparipuṇṇāyatanānaṃ akusalappavattikkhaṇaṃ sandhāya vutto. Catuttho vā kāmabhave paripuṇṇāyatanānaṃ. Paṭhamo vā sabbatthagāmitaṃ sandhāya vutto. So hi na katthaci cittappavattidese na pavattati. Dutiyo paccayavisesaṃ sandhāya vutto. Ekādasaṅgikattañhettha phassassa ca nāmapaccayattaṃ paccayaviseso. Tatiyo purimayonidvayaṃ sandhāya vutto. Purimāsu hi dvīsu yonīsu so sambhavati, tattha sadā saḷāyatanassa asambhavato. Catuttho pacchimayonidvayaṃ sandhāya vutto. Pacchimāsu hi so dvīsu yonīsu sambhavati, tattha sadā saḷāyatanassa sambhavatoti.
เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ จตูสุปิ วาเรสุ –
Ettāvatā ca yaṃ vuttaṃ catūsupi vāresu –
ยํ ยตฺถ อญฺญถา วุตฺตํ, อวุตฺตญฺจาปิ ยํ ยหิํ;
Yaṃ yattha aññathā vuttaṃ, avuttañcāpi yaṃ yahiṃ;
ยํ ยถา ปจฺจโย ยสฺส, ตํ สพฺพมุปลกฺขเยติฯ
Yaṃ yathā paccayo yassa, taṃ sabbamupalakkhayeti.
คาถาย อตฺถทีปนา กตา โหติฯ
Gāthāya atthadīpanā katā hoti.
เอเตเนวานุสาเรน, สพฺพเมตํ นยํ อิโต;
Etenevānusārena, sabbametaṃ nayaṃ ito;
วิเสโส โย จ ตํ ชญฺญา, จตุเกฺกสุ ปเรสุปิฯ
Viseso yo ca taṃ jaññā, catukkesu paresupi.
๒. เหตุจตุกฺกํ
2. Hetucatukkaṃ
๒๔๔. ตตฺถ โย ตาว อิธ วุโตฺต นโย, โส สพฺพตฺถ ปากโฎเยวฯ วิเสโส ปน เอวํ เวทิตโพฺพ – เหตุจตุเกฺก ตาว อวิชฺชา เหตุ อสฺสาติ อวิชฺชาเหตุโกฯ อวิชฺชา อสฺส สหวตฺตนโต ยาวภงฺคา ปวตฺติกา คมิกาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติ จ เอตฺตาวตา สหชาตาทิปจฺจยวเสน สาธารณโต สงฺขารสฺส อวิชฺชา ปจฺจโยติ ทเสฺสตฺวา, ปุน ‘‘อวิชฺชาเหตุโก’’ติ เอเตเนว วิเสสโต อวิคตปจฺจยตา ทสฺสิตาฯ สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ สงฺขารเหตุกนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
244. Tattha yo tāva idha vutto nayo, so sabbattha pākaṭoyeva. Viseso pana evaṃ veditabbo – hetucatukke tāva avijjā hetu assāti avijjāhetuko. Avijjā assa sahavattanato yāvabhaṅgā pavattikā gamikāti vuttaṃ hoti. ‘‘Avijjāpaccayā’’ti ca ettāvatā sahajātādipaccayavasena sādhāraṇato saṅkhārassa avijjā paccayoti dassetvā, puna ‘‘avijjāhetuko’’ti eteneva visesato avigatapaccayatā dassitā. Saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ saṅkhārahetukantiādīsupi eseva nayo.
กสฺมา ปน ภวาทีสุ เหตุกคฺคหณํ น กตนฺติ? อวิคตปจฺจยนิยมาภาวโต อภาวโต จ อวิคตปจฺจยสฺสฯ ‘‘ตตฺถ กตโม อุปาทานปจฺจยา ภโว? ฐเปตฺวา อุปาทานํ เวทนากฺขโนฺธ สญฺญากฺขโนฺธ สงฺขารกฺขโนฺธ วิญฺญาณกฺขโนฺธ – อยํ วุจฺจติ อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ วจนโต อุปาทานปจฺจยา จตุนฺนํ ขนฺธานํ อิธ ภโวติ นามํฯ สงฺขารกฺขเนฺธ จ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตา’’ติอาทิวจนโต (ธาตุ. ๗๑) ชาติชรามรณานิ อโนฺตคธานิฯ
Kasmā pana bhavādīsu hetukaggahaṇaṃ na katanti? Avigatapaccayaniyamābhāvato abhāvato ca avigatapaccayassa. ‘‘Tattha katamo upādānapaccayā bhavo? Ṭhapetvā upādānaṃ vedanākkhandho saññākkhandho saṅkhārakkhandho viññāṇakkhandho – ayaṃ vuccati upādānapaccayā bhavo’’ti vacanato upādānapaccayā catunnaṃ khandhānaṃ idha bhavoti nāmaṃ. Saṅkhārakkhandhe ca ‘‘jāti dvīhi khandhehi saṅgahitā’’tiādivacanato (dhātu. 71) jātijarāmaraṇāni antogadhāni.
ตตฺถ ยาว อุปาทานํ ตาว ชาติชรามรณานํ อนุปลพฺภนโต อุปาทานํ ภวสฺส น นิยมโต อวิคตปจฺจโย โหติฯ ‘‘ยา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ชาตี’’ติ อาทิวจนโต สงฺขตลกฺขเณสุ ชาติยา ชรามรณสงฺขาตสฺส ภวสฺส ชาติกฺขณมเตฺตเยว อภาวโต อวิคตปจฺจยภาโว น สมฺภวติฯ ตถา ชาติยา ชรามรณกฺขเณ อภาวโต ฯ อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว ปน ภโว ชาติยาฯ ชาติ ชรามรณสฺส ปจฺจโยติ สพฺพถาปิ อวิคตปจฺจยนิยมาภาวโต อภาวโต จ อวิคตปจฺจยสฺส ภวาทีสุ เหตุกคฺคหณํ น กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha yāva upādānaṃ tāva jātijarāmaraṇānaṃ anupalabbhanato upādānaṃ bhavassa na niyamato avigatapaccayo hoti. ‘‘Yā tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ jātī’’ti ādivacanato saṅkhatalakkhaṇesu jātiyā jarāmaraṇasaṅkhātassa bhavassa jātikkhaṇamatteyeva abhāvato avigatapaccayabhāvo na sambhavati. Tathā jātiyā jarāmaraṇakkhaṇe abhāvato . Upanissayapaccayeneva pana bhavo jātiyā. Jāti jarāmaraṇassa paccayoti sabbathāpi avigatapaccayaniyamābhāvato abhāvato ca avigatapaccayassa bhavādīsu hetukaggahaṇaṃ na katanti veditabbaṃ.
เกจิ ปนาหุ – ‘‘ภโว ทุวิเธนา’’ติ วจนโต อุปปตฺติมิสฺสโก ภโว, น จ อุปปตฺติภวสฺส อุปาทานํ อวิคตปจฺจโย โหตีติ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว อุปาทานเหตุโก’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ วุโตฺตฯ อิธ ปจฺฉินฺนตฺตา ปรโตปิ น วุตฺตนฺติฯ ตํ อิธ อุปปตฺติมิสฺสกสฺส ภวสฺส อนธิเปฺปตตฺตา อยุตฺตํฯ อรูปกฺขนฺธา หิ อิธ ภโวติ อาคตาฯ
Keci panāhu – ‘‘bhavo duvidhenā’’ti vacanato upapattimissako bhavo, na ca upapattibhavassa upādānaṃ avigatapaccayo hotīti ‘‘upādānapaccayā bhavo upādānahetuko’’ti avatvā ‘‘upādānapaccayā bhavo’’ti vutto. Idha pacchinnattā paratopi na vuttanti. Taṃ idha upapattimissakassa bhavassa anadhippetattā ayuttaṃ. Arūpakkhandhā hi idha bhavoti āgatā.
ภวปจฺจยา ชาตีติ เอตฺถ จ ฐเปตฺวา ชาติชรามรณานิ อวเสโส ภโว ชาติยา ปจฺจโยติ เวทิตโพฺพฯ กสฺมา? ชาติอาทีนํ ชาติยา อปฺปจฺจยตฺตาฯ ยทิ เอวํ, ฐเปตฺวา ชาติชรามรณานิ ภโว ชาติยา ปจฺจโยติ วตฺตโพฺพติ? อาม วตฺตโพฺพ, วตฺตพฺพปเทสาภาวโต ปน น วุโตฺตฯ ทสมงฺคนิเทฺทเส หิ อุปาทานปจฺจยสมฺภูโต ภโว วตฺตโพฺพฯ เอกาทสมงฺคนิเทฺทเส ชาติ วตฺตพฺพาฯ โย ปน ภโว ชาติยา ปจฺจโย, ตสฺส วตฺตพฺพปเทโส นตฺถีติ วตฺตพฺพปเทสาภาวโต น วุโตฺตฯ อวุโตฺตปิ ปน ยุตฺติโต คเหตโพฺพติฯ วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติอาทีสุ จ วิญฺญาณาทีนํ อวิคตปจฺจยภาวสมฺภวโต วิญฺญาณเหตุกาทิวจนํ กตนฺติ เอส เหตุจตุเกฺก วิเสโสฯ
Bhavapaccayājātīti ettha ca ṭhapetvā jātijarāmaraṇāni avaseso bhavo jātiyā paccayoti veditabbo. Kasmā? Jātiādīnaṃ jātiyā appaccayattā. Yadi evaṃ, ṭhapetvā jātijarāmaraṇāni bhavo jātiyā paccayoti vattabboti? Āma vattabbo, vattabbapadesābhāvato pana na vutto. Dasamaṅganiddese hi upādānapaccayasambhūto bhavo vattabbo. Ekādasamaṅganiddese jāti vattabbā. Yo pana bhavo jātiyā paccayo, tassa vattabbapadeso natthīti vattabbapadesābhāvato na vutto. Avuttopi pana yuttito gahetabboti. Viññāṇapaccayā nāmarūpantiādīsu ca viññāṇādīnaṃ avigatapaccayabhāvasambhavato viññāṇahetukādivacanaṃ katanti esa hetucatukke viseso.
๓. สมฺปยุตฺตจตุกฺกํ
3. Sampayuttacatukkaṃ
๒๔๕. สมฺปยุตฺตจตุเกฺกปิ อวิชฺชาปจฺจยาติ เอตฺตาวตา สหชาตาทิปจฺจยวเสน สงฺขารสฺส อวิชฺชาปจฺจยตํ ทเสฺสตฺวา ปุน ‘‘อวิชฺชาสมฺปยุโตฺต’’ติ สมฺปยุตฺตปจฺจยตา ทสฺสิตาฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา ปน อรูปีนํ ธมฺมานํ รูปธเมฺมหิ สมฺปโยโค นตฺถิ, ตสฺมา วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติอาทีสุ ตติยจตุตฺถวารปเทสุ ‘‘วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ นาม’’นฺติอาทินา นเยน ยํ ลพฺภติ, ตเทว คหิตนฺติ เอส สมฺปยุตฺตจตุเกฺก วิเสโสฯ
245. Sampayuttacatukkepi avijjāpaccayāti ettāvatā sahajātādipaccayavasena saṅkhārassa avijjāpaccayataṃ dassetvā puna ‘‘avijjāsampayutto’’ti sampayuttapaccayatā dassitā. Sesapadesupi eseva nayo. Yasmā pana arūpīnaṃ dhammānaṃ rūpadhammehi sampayogo natthi, tasmā viññāṇapaccayā nāmarūpantiādīsu tatiyacatutthavārapadesu ‘‘viññāṇasampayuttaṃ nāma’’ntiādinā nayena yaṃ labbhati, tadeva gahitanti esa sampayuttacatukke viseso.
๔. อญฺญมญฺญจตุกฺกํ
4. Aññamaññacatukkaṃ
๒๔๖. อญฺญมญฺญจตุเกฺกปิ อวิชฺชาปจฺจยาติ สหชาตาทิปจฺจยวเสน สงฺขารสฺส อวิชฺชาปจฺจยตํ ทเสฺสตฺวา ‘‘สงฺขารปจฺจยาปิ อวิชฺชา’’ติ อญฺญมญฺญปจฺจยตา ทสฺสิตาฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา ปน ภโว นิปฺปเทโส, อุปาทานํ สปฺปเทสํ, สปฺปเทสธโมฺม จ นิปฺปเทสธมฺมสฺส ปจฺจโย โหติ, น นิปฺปเทสธโมฺม สปฺปเทสธมฺมสฺส, ตสฺมา เอตฺถ ‘‘ภวปจฺจยาปิ อุปาทาน’’นฺติ น วุตฺตํ; เหฎฺฐา วา เทสนาย ปจฺฉินฺนตฺตา เอวํ น วุตฺตํ ฯ ยสฺมา จ นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ อตฺถิ, สฬายตนปจฺจยา เอกจิตฺตกฺขเณ นามรูปํ นตฺถิ, ยสฺส สฬายตนํ อญฺญมญฺญปจฺจโย ภเวยฺย, ตสฺมา จตุตฺถวาเร ‘‘ฉฎฺฐายตนปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ ยํ ลพฺภติ ตเทว คหิตนฺติ เอส อญฺญมญฺญจตุเกฺก วิเสโสฯ
246. Aññamaññacatukkepi avijjāpaccayāti sahajātādipaccayavasena saṅkhārassa avijjāpaccayataṃ dassetvā ‘‘saṅkhārapaccayāpi avijjā’’ti aññamaññapaccayatā dassitā. Sesapadesupi eseva nayo. Yasmā pana bhavo nippadeso, upādānaṃ sappadesaṃ, sappadesadhammo ca nippadesadhammassa paccayo hoti, na nippadesadhammo sappadesadhammassa, tasmā ettha ‘‘bhavapaccayāpi upādāna’’nti na vuttaṃ; heṭṭhā vā desanāya pacchinnattā evaṃ na vuttaṃ . Yasmā ca nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ atthi, saḷāyatanapaccayā ekacittakkhaṇe nāmarūpaṃ natthi, yassa saḷāyatanaṃ aññamaññapaccayo bhaveyya, tasmā catutthavāre ‘‘chaṭṭhāyatanapaccayāpi nāmarūpa’’nti yaṃ labbhati tadeva gahitanti esa aññamaññacatukke viseso.
อวิชฺชามูลกนยมาติกาฯ
Avijjāmūlakanayamātikā.
สงฺขาราทิมูลกนยมาติกา
Saṅkhārādimūlakanayamātikā
๒๔๗. อิทานิ สงฺขารปจฺจยา อวิชฺชาติ สงฺขารมูลกนโย อารโทฺธฯ ตตฺถาปิ ยถา อวิชฺชามูลเก เอวํ จตฺตาริ จตุกฺกานิ โสฬส จ วารา เวทิตพฺพาฯ ปฐมจตุเกฺก ปน ปฐมวารเมว ทเสฺสตฺวา เทสนา สํขิตฺตาฯ ยถา เจตฺถ เอวํ วิญฺญาณมูลกาทีสุปิฯ ตตฺถ สเพฺพเสฺวว เตสุ สงฺขารมูลกาทีสุ อฎฺฐสุ นเยสุ ‘‘สงฺขารปจฺจยา อวิชฺชา’’ติอาทินา นเยน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อวิชฺชาย สงฺขาราทิปจฺจยตํ ทเสฺสตฺวา ปุน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน เอกจิตฺตกฺขเณปิ ปจฺจยาการจกฺกสฺส ปวตฺติ ทสฺสิตาฯ
247. Idāni saṅkhārapaccayā avijjāti saṅkhāramūlakanayo āraddho. Tatthāpi yathā avijjāmūlake evaṃ cattāri catukkāni soḷasa ca vārā veditabbā. Paṭhamacatukke pana paṭhamavārameva dassetvā desanā saṃkhittā. Yathā cettha evaṃ viññāṇamūlakādīsupi. Tattha sabbesveva tesu saṅkhāramūlakādīsu aṭṭhasu nayesu ‘‘saṅkhārapaccayā avijjā’’tiādinā nayena sahajātādipaccayavasena avijjāya saṅkhārādipaccayataṃ dassetvā puna ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā nayena ekacittakkhaṇepi paccayākāracakkassa pavatti dassitā.
กสฺมา ปน ภวมูลกา ชาติชรามรณมูลกา วา นยา น วุตฺตา? กิํ ภวปจฺจยา อวิชฺชา น โหตีติ? โน น โหติฯ ‘‘สงฺขารปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ เอวมาทีสุ ปน วุจฺจมาเนสุ น โกจิ ภวปริยาปโนฺน ธโมฺม อวิชฺชาย ปจฺจโย น วุโตฺตฯ ตสฺมา อปุพฺพสฺส อญฺญสฺส อวิชฺชาปจฺจยสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวโต ภวมูลโก นโย น วุโตฺตฯ ภวคฺคหเณน จ อวิชฺชาปิ สงฺคหํ คจฺฉติฯ ตสฺมา ‘‘ภวปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ วุจฺจมาเน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา อวิชฺชา’’ติปิ วุตฺตํ สิยาฯ น จ เอกจิตฺตกฺขเณ อวิชฺชา อวิชฺชาย ปจฺจโย นาม โหติฯ ตตฺถ ปจฺฉินฺนตฺตาว ชาติชรามรณมูลกาปิ นยา น คหิตาฯ อปิจ ภเว ชาติชรามรณานิปิ อโนฺตคธานิฯ น เจตานิ เอกจิตฺตกฺขเณ อวิชฺชาย ปจฺจยา โหนฺตีติ ภวมูลกา ชาติชรามรณมูลกา วา นยา น วุตฺตาติฯ
Kasmā pana bhavamūlakā jātijarāmaraṇamūlakā vā nayā na vuttā? Kiṃ bhavapaccayā avijjā na hotīti? No na hoti. ‘‘Saṅkhārapaccayā avijjā’’ti evamādīsu pana vuccamānesu na koci bhavapariyāpanno dhammo avijjāya paccayo na vutto. Tasmā apubbassa aññassa avijjāpaccayassa vattabbassa abhāvato bhavamūlako nayo na vutto. Bhavaggahaṇena ca avijjāpi saṅgahaṃ gacchati. Tasmā ‘‘bhavapaccayā avijjā’’ti vuccamāne ‘‘avijjāpaccayā avijjā’’tipi vuttaṃ siyā. Na ca ekacittakkhaṇe avijjā avijjāya paccayo nāma hoti. Tattha pacchinnattāva jātijarāmaraṇamūlakāpi nayā na gahitā. Apica bhave jātijarāmaraṇānipi antogadhāni. Na cetāni ekacittakkhaṇe avijjāya paccayā hontīti bhavamūlakā jātijarāmaraṇamūlakā vā nayā na vuttāti.
มาติกาวณฺณนาฯ
Mātikāvaṇṇanā.
อกุสลนิเทฺทสวณฺณนา
Akusalaniddesavaṇṇanā
๒๔๘-๒๔๙. อิทานิ ยถา เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ กุสลตฺติกํ อาทิํ กตฺวา นิกฺขิตฺตมาติกาย ปฎิปาฎิยา ปฐมํ กุสลํ ภาชิตํ, ตถา อิธ มาติกาย อนิกฺขิตฺตตฺตา ปฐมํ กุสลํ อนามสิตฺวา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร’’ติ อกุสลธมฺมวเสน มาติกาย นิกฺขิตฺตตฺตา นิเกฺขปปฎิปาฎิยาว อวิชฺชาทีนิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ กตเม ธมฺมา อกุสลาติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๖๕) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา ปน เอกจิตฺตกฺขเณ ตณฺหาย จ กามุปาทานสฺส จ สมฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ยํ เอตฺถ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ ลพฺภติ, ตเทว ทเสฺสตุํ ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
248-249. Idāni yathā heṭṭhā cittuppādakaṇḍe kusalattikaṃ ādiṃ katvā nikkhittamātikāya paṭipāṭiyā paṭhamaṃ kusalaṃ bhājitaṃ, tathā idha mātikāya anikkhittattā paṭhamaṃ kusalaṃ anāmasitvā ‘‘avijjāpaccayā saṅkhāro’’ti akusaladhammavasena mātikāya nikkhittattā nikkhepapaṭipāṭiyāva avijjādīni paṭiccasamuppādaṅgāni bhājetvā dassetuṃ katame dhammāakusalātiādimāha. Tassattho heṭṭhā cittuppādakaṇḍe (dha. sa. aṭṭha. 365) vuttanayeneva veditabbo. Yasmā pana ekacittakkhaṇe taṇhāya ca kāmupādānassa ca sambhavo natthi, tasmā yaṃ ettha taṇhāpaccayā upādānaṃ labbhati, tadeva dassetuṃ diṭṭhi diṭṭhigatantiādi vuttaṃ.
ภวนิเทฺทเส จ ยสฺมา อุปาทานํ สงฺขารกฺขเนฺธ สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘ฐเปตฺวา อุปาทานํ เวทนากฺขโนฺธ สญฺญากฺขโนฺธ สงฺขารกฺขโนฺธ วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ วุจฺจมาเน อุปาทานสฺส อุปาทานปจฺจยตฺตํ อาปเชฺชยฺยฯ น จ ตเทว ตสฺส ปจฺจโย โหติฯ ชาติอาทินิเทฺทเสสุ ยสฺมา เอเต อรูปธมฺมานํ ชาติอาทโย, ตสฺมา ‘‘ขณฺฑิจฺจํ, ปาลิจฺจํ, วลิตฺตจตา, จุติ, จวนตา’’ติ น วุตฺตํฯ
Bhavaniddese ca yasmā upādānaṃ saṅkhārakkhandhe saṅgahaṃ gacchati, tasmā ‘‘ṭhapetvā upādānaṃ vedanākkhandho saññākkhandho saṅkhārakkhandho viññāṇakkhandho’’ti vuttaṃ. Evañhi vuccamāne upādānassa upādānapaccayattaṃ āpajjeyya. Na ca tadeva tassa paccayo hoti. Jātiādiniddesesu yasmā ete arūpadhammānaṃ jātiādayo, tasmā ‘‘khaṇḍiccaṃ, pāliccaṃ, valittacatā, cuti, cavanatā’’ti na vuttaṃ.
๒๕๐. เอวํ ปฐมวารํ นิฎฺฐเปตฺวา ปุน ทุติยวาเร ยสฺมิํ สมเย ปฐมวาเรน ปจฺจยากาโร ทสฺสิโต, ตสฺมิํเยว สมเย อปเรนปิ นเยน ปจฺจยาการํ ทเสฺสตุํ วิสุํ สมยววตฺถานวารํ อวตฺวา ตสฺมิํ สมเย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโรติอาทินาว นเยน เทสนา กตาฯ ตตฺถ ฐเปตฺวา ผสฺสนฺติ อิทํ ยสฺมา ผโสฺสปิ นามปริยาปโนฺน, ตสฺมา ผสฺสสฺส นามโต นีหรณตฺถํ วุตฺตํฯ
250. Evaṃ paṭhamavāraṃ niṭṭhapetvā puna dutiyavāre yasmiṃ samaye paṭhamavārena paccayākāro dassito, tasmiṃyeva samaye aparenapi nayena paccayākāraṃ dassetuṃ visuṃ samayavavatthānavāraṃ avatvā tasmiṃ samaye avijjāpaccayā saṅkhārotiādināva nayena desanā katā. Tattha ṭhapetvā phassanti idaṃ yasmā phassopi nāmapariyāpanno, tasmā phassassa nāmato nīharaṇatthaṃ vuttaṃ.
๒๕๒. ตติยวาเร ยสฺส จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส วิญฺญาณํ ปจฺจโย, ตสฺมิํ ปวตฺตมาเน ยสฺมา เตนุปตฺถทฺธานํ จกฺขายตนาทีนํ อุปจิตตฺตํ ปญฺญายติ, ตสฺมา จกฺขายตนสฺส อุปจโยติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา จ กมฺมชรูปสฺสปิ ตสฺมิํ สมเย วตฺตมานสฺส วิญฺญาณํ ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตสฺมาปิ เอวํ วุตฺตํฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ กมฺมชํ จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ เทฺวว สนฺตติโย คหิตา, อิตราปิ ปน เทฺว สนฺตติโย คเหตพฺพาฯ ตาสมฺปิ หิ วิญฺญาณํ ปจฺจโย โหติเยวฯ
252. Tatiyavāre yassa cittasamuṭṭhānarūpassa viññāṇaṃ paccayo, tasmiṃ pavattamāne yasmā tenupatthaddhānaṃ cakkhāyatanādīnaṃ upacitattaṃ paññāyati, tasmā cakkhāyatanassa upacayotiādi vuttaṃ. Yasmā ca kammajarūpassapi tasmiṃ samaye vattamānassa viññāṇaṃ pacchājātapaccayena paccayo hoti, tasmāpi evaṃ vuttaṃ. Tattha kiñcāpi kammajaṃ cittasamuṭṭhānanti dveva santatiyo gahitā, itarāpi pana dve santatiyo gahetabbā. Tāsampi hi viññāṇaṃ paccayo hotiyeva.
๒๕๔. จตุตฺถวาเร ปน ยสฺมา เอกจิตฺตกฺขเณปิ มหาภูตรูปปจฺจยา จกฺขายตนาทีนิ, หทยรูปปจฺจยา ฉฎฺฐายตนํ, นามปจฺจยา จ ปจฺฉาชาตสหชาตาทิวเสน ยถานุรูปํ สพฺพานิปิ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ กตมํ นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ? จกฺขายตนนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
254. Catutthavāre pana yasmā ekacittakkhaṇepi mahābhūtarūpapaccayā cakkhāyatanādīni, hadayarūpapaccayā chaṭṭhāyatanaṃ, nāmapaccayā ca pacchājātasahajātādivasena yathānurūpaṃ sabbānipi pavattanti, tasmā tattha katamaṃ nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ? Cakkhāyatanantiādi vuttaṃ.
๒๕๖. ทุติยจตุเกฺก สพฺพํ อุตฺตานเมวฯ
256. Dutiyacatukke sabbaṃ uttānameva.
๒๖๔. ตติยจตุเกฺก ยสฺส สมฺปยุตฺตปจฺจยภาโว น โหติ, ยสฺส จ โหติ, ตํ วิสุํ วิสุํ ทเสฺสตุํ อิทํ วุจฺจติ วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ นามนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
264. Tatiyacatukke yassa sampayuttapaccayabhāvo na hoti, yassa ca hoti, taṃ visuṃ visuṃ dassetuṃ idaṃ vuccati viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ viññāṇasampayuttaṃ nāmantiādi vuttaṃ.
๒๗๒. จตุตฺถจตุเกฺก ผสฺสปจฺจยา นามนิเทฺทเส กิญฺจาปิ ‘‘ฐเปตฺวา ผสฺสํ เวทนากฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ – อิทํ วุจฺจติ ผสฺสปจฺจยา นาม’’นฺติ น วุตฺตํ, ตถาปิ อนนฺตราตีตปทนิเทฺทเส ‘‘ฐเปตฺวา ผสฺสํ เวทนากฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ วุตฺตตฺตา อวุตฺตมฺปิ ตํ วุตฺตเมว โหติฯ ยเทว หิ นามํ ผสฺสสฺส ปจฺจโย, ผโสฺสปิ ตเสฺสว ปจฺจโยติฯ
272. Catutthacatukke phassapaccayā nāmaniddese kiñcāpi ‘‘ṭhapetvā phassaṃ vedanākkhandho…pe… viññāṇakkhandho – idaṃ vuccati phassapaccayā nāma’’nti na vuttaṃ, tathāpi anantarātītapadaniddese ‘‘ṭhapetvā phassaṃ vedanākkhandho…pe… viññāṇakkhandho’’ti vuttattā avuttampi taṃ vuttameva hoti. Yadeva hi nāmaṃ phassassa paccayo, phassopi tasseva paccayoti.
ยถา จายํ จตุจตุโกฺก โสฬสวารปฺปเภโท อวิชฺชามูลโก ปฐมนโย เอตสฺมิํ ปฐมากุสลจิเตฺต ปกาสิโต, เอวํ สงฺขารมูลกาทโย อฎฺฐ นยาปิ เวทิตพฺพาฯ ปาฬิ ปน สํขิตฺตาฯ เอวเมว ตสฺมิํ ปฐมากุสลจิเตฺตเยว นว นยา, ฉตฺติํส จตุกฺกานิ, จตุจตฺตาลีสาธิกญฺจ วารสตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Yathā cāyaṃ catucatukko soḷasavārappabhedo avijjāmūlako paṭhamanayo etasmiṃ paṭhamākusalacitte pakāsito, evaṃ saṅkhāramūlakādayo aṭṭha nayāpi veditabbā. Pāḷi pana saṃkhittā. Evameva tasmiṃ paṭhamākusalacitteyeva nava nayā, chattiṃsa catukkāni, catucattālīsādhikañca vārasataṃ hotīti veditabbaṃ.
๒๘๐. อิทานิ อิมินาว นเยน เสสากุสลจิเตฺตสุปิ ปจฺจยาการํ ทเสฺสตุํ กตเม ธมฺมา อกุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยสฺมา ทิฎฺฐิวิปฺปยุเตฺตสุ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ นตฺถิ, ตสฺมา อุปาทานฎฺฐาเน อุปาทานํ วิย ทฬฺหนิปาตินา อธิโมเกฺขน ปทํ ปูริตํฯ โทมนสฺสสหคเตสุ จ ยสฺมา เวทนาปจฺจยา ตณฺหาปิ นตฺถิ, ตสฺมา ตณฺหาฎฺฐาเน ตณฺหา วิย พลวกิเลเสน ปฎิเฆน ปทํ ปูริตํฯ อุปาทานฎฺฐาเน อธิโมเกฺขเนวฯ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุเตฺต ปน ยสฺมา สนฺนิฎฺฐานาภาวโต อธิโมโกฺขปิ นตฺถิ, ตสฺมา ตณฺหาฎฺฐาเน พลวกิเลสภูตาย วิจิกิจฺฉาย ปทํ ปูริตํฯ อุปาทานฎฺฐานํ ปริหีนเมวฯ อุทฺธจฺจสมฺปยุเตฺต ปน ยสฺมา อธิโมโกฺข อตฺถิ, ตสฺมา ตณฺหาฎฺฐาเน พลวกิเลเสน อุทฺธเจฺจน ปทํ ปูริตํฯ อุปาทานฎฺฐาเน อธิโมเกฺขเนวฯ สพฺพเตฺถว จ วิเสสมตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปาฬิ สํขิตฺตาฯ โย จายํ วิเสโส ทสฺสิโต, ตตฺถ เกวลํ อธิโมกฺขนิเทฺทโสว อปุโพฺพฯ เสสํ เหฎฺฐา อาคตเมวฯ
280. Idāni imināva nayena sesākusalacittesupi paccayākāraṃ dassetuṃ katame dhammā akusalātiādi āraddhaṃ. Tattha yasmā diṭṭhivippayuttesu taṇhāpaccayā upādānaṃ natthi, tasmā upādānaṭṭhāne upādānaṃ viya daḷhanipātinā adhimokkhena padaṃ pūritaṃ. Domanassasahagatesu ca yasmā vedanāpaccayā taṇhāpi natthi, tasmā taṇhāṭṭhāne taṇhā viya balavakilesena paṭighena padaṃ pūritaṃ. Upādānaṭṭhāne adhimokkheneva. Vicikicchāsampayutte pana yasmā sanniṭṭhānābhāvato adhimokkhopi natthi, tasmā taṇhāṭṭhāne balavakilesabhūtāya vicikicchāya padaṃ pūritaṃ. Upādānaṭṭhānaṃ parihīnameva. Uddhaccasampayutte pana yasmā adhimokkho atthi, tasmā taṇhāṭṭhāne balavakilesena uddhaccena padaṃ pūritaṃ. Upādānaṭṭhāne adhimokkheneva. Sabbattheva ca visesamattaṃ dassetvā pāḷi saṃkhittā. Yo cāyaṃ viseso dassito, tattha kevalaṃ adhimokkhaniddesova apubbo. Sesaṃ heṭṭhā āgatameva.
อธิโมกฺขนิเทฺทเส ปน อธิมุจฺจนวเสน อธิโมโกฺขฯ อธิมุจฺจติ วา เตน อารมฺมเณ จิตฺตํ นิพฺพิจิกิจฺฉตาย สนฺนิฎฺฐานํ คจฺฉตีติ อธิโมโกฺขฯ อธิมุจฺจนากาโร อธิมุจฺจนาฯ ตสฺส จิตฺตสฺส, ตสฺมิํ วา อารมฺมเณ อธิมุตฺตตฺตาติ ตทธิมุตฺตตาฯ สพฺพจิเตฺตสุ จ ปฐมจิเตฺต วุตฺตนเยเนว นยจตุกฺกวารปฺปเภโท เวทิตโพฺพฯ เกวลญฺหิ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุเตฺต อุปาทานมูลกสฺส นยสฺส อภาวา อฎฺฐ นยา, ทฺวตฺติํส จตุกฺกานิ, อฎฺฐวีสาธิกญฺจ วารสตํ โหตีติฯ
Adhimokkhaniddese pana adhimuccanavasena adhimokkho. Adhimuccati vā tena ārammaṇe cittaṃ nibbicikicchatāya sanniṭṭhānaṃ gacchatīti adhimokkho. Adhimuccanākāro adhimuccanā. Tassa cittassa, tasmiṃ vā ārammaṇe adhimuttattāti tadadhimuttatā. Sabbacittesu ca paṭhamacitte vuttanayeneva nayacatukkavārappabhedo veditabbo. Kevalañhi vicikicchāsampayutte upādānamūlakassa nayassa abhāvā aṭṭha nayā, dvattiṃsa catukkāni, aṭṭhavīsādhikañca vārasataṃ hotīti.
อกุสลนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Akusalaniddesavaṇṇanā.
กุสลนิเทฺทสวณฺณนา
Kusalaniddesavaṇṇanā
๒๙๒. อิทานิ อิมินาว นเยน กุสลจิตฺตาทีสุปิ ปจฺจยาการํ ทเสฺสตุํ กตเม ธมฺมา กุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ ยถา ปน อกุสเล ปฐมํ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา นิเทฺทโส กโต, น ตถา อิธฯ กสฺมา? อปฺปนาวาเร นานตฺตสมฺภวโตฯ โลกิยกุสลาทีสุ หิ เตสํ ธมฺมานํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺสา’’ติ อปฺปนา โหติ, โลกุตฺตรกุสลาทีสุ ‘‘เอวเมเตสํ ธมฺมาน’’นฺติฯ ตสฺมา เอตฺถ สาธารณโต มาติกํ ฐเปตุํ น สกฺกาติ ปาฎิเยกฺกํ เตสํ เตสํ กุสลาทีนํ มาติกํ อุทฺทิสิตฺวาว นิเทฺทโส กโตติฯ
292. Idāni imināva nayena kusalacittādīsupi paccayākāraṃ dassetuṃ katame dhammā kusalātiādi āraddhaṃ. Yathā pana akusale paṭhamaṃ mātikaṃ nikkhipitvā pacchā niddeso kato, na tathā idha. Kasmā? Appanāvāre nānattasambhavato. Lokiyakusalādīsu hi tesaṃ dhammānaṃ dukkhasaccapariyāpannattā ‘‘evametassa kevalassa dukkhakkhandhassā’’ti appanā hoti, lokuttarakusalādīsu ‘‘evametesaṃ dhammāna’’nti. Tasmā ettha sādhāraṇato mātikaṃ ṭhapetuṃ na sakkāti pāṭiyekkaṃ tesaṃ tesaṃ kusalādīnaṃ mātikaṃ uddisitvāva niddeso katoti.
ตตฺถ ยสฺมา เอกจิตฺตกฺขเณ กุสลสงฺขาเรน สทฺธิํ อวิชฺชา นตฺถิ, ตสฺมา ตํ อวตฺวา, อวิชฺชา วิย อกุสลานํ, กุสลานํ มูลโต กุสลมูลํ, ตณฺหุปาทานานญฺจ อภาวโต ตณฺหาฎฺฐาเน ตณฺหา วิย อารมฺมเณ อโชฺฌคาโฬฺห ปสาโท, อุปาทานฎฺฐาเน อุปาทานํ วิย ทฬฺหนิปาตี นาม อธิโมโกฺข วุโตฺตฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Tattha yasmā ekacittakkhaṇe kusalasaṅkhārena saddhiṃ avijjā natthi, tasmā taṃ avatvā, avijjā viya akusalānaṃ, kusalānaṃ mūlato kusalamūlaṃ, taṇhupādānānañca abhāvato taṇhāṭṭhāne taṇhā viya ārammaṇe ajjhogāḷho pasādo, upādānaṭṭhāne upādānaṃ viya daḷhanipātī nāma adhimokkho vutto. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbanti.
กุสลนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Kusalaniddesavaṇṇanā.
อพฺยากตนิเทฺทสวณฺณนา
Abyākataniddesavaṇṇanā
๓๐๖. อพฺยากตํ เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ อาคตปฎิปาฎิยาว วิภตฺตํฯ สพฺพวาเรสุ จ อวิชฺชามูลกา นยา ปริหีนาฯ กสฺมา? อวิชฺชาฎฺฐาเน ฐเปตพฺพสฺส อภาวโตฯ กุสลจิเตฺตสุ หิ อวิชฺชาฎฺฐาเน ฐเปตพฺพํ กุสลมูลํ อตฺถิ, จกฺขุวิญฺญาณาทีสุ นตฺถิฯ สเหตุเกสุ ปน กิญฺจาปิ อตฺถิ, เอวํ สเนฺตปิ อิธ ปจฺฉินฺนตฺตา ตตฺถ น คหิตํฯ ปญฺจวิญฺญาณโสเต โสตปติตาว หุตฺวา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ
306. Abyākataṃ heṭṭhā cittuppādakaṇḍe āgatapaṭipāṭiyāva vibhattaṃ. Sabbavāresu ca avijjāmūlakā nayā parihīnā. Kasmā? Avijjāṭṭhāne ṭhapetabbassa abhāvato. Kusalacittesu hi avijjāṭṭhāne ṭhapetabbaṃ kusalamūlaṃ atthi, cakkhuviññāṇādīsu natthi. Sahetukesu pana kiñcāpi atthi, evaṃ santepi idha pacchinnattā tattha na gahitaṃ. Pañcaviññāṇasote sotapatitāva hutvā desanā katāti veditabbā.
วิเสสโต ปเนตฺถ จกฺขุวิญฺญาณาทีสุ ตณฺหาฎฺฐานํ อุปาทานฎฺฐานญฺจ ปริหีนํฯ กสฺมา? ตณฺหาฎฺฐานารหสฺส พลวธมฺมสฺส อภาวา อธิโมกฺขรหิตตฺตา จฯ เสสาเหตุเกสุ ตณฺหาฎฺฐานเมว ปริหีนํฯ สเหตุเกสุ ปสาทสพฺภาวโต ตณฺหาฎฺฐาเน ปสาเทน ปทํ ปูริตํฯ เอวเมตฺถ กุสลากุสลวิปาเกสุ จกฺขุวิญฺญาณาทีสุ สงฺขารวิญฺญาณนามฉฎฺฐายตนผสฺสเวทนามูลกา ฉ ฉ, เสสาเหตุเกสุ อธิโมกฺขมูลเกน สทฺธิํ สตฺต สตฺต, สเหตุเกสุ ปสาทมูลเกน สทฺธิํ อฎฺฐ อฎฺฐ นยา เวทิตพฺพาฯ
Visesato panettha cakkhuviññāṇādīsu taṇhāṭṭhānaṃ upādānaṭṭhānañca parihīnaṃ. Kasmā? Taṇhāṭṭhānārahassa balavadhammassa abhāvā adhimokkharahitattā ca. Sesāhetukesu taṇhāṭṭhānameva parihīnaṃ. Sahetukesu pasādasabbhāvato taṇhāṭṭhāne pasādena padaṃ pūritaṃ. Evamettha kusalākusalavipākesu cakkhuviññāṇādīsu saṅkhāraviññāṇanāmachaṭṭhāyatanaphassavedanāmūlakā cha cha, sesāhetukesu adhimokkhamūlakena saddhiṃ satta satta, sahetukesu pasādamūlakena saddhiṃ aṭṭha aṭṭha nayā veditabbā.
ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณาทีสุปิ จตุนฺนมฺปิ จตุกฺกานํ อาทิวาโรว วุโตฺตฯ ทุติยวาโร ปจฺจยวิเสสเฎฺฐน ลพฺภมาโนปิ น วุโตฺตฯ ตติยจตุตฺถวารา อสมฺภวโตเยวฯ รูปมิสฺสกา หิ เต, น จ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติฯ ยถา จ ปฐมจตุเกฺก เทฺว วารา ลพฺภนฺติ, เอวํ เสสจตุเกฺกสุปิฯ ตสฺมา ปฐมจตุเกฺก ทุติยวาโร, เสสจตุเกฺกสุ จ เทฺว เทฺว วารา อวุตฺตาปิ วุตฺตาว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ เสสาเหตุกาพฺยากเต สพฺพจตุเกฺกสุ สเพฺพปิ วารา ลพฺภนฺติฯ อิธ ปจฺฉินฺนตฺตา ปน ปรโต น คหิตาฯ โสตปติตาว หุตฺวา เทสนา กตาติฯ เสสสเหตุกวิปาเกสุปิ เอเสว นโย อญฺญตฺร อรูปาวจรวิปากาฯ อรูปาวจรวิปากสฺมิญฺหิ วารทฺวยเมว ลพฺภตีติฯ
Tattha cakkhuviññāṇādīsupi catunnampi catukkānaṃ ādivārova vutto. Dutiyavāro paccayavisesaṭṭhena labbhamānopi na vutto. Tatiyacatutthavārā asambhavatoyeva. Rūpamissakā hi te, na ca cakkhuviññāṇādīni rūpaṃ samuṭṭhāpenti. Yathā ca paṭhamacatukke dve vārā labbhanti, evaṃ sesacatukkesupi. Tasmā paṭhamacatukke dutiyavāro, sesacatukkesu ca dve dve vārā avuttāpi vuttāva hontīti veditabbā. Sesāhetukābyākate sabbacatukkesu sabbepi vārā labbhanti. Idha pacchinnattā pana parato na gahitā. Sotapatitāva hutvā desanā katāti. Sesasahetukavipākesupi eseva nayo aññatra arūpāvacaravipākā. Arūpāvacaravipākasmiñhi vāradvayameva labbhatīti.
อพฺยากตนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Abyākataniddesavaṇṇanā.
อวิชฺชามูลกกุสลนิเทฺทสวณฺณนา
Avijjāmūlakakusalaniddesavaṇṇanā
๓๓๔. อิทานิ อปเรน ปริยาเยน เอกจิตฺตกฺขเณ ปจฺจยาการํ ทเสฺสตุํ ปุน กตเม ธมฺมา กุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อวิชฺชาปจฺจยาติ อุปนิสฺสยปจฺจยตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตเนว นิเทฺทสวาเร ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา’’ติ อวิภชิตฺวา ‘‘ตตฺถ กตโม อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร’’ติ วิภตฺตํฯ กุสลเจตนาสงฺขาโต หิ สงฺขาโรเยว ตสฺมิํ สมเย จิเตฺตน สหชาโต โหติ, น อวิชฺชาฯ
334. Idāni aparena pariyāyena ekacittakkhaṇe paccayākāraṃ dassetuṃ puna katame dhammākusalātiādi āraddhaṃ. Tattha avijjāpaccayāti upanissayapaccayataṃ sandhāya vuttaṃ. Teneva niddesavāre ‘‘tattha katamā avijjā’’ti avibhajitvā ‘‘tattha katamo avijjāpaccayā saṅkhāro’’ti vibhattaṃ. Kusalacetanāsaṅkhāto hi saṅkhāroyeva tasmiṃ samaye cittena sahajāto hoti, na avijjā.
ตตฺถ โลกิยกุสลสฺส เหฎฺฐา สุตฺตนฺตภาชนีเย วุตฺตนเยเนว อวิชฺชา ปจฺจโย โหติฯ ยสฺมา ปน อปฺปหีนาวิโชฺช อวิชฺชาย ปหานตฺถํ โลกุตฺตรํ ภาเวติ, ตสฺมา ตสฺสาปิ สมติกฺกมวเสน ปจฺจโย โหติฯ อวิชฺชาวโตเยว หิ กุสลายูหนํ โหติ, น อิตรสฺสฯ ตตฺถ เตภูมกกุสเล สโมฺมหวเสนปิ สมติกฺกมภาวนาวเสนปิ อายูหนํ ลพฺภติ; โลกุตฺตเร สมุเจฺฉทภาวนาวเสนาติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Tattha lokiyakusalassa heṭṭhā suttantabhājanīye vuttanayeneva avijjā paccayo hoti. Yasmā pana appahīnāvijjo avijjāya pahānatthaṃ lokuttaraṃ bhāveti, tasmā tassāpi samatikkamavasena paccayo hoti. Avijjāvatoyeva hi kusalāyūhanaṃ hoti, na itarassa. Tattha tebhūmakakusale sammohavasenapi samatikkamabhāvanāvasenapi āyūhanaṃ labbhati; lokuttare samucchedabhāvanāvasenāti. Sesaṃ vuttanayameva.
อยํ ปน วิเสโส – ยถา เหฎฺฐา เอเกกกุสเล จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน นว โสฬสกา ลทฺธา, ตถา อิธ น ลพฺภนฺติฯ กสฺมา? อวิชฺชาย อวิคตสมฺปยุตฺตอญฺญมญฺญปจฺจยาภาวโตฯ อุปนิสฺสยวเสน ปเนตฺถ ปฐมจตุกฺกเมว ลพฺภติฯ ตมฺปิ ปฐมวารเมว ทเสฺสตฺวา สํขิตฺตํฯ นีหริตฺวา ปน ทเสฺสตพฺพนฺติฯ
Ayaṃ pana viseso – yathā heṭṭhā ekekakusale catunnaṃ catukkānaṃ vasena nava soḷasakā laddhā, tathā idha na labbhanti. Kasmā? Avijjāya avigatasampayuttaaññamaññapaccayābhāvato. Upanissayavasena panettha paṭhamacatukkameva labbhati. Tampi paṭhamavārameva dassetvā saṃkhittaṃ. Nīharitvā pana dassetabbanti.
อวิชฺชามูลกกุสลนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Avijjāmūlakakusalaniddesavaṇṇanā.
กุสลมูลกวิปากนิเทฺทสวณฺณนา
Kusalamūlakavipākaniddesavaṇṇanā
๓๔๓. อิทานิ อพฺยากเตสุปิ อปเรเนว นเยน ปจฺจยาการํ ทเสฺสตุํ กตเม ธมฺมา อพฺยากตาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ กุสลมูลปจฺจยาติ อิทมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจยตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กุสลวิปากสฺส หิ กุสลมูลํ , อกุสลวิปากสฺส จ อกุสลมูลํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ; นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตสฺมา เอส อุปนิสฺสยปจฺจเยน เจว นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหติฯ เตเนว นิเทฺทสวาเร ‘‘ตตฺถ กตมํ กุสลมูล’’นฺติ อวิภชิตฺวา ‘‘ตตฺถ กตโม กุสลมูลปจฺจยา สงฺขาโร’’ติ วิภตฺตํฯ อกุสลวิปาเกปิ เอเสว นโยฯ
343. Idāni abyākatesupi apareneva nayena paccayākāraṃ dassetuṃ katame dhammā abyākatātiādi āraddhaṃ. Tattha kusalamūlapaccayāti idampi upanissayapaccayataṃ sandhāya vuttaṃ. Kusalavipākassa hi kusalamūlaṃ , akusalavipākassa ca akusalamūlaṃ upanissayapaccayo hoti; nānākkhaṇikakammapaccaye pana vattabbameva natthi. Tasmā esa upanissayapaccayena ceva nānākkhaṇikakammapaccayena ca paccayo hoti. Teneva niddesavāre ‘‘tattha katamaṃ kusalamūla’’nti avibhajitvā ‘‘tattha katamo kusalamūlapaccayā saṅkhāro’’ti vibhattaṃ. Akusalavipākepi eseva nayo.
อวิชฺชามูลกกุสลนิเทฺทเส วิย จ อิมสฺมิมฺปิ วิปากนิเทฺทเส ปฐมํ ปจฺจยจตุกฺกเมว ลพฺภติฯ ตมฺปิ ปฐมวารํ ทเสฺสตฺวา สํขิตฺตํฯ ตสฺมา เอเกกสฺมิํ วิปากจิเตฺต เอกเมกเสฺสว จตุกฺกสฺส วเสน กุสลมูลมูลเก อกุสลมูลมูลเก จ นเย วารปฺปเภโท เวทิตโพฺพฯ กิริยาธมฺมานํ ปน ยสฺมา เนว อวิชฺชา น กุสลากุสลมูลานิ อุปนิสฺสยปจฺจยตํ ลภนฺติ, ตสฺมา กิริยวเสน ปจฺจยากาโร น วุโตฺตติฯ
Avijjāmūlakakusalaniddese viya ca imasmimpi vipākaniddese paṭhamaṃ paccayacatukkameva labbhati. Tampi paṭhamavāraṃ dassetvā saṃkhittaṃ. Tasmā ekekasmiṃ vipākacitte ekamekasseva catukkassa vasena kusalamūlamūlake akusalamūlamūlake ca naye vārappabhedo veditabbo. Kiriyādhammānaṃ pana yasmā neva avijjā na kusalākusalamūlāni upanissayapaccayataṃ labhanti, tasmā kiriyavasena paccayākāro na vuttoti.
เอวเมส –
Evamesa –
อกุสลกุสลาพฺยากต-ธเมฺมสุ อเนกเภทโต วตฺวา;
Akusalakusalābyākata-dhammesu anekabhedato vatvā;
กุสลากุสลานํ ปน, วิปาเก จ อุปนิสฺสยวเสนฯ
Kusalākusalānaṃ pana, vipāke ca upanissayavasena.
ปุน เอกธาว วุโตฺต, วาทิปฺปวเรน ปจฺจยากาโร;
Puna ekadhāva vutto, vādippavarena paccayākāro;
ธมฺมปฺปจฺจยเภเท, ญาณสฺส ปเภทชนนตฺถํฯ
Dhammappaccayabhede, ñāṇassa pabhedajananatthaṃ.
ปริยตฺติสวนจินฺตน-ปฎิปตฺติกฺกมวิวชฺชิตานญฺจ;
Pariyattisavanacintana-paṭipattikkamavivajjitānañca;
ยสฺมา ญาณปเภโท, น กทาจิปิ โหติ เอตสฺมิํฯ
Yasmā ñāṇapabhedo, na kadācipi hoti etasmiṃ.
ปริยตฺติสวนจินฺตน-ปฎิปตฺติกฺกมโต สทา ธีโร;
Pariyattisavanacintana-paṭipattikkamato sadā dhīro;
ตตฺถ กยิรา น หญฺญํ, กรณียตรํ ตโต อตฺถีติฯ
Tattha kayirā na haññaṃ, karaṇīyataraṃ tato atthīti.
อยํ ปน ปจฺจยากาโร สุตฺตนฺตอภิธมฺมภาชนียวเสน เทฺวปริวฎฺฎเมว นีหริตฺวา ภาเชตฺวา ทสฺสิโต โหติฯ
Ayaṃ pana paccayākāro suttantaabhidhammabhājanīyavasena dveparivaṭṭameva nīharitvā bhājetvā dassito hoti.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.
สโมฺมหวิโนทนิยา วิภงฺคฎฺฐกถาย
Sammohavinodaniyā vibhaṅgaṭṭhakathāya
ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭiccasamuppādavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค • 6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค • 6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๖. ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภโงฺค • 6. Paṭiccasamuppādavibhaṅgo