Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๔๙๐. อภิธมฺมภาชนีเย ‘อริโย’ติ อวตฺวา อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ วุตฺตํฯ เอวํ อวุเตฺตปิ อยํ อริโย เอวฯ ยถา หิ มุทฺธาภิสิตฺตสฺส รโญฺญ มุทฺธาภิสิตฺตาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ชาโต ปุโตฺต ราชปุโตฺตติ อวุเตฺตปิ ราชปุโตฺตเยว โหติ, เอวมยมฺปิ อริโยติ อวุเตฺตปิ อริโย เอวาติ เวทิตโพฺพฯ เสสมิธาปิ สจฺจวิภเงฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
490. Abhidhammabhājanīye ‘ariyo’ti avatvā aṭṭhaṅgiko maggoti vuttaṃ. Evaṃ avuttepi ayaṃ ariyo eva. Yathā hi muddhābhisittassa rañño muddhābhisittāya deviyā kucchismiṃ jāto putto rājaputtoti avuttepi rājaputtoyeva hoti, evamayampi ariyoti avuttepi ariyo evāti veditabbo. Sesamidhāpi saccavibhaṅge vuttanayeneva veditabbaṃ.
๔๙๓. ปญฺจงฺคิกวาเรปิ อฎฺฐงฺคิโกติ อวุเตฺตปิ อฎฺฐงฺคิโก เอว เวทิตโพฺพฯ โลกุตฺตรมโคฺค หิ ปญฺจงฺคิโก นาม นตฺถิฯ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานตฺถกถาฯ วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘‘โลกุตฺตรมโคฺค อฎฺฐงฺคิโก นาม นตฺถิ, ปญฺจงฺคิโกเยว โหตี’’ติฯ โส ‘‘สุตฺตํ อาหราหี’’ติ วุโตฺต อทฺธา อญฺญํ อปสฺสโนฺต อิมํ มหาสฬายตนโต สุตฺตปฺปเทสํ อาหริสฺสติ ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฎฺฐิ, สาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิฯ โย ตถาภูตสฺส สงฺกโปฺป, วายาโม, สติ, โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธิฯ ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหตี’’ติฯ
493. Pañcaṅgikavārepi aṭṭhaṅgikoti avuttepi aṭṭhaṅgiko eva veditabbo. Lokuttaramaggo hi pañcaṅgiko nāma natthi. Ayamettha ācariyānaṃ samānatthakathā. Vitaṇḍavādī panāha – ‘‘lokuttaramaggo aṭṭhaṅgiko nāma natthi, pañcaṅgikoyeva hotī’’ti. So ‘‘suttaṃ āharāhī’’ti vutto addhā aññaṃ apassanto imaṃ mahāsaḷāyatanato suttappadesaṃ āharissati ‘‘yā tathābhūtassa diṭṭhi, sāssa hoti sammādiṭṭhi. Yo tathābhūtassa saṅkappo, vāyāmo, sati, yo tathābhūtassa samādhi, svāssa hoti sammāsamādhi. Pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hotī’’ti.
ตโต ‘‘เอตสฺส อนนฺตรํ สุตฺตปทํ อาหรา’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ อาหรติ อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ อาหรติ สยํ อาหริตฺวา ‘‘เอวมสฺสายํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑) ‘‘อิมินา เต สตฺถุสาสเนน วาโท ภิโนฺน; โลกุตฺตรมโคฺค ปญฺจงฺคิโก นาม นตฺถิ, อฎฺฐงฺคิโกว โหตี’’ติ วตฺตโพฺพฯ
Tato ‘‘etassa anantaraṃ suttapadaṃ āharā’’ti vattabbo. Sace āharati iccetaṃ kusalaṃ, no ce āharati sayaṃ āharitvā ‘‘evamassāyaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’’ti (ma. ni. 3.431) ‘‘iminā te satthusāsanena vādo bhinno; lokuttaramaggo pañcaṅgiko nāma natthi, aṭṭhaṅgikova hotī’’ti vattabbo.
อิมานิ ปน ตีณิ องฺคานิ ปุเพฺพ ปริสุทฺธานิ วตฺตนฺติ, โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปริสุทฺธตรานิ โหนฺติฯ อถ ‘ปญฺจงฺคิโก มโคฺค’ติ อิทํ กิมตฺถํ คหิตนฺติ? อติเรกกิจฺจทสฺสนตฺถํฯ ยสฺมิญฺหิ สมเย มิจฺฉาวาจํ ปชหติ, สมฺมาวาจํ ปูเรติ, ตสฺมิํ สมเย สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาอาชีวา นตฺถิฯ อิมานิ ปญฺจการาปกงฺคาเนว มิจฺฉาวาจํ ปชหนฺติ; สมฺมาวาจา ปน สยํ วิรติวเสน ปูเรติฯ ยสฺมิํ สมเย มิจฺฉากมฺมนฺตํ ปชหติ, สมฺมากมฺมนฺตํ ปูเรติ, ตสฺมิํ สมเย สมฺมาวาจาสมฺมาอาชีวา นตฺถิฯ อิมานิ ปญฺจ การาปกงฺคาเนว มิจฺฉากมฺมนฺตํ ปชหนฺติ; สมฺมากมฺมโนฺต ปน สยํ วิรติวเสน ปูเรติฯ ยสฺมิํ สมเย มิจฺฉาอาชีวํ ปชหติ, สมฺมาอาชีวํ ปูเรติ, ตสฺมิํ สมเย สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตา นตฺถิฯ อิมานิ ปญฺจ การาปกงฺคาเนว มิจฺฉาอาชีวํ ปชหนฺติ; สมฺมาอาชีโว ปน สยํ วิรติวเสน ปูเรติฯ อิมํ เอเตสํ ปญฺจนฺนํ การาปกงฺคานํ กิจฺจาติเรกตํ ทเสฺสตุํ ปญฺจงฺคิโก มโคฺคติ คหิตํฯ โลกุตฺตรมโคฺค ปน อฎฺฐงฺคิโกว โหติ, ปญฺจงฺคิโก นาม นตฺถิฯ
Imāni pana tīṇi aṅgāni pubbe parisuddhāni vattanti, lokuttaramaggakkhaṇe parisuddhatarāni honti. Atha ‘pañcaṅgiko maggo’ti idaṃ kimatthaṃ gahitanti? Atirekakiccadassanatthaṃ. Yasmiñhi samaye micchāvācaṃ pajahati, sammāvācaṃ pūreti, tasmiṃ samaye sammākammantasammāājīvā natthi. Imāni pañcakārāpakaṅgāneva micchāvācaṃ pajahanti; sammāvācā pana sayaṃ virativasena pūreti. Yasmiṃ samaye micchākammantaṃ pajahati, sammākammantaṃ pūreti, tasmiṃ samaye sammāvācāsammāājīvā natthi. Imāni pañca kārāpakaṅgāneva micchākammantaṃ pajahanti; sammākammanto pana sayaṃ virativasena pūreti. Yasmiṃ samaye micchāājīvaṃ pajahati, sammāājīvaṃ pūreti, tasmiṃ samaye sammāvācāsammākammantā natthi. Imāni pañca kārāpakaṅgāneva micchāājīvaṃ pajahanti; sammāājīvo pana sayaṃ virativasena pūreti. Imaṃ etesaṃ pañcannaṃ kārāpakaṅgānaṃ kiccātirekataṃ dassetuṃ pañcaṅgiko maggoti gahitaṃ. Lokuttaramaggo pana aṭṭhaṅgikova hoti, pañcaṅgiko nāma natthi.
‘‘ยทิ สมฺมาวาจาทีหิ สทฺธิํ อฎฺฐงฺคิโกติ วทถ, จตโสฺส สมฺมาวาจาเจตนา, ติโสฺส สมฺมากมฺมนฺตเจตนา, สตฺต สมฺมาอาชีวเจตนาติ อิมมฺหา เจตนาพหุตฺตา กถํ มุจฺจิสฺสถ? ตสฺมา ปญฺจงฺคิโกว โลกุตฺตรมโคฺค’’ติฯ ‘‘เจตนาพหุตฺตา จ ปมุจฺจิสฺสาม; อฎฺฐงฺคิโกว โลกุตฺตรมโคฺคติ จ วกฺขาม’’ฯ ‘‘ตฺวํ ตาว มหาจตฺตารีสกภาณโก โหสิ, น โหสี’’ติ ปุจฺฉิตโพฺพฯ สเจ ‘‘น โหมี’’ติ วทติ, ‘‘ตฺวํ อภาณกตฺตา น ชานาสี’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ ‘‘ภาณโกสฺมี’’ติ วทติ, ‘‘สุตฺตํ อาหรา’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ สุตฺตํ อาหรติ อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ อาหรติ สยํ อุปริปณฺณาสโต อาหริตพฺพํ –
‘‘Yadi sammāvācādīhi saddhiṃ aṭṭhaṅgikoti vadatha, catasso sammāvācācetanā, tisso sammākammantacetanā, satta sammāājīvacetanāti imamhā cetanābahuttā kathaṃ muccissatha? Tasmā pañcaṅgikova lokuttaramaggo’’ti. ‘‘Cetanābahuttā ca pamuccissāma; aṭṭhaṅgikova lokuttaramaggoti ca vakkhāma’’. ‘‘Tvaṃ tāva mahācattārīsakabhāṇako hosi, na hosī’’ti pucchitabbo. Sace ‘‘na homī’’ti vadati, ‘‘tvaṃ abhāṇakattā na jānāsī’’ti vattabbo. Sace ‘‘bhāṇakosmī’’ti vadati, ‘‘suttaṃ āharā’’ti vattabbo. Sace suttaṃ āharati iccetaṃ kusalaṃ, no ce āharati sayaṃ uparipaṇṇāsato āharitabbaṃ –
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา? สมฺมาวาจํปหํ, ภิกฺขเว, ทฺวายํ วทามิ – อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา สาสวา ปุญฺญภาคิยา อุปธิเวปกฺกา; อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา อริยา อนาสวา โลกุตฺตรา มคฺคงฺคาฯ
‘‘Katamā ca, bhikkhave, sammāvācā? Sammāvācaṃpahaṃ, bhikkhave, dvāyaṃ vadāmi – atthi, bhikkhave, sammāvācā sāsavā puññabhāgiyā upadhivepakkā; atthi, bhikkhave, sammāvācā ariyā anāsavā lokuttarā maggaṅgā.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา สาสวา ปุญฺญภาคิยา อุปธิเวปกฺกา? มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี – อยํ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา สาสวา ปุญฺญภาคิยา อุปธิเวปกฺกาฯ
‘‘Katamā ca, bhikkhave, sammāvācā sāsavā puññabhāgiyā upadhivepakkā? Musāvādā veramaṇī, pisuṇāya vācāya veramaṇī, pharusāya vācāya veramaṇī, samphappalāpā veramaṇī – ayaṃ, bhikkhave, sammāvācā sāsavā puññabhāgiyā upadhivepakkā.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา อริยา อนาสวา โลกุตฺตรา มคฺคงฺคา? ยา โข, ภิกฺขเว, อริยจิตฺตสฺส อนาสวจิตฺตสฺส อริยมคฺคสมงฺคิโน อริยมคฺคํ ภาวยโต จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี – อยํ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา อริยา อนาสวา โลกุตฺตรา มคฺคงฺคา…เป.…ฯ
‘‘Katamā ca, bhikkhave, sammāvācā ariyā anāsavā lokuttarā maggaṅgā? Yā kho, bhikkhave, ariyacittassa anāsavacittassa ariyamaggasamaṅgino ariyamaggaṃ bhāvayato catūhi vacīduccaritehi ārati virati paṭivirati veramaṇī – ayaṃ, bhikkhave, sammāvācā ariyā anāsavā lokuttarā maggaṅgā…pe….
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมากมฺมโนฺต? สมฺมากมฺมนฺตํปหํ, ภิกฺขเว, ทฺวยํ วทามิ…เป.… อุปธิเวปโกฺกฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, sammākammanto? Sammākammantaṃpahaṃ, bhikkhave, dvayaṃ vadāmi…pe… upadhivepakko.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมากมฺมโนฺต อริโย อนาสโว โลกุตฺตโร…เป.…ฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, sammākammanto ariyo anāsavo lokuttaro…pe….
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาอาชีโว? สมฺมาอาชีวํปหํ, ภิกฺขเว, ทฺวายํ วทามิ…เป.… อุปธิเวปโกฺกฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, sammāājīvo? Sammāājīvaṃpahaṃ, bhikkhave, dvāyaṃ vadāmi…pe… upadhivepakko.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาอาชีโว อริโย อนาสโว โลกุตฺตโร มคฺคโงฺค? ยา โข, ภิกฺขเว, อริยจิตฺตสฺส อนาสวจิตฺตสฺส อริยมคฺคสมงฺคิโน อริยมคฺคํ ภาวยโต มิจฺฉาอาชีวา อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี – อยํ, ภิกฺขเว, สมฺมาอาชีโว อริโย อนาสโว โลกุตฺตโร มคฺคโงฺค’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๘ อาทโย)ฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, sammāājīvo ariyo anāsavo lokuttaro maggaṅgo? Yā kho, bhikkhave, ariyacittassa anāsavacittassa ariyamaggasamaṅgino ariyamaggaṃ bhāvayato micchāājīvā ārati virati paṭivirati veramaṇī – ayaṃ, bhikkhave, sammāājīvo ariyo anāsavo lokuttaro maggaṅgo’’ti (ma. ni. 3.138 ādayo).
เอวเมตฺถ จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ, ตีหิ กายทุจฺจริเตหิ, มิจฺฉาชีวโต จาติ เอเกกาว วิรติ อริยา อนาสวา โลกุตฺตรา มคฺคงฺคาติ วุตฺตาฯ ‘‘กุโต เอตฺถ เจตนาพหุตฺตํ? กุโต ปญฺจงฺคิโก มโคฺค? อิทํ เต สุตฺตํ อกามกสฺส โลกุตฺตรมโคฺค อฎฺฐงฺคิโกติ ทีเปติ’’ฯ สเจ เอตฺตเกน สลฺลเกฺขติ อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ สลฺลเกฺขติ อญฺญานิปิ การณานิ อาหริตฺวา สญฺญาเปตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Evamettha catūhi vacīduccaritehi, tīhi kāyaduccaritehi, micchājīvato cāti ekekāva virati ariyā anāsavā lokuttarā maggaṅgāti vuttā. ‘‘Kuto ettha cetanābahuttaṃ? Kuto pañcaṅgiko maggo? Idaṃ te suttaṃ akāmakassa lokuttaramaggo aṭṭhaṅgikoti dīpeti’’. Sace ettakena sallakkheti iccetaṃ kusalaṃ, no ce sallakkheti aññānipi kāraṇāni āharitvā saññāpetabbo. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค น อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภติ…เป.… อิมสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค อุปลพฺภติ; อิเธว , สุภทฺท, สมโณ…เป.… สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณหิ อเญฺญหีติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔)ฯ
‘‘Yasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo na upalabbhati, samaṇopi tattha na upalabbhati…pe… imasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo upalabbhati; idheva , subhadda, samaṇo…pe… suññā parappavādā samaṇehi aññehīti (dī. ni. 2.214).
อเญฺญสุปิ อเนเกสุ สุตฺตสเตสุ อฎฺฐงฺคิโกว มโคฺค อาคโตฯ กถาวตฺถุปฺปกรเณปิ วุตฺตํ –
Aññesupi anekesu suttasatesu aṭṭhaṅgikova maggo āgato. Kathāvatthuppakaraṇepi vuttaṃ –
‘‘มคฺคานํ อฎฺฐงฺคิโก เสโฎฺฐ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
‘‘Maggānaṃ aṭṭhaṅgiko seṭṭho, saccānaṃ caturo padā;
วิราโค เสโฎฺฐ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานญฺจ จกฺขุมา’’ติ (กถา. ๘๗๒) –
Virāgo seṭṭho dhammānaṃ, dvipadānañca cakkhumā’’ti (kathā. 872) –
‘‘อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ’’? ‘‘อามนฺตา’’‘‘เตน หิ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติฯ สเจ ปน เอตฺตเกนาปิ สญฺญตฺติํ น คจฺฉติ, ‘‘คจฺฉ, วิหารํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปิวาหี’’ติ อุโยฺยเชตโพฺพฯ อุตฺตริมฺปน การณํ วกฺขตีติ อฎฺฐานเมตํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
‘‘Attheva suttantoti’’? ‘‘Āmantā’’‘‘tena hi aṭṭhaṅgiko maggo’’ti. Sace pana ettakenāpi saññattiṃ na gacchati, ‘‘gaccha, vihāraṃ pavisitvā yāguṃ pivāhī’’ti uyyojetabbo. Uttarimpana kāraṇaṃ vakkhatīti aṭṭhānametaṃ. Sesamettha uttānatthameva.
นยา ปเนตฺถ คเณตพฺพาฯ อฎฺฐงฺคิกมคฺคสฺมิญฺหิ เอกโต ปุจฺฉิตฺวา เอกโต วิสฺสชฺชเน จตูสุ มเคฺคสุ จตฺตาริ นยสหสฺสานิ วิภตฺตานิฯ ปญฺจงฺคิกมเคฺค เอกโต ปุจฺฉิตฺวา เอกโต วิสฺสชฺชเน จตฺตาริ; ปาฎิเยกฺกํ ปุจฺฉิตฺวา ปาฎิเยกฺกํ วิสฺสชฺชเน จตฺตาริ จตฺตารีติ ปญฺจสุ อเงฺคสุ วีสติฯ อิติ ปุริมานิ อฎฺฐ อิมานิ จ วีสตีติ สพฺพานิปิ มคฺควิภเงฺค อฎฺฐวีสติ นยสหสฺสานิ วิภตฺตานิฯ ตานิ จ โข นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรานิ กุสลาเนวฯ วิปาเก ปน กุสลโต ติคุณา นยา กาตพฺพาติฯ
Nayā panettha gaṇetabbā. Aṭṭhaṅgikamaggasmiñhi ekato pucchitvā ekato vissajjane catūsu maggesu cattāri nayasahassāni vibhattāni. Pañcaṅgikamagge ekato pucchitvā ekato vissajjane cattāri; pāṭiyekkaṃ pucchitvā pāṭiyekkaṃ vissajjane cattāri cattārīti pañcasu aṅgesu vīsati. Iti purimāni aṭṭha imāni ca vīsatīti sabbānipi maggavibhaṅge aṭṭhavīsati nayasahassāni vibhattāni. Tāni ca kho nibbattitalokuttarāni kusalāneva. Vipāke pana kusalato tiguṇā nayā kātabbāti.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๑. มคฺคงฺควิภโงฺค • 11. Maggaṅgavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๑. มคฺคงฺควิภโงฺค • 11. Maggaṅgavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๑. มคฺคงฺควิภโงฺค • 11. Maggaṅgavibhaṅgo