Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā

    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา

    2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā

    ๗๒๕. ตตฺถ ติโสฺส ปฎิสมฺภิทา โลกิยาฯ อตฺถปฎิสมฺภิทา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา ฯ สา หิ นิพฺพานารมฺมณานํ มคฺคผลญาณานํ วเสน โลกุตฺตราปิ โหติฯ อภิธมฺมภาชนีเย กุสลากุสลวิปากกิริยานํ วเสน จตูหิ วาเรหิ วิภตฺตํฯ ตตฺถ ยตฺตกานิ เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ (ธ. ส. ๑ อาทโย) กุสลจิตฺตานิ วิภตฺตานิ, เตสํ สเพฺพสมฺปิ วเสน เอเกกสฺมิํ จิตฺตนิเทฺทเส จตโสฺส จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา วิภตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อกุสลจิเตฺตสุปิ เอเสว นโยฯ วิปากกิริยวาเรสุ วิปากกิริยานํ อเตฺถน สงฺคหิตตฺตา, ธมฺมปฎิสมฺภิทํ ฉเฑฺฑตฺวา, เอเกกสฺมิํ วิปากจิเตฺต จ กิริยจิเตฺต จ ติโสฺส ติโสฺสว ปฎิสมฺภิทา วิภตฺตาฯ ปาฬิ ปน มุขมตฺตเมว ทเสฺสตฺวา สํขิตฺตาฯ สา เหฎฺฐา อาคตวิตฺถารวเสเนว เวทิตพฺพาฯ

    725. Tattha tisso paṭisambhidā lokiyā. Atthapaṭisambhidā lokiyalokuttaramissakā . Sā hi nibbānārammaṇānaṃ maggaphalañāṇānaṃ vasena lokuttarāpi hoti. Abhidhammabhājanīye kusalākusalavipākakiriyānaṃ vasena catūhi vārehi vibhattaṃ. Tattha yattakāni heṭṭhā cittuppādakaṇḍe (dha. sa. 1 ādayo) kusalacittāni vibhattāni, tesaṃ sabbesampi vasena ekekasmiṃ cittaniddese catasso catasso paṭisambhidā vibhattāti veditabbā. Akusalacittesupi eseva nayo. Vipākakiriyavāresu vipākakiriyānaṃ atthena saṅgahitattā, dhammapaṭisambhidaṃ chaḍḍetvā, ekekasmiṃ vipākacitte ca kiriyacitte ca tisso tissova paṭisambhidā vibhattā. Pāḷi pana mukhamattameva dassetvā saṃkhittā. Sā heṭṭhā āgatavitthāravaseneva veditabbā.

    กสฺมา ปน ยถา กุสลากุสลวาเรสุ ‘‘เตสํ วิปาเก ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘เยสํ ธมฺมานํ อิเม วิปากา, เตสุ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติ เอวํ น วุตฺตนฺติ? เหฎฺฐา วุตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ, ‘‘เตสํ วิปาเก ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา อยํ อตฺถปฎิสมฺภิทาปิ อิธ น วตฺตพฺพา สิยาติ? โน น วตฺตพฺพาฯ กสฺมา? เหฎฺฐา วิปากกิริยจิตฺตุปฺปาทวเสน อวุตฺตตฺตาฯ กิริยวาเร จ ‘‘เยสํ ธมฺมานํ อิเม กิริยา’’ติ วจนเมว น ยุชฺชตีติ ทฺวีสุปิ อิเมสุ วาเรสุ ติโสฺส ติโสฺสว ปฎิสมฺภิทา วิภตฺตาฯ

    Kasmā pana yathā kusalākusalavāresu ‘‘tesaṃ vipāke ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti vuttaṃ, evamidha ‘‘yesaṃ dhammānaṃ ime vipākā, tesu ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’ti evaṃ na vuttanti? Heṭṭhā vuttattā. Yadi evaṃ, ‘‘tesaṃ vipāke ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti heṭṭhā vuttattā ayaṃ atthapaṭisambhidāpi idha na vattabbā siyāti? No na vattabbā. Kasmā? Heṭṭhā vipākakiriyacittuppādavasena avuttattā. Kiriyavāre ca ‘‘yesaṃ dhammānaṃ ime kiriyā’’ti vacanameva na yujjatīti dvīsupi imesu vāresu tisso tissova paṭisambhidā vibhattā.

    ตตฺถ ยาย นิรุตฺติยา เตสํ ธมฺมานํ ปญฺญตฺติ โหตีติ ยาย นิรุตฺติยา เตสํ ผโสฺส โหตีติอาทินา นเยน วุตฺตานํ ธมฺมานํ ‘‘อยํ ผโสฺส, อยํ เวทนา’’ติ เอวํ ปญฺญตฺติ โหติฯ ตตฺถ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป ญาณนฺติ ตสฺมิํ อเตฺถ ธเมฺม จ ปวตฺตมานาย ตสฺสา ธมฺมนิรุตฺติยา สภาวปญฺญตฺติยา อภิลาเป ญาณํฯ อภิลาปสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนญาณเมว อิธาปิ กถิตํฯ เยน ญาเณนาติ เยน ปฎิภานปฎิสมฺภิทาญาเณนฯ ตานิ ญาณานิ ชานาตีติ อิตรานิ ตีณิ ปฎิสมฺภิทาญาณานิ ชานาติฯ

    Tattha yāya niruttiyā tesaṃ dhammānaṃ paññatti hotīti yāya niruttiyā tesaṃ phasso hotītiādinā nayena vuttānaṃ dhammānaṃ ‘‘ayaṃ phasso, ayaṃ vedanā’’ti evaṃ paññatti hoti. Tattha dhammaniruttābhilāpe ñāṇanti tasmiṃ atthe dhamme ca pavattamānāya tassā dhammaniruttiyā sabhāvapaññattiyā abhilāpe ñāṇaṃ. Abhilāpasaddaṃ ārammaṇaṃ katvā uppannañāṇameva idhāpi kathitaṃ. Yena ñāṇenāti yena paṭibhānapaṭisambhidāñāṇena. Tāniñāṇāni jānātīti itarāni tīṇi paṭisambhidāñāṇāni jānāti.

    อิทานิ ยถา ยํ ญาณํ ตานิ ญาณานิ ชานาติ, ตถา ตสฺส เตสุ ปวตฺติํ ทเสฺสตุํ อิมานิ ญาณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิทมตฺถโชตกานีติ อิมสฺส อตฺถสฺส โชตกานิ ปกาสกานิ; อิมํ นาม อตฺถํ โชเตนฺติ ปกาเสนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตีติ อโตฺถฯ อิติ ญาเณสุ ญาณนฺติ อิมินา อากาเรน ปวตฺตํ ตีสุ ญาเณสุ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา นามฯ

    Idāni yathā yaṃ ñāṇaṃ tāni ñāṇāni jānāti, tathā tassa tesu pavattiṃ dassetuṃ imāni ñāṇāni idamatthajotakānīti vuttaṃ. Tattha idamatthajotakānīti imassa atthassa jotakāni pakāsakāni; imaṃ nāma atthaṃ jotenti pakāsenti paricchindantīti attho. Iti ñāṇesu ñāṇanti iminā ākārena pavattaṃ tīsu ñāṇesu ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā nāma.

    ตตฺถ กิญฺจาปิ อยํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา ‘อิมิสฺสา อิทํ กิจฺจํ, อิมิสฺสา อิทํ กิจฺจ’นฺติ อิตราสํ ปฎิสมฺภิทานํ กิจฺจํ ชานาติ, สยํ ปน ตาสํ กิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกติ, พหุสฺสุตธมฺมกถิโก วิย อปฺปสฺสุตธมฺมกถิกสฺสฯ เทฺว กิร ภิกฺขูฯ เอโก พหุสฺสุโต, เอโก อปฺปสฺสุโตฯ เต เอกโตว เอกํ ธมฺมกถามคฺคํ อุคฺคณฺหิํสุฯ ตตฺถ อปฺปสฺสุโต สรสมฺปโนฺน อโหสิ, อิตโร มนฺทสฺสโรฯ เตสุ อปฺปสฺสุโต คตคตฎฺฐาเน อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา สกลปริสํ โขเภตฺวา ธมฺมํ กเถสิฯ ธมฺมํ สุณมานา หฎฺฐตุฎฺฐมานสา หุตฺวา – ‘ยถา เอส ธมฺมํ กเถสิ, เอโก ติปิฎกธโร มเญฺญ ภวิสฺสตี’ติ วทนฺติฯ พหุสฺสุตภิกฺขุ ปน – ‘ธมฺมสวเน ชานิสฺสถ อยํ ติปิฎกธโร วา โน วา’ติ อาหฯ โส กิญฺจาปิ เอวมาห, ยถา ปน สกลปริสํ โขเภตฺวา ธมฺมํ กเถตุํ สโกฺกติ, เอวมสฺส กถนสมตฺถตา นตฺถิฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา, พหุสฺสุโต วิย อปฺปสฺสุตสฺส, อิตราสํ กิจฺจํ ชานาติ, สยํ ปน ตํ กิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกตีติ เวทิตพฺพํฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    Tattha kiñcāpi ayaṃ paṭibhānapaṭisambhidā ‘imissā idaṃ kiccaṃ, imissā idaṃ kicca’nti itarāsaṃ paṭisambhidānaṃ kiccaṃ jānāti, sayaṃ pana tāsaṃ kiccaṃ kātuṃ na sakkoti, bahussutadhammakathiko viya appassutadhammakathikassa. Dve kira bhikkhū. Eko bahussuto, eko appassuto. Te ekatova ekaṃ dhammakathāmaggaṃ uggaṇhiṃsu. Tattha appassuto sarasampanno ahosi, itaro mandassaro. Tesu appassuto gatagataṭṭhāne attano sarasampattiyā sakalaparisaṃ khobhetvā dhammaṃ kathesi. Dhammaṃ suṇamānā haṭṭhatuṭṭhamānasā hutvā – ‘yathā esa dhammaṃ kathesi, eko tipiṭakadharo maññe bhavissatī’ti vadanti. Bahussutabhikkhu pana – ‘dhammasavane jānissatha ayaṃ tipiṭakadharo vā no vā’ti āha. So kiñcāpi evamāha, yathā pana sakalaparisaṃ khobhetvā dhammaṃ kathetuṃ sakkoti, evamassa kathanasamatthatā natthi. Tattha kiñcāpi paṭibhānapaṭisambhidā, bahussuto viya appassutassa, itarāsaṃ kiccaṃ jānāti, sayaṃ pana taṃ kiccaṃ kātuṃ na sakkotīti veditabbaṃ. Sesaṃ uttānatthameva.

    ๗๔๖. เอวํ กุสลจิตฺตุปฺปาทาทิวเสน ปฎิสมฺภิทา วิภชิตฺวา อิทานิ ตาสํ อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตํ เขตฺตํ ทเสฺสตุํ ปุน จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ติโสฺส ปฎิสมฺภิทา กามาวจรกุสลโต จตูสุ ญาณสมฺปยุเตฺตสุ จิตฺตุปฺปาเทสูติ อิทํ เสกฺขานํ วเสน วุตฺตํฯ เตสญฺหิปิ ธมฺมปจฺจเวกฺขณกาเล เหฎฺฐา วุตฺตํ ปญฺจปฺปการํ ธมฺมํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุ ญาณสมฺปยุตฺตกุสลจิเตฺตสุ ธมฺมปฎิสมฺภิทา อุปฺปชฺชติฯ ตถา นิรุตฺติปจฺจเวกฺขณกาเล สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา; ญาณํ ปจฺจเวกฺขณกาเล สพฺพตฺถกญาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติฯ

    746. Evaṃ kusalacittuppādādivasena paṭisambhidā vibhajitvā idāni tāsaṃ uppattiṭṭhānabhūtaṃ khettaṃ dassetuṃ puna catasso paṭisambhidātiādimāha. Tattha tisso paṭisambhidā kāmāvacarakusalato catūsu ñāṇasampayuttesu cittuppādesūti idaṃ sekkhānaṃ vasena vuttaṃ. Tesañhipi dhammapaccavekkhaṇakāle heṭṭhā vuttaṃ pañcappakāraṃ dhammaṃ ārammaṇaṃ katvā catūsu ñāṇasampayuttakusalacittesu dhammapaṭisambhidā uppajjati. Tathā niruttipaccavekkhaṇakāle saddaṃ ārammaṇaṃ katvā niruttipaṭisambhidā; ñāṇaṃ paccavekkhaṇakāle sabbatthakañāṇaṃ ārammaṇaṃ katvā paṭibhānapaṭisambhidāti.

    กิริยโต จตูสูติ อิทํ ปน อเสกฺขานํ วเสน วุตฺตํฯ เตสญฺหิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขณกาเล เหฎฺฐา วุตฺตํ ปญฺจปฺปการํ ธมฺมํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุ ญาณสมฺปยุตฺตกิริยจิเตฺตสุ ธมฺมปฎิสมฺภิทา อุปฺปชฺชติฯ ตถา นิรุตฺติปจฺจเวกฺขณกาเล สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา; ญาณํ ปจฺจเวกฺขณกาเล สพฺพตฺถกญาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติฯ

    Kiriyato catūsūti idaṃ pana asekkhānaṃ vasena vuttaṃ. Tesañhi dhammaṃ paccavekkhaṇakāle heṭṭhā vuttaṃ pañcappakāraṃ dhammaṃ ārammaṇaṃ katvā catūsu ñāṇasampayuttakiriyacittesu dhammapaṭisambhidā uppajjati. Tathā niruttipaccavekkhaṇakāle saddaṃ ārammaṇaṃ katvā niruttipaṭisambhidā; ñāṇaṃ paccavekkhaṇakāle sabbatthakañāṇaṃ ārammaṇaṃ katvā paṭibhānapaṭisambhidāti.

    อตฺถปฎิสมฺภิทา เอเตสุ เจว อุปฺปชฺชตีติ อิทํ ปน เสกฺขาเสกฺขานํ วเสน วุตฺตํฯ ตถา หิ เสกฺขานํ อตฺถปจฺจเวกฺขณกาเล เหฎฺฐา วุตฺตปฺปเภทํ อตฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุ ญาณสมฺปยุตฺตกุสลจิเตฺตสุ อยํ อุปฺปชฺชติ, มคฺคผลกาเล จ มคฺคผเลสุฯ อเสกฺขสฺส ปน อตฺถํ ปจฺจเวกฺขณกาเล เหฎฺฐา วุตฺตปฺปเภทเมว อตฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุ ญาณสมฺปยุตฺตกิริยจิเตฺตสุ อุปฺปชฺชติ, ผลกาเล จ อุปริเม สามญฺญผเลติฯ เอวเมตา เสกฺขาเสกฺขานํ อุปฺปชฺชมานา อิมาสุ ภูมีสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ ภูมิทสฺสนตฺถํ อยํ นโย ทสฺสิโตติฯ

    Atthapaṭisambhidā etesu ceva uppajjatīti idaṃ pana sekkhāsekkhānaṃ vasena vuttaṃ. Tathā hi sekkhānaṃ atthapaccavekkhaṇakāle heṭṭhā vuttappabhedaṃ atthaṃ ārammaṇaṃ katvā catūsu ñāṇasampayuttakusalacittesu ayaṃ uppajjati, maggaphalakāle ca maggaphalesu. Asekkhassa pana atthaṃ paccavekkhaṇakāle heṭṭhā vuttappabhedameva atthaṃ ārammaṇaṃ katvā catūsu ñāṇasampayuttakiriyacittesu uppajjati, phalakāle ca uparime sāmaññaphaleti. Evametā sekkhāsekkhānaṃ uppajjamānā imāsu bhūmīsu uppajjantīti bhūmidassanatthaṃ ayaṃ nayo dassitoti.

    อภิธมฺมภาชนียวณฺณนาฯ

    Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact