Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๓. จูฬวโคฺค
3. Cūḷavaggo
๑. อภิชฺชมานเปตวตฺถุวณฺณนา
1. Abhijjamānapetavatthuvaṇṇanā
อภิชฺชมาเน วาริมฺหีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรเนฺต อญฺญตรํ ลุทฺทเปตํ อารพฺภ วุตฺตํฯ พาราณสิยํ กิร อปรทิสาภาเค ปารคงฺคาย วาสภคามํ อติกฺกมิตฺวา จุนฺทฎฺฐิลนามเก คาเม เอโก ลุทฺทโก อโหสิฯ โส อรเญฺญ มิเค วธิตฺวา วรมํสํ องฺคาเร ปจิตฺวา ขาทิตฺวา อวเสสํ ปณฺณปุเฎ พนฺธิตฺวา กาเชน คเหตฺวา คามํ อาคจฺฉติฯ ตํ พาลทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หเตฺถ ปสาเรตฺวา อุปธาวนฺติฯ โส เตสํ โถกํ โถกํ มํสํ เทติฯ อเถกทิวสํ มํสํ อลภิตฺวา อุทฺทาลกปุปฺผํ ปิฬนฺธิตฺวา พหุญฺจ หเตฺถน คเหตฺวา คามํ คจฺฉนฺตํ ตํ ทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หเตฺถ ปสาเรตฺวา อุปธาวิํสุฯ โส เตสํ เอเกกํ ปุปฺผมญฺชริํ อทาสิฯ
Abhijjamānevārimhīti idaṃ satthari veḷuvane viharante aññataraṃ luddapetaṃ ārabbha vuttaṃ. Bārāṇasiyaṃ kira aparadisābhāge pāragaṅgāya vāsabhagāmaṃ atikkamitvā cundaṭṭhilanāmake gāme eko luddako ahosi. So araññe mige vadhitvā varamaṃsaṃ aṅgāre pacitvā khāditvā avasesaṃ paṇṇapuṭe bandhitvā kājena gahetvā gāmaṃ āgacchati. Taṃ bāladārakā gāmadvāre disvā ‘‘maṃsaṃ me dehi, maṃsaṃ me dehī’’ti hatthe pasāretvā upadhāvanti. So tesaṃ thokaṃ thokaṃ maṃsaṃ deti. Athekadivasaṃ maṃsaṃ alabhitvā uddālakapupphaṃ piḷandhitvā bahuñca hatthena gahetvā gāmaṃ gacchantaṃ taṃ dārakā gāmadvāre disvā ‘‘maṃsaṃ me dehi, maṃsaṃ me dehī’’ti hatthe pasāretvā upadhāviṃsu. So tesaṃ ekekaṃ pupphamañjariṃ adāsi.
อถ อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพโตฺต นโคฺค วิรูปรูโป ภยานกทสฺสโน สุปิเนปิ อนฺนปานํ อชานโนฺต สีเส อาพนฺธิตอุทฺทาลกกุสุมมาลากลาโป ‘‘จุนฺทฎฺฐิลายํ ญาตกานํ สนฺติเก กิญฺจิ ลภิสฺสามี’’ติ คงฺคาย อุทเก อภิชฺชมาเน ปฎิโสตํ ปทสา คจฺฉติฯ เตน จ สมเยน โกลิโย นาม รโญฺญ พิมฺพิสารสฺส มหามโตฺต กุปิตํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปฎินิวเตฺตโนฺต หตฺถิอสฺสาทิปริวารพลํ ถลปเถน เปเสตฺวา สยํ คงฺคาย นทิยา อนุโสตํ นาวาย อาคจฺฉโนฺต ตํ เปตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉโนฺต –
Atha aparena samayena kālaṃ katvā petesu nibbatto naggo virūparūpo bhayānakadassano supinepi annapānaṃ ajānanto sīse ābandhitauddālakakusumamālākalāpo ‘‘cundaṭṭhilāyaṃ ñātakānaṃ santike kiñci labhissāmī’’ti gaṅgāya udake abhijjamāne paṭisotaṃ padasā gacchati. Tena ca samayena koliyo nāma rañño bimbisārassa mahāmatto kupitaṃ paccantaṃ vūpasametvā paṭinivattento hatthiassādiparivārabalaṃ thalapathena pesetvā sayaṃ gaṅgāya nadiyā anusotaṃ nāvāya āgacchanto taṃ petaṃ tathā gacchantaṃ disvā pucchanto –
๓๘๗.
387.
‘‘อภิชฺชมาเน วาริมฺหิ, คงฺคาย อิธ คจฺฉสิ;
‘‘Abhijjamāne vārimhi, gaṅgāya idha gacchasi;
นโคฺค ปุพฺพทฺธเปโตว, มาลธารี อลงฺกโต;
Naggo pubbaddhapetova, māladhārī alaṅkato;
กุหิํ คมิสฺสสิ เปต, กตฺถ วาโส ภวิสฺสตี’’ติฯ –
Kuhiṃ gamissasi peta, kattha vāso bhavissatī’’ti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ อภิชฺชมาเนติ ปทนิเกฺขเปน อภิชฺชมาเน สงฺฆาเต, วาริมฺหิ คงฺคายาติ คงฺคาย นทิยา อุทเกฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ ปุพฺพทฺธเปโตวาติ กายสฺส ปุริมเทฺธน อเปโต วิย อเปตโยนิโก เทวปุโตฺต วิยฯ กถํ? มาลธารี อลงฺกโตติ, มาลาหิ ปิฬนฺธิตฺวา อลงฺกตสีสโคฺคติ อโตฺถฯ กตฺถ วาโส ภวิสฺสตีติ กตรสฺมิํ คาเม เทเส วา ตุยฺหํ นิวาโส ภวิสฺสติ, ตํ กเถหีติ อโตฺถฯ
Gāthamāha. Tattha abhijjamāneti padanikkhepena abhijjamāne saṅghāte, vārimhi gaṅgāyāti gaṅgāya nadiyā udake. Idhāti imasmiṃ ṭhāne. Pubbaddhapetovāti kāyassa purimaddhena apeto viya apetayoniko devaputto viya. Kathaṃ? Māladhārī alaṅkatoti, mālāhi piḷandhitvā alaṅkatasīsaggoti attho. Kattha vāso bhavissatīti katarasmiṃ gāme dese vā tuyhaṃ nivāso bhavissati, taṃ kathehīti attho.
อิทานิ ยํ ตทา เตน เปเตน โกลิเยน จ วุตฺตํ, ตํ ทเสฺสตุํ สงฺคีติการา –
Idāni yaṃ tadā tena petena koliyena ca vuttaṃ, taṃ dassetuṃ saṅgītikārā –
๓๘๘.
388.
‘‘จุนฺทฎฺฐิลํ คมิสฺสามิ, เปโต โส อิติ ภาสติ;
‘‘Cundaṭṭhilaṃ gamissāmi, peto so iti bhāsati;
อนฺตเร วาสภคามํ, พาราณสิญฺจ สนฺติเกฯ
Antare vāsabhagāmaṃ, bārāṇasiñca santike.
๓๘๙.
389.
‘‘ตญฺจ ทิสฺวา มหามโตฺต, โกลิโย อิติ วิสฺสุโต;
‘‘Tañca disvā mahāmatto, koliyo iti vissuto;
สตฺตุํ ภตฺตญฺจ เปตสฺส, ปีตกญฺจ ยุคํ อทาฯ
Sattuṃ bhattañca petassa, pītakañca yugaṃ adā.
๓๙๐.
390.
‘‘นาวาย ติฎฺฐมานาย, กปฺปกสฺส อทาปยิ;
‘‘Nāvāya tiṭṭhamānāya, kappakassa adāpayi;
กปฺปกสฺส ปทินฺนมฺหิ, ฐาเน เปตสฺส ทิสฺสถฯ
Kappakassa padinnamhi, ṭhāne petassa dissatha.
๓๙๑.
391.
‘‘ตโต สุวตฺถวสโน, มาลธารี อลงฺกโต;
‘‘Tato suvatthavasano, māladhārī alaṅkato;
ฐาเน ฐิตสฺส เปตสฺส, ทกฺขิณา อุปกปฺปถ;
Ṭhāne ṭhitassa petassa, dakkhiṇā upakappatha;
ตสฺมา ทเชฺชถ เปตานํ, อนุกมฺปาย ปุนปฺปุน’’นฺติฯ – คาถาโย อโวจุํ;
Tasmā dajjetha petānaṃ, anukampāya punappuna’’nti. – gāthāyo avocuṃ;
๓๘๘. ตตฺถ จุนฺทฎฺฐิลนฺติ เอวํนามกํ คามํฯ อนฺตเร วาสภคามํ, พาราณสิญฺจ สนฺติเกติ วาสภคามสฺส จ พาราณสิยา จ เวมเชฺฌฯ อนฺตรา-สทฺทโยเคน เหตํ สามฺยเตฺถ อุปโยควจนํฯ พาราณสิยา สนฺติเก หิ โส คาโมติฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อนฺตเร วาสภคามสฺส จ พาราณสิยา จ โย จุนฺทฎฺฐิลนามโก คาโม พาราณสิยา อวิทูเร, ตํ คามํ คมิสฺสามีติฯ
388. Tattha cundaṭṭhilanti evaṃnāmakaṃ gāmaṃ. Antare vāsabhagāmaṃ, bārāṇasiñca santiketi vāsabhagāmassa ca bārāṇasiyā ca vemajjhe. Antarā-saddayogena hetaṃ sāmyatthe upayogavacanaṃ. Bārāṇasiyā santike hi so gāmoti. Ayañhettha attho – antare vāsabhagāmassa ca bārāṇasiyā ca yo cundaṭṭhilanāmako gāmo bārāṇasiyā avidūre, taṃ gāmaṃ gamissāmīti.
๓๘๙. โกลิโย อิติ วิสฺสุโตติ โกลิโยติ เอวํปกาสิตนาโมฯ สตฺตุํ ภตฺตญฺจาติ สตฺตุเญฺจว ภตฺตญฺจฯ ปีตกญฺจ ยุคํ อทาติ ปีตกํ สุวณฺณวณฺณํ เอกํ วตฺถยุคญฺจ อทาสิฯ
389.Koliyo iti vissutoti koliyoti evaṃpakāsitanāmo. Sattuṃ bhattañcāti sattuñceva bhattañca. Pītakañca yugaṃ adāti pītakaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ ekaṃ vatthayugañca adāsi.
๓๙๐. กทา อทาสีติ เจ อาห นาวาย ติฎฺฐมานายฯ กปฺปกสฺส อทาปยีติ คจฺฉนฺติํ นาวํ ฐเปตฺวา ตตฺถ เอกสฺส นฺหาปิตสฺส อุปาสกสฺส ทาเปสิ , ทินฺนมฺหิ วตฺถยุเคติ โยชนาฯ ฐาเนติ ฐานโส ตงฺขณเญฺญวฯ เปตสฺส ทิสฺสถาติ เปตสฺส สรีเร ปญฺญายิตฺถ, ตสฺส นิวาสนปารุปนวตฺถํ สมฺปชฺชิฯ เตนาห ‘‘ตโต สุวตฺถวสโน, มาลธารี อลงฺกโต’’ติ, สุวตฺถวสโน มาลาภรเณหิ สุมณฺฑิตปสาธิโตฯ ฐาเน ฐิตสฺส เปตสฺส, ทกฺขิณา อุปกปฺปถาติ ทกฺขิเณยฺยฎฺฐาเน ฐิตา ปเนสา ทกฺขิณา ตสฺส เปตสฺส ยสฺมา อุปกปฺปติ, วินิโยคํ อคมาสิฯ ตสฺมา ทเชฺชถ เปตานํ, อนุกมฺปาย ปุนปฺปุนนฺติ เปตานํ อนุกมฺปาย เปเต อุทฺทิสฺส ปุนปฺปุนํ ทกฺขิณํ ทเทยฺยาติ อโตฺถฯ
390. Kadā adāsīti ce āha nāvāya tiṭṭhamānāya. Kappakassa adāpayīti gacchantiṃ nāvaṃ ṭhapetvā tattha ekassa nhāpitassa upāsakassa dāpesi , dinnamhi vatthayugeti yojanā. Ṭhāneti ṭhānaso taṅkhaṇaññeva. Petassa dissathāti petassa sarīre paññāyittha, tassa nivāsanapārupanavatthaṃ sampajji. Tenāha ‘‘tato suvatthavasano, māladhārī alaṅkato’’ti, suvatthavasano mālābharaṇehi sumaṇḍitapasādhito. Ṭhāne ṭhitassa petassa, dakkhiṇā upakappathāti dakkhiṇeyyaṭṭhāne ṭhitā panesā dakkhiṇā tassa petassa yasmā upakappati, viniyogaṃ agamāsi. Tasmā dajjetha petānaṃ, anukampāya punappunanti petānaṃ anukampāya pete uddissa punappunaṃ dakkhiṇaṃ dadeyyāti attho.
อถ โส โกลิยมหามโตฺต ตํ เปตํ อนุกมฺปมาโน ทานวิธิํ สมฺปาเทตฺวา อนุโสตํ อาคนฺตฺวา สูริเย อุคฺคจฺฉเนฺต พาราณสิํ สมฺปาปุณิฯ ภควา จ เตสํ อนุคฺคหตฺถํ อากาเสน อาคนฺตฺวา คงฺคาตีเร อฎฺฐาสิฯ โกลิยมหามโตฺตปิ นาวาโต โอตริตฺวา หฎฺฐปหโฎฺฐ ภควนฺตํ นิมเนฺตสิ – ‘‘อธิวาเสถ เม, ภเนฺต, ภควา อชฺชตนาย ภตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ โส ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา ตาวเทว รมณีเย ภูมิภาเค มหนฺตํ สาขามณฺฑปํ อุปริ จตูสุ จ ปเสฺสสุ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตวิวิธวสนสมลงฺกตํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภควโต อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ
Atha so koliyamahāmatto taṃ petaṃ anukampamāno dānavidhiṃ sampādetvā anusotaṃ āgantvā sūriye uggacchante bārāṇasiṃ sampāpuṇi. Bhagavā ca tesaṃ anuggahatthaṃ ākāsena āgantvā gaṅgātīre aṭṭhāsi. Koliyamahāmattopi nāvāto otaritvā haṭṭhapahaṭṭho bhagavantaṃ nimantesi – ‘‘adhivāsetha me, bhante, bhagavā ajjatanāya bhattaṃ anukampaṃ upādāyā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. So bhagavato adhivāsanaṃ viditvā tāvadeva ramaṇīye bhūmibhāge mahantaṃ sākhāmaṇḍapaṃ upari catūsu ca passesu nānāvirāgavaṇṇavicittavividhavasanasamalaṅkataṃ kāretvā tattha bhagavato āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane.
อถ โส มหามโตฺต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน เหฎฺฐา อตฺตโน วุตฺตวจนํ เปตสฺส จ ปฎิวจนํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ‘‘ภิกฺขุสโงฺฆ อาคจฺฉตู’’ติ จิเนฺตสิฯ จินฺติตสมนนฺตรเมว พุทฺธานุภาวสโญฺจทิโต สุวณฺณหํสคโณ วิย ธตรฎฺฐหํสราชํ ภิกฺขุสโงฺฆ ธมฺมราชํ สมฺปริวาเรสิฯ ตาวเทว มหาชโน สนฺนิปติ ‘‘อุฬารา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติฯ ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มหามโตฺต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สนฺตเปฺปสิฯ ภควา กตภตฺตกิโจฺจ มหาชนสฺส อนุกมฺปาย ‘‘พาราณสิสมีปคามวาสิโน สนฺนิปตนฺตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ สเพฺพ จ เต อิทฺธิพเลน มหาชนา สนฺนิปติํสุ, อุฬาเร จสฺส เปเต ปากเฎ อกาสิฯ เตสุ เกจิ ฉินฺนภินฺนปิโลติกขณฺฑธรา, เกจิ อตฺตโน เกเสเหว ปฎิจฺฉาทิตโกปินา, เกจิ นคฺคา ยถาชาตรูปา ขุปฺปิปาสาภิภูตา ตจปริโยนทฺธา อฎฺฐิมตฺตสรีรา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺตา มหาชนสฺส ปจฺจกฺขโต ปญฺญายิํสุฯ
Atha so mahāmatto bhagavantaṃ upasaṅkamitvā gandhapupphādīhi pūjetvā vanditvā ekamantaṃ nisinno heṭṭhā attano vuttavacanaṃ petassa ca paṭivacanaṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā ‘‘bhikkhusaṅgho āgacchatū’’ti cintesi. Cintitasamanantarameva buddhānubhāvasañcodito suvaṇṇahaṃsagaṇo viya dhataraṭṭhahaṃsarājaṃ bhikkhusaṅgho dhammarājaṃ samparivāresi. Tāvadeva mahājano sannipati ‘‘uḷārā dhammadesanā bhavissatī’’ti. Taṃ disvā pasannamānaso mahāmatto buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena santappesi. Bhagavā katabhattakicco mahājanassa anukampāya ‘‘bārāṇasisamīpagāmavāsino sannipatantū’’ti adhiṭṭhāsi. Sabbe ca te iddhibalena mahājanā sannipatiṃsu, uḷāre cassa pete pākaṭe akāsi. Tesu keci chinnabhinnapilotikakhaṇḍadharā, keci attano keseheva paṭicchāditakopinā, keci naggā yathājātarūpā khuppipāsābhibhūtā tacapariyonaddhā aṭṭhimattasarīrā ito cito ca paribbhamantā mahājanassa paccakkhato paññāyiṃsu.
อถ ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา เต เอกชฺฌํ สนฺนิปติตฺวา อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ มหาชนสฺส ปเวเทสุํฯ ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –
Atha bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi, yathā te ekajjhaṃ sannipatitvā attanā kataṃ pāpakammaṃ mahājanassa pavedesuṃ. Tamatthaṃ dīpentā saṅgītikārā –
๓๙๒.
392.
‘‘สาตุนฺนวสนา เอเก, อเญฺญ เกสนิวาสนา;
‘‘Sātunnavasanā eke, aññe kesanivāsanā;
เปตา ภตฺตาย คจฺฉนฺติ, ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสํฯ
Petā bhattāya gacchanti, pakkamanti disodisaṃ.
๓๙๓.
393.
‘‘ทูเร เอเก ปธาวิตฺวา, อลทฺธาว นิวตฺตเร;
‘‘Dūre eke padhāvitvā, aladdhāva nivattare;
ฉาตา ปมุจฺฉิตา ภนฺตา, ภูมิยํ ปฎิสุมฺภิตาฯ
Chātā pamucchitā bhantā, bhūmiyaṃ paṭisumbhitā.
๓๙๔.
394.
‘‘เกจิ ตตฺถ ปปติตฺวา, ภูมิยํ ปฎิสุมฺภิตา;
‘‘Keci tattha papatitvā, bhūmiyaṃ paṭisumbhitā;
ปุเพฺพ อกตกลฺยาณา, อคฺคิทฑฺฒาว อาตเปฯ
Pubbe akatakalyāṇā, aggidaḍḍhāva ātape.
๓๙๕.
395.
‘‘มยํ ปุเพฺพ ปาปธมฺมา, ฆรณี กุลมาตโร;
‘‘Mayaṃ pubbe pāpadhammā, gharaṇī kulamātaro;
สเนฺตสุ เทยฺยธเมฺมสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโนฯ
Santesu deyyadhammesu, dīpaṃ nākamha attano.
๓๙๖.
396.
‘‘ปหูตํ อนฺนปานมฺปิ, อปิสฺสุ อวกิรียติ;
‘‘Pahūtaṃ annapānampi, apissu avakirīyati;
สมฺมคฺคเต ปพฺพชิเต, น จ กิญฺจิ อทมฺหเสฯ
Sammaggate pabbajite, na ca kiñci adamhase.
๓๙๗.
397.
‘‘อกมฺมกามา อลสา, สาทุกามา มหคฺฆสา;
‘‘Akammakāmā alasā, sādukāmā mahagghasā;
อาโลปปิณฺฑทาตาโร, ปฎิคฺคเห ปริภาสิมฺหเสฯ
Ālopapiṇḍadātāro, paṭiggahe paribhāsimhase.
๓๙๘.
398.
‘‘เต ฆรา ตา จ ทาสิโย, ตาเนวาภรณานิ โน;
‘‘Te gharā tā ca dāsiyo, tānevābharaṇāni no;
เต อเญฺญ ปริจาเรนฺติ, มยํ ทุกฺขสฺส ภาคิโนฯ
Te aññe paricārenti, mayaṃ dukkhassa bhāgino.
๓๙๙.
399.
‘‘เวณี วา อวญฺญา โหนฺติ, รถการี จ ทุพฺภิกา;
‘‘Veṇī vā avaññā honti, rathakārī ca dubbhikā;
จณฺฑาลี กปณา โหนฺติ, กปฺปกา จ ปุนปฺปุนํฯ
Caṇḍālī kapaṇā honti, kappakā ca punappunaṃ.
๔๐๐.
400.
‘‘ยานิ ยานิ นิหีนานิ, กุลานิ กปณานิ จ;
‘‘Yāni yāni nihīnāni, kulāni kapaṇāni ca;
เตสุ เตเสฺวว ชายนฺติ, เอสา มจฺฉริโน คติฯ
Tesu tesveva jāyanti, esā maccharino gati.
๔๐๑.
401.
‘‘ปุเพฺพ จ กตกลฺยาณา, ทายกา วีตมจฺฉรา;
‘‘Pubbe ca katakalyāṇā, dāyakā vītamaccharā;
สคฺคํ เต ปริปูเรนฺติ, โอภาเสนฺติ จ นนฺทนํฯ
Saggaṃ te paripūrenti, obhāsenti ca nandanaṃ.
๔๐๒.
402.
‘‘เวชยเนฺต จ ปาสาเท, รมิตฺวา กามกามิโน;
‘‘Vejayante ca pāsāde, ramitvā kāmakāmino;
อุจฺจากุเลสุ ชายนฺติ, สโภเคสุ ตโต จุตาฯ
Uccākulesu jāyanti, sabhogesu tato cutā.
๔๐๓.
403.
‘‘กูฎาคาเร จ ปาสาเท, ปลฺลเงฺก โปนกตฺถเต;
‘‘Kūṭāgāre ca pāsāde, pallaṅke ponakatthate;
พีชิตงฺคา โมรหเตฺถหิ, กุเล ชาตา ยสสฺสิโนฯ
Bījitaṅgā morahatthehi, kule jātā yasassino.
๔๐๔.
404.
‘‘องฺกโต องฺกํ คจฺฉนฺติ, มาลธารี อลงฺกตา;
‘‘Aṅkato aṅkaṃ gacchanti, māladhārī alaṅkatā;
ธาติโย อุปติฎฺฐนฺติ, สายํ ปาตํ สุเขสิโนฯ
Dhātiyo upatiṭṭhanti, sāyaṃ pātaṃ sukhesino.
๔๐๕.
405.
‘‘นยิทํ อกตปุญฺญานํ, กตปุญฺญานเมวิทํ;
‘‘Nayidaṃ akatapuññānaṃ, katapuññānamevidaṃ;
อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํฯ
Asokaṃ nandanaṃ rammaṃ, tidasānaṃ mahāvanaṃ.
๔๐๖.
406.
‘‘สุขํ อกตปุญฺญานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จ;
‘‘Sukhaṃ akatapuññānaṃ, idha natthi parattha ca;
สุขญฺจ กตปุญฺญานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จฯ
Sukhañca katapuññānaṃ, idha ceva parattha ca.
๔๐๗.
407.
‘‘เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;
‘‘Tesaṃ sahabyakāmānaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ bahuṃ;
กตปุญฺญา หิ โมทนฺติ, สเคฺค โภคสมงฺคิโน’’ติฯ – คาถาโย อโวจุํ;
Katapuññā hi modanti, sagge bhogasamaṅgino’’ti. – gāthāyo avocuṃ;
๓๙๒. ตตฺถ สาตุนฺนวสนาติ ฉินฺนภินฺนปิโลติกขณฺฑนิวาสนาฯ เอเกติ เอกเจฺจฯ เกสนิวาสนาติ เกเสเหว ปฎิจฺฉาทิตโกปินาฯ ภตฺตาย คจฺฉนฺตีติ ‘‘อเปฺปว นาม อิโต คตา ยตฺถ วา ตตฺถ วา กิญฺจิ อุจฺฉิฎฺฐภตฺตํ วา วมิตภตฺตํ วา คพฺภมลาทิกํ วา ลเภยฺยามา’’ติ กตฺถจิเทว อฎฺฐตฺวา ฆาสตฺถาย คจฺฉนฺติฯ ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสนฺติ ทิสโต ทิสํ อเนกโยชนนฺตริกํ ฐานํ ปกฺกมนฺติฯ
392. Tattha sātunnavasanāti chinnabhinnapilotikakhaṇḍanivāsanā. Eketi ekacce. Kesanivāsanāti keseheva paṭicchāditakopinā. Bhattāya gacchantīti ‘‘appeva nāma ito gatā yattha vā tattha vā kiñci ucchiṭṭhabhattaṃ vā vamitabhattaṃ vā gabbhamalādikaṃ vā labheyyāmā’’ti katthacideva aṭṭhatvā ghāsatthāya gacchanti. Pakkamanti disodisanti disato disaṃ anekayojanantarikaṃ ṭhānaṃ pakkamanti.
๓๙๓. ทูเรติ ทูเรว ฐาเนฯ เอเกติ เอกเจฺจ เปตาฯ ปธาวิตฺวาติ ฆาสตฺถาย อุปธาวิตฺวาฯ อลทฺธาว นิวตฺตเรติ กิญฺจิ ฆาสํ วา ปานียํ วา อลภิตฺวา เอว นิวตฺตนฺติฯ ปมุจฺฉิตาติ ขุปฺปิปาสาทิทุเกฺขน สญฺชาตมุจฺฉาฯ ภนฺตาติ ปริพฺภมนฺตาฯ ภูมิยํ ปฎิสุมฺภิตาติ ตาย เอว มุจฺฉาย อุปฺปตฺติยา ฐตฺวา อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺฑา วิย วิสฺสุสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติตาฯ
393.Dūreti dūreva ṭhāne. Eketi ekacce petā. Padhāvitvāti ghāsatthāya upadhāvitvā. Aladdhāva nivattareti kiñci ghāsaṃ vā pānīyaṃ vā alabhitvā eva nivattanti. Pamucchitāti khuppipāsādidukkhena sañjātamucchā. Bhantāti paribbhamantā. Bhūmiyaṃ paṭisumbhitāti tāya eva mucchāya uppattiyā ṭhatvā avakkhittamattikāpiṇḍā viya vissussitvā pathaviyaṃ patitā.
๓๙๔. ตตฺถาติ คตฎฺฐาเนฯ ภูมิยํ ปฎิสุมฺภิตาติ ปปาเต ปติตา วิย ชิฆจฺฉาทิทุเกฺขน ฐาตุํ อสมตฺถภาเวน ภูมิยํ ปติตา, ตตฺถ วา คตฎฺฐาเน ฆาสาทีนํ อลาเภน ฉินฺนาสา หุตฺวา เกนจิ ปฎิมุขํ สุมฺภิตา โปถิตา วิย ภูมิยํ ปติตา โหนฺตีติ อโตฺถฯ ปุเพฺพ อกตกลฺยาณาติ ปุริมภเว อกตกุสลาฯ อคฺคิทฑฺฒาว อาตเปติ นิทาฆกาเล อาตปฎฺฐาเน อคฺคินา ทฑฺฒา วิย, ขุปฺปิปาสคฺคินา ฑยฺหมานา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตีติ อโตฺถฯ
394.Tatthāti gataṭṭhāne. Bhūmiyaṃ paṭisumbhitāti papāte patitā viya jighacchādidukkhena ṭhātuṃ asamatthabhāvena bhūmiyaṃ patitā, tattha vā gataṭṭhāne ghāsādīnaṃ alābhena chinnāsā hutvā kenaci paṭimukhaṃ sumbhitā pothitā viya bhūmiyaṃ patitā hontīti attho. Pubbe akatakalyāṇāti purimabhave akatakusalā. Aggidaḍḍhāva ātapeti nidāghakāle ātapaṭṭhāne agginā daḍḍhā viya, khuppipāsagginā ḍayhamānā mahādukkhaṃ anubhavantīti attho.
๓๙๕. ปุเพฺพติ อตีตภเวฯ ปาปธมฺมาติ อิสฺสุกีมจฺฉรีอาทิภาเวน ลามกสภาวาฯ ฆรณีติ ฆรสามินิโยฯ กุลมาตโรติ กุลทารกานํ มาตโร, กุลปุริสานํ วา มาตโรฯ ทีปนฺติ ปติฎฺฐํ, ปุญฺญนฺติ อโตฺถฯ ตญฺหิ สตฺตานํ สุคตีสุ ปติฎฺฐาภาวโต ‘‘ปติฎฺฐา’’ติ วุจฺจติฯ นากมฺหาติ น กริมฺหฯ
395.Pubbeti atītabhave. Pāpadhammāti issukīmaccharīādibhāvena lāmakasabhāvā. Gharaṇīti gharasāminiyo. Kulamātaroti kuladārakānaṃ mātaro, kulapurisānaṃ vā mātaro. Dīpanti patiṭṭhaṃ, puññanti attho. Tañhi sattānaṃ sugatīsu patiṭṭhābhāvato ‘‘patiṭṭhā’’ti vuccati. Nākamhāti na karimha.
๓๙๖. ปหูตนฺติ พหุํฯ อนฺนปานมฺปีติ อนฺนญฺจ ปานญฺจฯ อปิสฺสุ อวกิรียตีติ สูติ นิปาตมตฺตํ, อปิ อวกิรียติ ฉฎฺฎียติฯ สมฺมคฺคเตติ สมฺมา คเต สมฺมา ปฎิปเนฺน สมฺมา ปฎิปนฺนายฯ ปพฺพชิเตติ ปพฺพชิตายฯ สมฺปทาเน หิ อิทํ ภุมฺมวจนํฯ สมฺมคฺคเต วา ปพฺพชิเต สติ ลพฺภมาเนติ อโตฺถฯ น จ กิญฺจิ อทมฺหเสติ ‘‘กิญฺจิมตฺตมฺปิ เทยฺยธมฺมํ นาทมฺหา’’ติ วิปฺปฎิสาราภิภูตา วทนฺติฯ
396.Pahūtanti bahuṃ. Annapānampīti annañca pānañca. Apissu avakirīyatīti sūti nipātamattaṃ, api avakirīyati chaṭṭīyati. Sammaggateti sammā gate sammā paṭipanne sammā paṭipannāya. Pabbajiteti pabbajitāya. Sampadāne hi idaṃ bhummavacanaṃ. Sammaggate vā pabbajite sati labbhamāneti attho. Na ca kiñci adamhaseti ‘‘kiñcimattampi deyyadhammaṃ nādamhā’’ti vippaṭisārābhibhūtā vadanti.
๓๙๗. อกมฺมกามาติ สาธูติ อกตฺตพฺพํ กมฺมํ อกุสลํ กาเมนฺตีติ อกมฺมกามา, สาธูหิ วา กตฺตพฺพํ กุสลํ กาเมนฺตีติ กมฺมกามา, น กมฺมกามาติ อกมฺมกามา , กุสลธเมฺมสุ อจฺฉนฺทิกาติ อโตฺถฯ อลสาติ กุสีตา กุสลกมฺมกรเณ นิพฺพีริยาฯ สาทุกามาติ สาตมธุรวตฺถุปิยาฯ มหคฺฆสาติ มหาโภชนา, อุภเยนาปิ สุนฺทรญฺจ มธุรญฺจ โภชนํ ลภิตฺวา อตฺถิกานํ กิญฺจิ อทตฺวา สยเมว ภุญฺชิตาโรติ ทเสฺสติฯ อาโลปปิณฺฑทาตาโรติ อาโลปมตฺตสฺสปิ โภชนปิณฺฑสฺส ทายกาฯ ปฎิคฺคเหติ ตสฺส ปฎิคฺคณฺหนเกฯ ปริภาสิมฺหเสติ ปริภวํ กโรนฺตา ภาสิมฺห, อวมญฺญิมฺห อุปฺปณฺฑิมฺหา จาติ อโตฺถฯ
397.Akammakāmāti sādhūti akattabbaṃ kammaṃ akusalaṃ kāmentīti akammakāmā, sādhūhi vā kattabbaṃ kusalaṃ kāmentīti kammakāmā, na kammakāmāti akammakāmā , kusaladhammesu acchandikāti attho. Alasāti kusītā kusalakammakaraṇe nibbīriyā. Sādukāmāti sātamadhuravatthupiyā. Mahagghasāti mahābhojanā, ubhayenāpi sundarañca madhurañca bhojanaṃ labhitvā atthikānaṃ kiñci adatvā sayameva bhuñjitāroti dasseti. Ālopapiṇḍadātāroti ālopamattassapi bhojanapiṇḍassa dāyakā. Paṭiggaheti tassa paṭiggaṇhanake. Paribhāsimhaseti paribhavaṃ karontā bhāsimha, avamaññimha uppaṇḍimhā cāti attho.
๓๙๘. เต ฆราติ ยตฺถ มยํ ปุเพฺพ ‘‘อมฺหากํ ฆร’’นฺติ มมตฺตํ อกริมฺหา, ตานิ ฆรานิ ยถาฐิตานิ, อิทานิ โน น กิญฺจิ อุปกปฺปตีติ อธิปฺปาโยฯ ตา จ ทาสิโย ตาเนวาภรณานิ โนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ โนติ อมฺหากํฯ เตติ เต ฆราทิเกฯ อเญฺญ ปริจาเรนฺติ, ปริโภคาทิวเสน วินิโยคํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ มยํ ทุกฺขสฺส ภาคิโนติ มยํ ปน ปุเพฺพ เกวลํ กีฬนปฺปสุตา หุตฺวา สาปเตยฺยํ ปหาย คมนียํ อนุคามิกํ กาตุํ อชานนฺตา อิทานิ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขสฺส ภาคิโน ภวามาติ อตฺตานํ ครหนฺตา วทนฺติฯ
398.Te gharāti yattha mayaṃ pubbe ‘‘amhākaṃ ghara’’nti mamattaṃ akarimhā, tāni gharāni yathāṭhitāni, idāni no na kiñci upakappatīti adhippāyo. Tā ca dāsiyo tānevābharaṇāni noti etthāpi eseva nayo. Tattha noti amhākaṃ. Teti te gharādike. Aññe paricārenti, paribhogādivasena viniyogaṃ karontīti attho. Mayaṃ dukkhassa bhāginoti mayaṃ pana pubbe kevalaṃ kīḷanappasutā hutvā sāpateyyaṃ pahāya gamanīyaṃ anugāmikaṃ kātuṃ ajānantā idāni khuppipāsādidukkhassa bhāgino bhavāmāti attānaṃ garahantā vadanti.
๓๙๙. อิทานิ ยสฺมา เปตโยนิโต จวิตฺวา มนุเสฺสสุ อุปฺปชฺชนฺตาปิ สตฺตา เยภุเยฺยน ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน หีนชาติกา กปณวุตฺติโนว โหนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘เวณิวา’’ติอาทินา เทฺว คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ เวณิวาติ เวนชาติกา, วิลีวการา นฬการา โหนฺตีติ อโตฺถฯ วา-สโทฺท อนิยมโตฺถฯ อวญฺญาติ อวเญฺญยฺยา, อวชานิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘วมฺภนา’’ติ วา ปาโฐ, ปเรหิ พาธนียาติ อโตฺถฯ รถการีติ จมฺมการิโนฯ ทุพฺภิกาติ มิตฺตทุพฺภิกา มิตฺตานํ พาธิกาฯ จณฺฑาลีติ จณฺฑาลชาติกาฯ กปณาติ วนิพฺพกา อติวิย การุญฺญปฺปตฺตา ฯ กปฺปกาติ กปฺปกชาติกา, สพฺพตฺถ ‘‘โหนฺติ ปุนปฺปุน’’นฺติ โยชนา, อปราปรมฺปิ อิเมสุ นิหีนกุเลสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
399. Idāni yasmā petayonito cavitvā manussesu uppajjantāpi sattā yebhuyyena tasseva kammassa vipākāvasesena hīnajātikā kapaṇavuttinova honti, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘veṇivā’’tiādinā dve gāthā vuttā. Tattha veṇivāti venajātikā, vilīvakārā naḷakārā hontīti attho. Vā-saddo aniyamattho. Avaññāti avaññeyyā, avajānitabbāti vuttaṃ hoti. ‘‘Vambhanā’’ti vā pāṭho, parehi bādhanīyāti attho. Rathakārīti cammakārino. Dubbhikāti mittadubbhikā mittānaṃ bādhikā. Caṇḍālīti caṇḍālajātikā. Kapaṇāti vanibbakā ativiya kāruññappattā . Kappakāti kappakajātikā, sabbattha ‘‘honti punappuna’’nti yojanā, aparāparampi imesu nihīnakulesu uppajjantīti vuttaṃ hoti.
๔๐๐. เตสุ เตเสฺวว ชายนฺตีติ ยานิ ยานิ อญฺญานิปิ เนสาทปุกฺกุสกุลาทีนิ กปณานิ อติวิย วมฺภนิยานิ ปรมทุคฺคตานิ จ, เตสุ เตสุ เอว นิหีนกุเลสุ มจฺฉริยมเลน เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา นิพฺพตฺตนฺติฯ เตนาห ‘‘เอสา มจฺฉริโน คตี’’ติฯ
400.Tesu tesveva jāyantīti yāni yāni aññānipi nesādapukkusakulādīni kapaṇāni ativiya vambhaniyāni paramaduggatāni ca, tesu tesu eva nihīnakulesu macchariyamalena petesu nibbattitvā tato cutā nibbattanti. Tenāha ‘‘esā maccharino gatī’’ti.
๔๐๑. เอวํ อกตปุญฺญานํ สตฺตานํ คติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กตปุญฺญานํ คติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเพฺพ จ กตกลฺยาณา’’ติ สตฺต คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ สคฺคํ เต ปริปูเรนฺตีติ เย ปุเพฺพ ปุริมชาติยํ กตกลฺยาณา ทายกา ทานปุญฺญาภิรตา วิคตมลมเจฺฉรา, เต อตฺตโน รูปสมฺปตฺติยา เจว ปริวารสมฺปตฺติยา จ สคฺคํ เทวโลกํ ปริปูเรนฺติ ปริปุณฺณํ กโรนฺติฯ โอภาเสนฺติ จ นนฺทนนฺติ น เกวลํ ปริปูเรนฺติเยว, อถ โข กปฺปรุกฺขาทีนํ ปภาหิ สภาเวเนว โอภาสมานมฺปิ นนฺทนวนํ อตฺตโน วตฺถาภรณชุตีหิ สรีรปฺปภาย จ อภิภวิตฺวา เจว โอภาเสตฺวา จ โชเตนฺติฯ
401. Evaṃ akatapuññānaṃ sattānaṃ gatiṃ dassetvā idāni katapuññānaṃ gatiṃ dassetuṃ ‘‘pubbe ca katakalyāṇā’’ti satta gāthā vuttā. Tattha saggaṃ te paripūrentīti ye pubbe purimajātiyaṃ katakalyāṇā dāyakā dānapuññābhiratā vigatamalamaccherā, te attano rūpasampattiyā ceva parivārasampattiyā ca saggaṃ devalokaṃ paripūrenti paripuṇṇaṃ karonti. Obhāsenti ca nandananti na kevalaṃ paripūrentiyeva, atha kho kapparukkhādīnaṃ pabhāhi sabhāveneva obhāsamānampi nandanavanaṃ attano vatthābharaṇajutīhi sarīrappabhāya ca abhibhavitvā ceva obhāsetvā ca jotenti.
๔๐๒. กามกามิโนติ ยถิจฺฉิเตสุ กามคุเณสุ ยถากามํ ปริโภควโนฺตฯ อุจฺจากุเลสูติ อุเจฺจสุ ขตฺติยกุลาทีสุ กุเลสุฯ สโภเคสูติ มหาวิภเวสุฯ ตโต จุตาติ ตโต เทวโลกโต จุตาฯ
402.Kāmakāminoti yathicchitesu kāmaguṇesu yathākāmaṃ paribhogavanto. Uccākulesūti uccesu khattiyakulādīsu kulesu. Sabhogesūti mahāvibhavesu. Tato cutāti tato devalokato cutā.
๔๐๓. กูฎาคาเร จ ปาสาเทติ กูฎาคาเร จ ปาสาเท จฯ พีชิตงฺคาติ พีชิยมานเทหาฯ โมรหเตฺถหีติ โมรปิญฺฉปฎิมณฺฑิตพีชนีหเตฺถหิฯ ยสสฺสิโนติ ปริวารวโนฺต รมนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
403.Kūṭāgāreca pāsādeti kūṭāgāre ca pāsāde ca. Bījitaṅgāti bījiyamānadehā. Morahatthehīti morapiñchapaṭimaṇḍitabījanīhatthehi. Yasassinoti parivāravanto ramantīti adhippāyo.
๔๐๔. องฺกโต องฺกํ คจฺฉนฺตีติ ทารกกาเลปิ ญาตีนํ ธาตีนญฺจ องฺกฎฺฐานโต องฺกฎฺฐานเมว คจฺฉนฺติ, น ภูมิตลนฺติ อธิปฺปาโยฯ อุปติฎฺฐนฺตีติ อุปฎฺฐานํ กโรนฺติฯ สุเขสิโนติ สุขมิจฺฉนฺตา, ‘‘มา สีตํ วา อุณฺหํ วา’’ติ อปฺปกมฺปิ ทุกฺขํ ปริหรนฺตา อุปติฎฺฐนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
404.Aṅkato aṅkaṃ gacchantīti dārakakālepi ñātīnaṃ dhātīnañca aṅkaṭṭhānato aṅkaṭṭhānameva gacchanti, na bhūmitalanti adhippāyo. Upatiṭṭhantīti upaṭṭhānaṃ karonti. Sukhesinoti sukhamicchantā, ‘‘mā sītaṃ vā uṇhaṃ vā’’ti appakampi dukkhaṃ pariharantā upatiṭṭhantīti adhippāyo.
๔๐๕. นยิทํ อกตปุญฺญานนฺติ อิทํ โสกวตฺถุอภาวโต อโสกํ รมฺมํ รมณียํ ติทสานํ ตาวติํสเทวานํ มหาวนํ มหาอุปวนภูตํ นนฺทนํ นนฺทนวนํ อกตปุญฺญานํ น โหติ, เตหิ ลทฺธุํ น สกฺกาติ อโตฺถฯ
405.Nayidaṃ akatapuññānanti idaṃ sokavatthuabhāvato asokaṃ rammaṃ ramaṇīyaṃ tidasānaṃ tāvatiṃsadevānaṃ mahāvanaṃ mahāupavanabhūtaṃ nandanaṃ nandanavanaṃ akatapuññānaṃ na hoti, tehi laddhuṃ na sakkāti attho.
๔๐๖. อิธาติ อิมสฺมิํ มนุสฺสโลเก วิเสสโต ปุญฺญํ กรียติ, ตํ สนฺธายาหฯ อิธาติ วา ทิฎฺฐธเมฺมฯ ปรตฺถาติ สมฺปราเยฯ
406.Idhāti imasmiṃ manussaloke visesato puññaṃ karīyati, taṃ sandhāyāha. Idhāti vā diṭṭhadhamme. Paratthāti samparāye.
๔๐๗. เตสนฺติ เตหิ ยถาวุเตฺตหิ เทเวหิฯ สหพฺยกามานนฺติ สหภาวํ อิจฺฉเนฺตหิฯ โภคสมงฺคิโนติ โภเคหิ สมนฺนาคตา, ทิเพฺพหิ ปญฺจกามคุเณหิ สมปฺปิตา โมทนฺตีติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
407.Tesanti tehi yathāvuttehi devehi. Sahabyakāmānanti sahabhāvaṃ icchantehi. Bhogasamaṅginoti bhogehi samannāgatā, dibbehi pañcakāmaguṇehi samappitā modantīti attho. Sesaṃ uttānatthameva.
เอวํ เตหิ เปเตหิ สาธารณโต อตฺตนา กตกมฺมสฺส จ คติยา ปุญฺญกมฺมสฺส จ คติยา ปเวทิตาย สํวิคฺคมนสฺส โกฬิยามจฺจปมุขสฺส ตตฺถ สนฺนิปติตสฺส มหาชนสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ ภควา วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติฯ
Evaṃ tehi petehi sādhāraṇato attanā katakammassa ca gatiyā puññakammassa ca gatiyā paveditāya saṃviggamanassa koḷiyāmaccapamukhassa tattha sannipatitassa mahājanassa ajjhāsayānurūpaṃ bhagavā vitthārena dhammaṃ desesi. Desanāpariyosāne caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosīti.
อภิชฺชมานเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhijjamānapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑. อภิชฺชมานเปตวตฺถุ • 1. Abhijjamānapetavatthu