Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา
7. Abhiṇhapaccavekkhitabbaṭṭhānasuttavaṇṇanā
๕๗. สตฺตเม ชราธโมฺมติ ธมฺม-สโทฺท ‘‘อสโมฺมสธโมฺม นิพฺพาน’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๓) วิย ปกติปริยาโย, ตสฺมา ชราปกติโก ชิณฺณสภาโวติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ชราสภาโว’’ติอาทิฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ กมฺมุนา ทาตพฺพํ อาทิยตีติ กมฺมทายาโท, อตฺตนา ยถูปจิตกมฺมผลภาคีติ อโตฺถฯ ตํ ปน ทายชฺชํ การณูปจาเรน วทโนฺต ‘‘กมฺมํ มยฺหํ ทายชฺชํ สนฺตกนฺติ อโตฺถ’’ติ อาห ยถา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ, เอวมิทํ ปุญฺญํ วฑฺฒตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๘๐)ฯ โยนีหิ ผลํ สภาวโต ภินฺนมฺปิ อภินฺนํ วิย มิสฺสิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘กมฺมํ มยฺหํ โยนิ การณ’’นฺติฯ มมตฺตวเสน พชฺฌนฺตีติ พนฺธู, ญาติ สาโลหิโต จ, กมฺมํ ปน เอกนฺตสมฺพนฺธวาติ อาห ‘‘กมฺมํ มยฺหํ พนฺธู’’ติฯ ปติฎฺฐาติ อวสฺสโยฯ กมฺมสทิโส หิ สตฺตานํ อวสฺสโย นตฺถิฯ
57. Sattame jarādhammoti dhamma-saddo ‘‘asammosadhammo nibbāna’’ntiādīsu (su. ni. 763) viya pakatipariyāyo, tasmā jarāpakatiko jiṇṇasabhāvoti attho. Tenāha ‘‘jarāsabhāvo’’tiādi. Sesapadesupi eseva nayo. Kammunā dātabbaṃ ādiyatīti kammadāyādo, attanā yathūpacitakammaphalabhāgīti attho. Taṃ pana dāyajjaṃ kāraṇūpacārena vadanto ‘‘kammaṃ mayhaṃ dāyajjaṃ santakanti attho’’ti āha yathā ‘‘kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu, evamidaṃ puññaṃ vaḍḍhatī’’ti (dī. ni. 3.80). Yonīhi phalaṃ sabhāvato bhinnampi abhinnaṃ viya missitaṃ hoti. Tenāha ‘‘kammaṃ mayhaṃ yoni kāraṇa’’nti. Mamattavasena bajjhantīti bandhū, ñāti sālohito ca, kammaṃ pana ekantasambandhavāti āha ‘‘kammaṃ mayhaṃ bandhū’’ti. Patiṭṭhāti avassayo. Kammasadiso hi sattānaṃ avassayo natthi.
โยพฺพนํ อารพฺภ อุปฺปนฺนมโทติ ‘‘มหลฺลกกาเล ปุญฺญํ กริสฺสาม, ทหรมฺห ตาวา’’ติ โยพฺพนํ อปสฺสาย มานกรณํฯ ‘‘อหํ นิโรโค สฎฺฐิ วา สตฺตติ วา วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, น เม หรีตกขณฺฑมฺปิ ขาทิตพฺพํ, อิเม ปนเญฺญ ‘อสุกํ โน ฐานํ รุชฺชติ, เภสชฺชํ ขาทามา’ติ วิจรนฺติ, โก อโญฺญ มยา สทิโส นิโรโค นามา’’ติ เอวํ มานกรณํ อาโรคฺยมโทฯ สเพฺพสมฺปิ ชีวิตํ นาม ปภงฺคุรํ ทุกฺขานุพนฺธญฺจ, ตทุภยํ อโนโลเกตฺวา ปพนฺธฎฺฐิติํ ปจฺจยสุลภตญฺจ นิสฺสาย ‘‘จิรํ ชีวิํ, จิรํ ชีวามิ, จิรํ ชีวิสฺสามิ, สุขํ ชีวิํ, สุขํ ชีวามิ, สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ มานกรณํ ชีวิตมโทฯ
Yobbanaṃ ārabbha uppannamadoti ‘‘mahallakakāle puññaṃ karissāma, daharamha tāvā’’ti yobbanaṃ apassāya mānakaraṇaṃ. ‘‘Ahaṃ nirogo saṭṭhi vā sattati vā vassāni atikkantāni, na me harītakakhaṇḍampi khāditabbaṃ, ime panaññe ‘asukaṃ no ṭhānaṃ rujjati, bhesajjaṃ khādāmā’ti vicaranti, ko añño mayā sadiso nirogo nāmā’’ti evaṃ mānakaraṇaṃ ārogyamado. Sabbesampi jīvitaṃ nāma pabhaṅguraṃ dukkhānubandhañca, tadubhayaṃ anoloketvā pabandhaṭṭhitiṃ paccayasulabhatañca nissāya ‘‘ciraṃ jīviṃ, ciraṃ jīvāmi, ciraṃ jīvissāmi, sukhaṃ jīviṃ, sukhaṃ jīvāmi, sukhaṃ jīvissāmī’’ti evaṃ mānakaraṇaṃ jīvitamado.
อุปธิรหิตนฺติ กามูปธิรหิตํฯ จตฺตาโร หิ อุปธี – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติฯ กามาปิ ‘‘ยํ ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต ‘‘อุปธิยติ เอตฺถ สุข’’นฺติ อิมินา วจนเตฺถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจติ, ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโตฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Upadhirahitanti kāmūpadhirahitaṃ. Cattāro hi upadhī – kāmūpadhi, khandhūpadhi, kilesūpadhi, abhisaṅkhārūpadhīti. Kāmāpi ‘‘yaṃ pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ kāmānaṃ assādo’’ti (ma. ni. 1.166) evaṃ vuttassa sukhassa adhiṭṭhānabhāvato ‘‘upadhiyati ettha sukha’’nti iminā vacanatthena ‘‘upadhī’’ti vuccati, khandhāpi khandhamūlakassa dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, kilesāpi apāyadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, abhisaṅkhārāpi bhavadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato. Sesaṃ suviññeyyameva.
อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhiṇhapaccavekkhitabbaṭṭhānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฐานสุตฺตํ • 7. Abhiṇhapaccavekkhitabbaṭhānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฐานสุตฺตวณฺณนา • 7. Abhiṇhapaccavekkhitabbaṭhānasuttavaṇṇanā