Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๒. ทุกนิปาโต
2. Dukanipāto
๑. อภิรูปนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา
1. Abhirūpanandātherīgāthāvaṇṇanā
ทุกนิปาเต อาตุรํ อสุจิํ ปูตินฺติอาทิกา อภิรูปนนฺทาย สิกฺขมานาย คาถาฯ อยํ กิร วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร คหปติมหาสาลสฺส ธีตา หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐิตา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ธาตุเจติยํ รตนปฎิมณฺฑิเตน สุวณฺณจฺฉเตฺตน ปูชํ กตฺวา, กาลงฺกตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร เขมกสฺส สกฺกสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติฯ นนฺทาติสฺสา นามํ อโหสิฯ สา อตฺตภาวสฺส อติวิย รูปโสภคฺคปฺปตฺติยา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อภิรูปนนฺทาเตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ ตสฺสา วยปฺปตฺตาย วาเรยฺยทิวเสเยว วรภูโต สกฺยกุมาโร กาลมกาสิฯ อถ นํ มาตาปิตโร อกามํ ปพฺพาเชสุํฯ
Dukanipāte āturaṃ asuciṃ pūtintiādikā abhirūpanandāya sikkhamānāya gāthā. Ayaṃ kira vipassissa bhagavato kāle bandhumatīnagare gahapatimahāsālassa dhītā hutvā satthu santike dhammaṃ sutvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhitā satthari parinibbute dhātucetiyaṃ ratanapaṭimaṇḍitena suvaṇṇacchattena pūjaṃ katvā, kālaṅkatvā sagge nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthunagare khemakassa sakkassa aggamahesiyā kucchismiṃ nibbatti. Nandātissā nāmaṃ ahosi. Sā attabhāvassa ativiya rūpasobhaggappattiyā abhirūpā dassanīyā pāsādikā abhirūpanandātveva paññāyittha. Tassā vayappattāya vāreyyadivaseyeva varabhūto sakyakumāro kālamakāsi. Atha naṃ mātāpitaro akāmaṃ pabbājesuṃ.
สา ปพฺพชิตฺวาปิ รูปํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนมทา ‘‘สตฺถา รูปํ วิวเณฺณติ ครหติ อเนกปริยาเยน รูเป อาทีนวํ ทเสฺสตี’’ติ พุทฺธุปฎฺฐานํ น คจฺฉติฯ ภควา ตสฺสา ญาณปริปากํ ญตฺวา มหาปชาปติํ อาณาเปสิ ‘‘สพฺพาปิ ภิกฺขุนิโย ปฎิปาฎิยา โอวาทํ อาคจฺฉนฺตู’’ติฯ สา อตฺตโน วาเร สมฺปเตฺต อญฺญํ เปเสสิฯ ภควา ‘‘วาเร สมฺปเตฺต อตฺตนาว อาคนฺตพฺพํ, น อญฺญา เปเสตพฺพา’’ติ อาหฯ สา สตฺถุ อาณํ ลงฺฆิตุํ อสโกฺกนฺตี ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ พุทฺธุปฎฺฐานํ อคมาสิฯ ภควา อิทฺธิยา เอกํ อภิรูปํ อิตฺถิรูปํ มาเปตฺวา ปุน ชราชิณฺณํ ทเสฺสตฺวา สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา –
Sā pabbajitvāpi rūpaṃ nissāya uppannamadā ‘‘satthā rūpaṃ vivaṇṇeti garahati anekapariyāyena rūpe ādīnavaṃ dassetī’’ti buddhupaṭṭhānaṃ na gacchati. Bhagavā tassā ñāṇaparipākaṃ ñatvā mahāpajāpatiṃ āṇāpesi ‘‘sabbāpi bhikkhuniyo paṭipāṭiyā ovādaṃ āgacchantū’’ti. Sā attano vāre sampatte aññaṃ pesesi. Bhagavā ‘‘vāre sampatte attanāva āgantabbaṃ, na aññā pesetabbā’’ti āha. Sā satthu āṇaṃ laṅghituṃ asakkontī bhikkhunīhi saddhiṃ buddhupaṭṭhānaṃ agamāsi. Bhagavā iddhiyā ekaṃ abhirūpaṃ itthirūpaṃ māpetvā puna jarājiṇṇaṃ dassetvā saṃvegaṃ uppādetvā –
๑๙.
19.
‘‘อาตุรํ อสุจิํ ปูติํ, ปสฺส นเนฺท สมุสฺสยํ;
‘‘Āturaṃ asuciṃ pūtiṃ, passa nande samussayaṃ;
อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํฯ
Asubhāya cittaṃ bhāvehi, ekaggaṃ susamāhitaṃ.
๒๐.
20.
‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺตา จริสฺสสี’’ติฯ –
Tato mānābhisamayā, upasantā carissasī’’ti. –
อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ ตาสํ อโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนโย เอวฯ คาถาปริโยสาเน อภิรูปนนฺทา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน –
Imā dve gāthā abhāsi. Tāsaṃ attho heṭṭhā vuttanayo eva. Gāthāpariyosāne abhirūpanandā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;
‘‘Nagare bandhumatiyā, bandhumā nāma khattiyo;
ตสฺส รโญฺญ อหุํ ภริยา, เอกชฺฌํ จารยามหํฯ
Tassa rañño ahuṃ bhariyā, ekajjhaṃ cārayāmahaṃ.
‘‘รโหคตา นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;
‘‘Rahogatā nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;
อาทาย คมนียญฺหิ, กุสลํ นตฺถิ เม กตํฯ
Ādāya gamanīyañhi, kusalaṃ natthi me kataṃ.
‘‘มหาภิตาปํ กฎุกํ, โฆรรูปํ สุทารุณํ;
‘‘Mahābhitāpaṃ kaṭukaṃ, ghorarūpaṃ sudāruṇaṃ;
นิรยํ นูน คจฺฉามิ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโยฯ
Nirayaṃ nūna gacchāmi, ettha me natthi saṃsayo.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปหํเสตฺวาน มานสํ;
‘‘Evāhaṃ cintayitvāna, pahaṃsetvāna mānasaṃ;
ราชานํ อุปคนฺตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Rājānaṃ upagantvāna, idaṃ vacanamabraviṃ.
‘‘อิตฺถี นาม มยํ เทว, ปุริสานุคตา สทา;
‘‘Itthī nāma mayaṃ deva, purisānugatā sadā;
เอกํ เม สมณํ เทหิ, โภชยิสฺสามิ ขตฺติยฯ
Ekaṃ me samaṇaṃ dehi, bhojayissāmi khattiya.
‘‘อทาสิ เม มหาราชา, สมณํ ภาวิตินฺทฺริยํ;
‘‘Adāsi me mahārājā, samaṇaṃ bhāvitindriyaṃ;
ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ปรมเนฺนน ปูรยิํฯ
Tassa pattaṃ gahetvāna, paramannena pūrayiṃ.
‘‘ปูรยิตฺวา ปรมนฺนํ, สหสฺสคฺฆนเกนหํ;
‘‘Pūrayitvā paramannaṃ, sahassagghanakenahaṃ;
วตฺถยุเคน ฉาเทตฺวา, อทาสิํ ตุฎฺฐมานสาฯ
Vatthayugena chādetvā, adāsiṃ tuṭṭhamānasā.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘สหสฺสํ เทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํ;
‘‘Sahassaṃ devarājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ;
สหสฺสํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ
Sahassaṃ cakkavattīnaṃ, mahesittamakārayiṃ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
‘‘Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ;
นานาวิธํ พหุํ ปุญฺญํ, ตสฺส กมฺมผลา ตโตฯ
Nānāvidhaṃ bahuṃ puññaṃ, tassa kammaphalā tato.
‘‘อุปฺปลเสฺสว เม วณฺณา, อภิรูปา สุทสฺสนา;
‘‘Uppalasseva me vaṇṇā, abhirūpā sudassanā;
อิตฺถี สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, อภิชาตา ชุตินฺธราฯ
Itthī sabbaṅgasampannā, abhijātā jutindharā.
‘‘ปจฺฉิเม ภวสมฺปเตฺต, อชายิํ สากิเย กุเล;
‘‘Pacchime bhavasampatte, ajāyiṃ sākiye kule;
นารีสหสฺสปาโมกฺขา, สุโทฺธทนสุตสฺสหํฯ
Nārīsahassapāmokkhā, suddhodanasutassahaṃ.
‘‘นิพฺพินฺทิตฺวา อคาเรหํ, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;
‘‘Nibbinditvā agārehaṃ, pabbajiṃ anagāriyaṃ;
สตฺตมิํ รตฺติํ สมฺปตฺวา, จตุสจฺจํ อปาปุณิํฯ
Sattamiṃ rattiṃ sampatvā, catusaccaṃ apāpuṇiṃ.
‘‘จีวรปิณฺฑปาตญฺจ, ปจฺจยญฺจ เสนาสนํ;
‘‘Cīvarapiṇḍapātañca, paccayañca senāsanaṃ;
ปริเมตุํ น สโกฺกมิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํฯ
Parimetuṃ na sakkomi, piṇḍapātassidaṃ phalaṃ.
‘‘ยํ มยฺหํ ปุริมํ กมฺมํ, กุสลํ ชนิตํ มุนิ;
‘‘Yaṃ mayhaṃ purimaṃ kammaṃ, kusalaṃ janitaṃ muni;
ตุยฺหตฺถาย มหาวีร, ปริจิณฺณํ พหุํ มยาฯ
Tuyhatthāya mahāvīra, pariciṇṇaṃ bahuṃ mayā.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, piṇḍapātassidaṃ phalaṃ.
‘‘ทุเว คตี ปชานามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Duve gatī pajānāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;
อญฺญํ คติํ น ชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํฯ
Aññaṃ gatiṃ na jānāmi, piṇḍapātassidaṃ phalaṃ.
‘‘อุเจฺจ กุเล ปชานามิ, ตโย สาเล มหาธเน;
‘‘Ucce kule pajānāmi, tayo sāle mahādhane;
อญฺญํ กุลํ น ชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํฯ
Aññaṃ kulaṃ na jānāmi, piṇḍapātassidaṃ phalaṃ.
‘‘ภวาภเว สํสริตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิตา;
‘‘Bhavābhave saṃsaritvā, sukkamūlena coditā;
อมนาปํ น ปสฺสามิ, โสมนสฺสกตํ ผลํฯ
Amanāpaṃ na passāmi, somanassakataṃ phalaṃ.
‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;
‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;
เจโตปริยญาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเนฯ
Cetopariyañāṇassa, vasī homi mahāmune.
‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ
Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.
‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;
‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;
ญาณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเกฯ
Ñāṇaṃ mama mahāvīra, uppannaṃ tava santike.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปตฺวา ปน สา สยมฺปิ อุทานวเสน ตาเยว คาถา อภาสิ, อิทเมว จสฺสา อญฺญาพฺยากรณํ อโหสีติฯ
Arahattaṃ patvā pana sā sayampi udānavasena tāyeva gāthā abhāsi, idameva cassā aññābyākaraṇaṃ ahosīti.
อภิรูปนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhirūpanandātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. อภิรูปนนฺทาเถรีคาถา • 1. Abhirūpanandātherīgāthā