Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๓. อภิสมยกถา
3. Abhisamayakathā
อภิสมยกถาวณฺณนา
Abhisamayakathāvaṇṇanā
๑๙.
19.
อิทานิ อิทฺธิกถานนฺตรํ ปรมิทฺธิภูตํ อภิสมยํ ทเสฺสเนฺตน กถิตาย อภิสมยกถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ ตตฺถ อภิสมโยติ สจฺจานํ อภิมุเขน สมาคโม, ปฎิเวโธติ อโตฺถฯ เกน อภิสเมตีติ กิํ วุตฺตํ โหติ? ‘‘เอวํ มหตฺถิโย โข, ภิกฺขเว, ธมฺมาภิสมโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๗๔) สุตฺตปเทสุ โย โส อภิสมโยติ วุโตฺต, ตสฺมิํ อภิสมเย วตฺตมาเน อภิสเมตา ปุคฺคโล เกน ธเมฺมน สจฺจานิ อภิสเมติ, อภิมุโข หุตฺวา สมาคจฺฉติ, ปฎิวิชฺฌตีติ วุตฺตํ โหตีติฯ อยํ ตาว โจทกสฺส ปุจฺฉาฯ จิเตฺตน อภิสเมตีติ จิตฺตํ วินา อภิสมยาภาวโต ตถา วิสฺสชฺชนํฯ หญฺจีติอาทิ ปุน โจทนาฯ หญฺจิ ยทีติ อโตฺถฯ ‘‘จิเตฺตนา’’ติ วุตฺตตฺตา เตน หิ อญฺญาณี อภิสเมตีติ อาหฯ น อญฺญาณี อภิสเมตีติ จิตฺตมเตฺตเนว อภิสมยาภาวโต ปฎิเกฺขโปฯ ญาเณน อภิสเมตีติ ปฎิญฺญาฯ ปุน หญฺจีติอาทิ ‘‘ญาเณนา’’ติ วุตฺตตฺตา อญฺญาณี อจิตฺตโกติ โจทนาฯ น อจิตฺตโก อภิสเมตีติ อจิตฺตกสฺส อภิสมยาภาวโต ปฎิเกฺขโปฯ จิเตฺตน จาติอาทิ ปฎิญฺญาฯ ปุน หญฺจีติอาทิ สพฺพจิตฺตญาณสาธารณวเสน โจทนาฯ เสสโจทนาวิสฺสชฺชเนสุปิ เอเสว นโยฯ
Idāni iddhikathānantaraṃ paramiddhibhūtaṃ abhisamayaṃ dassentena kathitāya abhisamayakathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Tattha abhisamayoti saccānaṃ abhimukhena samāgamo, paṭivedhoti attho. Kenaabhisametīti kiṃ vuttaṃ hoti? ‘‘Evaṃ mahatthiyo kho, bhikkhave, dhammābhisamayo’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.74) suttapadesu yo so abhisamayoti vutto, tasmiṃ abhisamaye vattamāne abhisametā puggalo kena dhammena saccāni abhisameti, abhimukho hutvā samāgacchati, paṭivijjhatīti vuttaṃ hotīti. Ayaṃ tāva codakassa pucchā. Cittena abhisametīti cittaṃ vinā abhisamayābhāvato tathā vissajjanaṃ. Hañcītiādi puna codanā. Hañci yadīti attho. ‘‘Cittenā’’ti vuttattā tena hi aññāṇī abhisametīti āha. Na aññāṇī abhisametīti cittamatteneva abhisamayābhāvato paṭikkhepo. Ñāṇena abhisametīti paṭiññā. Puna hañcītiādi ‘‘ñāṇenā’’ti vuttattā aññāṇī acittakoti codanā. Na acittako abhisametīti acittakassa abhisamayābhāvato paṭikkhepo. Cittena cātiādi paṭiññā. Puna hañcītiādi sabbacittañāṇasādhāraṇavasena codanā. Sesacodanāvissajjanesupi eseva nayo.
ปรโต ปน กมฺมสฺสกตจิเตฺตน จ ญาเณน จาติ กมฺมสฺสกา สตฺตาติ เอวํ กมฺมสฺสกตาย ปวตฺตจิเตฺตน จ ญาเณน จฯ สจฺจานุโลมิกจิเตฺตน จ ญาเณน จาติ สจฺจปฎิเวธสฺส อนุกูลตฺตา สจฺจานุโลมิกสงฺขาเตน วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตจิเตฺตน จ วิปสฺสนาญาเณน จฯ กถนฺติ ยถา อภิสมโย โหติ, ตถา กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉาฯ อุปฺปาทาธิปเตยฺยนฺติ ยสฺมา จิตฺตสฺส อุปฺปาเท อสติ เจตสิกานํ อุปฺปาโท นตฺถิฯ อารมฺมณคฺคหณญฺหิ จิตฺตํ เตน สห อุปฺปชฺชมานา เจตสิกา กถํ อารมฺมเณ อคฺคหิเต อุปฺปชฺชิสฺสนฺติฯ อภิธเมฺมปิ จิตฺตุปฺปาเทเนว เจตสิกา วิภตฺตา, ตสฺมา มคฺคญาณสฺส อุปฺปาเท อธิปติภูตํ จิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ญาณสฺสาติ มคฺคญาณสฺสฯ เหตุ ปจฺจโย จาติ ชนโก จ อุปตฺถมฺภโก จฯ ตํสมฺปยุตฺตนฺติ เตน ญาเณน สมฺปยุตฺตํฯ นิโรธโคจรนฺติ นิพฺพานารมฺมณํฯ ทสฺสนาธิปเตยฺยนฺติ เสสานํ ทสฺสนกิจฺจาภาวา นิพฺพานทสฺสเน อธิปติภูตํฯ จิตฺตสฺสาติ มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสฯ ตํสมฺปยุตฺตนฺติ เตน จิเตฺตน สมฺปยุตฺตํฯ
Parato pana kammassakatacittena ca ñāṇena cāti kammassakā sattāti evaṃ kammassakatāya pavattacittena ca ñāṇena ca. Saccānulomikacittena ca ñāṇena cāti saccapaṭivedhassa anukūlattā saccānulomikasaṅkhātena vipassanāsampayuttacittena ca vipassanāñāṇena ca. Kathanti yathā abhisamayo hoti, tathā kathetukamyatā pucchā. Uppādādhipateyyanti yasmā cittassa uppāde asati cetasikānaṃ uppādo natthi. Ārammaṇaggahaṇañhi cittaṃ tena saha uppajjamānā cetasikā kathaṃ ārammaṇe aggahite uppajjissanti. Abhidhammepi cittuppādeneva cetasikā vibhattā, tasmā maggañāṇassa uppāde adhipatibhūtaṃ cittanti attho. Ñāṇassāti maggañāṇassa. Hetu paccayo cāti janako ca upatthambhako ca. Taṃsampayuttanti tena ñāṇena sampayuttaṃ. Nirodhagocaranti nibbānārammaṇaṃ. Dassanādhipateyyanti sesānaṃ dassanakiccābhāvā nibbānadassane adhipatibhūtaṃ. Cittassāti maggasampayuttacittassa. Taṃsampayuttanti tena cittena sampayuttaṃ.
๒๐.
20.
ยสฺมา เอตมฺปิ ปริยายํ, น เกวลํ จิตฺตญาเณหิเยว อภิสมโย, อถ โข สเพฺพปิ มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตเจตสิกา ธมฺมา สจฺจาภิสมยกิจฺจสาธนวเสน อภิสมโย นาม โหนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ ปริยายํ ทเสฺสตุกาโม กิํ นุ เอตฺตโกเยว อภิสมโยติ ปุจฺฉิตฺวา น หีติ ตํ วจนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณติอาทิมาหฯ ทสฺสนาภิสมโยติ ทสฺสนภูโต อภิสมโยฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สจฺจาติ สจฺจญาณานิฯ มคฺคญาณเมว นิพฺพานานุปสฺสนเฎฺฐน วิปสฺสนาฯ วิโมโกฺขติ มคฺควิโมโกฺขฯ วิชฺชาติ มคฺคญาณเมวฯ วิมุตฺตีติ สมุเจฺฉทวิมุตฺติฯ นิพฺพานํ อภิสมียตีติ อภิสมโย, เสสา อภิสเมนฺติ เอเตหีติ อภิสมยาฯ
Yasmā etampi pariyāyaṃ, na kevalaṃ cittañāṇehiyeva abhisamayo, atha kho sabbepi maggasampayuttacittacetasikā dhammā saccābhisamayakiccasādhanavasena abhisamayo nāma honti, tasmā tampi pariyāyaṃ dassetukāmo kiṃ nu ettakoyeva abhisamayoti pucchitvā na hīti taṃ vacanaṃ paṭikkhipitvā lokuttaramaggakkhaṇetiādimāha. Dassanābhisamayoti dassanabhūto abhisamayo. Esa nayo sesesupi. Saccāti saccañāṇāni. Maggañāṇameva nibbānānupassanaṭṭhena vipassanā. Vimokkhoti maggavimokkho. Vijjāti maggañāṇameva. Vimuttīti samucchedavimutti. Nibbānaṃ abhisamīyatīti abhisamayo, sesā abhisamenti etehīti abhisamayā.
๒๑.
21.
ปุน มคฺคผลวเสน อภิสมยํ ภินฺทิตฺวา ทเสฺสตุํ กิํ นูติอาทิมาหฯ ผลกฺขเณ ปเนตฺถ ยสฺมา สมุเจฺฉทนเฎฺฐน ขเย ญาณํ น ลพฺภติ, ตสฺมา ปฎิปฺปสฺสทฺธเฎฺฐน อนุปฺปาเท ญาณนฺติ วุตฺตํฯ เสสํ ปน ยถานุรูปํ เวทิตพฺพนฺติฯ อิทานิ ยสฺมา กิเลสปฺปหาเน สติ อภิสมโย โหติ, อภิสมเย จ สติ กิเลสปฺปหานํ โหติ, ตสฺมา โจทนาปุพฺพงฺคมํ กิเลสปฺปหานํ ทเสฺสตุกาโม ยฺวายนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยฺวายนฺติ โย อยํ มคฺคโฎฺฐ อริยปุคฺคโลฯ เอวมาทิกานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ วจนานิ โจทกสฺส ปุจฺฉาฯ ปุน อตีเต กิเลเส ปชหตีติ อิทํ โจทนาย โอกาสทานตฺถํ วิสฺสชฺชนํฯ ขีณนฺติ ภงฺควเสน ขีณํฯ นิรุทฺธนฺติ สนฺตานวเสน ปุนปฺปุนํ อนุปฺปตฺติยา นิรุทฺธํฯ วิคตนฺติ วตฺตมานกฺขณโต อปคตํฯ วิคเมตีติ อปคมยติฯ อตฺถงฺคตนฺติ อภาวํ คตํฯ อตฺถงฺคเมตีติ อภาวํ คมยติฯ ตตฺถ โทสํ ทเสฺสตฺวา น อตีเต กิเลเส ปชหตีติ ปฎิกฺขิตฺตํฯ อนาคตโจทนาย อชาตนฺติ ชาติํ อปฺปตฺตํฯ อนิพฺพตฺตนฺติ สภาวํ อปฺปตฺตํฯ อนุปฺปนฺนนฺติ อุปฺปาทโต ปภุติ อุทฺธํ น ปฎิปนฺนํฯ อปาตุภูตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนภาเวน จิตฺตสฺส อปาตุภูตํฯ อตีตานาคเต ปชหโต ปหาตพฺพานํ นตฺถิตาย อผโล วายาโม อาปชฺชตีติ ตทุภยมฺปิ ปฎิกฺขิตฺตํฯ รโตฺต ราคํ ปชหตีติ วตฺตมาเนน ราเคน รโตฺต ตเมว ราคํ ปชหติฯ วตฺตมานกิเลเสสุปิ เอเสว นโยฯ ถามคโตติ ถิรสภาวํ คโตฯ กณฺหสุกฺกาติ อกุสลา จ กุสลา จ ธมฺมา ยุคนทฺธา สมเมว วตฺตนฺตีติ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ สํกิเลสิกาติ เอวํ สํกิเลสานํ สมฺปยุตฺตภาเว สติ สํกิเลเส นิยุตฺตา มคฺคภาวนา โหตีติ อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปจฺจุปฺปเนฺน ปชหโต วายาเมน สทฺธิํ ปหาตพฺพานํ อตฺถิตาย สํกิเลสิกา จ มคฺคภาวนา โหติ, วายาโม จ อผโล โหติฯ น หิ ปจฺจุปฺปนฺนานํ กิเลสานํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตตา นาม อตฺถีติฯ
Puna maggaphalavasena abhisamayaṃ bhinditvā dassetuṃ kiṃ nūtiādimāha. Phalakkhaṇe panettha yasmā samucchedanaṭṭhena khaye ñāṇaṃ na labbhati, tasmā paṭippassaddhaṭṭhena anuppāde ñāṇanti vuttaṃ. Sesaṃ pana yathānurūpaṃ veditabbanti. Idāni yasmā kilesappahāne sati abhisamayo hoti, abhisamaye ca sati kilesappahānaṃ hoti, tasmā codanāpubbaṅgamaṃ kilesappahānaṃ dassetukāmo yvāyantiādimāha. Tattha yvāyanti yo ayaṃ maggaṭṭho ariyapuggalo. Evamādikāni panettha cattāri vacanāni codakassa pucchā. Puna atīte kilese pajahatīti idaṃ codanāya okāsadānatthaṃ vissajjanaṃ. Khīṇanti bhaṅgavasena khīṇaṃ. Niruddhanti santānavasena punappunaṃ anuppattiyā niruddhaṃ. Vigatanti vattamānakkhaṇato apagataṃ. Vigametīti apagamayati. Atthaṅgatanti abhāvaṃ gataṃ. Atthaṅgametīti abhāvaṃ gamayati. Tattha dosaṃ dassetvā na atīte kilese pajahatīti paṭikkhittaṃ. Anāgatacodanāya ajātanti jātiṃ appattaṃ. Anibbattanti sabhāvaṃ appattaṃ. Anuppannanti uppādato pabhuti uddhaṃ na paṭipannaṃ. Apātubhūtanti paccuppannabhāvena cittassa apātubhūtaṃ. Atītānāgate pajahato pahātabbānaṃ natthitāya aphalo vāyāmo āpajjatīti tadubhayampi paṭikkhittaṃ. Ratto rāgaṃ pajahatīti vattamānena rāgena ratto tameva rāgaṃ pajahati. Vattamānakilesesupi eseva nayo. Thāmagatoti thirasabhāvaṃ gato. Kaṇhasukkāti akusalā ca kusalā ca dhammā yuganaddhā samameva vattantīti āpajjatīti attho. Saṃkilesikāti evaṃ saṃkilesānaṃ sampayuttabhāve sati saṃkilese niyuttā maggabhāvanā hotīti āpajjatīti attho. Evaṃ paccuppanne pajahato vāyāmena saddhiṃ pahātabbānaṃ atthitāya saṃkilesikā ca maggabhāvanā hoti, vāyāmo ca aphalo hoti. Na hi paccuppannānaṃ kilesānaṃ cittavippayuttatā nāma atthīti.
น หีติ จตุธา วุตฺตสฺส วจนสฺส ปฎิเกฺขโปฯ อตฺถีติ ปฎิชานนํฯ ยถา กถํ วิยาติ อตฺถิภาวสฺส อุทาหรณทสฺสนตฺถํ ปุจฺฉาฯ ยถา อตฺถิ, ตํ เกน ปกาเรน วิย อตฺถิ, กิํ วิย อตฺถีติ อโตฺถฯ เสยฺยถาปีติ ยถา นามฯ ตรุณรุโกฺขติ ผลทายกภาวทีปนตฺถํ ตรุณคฺคหณํฯ อชาตผโลติ ผลทายกเตฺตปิ สติ ผลคฺคหณโต ปุเรกาลคฺคหณํฯ ตเมนนฺติ ตํ รุกฺขํฯ เอนนฺติ นิปาตมตฺตํ, ตํ เอตนฺติ วา อโตฺถฯ มูลํ ฉิเนฺทยฺยาติ มูลโต ฉิเนฺทยฺยฯ อชาตผลาติ อชาตานิ ผลานิฯ เอวเมวนฺติ เอวํ เอวํฯ อุปฺปาโท ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนาติ จตูหิปิ ปจฺจุปฺปนฺนขนฺธสนฺตานเมว วุตฺตํฯ ยสฺมิญฺหิ ขนฺธสนฺตาเน ยํ ยํ มคฺคญาณํ อุปฺปชฺชติ, เตน เตน มคฺคญาเณน ปหาตพฺพานํ กิเลสานํ ตํ ขนฺธสนฺตานํ อพีชํ โหติ, ตสฺส อพีชภูตตฺตา ตปฺปจฺจยา เต เต กิเลสา อนุปฺปนฺนา เอว น อุปฺปชฺชนฺติฯ อาทีนวํ ทิสฺวาติ อนิจฺจาทิโต อาทีนวํ ทิสฺวาฯ อนุปฺปาโทติอาทีหิ จตูหิ นิพฺพานเมว วุตฺตํฯ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติฯ เหตุนิโรธา ทุกฺขนิโรโธติ กิเลสานํ พีชภูตสฺส สนฺตานสฺส อนุปฺปาทนิโรธา อนาคตกฺขนฺธภูตสฺส ทุกฺขสฺส เหตุภูตานํ กิเลสานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติฯ เอวํ ทุกฺขสฺส เหตุภูตกิเลสานํ อนุปฺปาทนิโรธา ทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติฯ เอวํ กิเลสปฺปหานยุตฺติสพฺภาวโต เอว อตฺถิ มคฺคภาวนาติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๓๒) ปน ‘‘เอเตน กิํ ทีปิตํ โหติ? ภูมิลทฺธานํ กิเลสานํ ปหานํ ทีปิตํ โหติฯ ภูมิลทฺธา ปน กิํ อตีตา อนาคตา, อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺนาติ? ภูมิลทฺธุปฺปนฺนาเยว นามา’’ติ วตฺวา กถิตกิเลสปฺปหานสฺส วิตฺถารกถา สุตมยญาณกถาย มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, อิธ ปน มคฺคญาเณน ปหาตพฺพา กิเลสาเยว อธิเปฺปตาติฯ
Na hīti catudhā vuttassa vacanassa paṭikkhepo. Atthīti paṭijānanaṃ. Yathā kathaṃ viyāti atthibhāvassa udāharaṇadassanatthaṃ pucchā. Yathā atthi, taṃ kena pakārena viya atthi, kiṃ viya atthīti attho. Seyyathāpīti yathā nāma. Taruṇarukkhoti phaladāyakabhāvadīpanatthaṃ taruṇaggahaṇaṃ. Ajātaphaloti phaladāyakattepi sati phalaggahaṇato purekālaggahaṇaṃ. Tamenanti taṃ rukkhaṃ. Enanti nipātamattaṃ, taṃ etanti vā attho. Mūlaṃ chindeyyāti mūlato chindeyya. Ajātaphalāti ajātāni phalāni. Evamevanti evaṃ evaṃ. Uppādo pavattaṃ nimittaṃ āyūhanāti catūhipi paccuppannakhandhasantānameva vuttaṃ. Yasmiñhi khandhasantāne yaṃ yaṃ maggañāṇaṃ uppajjati, tena tena maggañāṇena pahātabbānaṃ kilesānaṃ taṃ khandhasantānaṃ abījaṃ hoti, tassa abījabhūtattā tappaccayā te te kilesā anuppannā eva na uppajjanti. Ādīnavaṃ disvāti aniccādito ādīnavaṃ disvā. Anuppādotiādīhi catūhi nibbānameva vuttaṃ. Cittaṃ pakkhandatīti maggasampayuttaṃ cittaṃ pakkhandati. Hetunirodhā dukkhanirodhoti kilesānaṃ bījabhūtassa santānassa anuppādanirodhā anāgatakkhandhabhūtassa dukkhassa hetubhūtānaṃ kilesānaṃ anuppādanirodho hoti. Evaṃ dukkhassa hetubhūtakilesānaṃ anuppādanirodhā dukkhassa anuppādanirodho hoti. Evaṃ kilesappahānayuttisabbhāvato eva atthi maggabhāvanātiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ (visuddhi. 2.832) pana ‘‘etena kiṃ dīpitaṃ hoti? Bhūmiladdhānaṃ kilesānaṃ pahānaṃ dīpitaṃ hoti. Bhūmiladdhā pana kiṃ atītā anāgatā, udāhu paccuppannāti? Bhūmiladdhuppannāyeva nāmā’’ti vatvā kathitakilesappahānassa vitthārakathā sutamayañāṇakathāya maggasaccaniddesavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbā, idha pana maggañāṇena pahātabbā kilesāyeva adhippetāti.
อภิสมยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhisamayakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๓. อภิสมยกถา • 3. Abhisamayakathā