Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๗. อภิสมยนฺตรายกรปโญฺห
7. Abhisamayantarāyakarapañho
๗. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิธ โย โกจิ คิหี ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺน ภเวยฺย, โส อปเรน สมเยน ปพฺพาเชยฺย, อตฺตนาปิ โส น ชาเนยฺย ‘คิหิปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนสฺมี’ติ, นปิ ตสฺส อโญฺญ โกจิ อาจิเกฺขยฺย ‘คิหิปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนสี’ติฯ โส จ ตถตฺตาย ปฎิปเชฺชยฺย, อปิ นุ ตสฺส ธมฺมาภิสมโย ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘เกน, ภเนฺต, การเณนา’’ติ? ‘‘โย ตสฺส เหตุ ธมฺมาภิสมยาย, โส ตสฺส สมุจฺฉิโนฺน, ตสฺมา ธมฺมาภิสมโย น ภวตี’’ติฯ
7. ‘‘Bhante nāgasena, idha yo koci gihī pārājikaṃ ajjhāpanno bhaveyya, so aparena samayena pabbājeyya, attanāpi so na jāneyya ‘gihipārājikaṃ ajjhāpannosmī’ti, napi tassa añño koci ācikkheyya ‘gihipārājikaṃ ajjhāpannosī’ti. So ca tathattāya paṭipajjeyya, api nu tassa dhammābhisamayo bhaveyyā’’ti? ‘‘Na hi, mahārājā’’ti. ‘‘Kena, bhante, kāraṇenā’’ti? ‘‘Yo tassa hetu dhammābhisamayāya, so tassa samucchinno, tasmā dhammābhisamayo na bhavatī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘ชานนฺตสฺส กุกฺกุจฺจํ โหติ, กุกฺกุเจฺจ สติ อาวรณํ โหติ, อาวเฎ จิเตฺต ธมฺมาภิสมโย น โหตี’ติฯ อิมสฺส ปน อชานนฺตสฺส อกุกฺกุจฺจชาตสฺส สนฺตจิตฺตสฺส วิหรโต เกน การเณน ธมฺมาภิสมโย น โหติ, วิสเมน วิสเมเนโส ปโญฺห คจฺฉติ, จิเนฺตตฺวา วิสเชฺชถา’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘jānantassa kukkuccaṃ hoti, kukkucce sati āvaraṇaṃ hoti, āvaṭe citte dhammābhisamayo na hotī’ti. Imassa pana ajānantassa akukkuccajātassa santacittassa viharato kena kāraṇena dhammābhisamayo na hoti, visamena visameneso pañho gacchati, cintetvā visajjethā’’ti.
‘‘รุหติ , มหาราช, สุกเฎฺฐ สุกลเล มณฺฑเขเตฺต สารทํ สุขสยิตํ พีช’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อปิ นุ, มหาราช, ตเญฺญว พีชํ ฆนเสลสิลาตเล รุเหยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน, มหาราช, ตเญฺญว พีชํ กลเล รุหติ, กิสฺส ฆนเสเล น รุหตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, ตสฺส พีชสฺส รุหนาย ฆนเสเล เหตุ, อเหตุนา พีชํ น รุหตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เยน เหตุนา ตสฺส ธมฺมาภิสมโย ภเวยฺย, โส ตสฺส เหตุ สมุจฺฉิโนฺน, อเหตุนา ธมฺมาภิสมโย น โหติฯ
‘‘Ruhati , mahārāja, sukaṭṭhe sukalale maṇḍakhette sāradaṃ sukhasayitaṃ bīja’’nti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Api nu, mahārāja, taññeva bījaṃ ghanaselasilātale ruheyyā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana, mahārāja, taññeva bījaṃ kalale ruhati, kissa ghanasele na ruhatī’’ti? ‘‘Natthi, bhante, tassa bījassa ruhanāya ghanasele hetu, ahetunā bījaṃ na ruhatī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yena hetunā tassa dhammābhisamayo bhaveyya, so tassa hetu samucchinno, ahetunā dhammābhisamayo na hoti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ทณฺฑเลฑฺฑุลคุฬมุคฺครา ปถวิยา ฐานมุปคจฺฉนฺติ, อปิ นุ, มหาราช, เต เยว ทณฺฑเลฑฺฑุลคุฬมุคฺครา คคเน ฐานมุปคจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ ปเนตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน เต เยว ทณฺฑเลฑฺฑุลคุฬมุคฺครา ปถวิยา ฐานมุปคจฺฉนฺติ, เกน การเณน คคเน น ติฎฺฐนฺตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, เตสํ ทณฺฑเลฑฺฑุลคุฬมุคฺครานํ ปติฎฺฐานาย อากาเส เหตุ, อเหตุนา น ติฎฺฐนฺตี’’ติ ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตสฺส เตน โทเสน อภิสมยเหตุ สมุจฺฉิโนฺน, เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุนา อภิสมโย น โหตีติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, daṇḍaleḍḍulaguḷamuggarā pathaviyā ṭhānamupagacchanti, api nu, mahārāja, te yeva daṇḍaleḍḍulaguḷamuggarā gagane ṭhānamupagacchantī’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Kiṃ panettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena te yeva daṇḍaleḍḍulaguḷamuggarā pathaviyā ṭhānamupagacchanti, kena kāraṇena gagane na tiṭṭhantī’’ti? ‘‘Natthi, bhante, tesaṃ daṇḍaleḍḍulaguḷamuggarānaṃ patiṭṭhānāya ākāse hetu, ahetunā na tiṭṭhantī’’ti . ‘‘Evameva kho, mahārāja, tassa tena dosena abhisamayahetu samucchinno, hetusamugghāte ahetunā abhisamayo na hotīti.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ถเล อคฺคิ ชลติ, อปิ นุ โข, มหาราช, โส เยว อคฺคิ อุทเก ชลตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ ปเนตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน โส เยว อคฺคิ ถเล ชลติ, เกน การเณน อุทเก น ชลตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, อคฺคิสฺส ชลนาย อุทเก เหตุ, อเหตุนา น ชลตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตสฺส เตน โทเสน อภิสมยเหตุ สมุจฺฉิโนฺน, เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุนา ธมฺมาภิสมโย น โหตี’’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, thale aggi jalati, api nu kho, mahārāja, so yeva aggi udake jalatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kiṃ panettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena so yeva aggi thale jalati, kena kāraṇena udake na jalatī’’ti? ‘‘Natthi, bhante, aggissa jalanāya udake hetu, ahetunā na jalatī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tassa tena dosena abhisamayahetu samucchinno, hetusamugghāte ahetunā dhammābhisamayo na hotī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ปุนเปตํ อตฺถํ จิเนฺตหิ, น เม ตตฺถ จิตฺตสญฺญตฺติ ภวติ, อชานนฺตสฺส อสติ กุกฺกุเจฺจ อาวรณํ โหตีติ, การเณน มํ สญฺญาเปหี’’ติฯ ‘‘อปิ นุ, มหาราช, วิสํ หลาหลํ อชานเนฺตน ขายิตํ ชีวิตํ หรตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อชานเนฺตนปิ กตํ ปาปํ อภิสมยนฺตรายกรํ โหติฯ
‘‘Bhante nāgasena, punapetaṃ atthaṃ cintehi, na me tattha cittasaññatti bhavati, ajānantassa asati kukkucce āvaraṇaṃ hotīti, kāraṇena maṃ saññāpehī’’ti. ‘‘Api nu, mahārāja, visaṃ halāhalaṃ ajānantena khāyitaṃ jīvitaṃ haratī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, ajānantenapi kataṃ pāpaṃ abhisamayantarāyakaraṃ hoti.
‘‘อปิ นุ, มหาราช, อคฺคิ อชานิตฺวา อกฺกมนฺตํ ฑหตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อชานเนฺตนปิ กตํ ปาปํ อภิสมยนฺตรายกรํ โหติฯ
‘‘Api nu, mahārāja, aggi ajānitvā akkamantaṃ ḍahatī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, ajānantenapi kataṃ pāpaṃ abhisamayantarāyakaraṃ hoti.
‘‘อปิ นุ, มหาราช, อชานนฺตํ อาสีวิโส ฑํสิตฺวา ชีวิตํ หรตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อชานเนฺตนปิ กตํ ปาปํ อภิสมยนฺตรายกรํ โหติฯ
‘‘Api nu, mahārāja, ajānantaṃ āsīviso ḍaṃsitvā jīvitaṃ haratī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, ajānantenapi kataṃ pāpaṃ abhisamayantarāyakaraṃ hoti.
‘‘นนุ, มหาราช, กาลิงฺคราชา สมณโกลโญฺญ สตฺตรตนปริกิโณฺณ หตฺถิรตนมภิรุยฺห กุลทสฺสนาย คจฺฉโนฺต อชานโนฺตปิ นาสกฺขิ โพธิมณฺฑสฺส อุปริโต คนฺตุํ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อชานเนฺตนปิ กตํ ปาปํ อภิสมยนฺตรายกรํ โหตี’’ติ? ‘‘ชินภาสิตํ , ภเนฺต นาคเสน, การณํ น สกฺกา ปฎิโกฺกสิตุํ, เอโสเวตสฺส อโตฺถ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Nanu, mahārāja, kāliṅgarājā samaṇakolañño sattaratanaparikiṇṇo hatthiratanamabhiruyha kuladassanāya gacchanto ajānantopi nāsakkhi bodhimaṇḍassa uparito gantuṃ, idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena ajānantenapi kataṃ pāpaṃ abhisamayantarāyakaraṃ hotī’’ti? ‘‘Jinabhāsitaṃ , bhante nāgasena, kāraṇaṃ na sakkā paṭikkosituṃ, esovetassa attho tathā sampaṭicchāmī’’ti.
อภิสมยนฺตรายกรปโญฺห สตฺตโมฯ
Abhisamayantarāyakarapañho sattamo.