Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๒. อพฺยากรณียปโญฺห

    2. Abyākaraṇīyapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐี’ติ, ปุน จ เถเรน มาลุกฺยปุเตฺตน 1 ปญฺหํ ปุโฎฺฐ น พฺยากาสิฯ เอโส โข, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห ทฺวยโนฺต 2 เอกนฺตนิสฺสิโต ภวิสฺสติ อชานเนน วา คุยฺหกรเณน วาฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐี’ติ, เตน หิ เถรสฺส มาลุกฺยปุตฺตสฺส อชานเนฺตน น พฺยากตํฯ ยทิ ชานเนฺตน น พฺยากตํ, เตน หิ อตฺถิ ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐิฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ

    2. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘natthānanda tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhī’ti, puna ca therena mālukyaputtena 3 pañhaṃ puṭṭho na byākāsi. Eso kho, bhante nāgasena, pañho dvayanto 4 ekantanissito bhavissati ajānanena vā guyhakaraṇena vā. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘natthānanda tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhī’ti, tena hi therassa mālukyaputtassa ajānantena na byākataṃ. Yadi jānantena na byākataṃ, tena hi atthi tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhi. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐี’ติ, อพฺยากโต จ เถเรน มาลุกฺยปุเตฺตน ปุจฺฉิโต ปโญฺห, ตญฺจ ปน น อชานเนฺตน น คุยฺหกรเณนฯ จตฺตาริมานิ, มหาราช, ปญฺหพฺยากรณานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺห วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺห ฐปนีโย ปโญฺหติฯ

    ‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘natthānanda tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhī’ti, abyākato ca therena mālukyaputtena pucchito pañho, tañca pana na ajānantena na guyhakaraṇena. Cattārimāni, mahārāja, pañhabyākaraṇāni. Katamāni cattāri? Ekaṃsabyākaraṇīyo pañho vibhajjabyākaraṇīyo pañho paṭipucchābyākaraṇīyo pañho ṭhapanīyo pañhoti.

    ‘‘กตโม จ, มหาราช, เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺห? ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติ เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺห, ‘เวทนา อนิจฺจา’ติ…เป.… ‘สญฺญา อนิจฺจา’ติ…เป.… ‘สงฺขารา อนิจฺจา’ติ…เป.… ‘วิญฺญาณํ อนิจฺจ’’นฺติ เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺห, อยํ เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ

    ‘‘Katamo ca, mahārāja, ekaṃsabyākaraṇīyo pañho? ‘Rūpaṃ anicca’nti ekaṃsabyākaraṇīyo pañho, ‘vedanā aniccā’ti…pe… ‘saññā aniccā’ti…pe… ‘saṅkhārā aniccā’ti…pe… ‘viññāṇaṃ anicca’’nti ekaṃsabyākaraṇīyo pañho, ayaṃ ekaṃsabyākaraṇīyo pañho.

    ‘‘กตโม วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห? ‘อนิจฺจํ ปน รูป’นฺติ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห, ‘อนิจฺจา ปน เวทนา’ติ…เป.… ‘อนิจฺจา ปน สญฺญา’ติ…เป.… ‘อนิจฺจา ปน สงฺขารา’ติ…เป.… ‘อนิจฺจํ ปน วิญฺญาณ’นฺติ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห, อยํ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ

    ‘‘Katamo vibhajjabyākaraṇīyo pañho? ‘Aniccaṃ pana rūpa’nti vibhajjabyākaraṇīyo pañho, ‘aniccā pana vedanā’ti…pe… ‘aniccā pana saññā’ti…pe… ‘aniccā pana saṅkhārā’ti…pe… ‘aniccaṃ pana viññāṇa’nti vibhajjabyākaraṇīyo pañho, ayaṃ vibhajjabyākaraṇīyo pañho.

    ‘‘กตโม ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺห? ‘กิํ นุ โข จกฺขุนา สพฺพํ วิชานาตี’ติ อยํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ

    ‘‘Katamo paṭipucchābyākaraṇīyo pañho? ‘Kiṃ nu kho cakkhunā sabbaṃ vijānātī’ti ayaṃ paṭipucchābyākaraṇīyo pañho.

    ‘‘กตโม ฐปนีโย ปโญฺห? ‘สสฺสโต โลโก’ติ ฐปนีโย ปโญฺห, ‘อสสฺสโต โลโก’ติฯ ‘อนฺตวา โลโก’ติฯ ‘อนนฺตวา โลโก’ติฯ ‘อนฺตวา จ อนนฺตวา จ โลโก’ติฯ ‘เนวนฺตวา นานนฺตวา โลโก’ติฯ ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติฯ ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติฯ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติฯ ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติฯ ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติฯ ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ ฐปนีโย ปโญฺห, อยํ ฐปนีโย ปโญฺหฯ

    ‘‘Katamo ṭhapanīyo pañho? ‘Sassato loko’ti ṭhapanīyo pañho, ‘asassato loko’ti. ‘Antavā loko’ti. ‘Anantavā loko’ti. ‘Antavā ca anantavā ca loko’ti. ‘Nevantavā nānantavā loko’ti. ‘Taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’nti. ‘Aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti. ‘Hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti. ‘Na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti. ‘Hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti. ‘Neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti ṭhapanīyo pañho, ayaṃ ṭhapanīyo pañho.

    ‘‘ภควา, มหาราช, เถรสฺส มาลุกฺยปุตฺตสฺส ตํ ฐปนียํ ปญฺหํ น พฺยากาสิฯ โส ปน ปโญฺห กิํ การณา ฐปนีโย? น ตสฺส ทีปนาย เหตุ วา การณํ วา อตฺถิ, ตสฺมา โส ปโญฺห ฐปนีโยฯ นตฺถิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อการณมเหตุกํ คิรมุทีรณ’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Bhagavā, mahārāja, therassa mālukyaputtassa taṃ ṭhapanīyaṃ pañhaṃ na byākāsi. So pana pañho kiṃ kāraṇā ṭhapanīyo? Na tassa dīpanāya hetu vā kāraṇaṃ vā atthi, tasmā so pañho ṭhapanīyo. Natthi buddhānaṃ bhagavantānaṃ akāraṇamahetukaṃ giramudīraṇa’’nti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    อพฺยากรณียปโญฺห ทุติโยฯ

    Abyākaraṇīyapañho dutiyo.







    Footnotes:
    1. มาลุงฺกฺยปุเตฺตน (สี. สฺยา. ปี.) สํ. นิ. ๔.๙๕; อ. นิ. ๑.๔.๒๕๗ ปสฺสิตพฺพํ
    2. ทฺวยโต (สี.)
    3. māluṅkyaputtena (sī. syā. pī.) saṃ. ni. 4.95; a. ni. 1.4.257 passitabbaṃ
    4. dvayato (sī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact