Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. อพฺยากตวโคฺค
6. Abyākatavaggo
๑. อพฺยากตสุตฺตํ
1. Abyākatasuttaṃ
๕๔. อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสู’’ติ?
54. Atha kho aññataro bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo yena sutavato ariyasāvakassa vicikicchā nuppajjati abyākatavatthūsū’’ti?
‘‘ทิฎฺฐินิโรธา โข, ภิกฺขุ, สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุฯ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฎฺฐิคตเมตํ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฎฺฐิคตเมตํ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฎฺฐิคตเมตํ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ทิฎฺฐิคตเมตํฯ อสฺสุตวา, ภิกฺขุ, ปุถุชฺชโน ทิฎฺฐิํ นปฺปชานาติ, ทิฎฺฐิสมุทยํ นปฺปชานาติ, ทิฎฺฐินิโรธํ นปฺปชานาติ, ทิฎฺฐินิโรธคามินิํ ปฎิปทํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส สา ทิฎฺฐิ ปวฑฺฒติ, โส น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ
‘‘Diṭṭhinirodhā kho, bhikkhu, sutavato ariyasāvakassa vicikicchā nuppajjati abyākatavatthūsu. ‘Hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, diṭṭhigatametaṃ; ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, diṭṭhigatametaṃ; ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, diṭṭhigatametaṃ; ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, diṭṭhigatametaṃ. Assutavā, bhikkhu, puthujjano diṭṭhiṃ nappajānāti, diṭṭhisamudayaṃ nappajānāti, diṭṭhinirodhaṃ nappajānāti, diṭṭhinirodhagāminiṃ paṭipadaṃ nappajānāti. Tassa sā diṭṭhi pavaḍḍhati, so na parimuccati jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, na parimuccati dukkhasmāti vadāmi.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขุ, อริยสาวโก ทิฎฺฐิํ ปชานาติ, ทิฎฺฐิสมุทยํ ปชานาติ, ทิฎฺฐินิโรธํ ปชานาติ, ทิฎฺฐินิโรธคามินิํ ปฎิปทํ ปชานาติฯ ตสฺส สา ทิฎฺฐิ นิรุชฺฌติ, โส ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ เอวํ อพฺยากรณธโมฺม โหติ อพฺยากตวตฺถูสุ ฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ น ฉมฺภติ, น กมฺปติ, น เวธติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุฯ
‘‘Sutavā ca kho, bhikkhu, ariyasāvako diṭṭhiṃ pajānāti, diṭṭhisamudayaṃ pajānāti, diṭṭhinirodhaṃ pajānāti, diṭṭhinirodhagāminiṃ paṭipadaṃ pajānāti. Tassa sā diṭṭhi nirujjhati, so parimuccati jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, parimuccati dukkhasmāti vadāmi. Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti; ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti; ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti; ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti. Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ evaṃ abyākaraṇadhammo hoti abyākatavatthūsu . Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ na chambhati, na kampati, na vedhati, na santāsaṃ āpajjati abyākatavatthūsu.
‘‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, ตณฺหาคตเมตํ…เป.… สญฺญาคตเมตํ …เป.… มญฺญิตเมตํ…เป.… ปปญฺจิตเมตํ…เป.… อุปาทานคตเมตํ…เป.… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฎิสาโร เอโส; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฎิสาโร เอโส; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฎิสาโร เอโส; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, ภิกฺขุ, วิปฺปฎิสาโร เอโสฯ อสฺสุตวา, ภิกฺขุ, ปุถุชฺชโน วิปฺปฎิสารํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฎิสารสมุทยํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฎิสารนิโรธํ นปฺปชานาติ, วิปฺปฎิสารนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส วิปฺปฎิสาโร ปวฑฺฒติ, โส น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ
‘‘‘Hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, taṇhāgatametaṃ…pe… saññāgatametaṃ …pe… maññitametaṃ…pe… papañcitametaṃ…pe… upādānagatametaṃ…pe… ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, vippaṭisāro eso; ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, vippaṭisāro eso; ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, vippaṭisāro eso; ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, bhikkhu, vippaṭisāro eso. Assutavā, bhikkhu, puthujjano vippaṭisāraṃ nappajānāti, vippaṭisārasamudayaṃ nappajānāti, vippaṭisāranirodhaṃ nappajānāti, vippaṭisāranirodhagāminiṃ paṭipadaṃ nappajānāti. Tassa so vippaṭisāro pavaḍḍhati, so na parimuccati jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, na parimuccati dukkhasmāti vadāmi.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขุ, อริยสาวโก วิปฺปฎิสารํ ปชานาติ, วิปฺปฎิสารสมุทยํ ปชานาติ, วิปฺปฎิสารนิโรธํ ปชานาติ , วิปฺปฎิสารนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ ปชานาติฯ ตสฺส โส วิปฺปฎิสาโร นิรุชฺฌติ, โส ปริมุจฺจติ ชาติยา…เป.… ทุกฺขสฺมาติ วทามิฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติ…เป.… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ น พฺยากโรติฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ เอวํ อพฺยากรณธโมฺม โหติ อพฺยากตวตฺถูสุฯ เอวํ ชานํ โข, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก เอวํ ปสฺสํ น ฉมฺภติ, น กมฺปติ, น เวธติ, น สนฺตาสํ อาปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสุฯ อยํ โข, ภิกฺขุ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน สุตวโต อริยสาวกสฺส วิจิกิจฺฉา นุปฺปชฺชติ อพฺยากตวตฺถูสู’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Sutavā ca kho, bhikkhu, ariyasāvako vippaṭisāraṃ pajānāti, vippaṭisārasamudayaṃ pajānāti, vippaṭisāranirodhaṃ pajānāti , vippaṭisāranirodhagāminiṃ paṭipadaṃ pajānāti. Tassa so vippaṭisāro nirujjhati, so parimuccati jātiyā…pe… dukkhasmāti vadāmi. Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti…pe… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’tipi na byākaroti. Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ evaṃ abyākaraṇadhammo hoti abyākatavatthūsu. Evaṃ jānaṃ kho, bhikkhu, sutavā ariyasāvako evaṃ passaṃ na chambhati, na kampati, na vedhati, na santāsaṃ āpajjati abyākatavatthūsu. Ayaṃ kho, bhikkhu, hetu ayaṃ paccayo yena sutavato ariyasāvakassa vicikicchā nuppajjati abyākatavatthūsū’’ti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อพฺยากตสุตฺตวณฺณนา • 1. Abyākatasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๒. อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Abyākatasuttādivaṇṇanā