Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๑๑. อาจริยานาจริยปโญฺห
11. Ācariyānācariyapañho
๑๑. ‘‘ภเนฺต, นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา –
11. ‘‘Bhante, nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā –
‘‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
‘‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;
‘‘ปุน จ ภณิตํ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อเนฺตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสี’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติฯ สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’ติ, เตน หิ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อเนฺตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อเนฺตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสี’ติ, เตน หิ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติฯ สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Puna ca bhaṇitaṃ ‘iti kho, bhikkhave, āḷāro kālāmo ācariyo me samāno antevāsiṃ maṃ samānaṃ attanā samasamaṃ ṭhapesi, uḷārāya ca maṃ pūjāya pūjesī’ti. Yadi, bhante nāgasena, tathāgatena bhaṇitaṃ ‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati. Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’ti, tena hi ‘iti kho, bhikkhave, āḷāro kālāmo ācariyo me samāno antevāsiṃ maṃ samānaṃ attanā samasamaṃ ṭhapesī’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘iti kho, bhikkhave, āḷāro kālāmo ācariyo me samāno antevāsiṃ maṃ samānaṃ attanā samasamaṃ ṭhapesī’ti, tena hi ‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati. Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ตถาคเตน ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติฯ สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’ติ, ภณิตญฺจ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อเนฺตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสี’ติฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, tathāgatena ‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati. Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’ti, bhaṇitañca ‘iti kho, bhikkhave, āḷāro kālāmo ācariyo me samāno antevāsiṃ maṃ samānaṃ attanā samasamaṃ ṭhapesi, uḷārāya ca maṃ pūjāya pūjesī’ti.
‘‘ตญฺจ ปน วจนํ ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต อาจริยภาวํ สนฺธาย ภาสิตํฯ
‘‘Tañca pana vacanaṃ pubbeva sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato ācariyabhāvaṃ sandhāya bhāsitaṃ.
‘ปญฺจิเม, มหาราช, ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺส สโต อาจริยา, เยหิ อนุสิโฎฺฐ โพธิสโตฺต ตตฺถ ตตฺถ ทิวสํ วีตินาเมสิฯ กตเม ปญฺจ? เย เต, มหาราช, อฎฺฐ พฺราหฺมณา ชาตมเตฺต โพธิสเตฺต ลกฺขณานิ ปริคฺคณฺหิํสุ, เสยฺยถีทํ, ราโม ธโช ลกฺขโณ มนฺตี ยโญฺญ สุยาโม สุโภโช สุทโตฺตติฯ เต ตสฺส โสตฺถิํ ปเวทยิตฺวา รกฺขากมฺมํ อกํสุ, เต จ ปฐมํ อาจริยาฯ
‘Pañcime, mahārāja, pubbeva sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattassa sato ācariyā, yehi anusiṭṭho bodhisatto tattha tattha divasaṃ vītināmesi. Katame pañca? Ye te, mahārāja, aṭṭha brāhmaṇā jātamatte bodhisatte lakkhaṇāni pariggaṇhiṃsu, seyyathīdaṃ, rāmo dhajo lakkhaṇo mantī yañño suyāmo subhojo sudattoti. Te tassa sotthiṃ pavedayitvā rakkhākammaṃ akaṃsu, te ca paṭhamaṃ ācariyā.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส ปิตา สุโทฺธทโน ราชา ยํ เตน สมเยน อภิชาตํ อุทิจฺจชาติมนฺตํ ปทกํ เวยฺยากรณํ ฉฬงฺควนฺตํ สพฺพมิตฺตํ นาม พฺราหฺมณํ อุปเนตฺวา โสวเณฺณน ภิงฺคาเรน 3 อุทกํ โอโณเชตฺวา ‘อิมํ กุมารํ สิกฺขาเปหี’ติ อทาสิ, อยํ ทุติโย อาจริโยฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, bodhisattassa pitā suddhodano rājā yaṃ tena samayena abhijātaṃ udiccajātimantaṃ padakaṃ veyyākaraṇaṃ chaḷaṅgavantaṃ sabbamittaṃ nāma brāhmaṇaṃ upanetvā sovaṇṇena bhiṅgārena 4 udakaṃ oṇojetvā ‘imaṃ kumāraṃ sikkhāpehī’ti adāsi, ayaṃ dutiyo ācariyo.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ยา สา เทวตา โพธิสตฺตํ สํเวเชสี, ยสฺสา วจนํ สุตฺวา โพธิสโตฺต สํวิโคฺค อุพฺพิโคฺค ตสฺมิํ เยว ขเณ เนกฺขมฺมํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, อยํ ตติโย อาจริโยฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, yā sā devatā bodhisattaṃ saṃvejesī, yassā vacanaṃ sutvā bodhisatto saṃviggo ubbiggo tasmiṃ yeva khaṇe nekkhammaṃ nikkhamitvā pabbaji, ayaṃ tatiyo ācariyo.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อาฬาโร กาลาโม อากิญฺจญฺญายตนสฺส ปริกมฺมํ อาจิกฺขิ, อยํ จตุโตฺถ อาจริโยฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, āḷāro kālāmo ākiñcaññāyatanassa parikammaṃ ācikkhi, ayaṃ catuttho ācariyo.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อุทโก รามปุโตฺต เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส ปริกมฺมํ อาจิกฺขิ 5, อยํ ปญฺจโม อาจริโยฯ อิเม โข, มหาราช, ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺส สโต ปญฺจ อาจริยาฯ เต จ ปน อาจริยา โลกิเย ธเมฺมฯ อิมสฺมิญฺจ ปน, มหาราช, โลกุตฺตเร ธเมฺม สพฺพญฺญุตญาณปฺปฎิเวธาย นตฺถิ ตถาคตสฺส อนุตฺตโร อนุสาสโก, สยมฺภู , มหาราช, ตถาคโต อนาจริยโก, ตสฺมา การณา ตถาคเตน ภณิตํ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติฯ สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, udako rāmaputto nevasaññānāsaññāyatanassa parikammaṃ ācikkhi 6, ayaṃ pañcamo ācariyo. Ime kho, mahārāja, pubbeva sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattassa sato pañca ācariyā. Te ca pana ācariyā lokiye dhamme. Imasmiñca pana, mahārāja, lokuttare dhamme sabbaññutañāṇappaṭivedhāya natthi tathāgatassa anuttaro anusāsako, sayambhū , mahārāja, tathāgato anācariyako, tasmā kāraṇā tathāgatena bhaṇitaṃ ‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati. Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
อาจริยานาจริยปโญฺห เอกาทสโมฯ
Ācariyānācariyapañho ekādasamo.
สนฺถววโคฺค ปญฺจโมฯ
Santhavavaggo pañcamo.
อิมสฺมิํ วเคฺค เอกาทส ปโญฺหฯ
Imasmiṃ vagge ekādasa pañho.
เมณฺฑกปโญฺห นิฎฺฐิโตฯ
Meṇḍakapañho niṭṭhito.
Footnotes: