Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
๖๔๖. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อเจฺจกจีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ, ‘‘ยาว ปวารณา ปวาริตา’’ติ จ ยํ วุตฺตํ, เต ปน ภิกฺขู ตสฺส วจนสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คเหตฺวา อเจฺจกจีวรํ นิกฺขิปนฺตา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมสุํฯ กิมิทํ วิภตฺตํ, อุทาหุ อวิภตฺตนฺติ? วิภตฺตํ, ปุคฺคลิกํ วาฯ เตเนว ปรโต ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, อเจฺจกจีวรานี’’ติ วุตฺตํ, อวิภตฺตํ ปน สงฺฆิกตฺตา น กสฺสจิ นิสฺสคฺคิยํ กโรติฯ
646. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, accekacīvaraṃ paṭiggahetvā nikkhipitu’’nti, ‘‘yāva pavāraṇā pavāritā’’ti ca yaṃ vuttaṃ, te pana bhikkhū tassa vacanassa atthaṃ micchā gahetvā accekacīvaraṃ nikkhipantā cīvarakālasamayaṃ atikkāmesuṃ. Kimidaṃ vibhattaṃ, udāhu avibhattanti? Vibhattaṃ, puggalikaṃ vā. Teneva parato ‘‘amhākaṃ, āvuso, accekacīvarānī’’ti vuttaṃ, avibhattaṃ pana saṅghikattā na kassaci nissaggiyaṃ karoti.
อปิจ ‘‘อเจฺจกจีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปิตุ’’นฺติ อิมินา สามญฺญวจเนน วสฺสูปนายิกทิวสโต ปฎฺฐาย, ปิฎฺฐิสมยโต ปฎฺฐาย วา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติ เอว สงฺฆิกตฺตา, ปุคฺคลิกมฺปิ ‘‘วสฺสํวุตฺถกาเล คณฺหถา’’ติ ทินฺนตฺตาฯ ตาทิสญฺหิ ยาว วสฺสํวุโตฺถ โหติ, ตาว น ตเสฺสว, ทายกสฺส สนฺตกํ โหติ, ตถา อิโต ตติยวเสฺส, จตุตฺถวเสฺส วา ‘‘ปวารณาย คณฺหถา’’ติอาทินา ทินฺนมฺปิ นิกฺขิปิตฺวา ยถาทานเมว คเหตพฺพํฯ อยมโตฺถ อฎฺฐกถายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๔๖-๙ อาทโย) ปากโฎฯ ตานิ จีวรกาลสมยาติกฺกเม น นิสฺสคฺคิยานีติ เจ? น, อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตาฯ ยสฺมา อยํ สมโย ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘กาโล’’ติ อาคโต, คณโภชนสิกฺขาปทาทีสุ ‘‘สมโย’’เตฺวว อาคโต, ตสฺมา อิธ เตสํ เอกตฺถตาทสฺสนตฺถํ เอกโต ‘‘จีวรกาลสมโย’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ มาติกายํ ปเนตฺถ ตาทิสํ จีวรํ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อุปคตํ ปุคฺคลิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ภิกฺขุโน ปเนว อเจฺจกจีวรํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติฯ อตฺตโน กุฎิยา วสฺสํวุตฺถสฺส ภิกฺขุโน หิ ทาตุํ อลภโนฺต อโนฺตวเสฺส เอว ทานกิจฺจํ ปรินิฎฺฐาเปตฺวา คจฺฉติ, ตถา สงฺฆสฺสฯ ตสฺมา อิทํ อเจฺจกจีวรํ อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา สนฺตกภาวํ อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ น วสฺสาวาสิกภาเวน ทินฺนํ, อตฺถิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย อนุปคนฺตฺวา วสฺสํวุตฺถกาเลเยว ปุคฺคลสฺส วา สงฺฆสฺส วา อุปคจฺฉนฺตํ, ยํ วสฺสาวาสิกภาเวน อุปฺปชฺชิตฺวา สมเย ทินฺนํ, อตฺถิ สมเย ทินฺนมฺปิ ปุคฺคลสฺส สนฺตกภาวํ อนุปคจฺฉนฺตํ, สงฺฆสนฺตกภาวํ วา ทายกสนฺตกภาวํ วา อุปคจฺฉนฺตํ, อีทิสํ สนฺธาย ‘‘สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อิทํ อติเรกสํวจฺฉรมฺปิ นิกฺขิปิตุํ ลภติ อตฺตโน สนฺตกภาวํ อนุปคตตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ อิโต อญฺญํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สิทฺธเมตนฺติฯ ทสาหโต ปุเรตรํ ลภิตฺวา ยาว ปวารณา นิกฺขิปิตุํ น ลภติ, ตสฺมา สกภาวูปคตเมว อธิฎฺฐาตพฺพํ, ตํเยว สนฺธาย ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ วุตฺตํ, ยโต ‘‘อโนฺตสมเย อธิเฎฺฐติ, วิกเปฺปตี’’ติ อนาปตฺติวาเร วุตฺตํฯ สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพกํ ปน ปรสฺส ทาตพฺพตาย สกภาวํ อนุปคตํ, น หิ ตํ สนฺธาย ‘‘อธิเฎฺฐติ, วิกเปฺปตี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, น จ ตํ อิมสฺมิํ อเตฺถ นิสฺสคฺคิยํ โหติ สงฺฆสฺส นิสฺสคฺคิยาภาวโต, อฎฺฐกถายมฺปิ อยมโตฺถ สุฎฺฐุ ปากโฎวฯ กตมํ สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ เจ? ปรสนฺตกํ จีวรํ สงฺฆิกเมว โหติ, ตโต ‘‘สลฺลเกฺขตฺวา สุขํ ทาตุํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา หิ ปรสฺส สนฺตกภาโว ทสฺสิโตฯ
Apica ‘‘accekacīvaraṃ paṭiggahetvā nikkhipitu’’nti iminā sāmaññavacanena vassūpanāyikadivasato paṭṭhāya, piṭṭhisamayato paṭṭhāya vā yāva pavāraṇā nikkhipituṃ vaṭṭati eva saṅghikattā, puggalikampi ‘‘vassaṃvutthakāle gaṇhathā’’ti dinnattā. Tādisañhi yāva vassaṃvuttho hoti, tāva na tasseva, dāyakassa santakaṃ hoti, tathā ito tatiyavasse, catutthavasse vā ‘‘pavāraṇāya gaṇhathā’’tiādinā dinnampi nikkhipitvā yathādānameva gahetabbaṃ. Ayamattho aṭṭhakathāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.646-9 ādayo) pākaṭo. Tāni cīvarakālasamayātikkame na nissaggiyānīti ce? Na, uddissa dinnattā. Yasmā ayaṃ samayo ‘‘kālepi ādissa dinna’’nti ettha ‘‘kālo’’ti āgato, gaṇabhojanasikkhāpadādīsu ‘‘samayo’’tveva āgato, tasmā idha tesaṃ ekatthatādassanatthaṃ ekato ‘‘cīvarakālasamayo’’ti vuttanti veditabbaṃ. Mātikāyaṃ panettha tādisaṃ cīvaraṃ attano santakabhāvaṃ upagataṃ puggalikaṃ sandhāya vuttaṃ, tenevāha ‘‘bhikkhuno paneva accekacīvaraṃ uppajjeyyā’’ti. Attano kuṭiyā vassaṃvutthassa bhikkhuno hi dātuṃ alabhanto antovasse eva dānakiccaṃ pariniṭṭhāpetvā gacchati, tathā saṅghassa. Tasmā idaṃ accekacīvaraṃ atthi uppannakālato paṭṭhāya saṅghassa vā puggalassa vā santakabhāvaṃ upagacchantaṃ, yaṃ na vassāvāsikabhāvena dinnaṃ, atthi uppannakālato paṭṭhāya anupagantvā vassaṃvutthakāleyeva puggalassa vā saṅghassa vā upagacchantaṃ, yaṃ vassāvāsikabhāvena uppajjitvā samaye dinnaṃ, atthi samaye dinnampi puggalassa santakabhāvaṃ anupagacchantaṃ, saṅghasantakabhāvaṃ vā dāyakasantakabhāvaṃ vā upagacchantaṃ, īdisaṃ sandhāya ‘‘saññāṇaṃ katvā nikkhipitabba’’nti vuttaṃ. Idaṃ atirekasaṃvaccharampi nikkhipituṃ labhati attano santakabhāvaṃ anupagatattā, tasmā ‘‘dasāhānāgata’’nti ito aññaṃ sandhāya vuttanti siddhametanti. Dasāhato puretaraṃ labhitvā yāva pavāraṇā nikkhipituṃ na labhati, tasmā sakabhāvūpagatameva adhiṭṭhātabbaṃ, taṃyeva sandhāya ‘‘dasāhānāgata’’nti vuttaṃ, yato ‘‘antosamaye adhiṭṭheti, vikappetī’’ti anāpattivāre vuttaṃ. Saññāṇaṃ katvā nikkhipitabbakaṃ pana parassa dātabbatāya sakabhāvaṃ anupagataṃ, na hi taṃ sandhāya ‘‘adhiṭṭheti, vikappetī’’ti sakkā vattuṃ, na ca taṃ imasmiṃ atthe nissaggiyaṃ hoti saṅghassa nissaggiyābhāvato, aṭṭhakathāyampi ayamattho suṭṭhu pākaṭova. Katamaṃ saññāṇaṃ katvā nikkhipitabbanti ce? Parasantakaṃ cīvaraṃ saṅghikameva hoti, tato ‘‘sallakkhetvā sukhaṃ dātuṃ bhavissatī’’ti iminā hi parassa santakabhāvo dassito.
‘‘ตโต ปรํ เอกทิวสมฺปิ ปริหาโร นตฺถีติ ทสาหปรมโต อุทฺธํ อนุปคตตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อิโต สมยโต อุทฺธเมว ทสาหสฺส อนุปคตตฺตา สมยโต ปรํ ทสาหํ น ลภตีติ กิรสฺส อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’ติ เอตฺถ ‘‘เอกาทสมํ อรุณํ จีวรมาเส อุเฎฺฐตี’’ติ การณํ ลิขิตํฯ อนุคณฺฐิปเท ปน ‘‘อนธิฎฺฐหิตฺวา เอกาทสทิวเส นิกฺขิปิตุํ ลภตี’ติ วทโนฺต ภควา อิตรมฺปิ อนเจฺจกจีวราทิํ อนุชานาติ, อเจฺจกจีวรมุเขนาติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ กตรํ สุภาสิตํ? อุภยมฺปีติ เอเกฯ กถํ? ปฐมํ ‘‘อเจฺจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน ทสทิวสาธิกา ปญฺจมาสา’’ติ อิมินา สเมติ, อนุคณฺฐิปทลทฺธิยา หิ เอตฺถ ‘‘เอกาทสทิวสาธิโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ทุติยํ ‘‘ทสาหานาคตนฺติ…เป.… ทสาเหน อสมฺปตฺตาติ อโตฺถ’’ติ อิมินา สเมติฯ อิมสฺส นยสฺส วเสน ‘‘ปญฺจมิโต ปฎฺฐาย อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหตี’’ติ ปาโฐ ยุชฺชติฯ ตถา คณฺฐิปทลทฺธิยา ‘‘นวาหานาคตํ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณม’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺส วเสน ‘‘กามเญฺจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิโทฺธ, อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน ปน อปุพฺพํ วิย อตฺถํ ทเสฺสตฺวา สิกฺขาปทํ ฐปิต’’นฺติ อยํ ปาโฐ ยุชฺชติฯ โก ปเนตฺถ สาโรติ? โย ปจฺฉา วุโตฺต, โสว สาโรฯ เตเนว อฎฺฐกถาจริเยน ‘‘ปญฺจมิโต ปฎฺฐายา’’ติ วุตฺตํฯ โปราณคณฺฐิปเทหิ อฎฺฐกถาย จ สทฺธิํ สํสนฺทนโต, ‘‘ทสาหานาคต’’นฺติ ปาฬิยา สํสนฺทนโต จ เอตฺถ คณฺฐิปทลทฺธิปิ ปาฬิยา สเมติฯ
‘‘Tato paraṃ ekadivasampi parihāro natthīti dasāhaparamato uddhaṃ anupagatattā’’ti likhitaṃ, ito samayato uddhameva dasāhassa anupagatattā samayato paraṃ dasāhaṃ na labhatīti kirassa adhippāyo. ‘‘Etaṃ parihāraṃ labhatiyevā’’ti ettha ‘‘ekādasamaṃ aruṇaṃ cīvaramāse uṭṭhetī’’ti kāraṇaṃ likhitaṃ. Anugaṇṭhipade pana ‘‘anadhiṭṭhahitvā ekādasadivase nikkhipituṃ labhatī’ti vadanto bhagavā itarampi anaccekacīvarādiṃ anujānāti, accekacīvaramukhenāti apare’’ti vuttaṃ. Ettha kataraṃ subhāsitaṃ? Ubhayampīti eke. Kathaṃ? Paṭhamaṃ ‘‘accekacīvarassa anatthate kathine dasadivasādhiko māso, atthate kathine dasadivasādhikā pañcamāsā’’ti iminā sameti, anugaṇṭhipadaladdhiyā hi ettha ‘‘ekādasadivasādhiko’’ti vattabbataṃ āpajjati, dutiyaṃ ‘‘dasāhānāgatanti…pe… dasāhena asampattāti attho’’ti iminā sameti. Imassa nayassa vasena ‘‘pañcamito paṭṭhāya uppannassa cīvarassa nidhānakālo dassito hotī’’ti pāṭho yujjati. Tathā gaṇṭhipadaladdhiyā ‘‘navāhānāgataṃ kattikatemāsikapuṇṇama’’nti vattabbataṃ āpajjati, tassa vasena ‘‘kāmañcesa dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabbanti imināva siddho, aṭṭhuppattivasena pana apubbaṃ viya atthaṃ dassetvā sikkhāpadaṃ ṭhapita’’nti ayaṃ pāṭho yujjati. Ko panettha sāroti? Yo pacchā vutto, sova sāro. Teneva aṭṭhakathācariyena ‘‘pañcamito paṭṭhāyā’’ti vuttaṃ. Porāṇagaṇṭhipadehi aṭṭhakathāya ca saddhiṃ saṃsandanato, ‘‘dasāhānāgata’’nti pāḷiyā saṃsandanato ca ettha gaṇṭhipadaladdhipi pāḷiyā sameti.
กถํ? ยสฺมา ปวารณาทิวเส อรุณุคฺคมเน ภิกฺขุ วสฺสํวุโตฺถ โหติ, ตสฺมา อิมินา ทสเมน อเหน สทฺธิํ ฉฎฺฐิโต ปฎฺฐาย นวทิวสา ทส อหานีติ ทสาหํ, เตน ทสาเหน, สหโยคเตฺถ กรณวจนํฯ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมา จีวรสมยํ อสมฺปตฺตาติ กตฺวา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติฯ ยถา อปรกตฺติกปุณฺณมาย วสฺสิกสาฎิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปโนฺต ‘‘จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุํ ตโต ปรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ วุจฺจติ , เอวํสมฺปทมิทนฺติฯ เอตฺถ วุจฺจตีติ เจ? น, อิมสฺส นิปฺปโยชนภาวปฺปสงฺคโตฯ อเจฺจกจีวรปฎิคฺคหณกาลํ นิยมิตนฺติ เจ? น, ‘‘ฉฎฺฐิโต ปฎฺฐาย อุปฺปนฺนจีวรํ อเจฺจกเมว น โหติฯ ปฐมกถิเนน สิทฺธตฺตา’’ติ โปราณฎฺฐกถาคณฺฐิปเทสุ วุตฺตตฺตา ตโต อุปริ ‘‘อเจฺจกจีวร’’นฺติ วุจฺจติ, ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสงฺคโห จฯ น จ สา อาปตฺติ ปาฬิยา, อฎฺฐกถาย, ยุตฺติโต วา สมฺภวติฯ อฎฺฐุปฺปตฺติมตฺตวเสน วุตฺตนฺติ เจ? น, ทสาหาธิจฺจการิกา อฎฺฐุปฺปตฺติปายํ น ทิสฺสติฯ ‘‘ภิกฺขู อเจฺจกจีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวา จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมนฺตี’’ติ เอตฺถ เอตฺติกา เอว หิ อฎฺฐุปฺปตฺติฯ ตถา หิ ปริวาเร (ปริ. ๔๗-๕๓) ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ อารภิตฺวา เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อเจฺจกจีวรํ จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพํ, อิตรํ อติกฺกาเมตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ ปญฺญตฺตนฺติ เจ? น, อเจฺจกจีวรเสฺสว อปราธทสฺสนโต, วิเสสการณาภาวา , ‘‘กามเญฺจส ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพนฺติ อิมินาว สิโทฺธ’’ติอาทิวจนวิโรธโต จ ยถาวุตฺตวจนาสมฺภวโต จฯ
Kathaṃ? Yasmā pavāraṇādivase aruṇuggamane bhikkhu vassaṃvuttho hoti, tasmā iminā dasamena ahena saddhiṃ chaṭṭhito paṭṭhāya navadivasā dasa ahānīti dasāhaṃ, tena dasāhena, sahayogatthe karaṇavacanaṃ. Kattikatemāsikapuṇṇamā cīvarasamayaṃ asampattāti katvā ‘‘anāgatā’’ti vuccati. Yathā aparakattikapuṇṇamāya vassikasāṭikaṃ paccuddharitvā vikappento ‘‘cātumāsaṃ adhiṭṭhātuṃ tato paraṃ vikappetu’’nti vuccati , evaṃsampadamidanti. Ettha vuccatīti ce? Na, imassa nippayojanabhāvappasaṅgato. Accekacīvarapaṭiggahaṇakālaṃ niyamitanti ce? Na, ‘‘chaṭṭhito paṭṭhāya uppannacīvaraṃ accekameva na hoti. Paṭhamakathinena siddhattā’’ti porāṇaṭṭhakathāgaṇṭhipadesu vuttattā tato upari ‘‘accekacīvara’’nti vuccati, paṭiggaṇhantassa āpattisaṅgaho ca. Na ca sā āpatti pāḷiyā, aṭṭhakathāya, yuttito vā sambhavati. Aṭṭhuppattimattavasena vuttanti ce? Na, dasāhādhiccakārikā aṭṭhuppattipāyaṃ na dissati. ‘‘Bhikkhū accekacīvaraṃ paṭiggahetvā cīvarakālasamayaṃ atikkāmentī’’ti ettha ettikā eva hi aṭṭhuppatti. Tathā hi parivāre (pari. 47-53) ‘‘kismiṃ vatthusmi’’nti ārabhitvā ettakameva vuttanti veditabbaṃ. Accekacīvaraṃ cīvarakālaṃ nātikkāmetabbaṃ, itaraṃ atikkāmetabbanti dassanatthaṃ idaṃ paññattanti ce? Na, accekacīvarasseva aparādhadassanato, visesakāraṇābhāvā , ‘‘kāmañcesa dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabbanti imināva siddho’’tiādivacanavirodhato ca yathāvuttavacanāsambhavato ca.
กถํ? ทสาเหน สห กตฺติกปุณฺณมา ‘‘อนาคตา’’ติ หิ วุเตฺต ทสาหโต อญฺญา สา ปุณฺณมาติ อาปชฺชติฯ อนญฺญา เจ, สห-สโทฺท น สมฺภวติ, น หิ อตฺตนาว อตฺตโน โยโค สมฺภวติ, อนาคต-สโทฺท จ น สมฺภวติฯ อาคตา สมฺปตฺตา เอว หิ สา ปุณฺณมาฯ จีวรสมยสฺส อนนฺตรตฺตา เอกีภาวํ อนาคตตฺตา อนาคตาเยวาติ เจ? น, ตถาปิ อนาคต-สทฺทสฺส สมฺภวโต, อาคมนสมฺภเว สติเยว หิ อนาคต-สโทฺท สมฺภวติ, น หิ นิพฺพานํ, ปญฺญตฺติ วา ‘‘อนาคตา’’ติ วุจฺจติฯ นิพฺพานํ วิย ขณตฺตยํ, สา จ ปุณฺณมา น กทาจิ สมยภาวํ ปาปุณาตีติ อยุตฺตเมวฯ ‘‘ตโต ปรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ ปน วจนํ ปิฎฺฐิสมยํ คเหตฺวา ฐิตตฺตา สมฺภวติฯ อปิจ ปวารณายํ อรุเณ จ อุฎฺฐิเต สา ปุณฺณมา จีวรสมยํ เอกาหานาคตา เอวาปชฺชติ ปุเพฺพ สหโยคปตฺตตฺตาฯ เอวํ สเนฺต เอกีภาวคตาปิ สา จีวรสมยํ อนาคตา เอว ชาตาติ สพฺพทา น ตถาวิคฺคหกรณวจนตฺถํ โกจิเทว วจนโต ทีเปตีติ เวทิตพฺพํฯ
Kathaṃ? Dasāhena saha kattikapuṇṇamā ‘‘anāgatā’’ti hi vutte dasāhato aññā sā puṇṇamāti āpajjati. Anaññā ce, saha-saddo na sambhavati, na hi attanāva attano yogo sambhavati, anāgata-saddo ca na sambhavati. Āgatā sampattā eva hi sā puṇṇamā. Cīvarasamayassa anantarattā ekībhāvaṃ anāgatattā anāgatāyevāti ce? Na, tathāpi anāgata-saddassa sambhavato, āgamanasambhave satiyeva hi anāgata-saddo sambhavati, na hi nibbānaṃ, paññatti vā ‘‘anāgatā’’ti vuccati. Nibbānaṃ viya khaṇattayaṃ, sā ca puṇṇamā na kadāci samayabhāvaṃ pāpuṇātīti ayuttameva. ‘‘Tato paraṃ vikappetu’’nti pana vacanaṃ piṭṭhisamayaṃ gahetvā ṭhitattā sambhavati. Apica pavāraṇāyaṃ aruṇe ca uṭṭhite sā puṇṇamā cīvarasamayaṃ ekāhānāgatā evāpajjati pubbe sahayogapattattā. Evaṃ sante ekībhāvagatāpi sā cīvarasamayaṃ anāgatā eva jātāti sabbadā na tathāviggahakaraṇavacanatthaṃ kocideva vacanato dīpetīti veditabbaṃ.
กิมตฺถํ ปเนตฺถ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ? ตํ ปาริปูริสมฺภวโตฯ ปญฺจมิยญฺหิ ปุเร อรุณํ อุปฺปนฺนอเจฺจกจีวรสฺส ทสทิวสาธิโก มาโสเยว ปริปูโรติ กตฺวา ตถา วุตฺตํฯ อปิจ ตสฺสา ปญฺจมิยา ทิวสภาโคปิ สมฺปตฺตาย รตฺติยา ‘‘หิโยฺย’’ติ วุจฺจติ, ปเคว ปุเร อรุณํ, เตเนวาห ‘‘หิโยฺย โข, อาวุโส, อมฺหาก’’นฺติอาทิฯ ‘‘เอวํ สเนฺต ‘ฉฎฺฐิโต ปฎฺฐายา’ติ วุตฺตปฐมปาฐสฺส วเสน ‘อนเจฺจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ฐปิตํ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’’’ติ จ ‘‘ทสทิวสาธิโก มาโส’’ติอาทิ จ ยํ ลิขิตํฯ ตํ น, ‘‘ปญฺจมิโต ปฎฺฐายา’’ติ ปาเฐ สชฺชิเตว เอเตน ปริยาเยน ยถาวุตฺตอตฺถสมฺภวโต, น ตานิ ฐานานิ ปุน สชฺชิตานิฯ ยถาฐิตวเสเนว อชฺฌุเปกฺขิตพฺพานีติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ อิทํ สิกฺขาปทํ ปุณฺณมายํ อนิสฺสคฺคิยตฺถเมวาติ อุปติสฺสเตฺถโรฯ ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขปญฺจมิโต ปฎฺฐายา’’ติ ปาเฐ สชฺชิเต เอเตน ปริยาเยน ยถาวุโตฺต อุปฺปนฺนสฺส จีวรสฺส นิธานกาโล ทสฺสิโต โหติ, ‘‘อเจฺจกจีวรนฺติ อจฺจายิกจีวรํ วุจฺจตี’’ติอาทิ ปาโฐฯ ‘‘ฉฎฺฐิโต ปฎฺฐายา’’ติ จ ‘‘กามเญฺจส ทสาหปรม’’นฺติอาทิ จ ยํ ลิขิตํ, ตํ น ปาโฐ, ตสฺมา เอกาทสทิวสํ ปริหารํ ลภตีติ กตฺวา อาจริเยน ‘‘ปญฺจมิโต ปฎฺฐายา’’ติ ลิขาปิโต กิรฯ ‘‘ปวารณามาสสฺส ชุณฺหปกฺขฉฎฺฐิโต ปฎฺฐาย ปน อุปฺปนฺนํ อนเจฺจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ฐปิตํ ติจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวาติ ปาโฐ’’ติ จ ‘‘อเจฺจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปญฺจมาสาติ ปาโฐ’’ติ จ เอตฺถ ปปเญฺจนฺติ, ตสฺมา สุฎฺฐุ สลฺลเกฺขตฺวา กเถตพฺพํ, ตุณฺหีภูเตน วา ภวิตพฺพํฯ
Kimatthaṃ panettha ‘‘dasadivasādhiko māso’’tiādi vuttanti? Taṃ pāripūrisambhavato. Pañcamiyañhi pure aruṇaṃ uppannaaccekacīvarassa dasadivasādhiko māsoyeva paripūroti katvā tathā vuttaṃ. Apica tassā pañcamiyā divasabhāgopi sampattāya rattiyā ‘‘hiyyo’’ti vuccati, pageva pure aruṇaṃ, tenevāha ‘‘hiyyo kho, āvuso, amhāka’’ntiādi. ‘‘Evaṃ sante ‘chaṭṭhito paṭṭhāyā’ti vuttapaṭhamapāṭhassa vasena ‘anaccekacīvarampi paccuddharitvā ṭhapitaṃ ticīvarampi etaṃ parihāraṃ labhatiyevā’’’ti ca ‘‘dasadivasādhiko māso’’tiādi ca yaṃ likhitaṃ. Taṃ na, ‘‘pañcamito paṭṭhāyā’’ti pāṭhe sajjiteva etena pariyāyena yathāvuttaatthasambhavato, na tāni ṭhānāni puna sajjitāni. Yathāṭhitavaseneva ajjhupekkhitabbānīti no takkoti ācariyo. Idaṃ sikkhāpadaṃ puṇṇamāyaṃ anissaggiyatthamevāti upatissatthero. ‘‘Pavāraṇāmāsassa juṇhapakkhapañcamito paṭṭhāyā’’ti pāṭhe sajjite etena pariyāyena yathāvutto uppannassa cīvarassa nidhānakālo dassito hoti, ‘‘accekacīvaranti accāyikacīvaraṃ vuccatī’’tiādi pāṭho. ‘‘Chaṭṭhito paṭṭhāyā’’ti ca ‘‘kāmañcesa dasāhaparama’’ntiādi ca yaṃ likhitaṃ, taṃ na pāṭho, tasmā ekādasadivasaṃ parihāraṃ labhatīti katvā ācariyena ‘‘pañcamito paṭṭhāyā’’ti likhāpito kira. ‘‘Pavāraṇāmāsassa juṇhapakkhachaṭṭhito paṭṭhāya pana uppannaṃ anaccekacīvarampi paccuddharitvā ṭhapitaṃ ticīvarampi etaṃ parihāraṃ labhatiyevāti pāṭho’’ti ca ‘‘accekacīvarassa anatthate kathine ekādasadivasādhiko māso, atthate kathine ekādasadivasādhikā pañcamāsāti pāṭho’’ti ca ettha papañcenti, tasmā suṭṭhu sallakkhetvā kathetabbaṃ, tuṇhībhūtena vā bhavitabbaṃ.
อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทํ • 8. Accekacīvarasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Accekacīvarasikkhāpadavaṇṇanā