Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๖. อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา

    6. Accharāsaṅghātavaggavaṇṇanā

    ๕๑. ฉฎฺฐสฺส ปฐเม อสฺสุตวาติ เอตฺถ ‘‘สาธุ ปญฺญาณวา นโร’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) อตฺถิตามตฺตสฺส โพธโก วา-สโทฺทฯ ‘‘สีลวา โหติ กลฺยาณธโมฺม’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๑) ปสํสาวิสิฎฺฐาย อตฺถิตายฯ ‘‘ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๗; ม. นิ. ๒.๒๕) อติสยตฺถวิสิฎฺฐาย อตฺถิตาย, ตสฺมา ยสฺส ปสตฺถํ อติสเยน วา สุตํ อตฺถิ, โส สุตวา, สํกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปริยตฺติธมฺมสฺสวนํ, ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฎิปตฺติ จ ‘‘สุตวา’’ติ อิมินา ปเทน ปกาสิตาฯ โสตพฺพยุตฺตํ สุตฺวา กตฺตพฺพนิปฺผตฺติวเสน สุณีติ วา สุตวา, ตปฺปฎิเกฺขเปน น สุตวาติ อสฺสุตวา

    51. Chaṭṭhassa paṭhame assutavāti ettha ‘‘sādhu paññāṇavā naro’’tiādīsu (jā. 2.18.101) atthitāmattassa bodhako vā-saddo. ‘‘Sīlavā hoti kalyāṇadhammo’’tiādīsu (ma. ni. 3.381) pasaṃsāvisiṭṭhāya atthitāya. ‘‘Paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato’’tiādīsu (dī. ni. 3.317; ma. ni. 2.25) atisayatthavisiṭṭhāya atthitāya, tasmā yassa pasatthaṃ atisayena vā sutaṃ atthi, so sutavā, saṃkilesaviddhaṃsanasamatthaṃ pariyattidhammassavanaṃ, taṃ sutvā tathattāya paṭipatti ca ‘‘sutavā’’ti iminā padena pakāsitā. Sotabbayuttaṃ sutvā kattabbanipphattivasena suṇīti vā sutavā, tappaṭikkhepena na sutavāti assutavā.

    อยญฺหิ อกาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ๒ ทุกมาติกา), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๗) ตํสมาโยคนิวตฺติยํ ทิโฎฺฐฯ ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๗ ทุกมาติกา) ตํสมฺพนฺธิภาวนิวตฺติยํฯ ปจฺจยุปฺปนฺนญฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชติตาฯ ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๙ ทุกมาติกา) ตํสภาวนิวตฺติยํฯ นิทสฺสนญฺหิ เอตฺถ ทฎฺฐพฺพตาฯ อถ วา ปสฺสตีติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิญฺญาณํฯ ตคฺคเหตพฺพตานิวตฺติยํ, ตถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๕ ทุกมาติกา)ฯ ‘‘อปฺปฎิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ๑๐ ทุกมาติกา) อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๕ ทุกมาติกา) ตํกิจฺจนิวตฺติยํฯ ‘‘อรูปิโน ธมฺมา อเจตสิกาธมฺมา’’ติ ตํสภาวนิวตฺติยํฯ ตทญฺญตา หิ อิธ ปกาสิตาฯ ‘‘อมนุโสฺส’’ติ ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํฯ มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อญฺญํ ตํสทิสนฺติฯ สทิสตา หิ เอตฺถ สูจิตาฯ ‘‘อสฺสมโณ สมณปฎิโญฺญ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญ’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓) จ ตํสมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํฯ ครหา หิ อิธ ญายติฯ ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อนุทรา กญฺญา’’ติ จ ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํฯ ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๗ ติกมาติกา) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํฯ อตีตานญฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อุปฺปาทิธมฺมานญฺจ ปจฺจเยกเทสสิทฺธิยา อารทฺธุปฺปาทภาวโต กาลวินิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิธุรตา เหตฺถ วิญฺญายติฯ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑ ติกมาติกา) ตทปริโยสานนิวตฺติยํฯ ตนฺนิฎฺฐานเญฺหตฺถ ปกาสิตนฺติ เอวํ อเนเกสํ อตฺถานํ โชตโกฯ อิธ ปน ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ๑๑ ทุกมาติกา), อเจตสิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๗ ทุกมาติกา) วิย ตํสภาวนิวตฺติยํ ทฎฺฐโพฺพ, อญฺญเตฺถติ อโตฺถฯ เอเตนสฺส สุตาทิญาณวิรหํ ทเสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อาคมาธิคมาภาวา เญโยฺย อสฺสุตวา อิตี’’ติฯ

    Ayañhi akāro ‘‘ahetukā dhammā (dha. sa. 2 dukamātikā), abhikkhuko āvāso’’tiādīsu (pāci. 1047) taṃsamāyoganivattiyaṃ diṭṭho. ‘‘Appaccayā dhammā’’ti (dha. sa. 7 dukamātikā) taṃsambandhibhāvanivattiyaṃ. Paccayuppannañhi paccayasambandhīti apaccayuppannattā ataṃsambandhitā ettha jotitā. ‘‘Anidassanā dhammā’’ti (dha. sa. 9 dukamātikā) taṃsabhāvanivattiyaṃ. Nidassanañhi ettha daṭṭhabbatā. Atha vā passatīti nidassanaṃ, cakkhuviññāṇaṃ. Taggahetabbatānivattiyaṃ, tathā ‘‘anāsavā dhammā’’ti (dha. sa. 15 dukamātikā). ‘‘Appaṭighā dhammā (dha. sa. 10 dukamātikā) anārammaṇā dhammā’’ti (dha. sa. 55 dukamātikā) taṃkiccanivattiyaṃ. ‘‘Arūpino dhammā acetasikādhammā’’ti taṃsabhāvanivattiyaṃ. Tadaññatā hi idha pakāsitā. ‘‘Amanusso’’ti tabbhāvamattanivattiyaṃ. Manussattamattaṃ natthi, aññaṃ taṃsadisanti. Sadisatā hi ettha sūcitā. ‘‘Assamaṇo samaṇapaṭiñño abrahmacārī brahmacāripaṭiñño’’ti (a. ni. 3.13) ca taṃsambhāvanīyaguṇanivattiyaṃ. Garahā hi idha ñāyati. ‘‘Kacci bhoto anāmayaṃ (jā. 1.15.146; 2.20.129) anudarā kaññā’’ti ca tadanappabhāvanivattiyaṃ. ‘‘Anuppannā dhammā’’ti (dha. sa. 17 tikamātikā) taṃsadisabhāvanivattiyaṃ. Atītānañhi uppannapubbattā uppādidhammānañca paccayekadesasiddhiyā āraddhuppādabhāvato kālavinimuttassa ca vijjamānattā uppannānukūlatā, pageva paccuppannānanti tabbidhuratā hettha viññāyati. ‘‘Asekkhā dhammā’’ti (dha. sa. 11 tikamātikā) tadapariyosānanivattiyaṃ. Tanniṭṭhānañhettha pakāsitanti evaṃ anekesaṃ atthānaṃ jotako. Idha pana ‘‘arūpino dhammā (dha. sa. 11 dukamātikā), acetasikā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. 57 dukamātikā) viya taṃsabhāvanivattiyaṃ daṭṭhabbo, aññattheti attho. Etenassa sutādiñāṇavirahaṃ dasseti. Tena vuttaṃ – ‘‘āgamādhigamābhāvā ñeyyo assutavā itī’’ti.

    อิทานิ ตสฺสตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา ขนฺธธาตาทิโกสเลฺลนปิ อุปกฺกิเลสอุปกฺกิลิฎฺฐานํ ชานนเหตุภูตํ พาหุสจฺจํ โหติฯ ยถาห – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, พหุสฺสุโต โหติ? ยโต โข, ภิกฺขุ, ขนฺธกุสโล โหติฯ ธาตุ…เป.… อายตน…เป.… ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล โหติฯ เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขุ, พหุสฺสุโต โหตี’’ติฯ ตสฺมา ‘‘ยสฺส จ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฎฺฐานาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ อตฺถปริปุจฺฉนํ ปุริปุจฺฉาฯ กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโยฯ อาจริเย ปน ปยิรุปาสิตฺวา อตฺถธมฺมานํ อาคมนํ สุตมยญาณวเสน อวพุชฺฌนํ อาคโมฯ มคฺคผลนิพฺพานานํ สจฺฉิกิริยา อธิคโม

    Idāni tassatthaṃ vivaranto ‘‘yo hī’’tiādimāha. Tattha yasmā khandhadhātādikosallenapi upakkilesaupakkiliṭṭhānaṃ jānanahetubhūtaṃ bāhusaccaṃ hoti. Yathāha – ‘‘kittāvatā nu kho, bhante, bahussuto hoti? Yato kho, bhikkhu, khandhakusalo hoti. Dhātu…pe… āyatana…pe… paṭiccasamuppādakusalo hoti. Ettāvatā kho, bhikkhu, bahussuto hotī’’ti. Tasmā ‘‘yassa ca khandhadhātuāyatanapaccayākārasatipaṭṭhānādīsū’’tiādi vuttaṃ. Tattha vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Atthaparipucchanaṃ puripucchā. Kusalehi saha codanāpariharaṇavasena vinicchayakaraṇaṃ vinicchayo. Ācariye pana payirupāsitvā atthadhammānaṃ āgamanaṃ sutamayañāṇavasena avabujjhanaṃ āgamo. Maggaphalanibbānānaṃ sacchikiriyā adhigamo.

    พหูนํ นานปฺปการานํ สกฺกายทิฎฺฐาทีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนาฯ อวิฆาตเมว วา ชน-สโทฺท วทติฯ ปุถุ สตฺถารานํ มุขุโลฺลกิกาติ เอตฺถ ปุถู ชนา สตฺถุปฎิญฺญา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาฯ สพฺพคตีหิ อวุฎฺฐิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถ สตฺตาติ ชนา, คติโย, ตา ปุถู เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาฯ อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย, เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนาฯ อภิสงฺขาราทิอโตฺถ เอว วา ชน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ โอฆา กาโมฆาทโยฯ ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปาฯ เต เอว สเพฺพปิ วา กิเลสา ปริฬาหาฯ ปุถุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตาติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ราโค เคโธติ เอวมาทิโก, ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาฯ ปุถูสุ ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอโตฺถ เอว วา ชน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ

    Bahūnaṃ nānappakārānaṃ sakkāyadiṭṭhādīnaṃ avihatattā tā janenti, tāhi vā janitāti puthujjanā. Avighātameva vā jana-saddo vadati. Puthu satthārānaṃ mukhullokikāti ettha puthū janā satthupaṭiññā etesanti puthujjanā. Sabbagatīhi avuṭṭhitāti ettha janetabbā, jāyanti vā ettha sattāti janā, gatiyo, tā puthū etesanti puthujjanā. Ito pare jāyanti etehīti janā, abhisaṅkhārādayo, te etesaṃ puthū vijjantīti puthujjanā. Abhisaṅkhārādiattho eva vā jana-saddo daṭṭhabbo. Oghā kāmoghādayo. Rāgaggiādayo santāpā. Te eva sabbepi vā kilesā pariḷāhā. Puthu pañcasu kāmaguṇesu rattāti ettha jāyatīti jano, rāgo gedhoti evamādiko, puthu jano etesanti puthujjanā. Puthūsu janā jātā rattāti evaṃ rāgādiattho eva vā jana-saddo daṭṭhabbo.

    รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกเรน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตาฯ คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนาฯ คธิตาติ คนฺถิตา วิย ทุโมฺมจนียภาเวน ตตฺถ ปฎิพทฺธาฯ มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสญฺญิภูตา วิย อนญฺญกิจฺจา โมหมาปนฺนาฯ อโชฺฌปนฺนาติ อนญฺญสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา ฐิตาฯ ลคฺคาติ วงฺกกณฺฎเก วิย อาสตฺตา, มหาปลิเป ยาว นาสิกคฺคา ปลิปนฺนปุริโส วิย อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน นิมุคฺคา ฯ ลคฺคิตาติ มกฺกฎาเลเป อาลคฺคภาเวน สมฺมสิโต วิย มกฺกโฎ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน อาลคฺคิตาฯ ปลิพุทฺธาติ สมฺพทฺธา, อุปทฺทุตา วาฯ อาวุตาติ อาวริตาฯ นิวุตาติ นิวาริตาฯ โอวุตาติ ปลิคุณฺฐิตา, ปริโยนทฺธา วาฯ ปิหิตาติ ปิทหิตาฯ ปฎิจฺฉนฺนาติ ฉาทิตาฯ ปฎิกุชฺชิตาติ เหฎฺฐามุขชาตาฯ

    Rattāti vatthaṃ viya raṅgajātena cittassa vipariṇāmakarena chandarāgena rattā sārattā. Giddhāti abhikaṅkhanasabhāvena abhigijjhanena giddhā gedhaṃ āpannā. Gadhitāti ganthitā viya dummocanīyabhāvena tattha paṭibaddhā. Mucchitāti kilesavasena visaññibhūtā viya anaññakiccā mohamāpannā. Ajjhopannāti anaññasādhāraṇe viya katvā gilitvā pariniṭṭhāpetvā ṭhitā. Laggāti vaṅkakaṇṭake viya āsattā, mahāpalipe yāva nāsikaggā palipannapuriso viya uddharituṃ asakkuṇeyyabhāvena nimuggā . Laggitāti makkaṭālepe ālaggabhāvena sammasito viya makkaṭo pañcannaṃ indriyānaṃ vasena ālaggitā. Palibuddhāti sambaddhā, upaddutā vā. Āvutāti āvaritā. Nivutāti nivāritā. Ovutāti paliguṇṭhitā, pariyonaddhā vā. Pihitāti pidahitā. Paṭicchannāti chāditā. Paṭikujjitāti heṭṭhāmukhajātā.

    ‘‘อสฺสุตวา’’ติ เอเตน อวิชฺชนฺธตา วุตฺตาติ อาห – ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุโตฺต’’ติฯ จิตฺตฎฺฐิติ จิตฺตปริคฺคโห นตฺถีติ ยาย ปฎิปตฺติยา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ตโต วิปฺปมุตฺติญฺจ ยถาสภาวโต ชาเนยฺย, สา จิตฺตภาวนา จิตฺตฎฺฐิติฯ เอการมฺมเณ สุฎฺฐุ สมาธานวเสน อวฎฺฐิติํ ปาทกํ กตฺวา ปวตฺติตา สมฺปยุตฺตธเมฺมหิ นิสฺสยารมฺมเณหิ จ สทฺธิํ จิตฺตสฺส ปริคฺคหสญฺญิตา วิปสฺสนาภาวนาปิ นตฺถิ, ยาย วุตฺตมตฺถํ ยถาสภาวโต ชาเนยฺยฯ

    ‘‘Assutavā’’ti etena avijjandhatā vuttāti āha – ‘‘andhaputhujjano vutto’’ti. Cittaṭṭhiti cittapariggaho natthīti yāya paṭipattiyā cittassa upakkilesaṃ tato vippamuttiñca yathāsabhāvato jāneyya, sā cittabhāvanā cittaṭṭhiti. Ekārammaṇe suṭṭhu samādhānavasena avaṭṭhitiṃ pādakaṃ katvā pavattitā sampayuttadhammehi nissayārammaṇehi ca saddhiṃ cittassa pariggahasaññitā vipassanābhāvanāpi natthi, yāya vuttamatthaṃ yathāsabhāvato jāneyya.

    ๕๒. ทุติเย สุตวาติ ปทสฺส อโตฺถ อนนฺตรสุเตฺต วุโตฺตเยวฯ อริยสาวโกติ เอตฺถ จตุกฺกํ สมฺภวตีติ ตํ ทเสฺสตุํ – ‘‘อตฺถิ อริโย’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ปเจฺจกํ สจฺจานิ พุทฺธวโนฺตติ ปเจฺจกพุทฺธาฯ นนุ สเพฺพปิ อริยา ปเจฺจกเมว สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺติ ธมฺมสฺส ปจฺจตฺตเวทนียภาวโต? นยิทมีทิสํ ปฎิเวธํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยถา ปน สาวกา อเญฺญสํ นิสฺสเยน สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺติ ปรโตโฆเสน วินา เตสํ ทสฺสนมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโตฯ ยถา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา อเญฺญสํ นิสฺสยภาเวน สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน อปรเนยฺยา หุตฺวา อปรนายกภาเวน สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปเจฺจกํ สจฺจานิ พุทฺธวโนฺตติ ปเจฺจกพุทฺธา’’ติฯ

    52. Dutiye sutavāti padassa attho anantarasutte vuttoyeva. Ariyasāvakoti ettha catukkaṃ sambhavatīti taṃ dassetuṃ – ‘‘atthi ariyo’’tiādi āraddhaṃ. Paccekaṃ saccāni buddhavantoti paccekabuddhā. Nanu sabbepi ariyā paccekameva saccāni paṭivijjhanti dhammassa paccattavedanīyabhāvato? Nayidamīdisaṃ paṭivedhaṃ sandhāya vuttaṃ. Yathā pana sāvakā aññesaṃ nissayena saccāni paṭivijjhanti paratoghosena vinā tesaṃ dassanamaggassa anuppajjanato. Yathā ca sammāsambuddhā aññesaṃ nissayabhāvena saccāni abhisambujjhanti, na evamete, ete pana aparaneyyā hutvā aparanāyakabhāvena saccāni paṭivijjhanti. Tena vuttaṃ – ‘‘paccekaṃ saccāni buddhavantoti paccekabuddhā’’ti.

    อตฺถิ สาวโก น อริโยติ เอตฺถ โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย รตนตฺตเย อภิปฺปสโนฺน สโทฺธปิ คหิโต เอวฯ คิหี อนาคตผโลติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถาวุตฺตปุคฺคโล หิ สรณคมนโต ปฎฺฐาย โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺนอิเจฺจว วตฺตพฺพตํ ลภติฯ สฺวายมโตฺถ ทกฺขิณาวิสุทฺธิสุเตฺตน (ม. นิ. ๓.๓๗๖ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ สุตวาติ เอตฺถ วุตฺตอโตฺถ นาม อตฺตหิตปรหิตปฺปฎิปตฺติ, ตสฺส วเสน สุตสมฺปโนฺนฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โส จ โหติ สุเตน อุปปโนฺน, อปฺปมฺปิ เจ สหิตํ ภาสมาโน’’ติ จ อาทิฯ อริยสาวโกติ เวทิตโพฺพติ อริยสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนกิเจฺจ ยุตฺตปฺปยุตฺตภาวโต วุตฺตํฯ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺติ อนุปกฺกิลิฎฺฐตา, ตสฺสา ยถาสภาวชานนํ ทฬฺหตราย เอว จิตฺตภาวนาย สติ โหติ, น อญฺญถาติ ‘‘พลววิปสฺสนา กถิตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Atthi sāvako na ariyoti ettha pothujjanikāya saddhāya ratanattaye abhippasanno saddhopi gahito eva. Gihī anāgataphaloti idaṃ pana nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Yathāvuttapuggalo hi saraṇagamanato paṭṭhāya sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannoicceva vattabbataṃ labhati. Svāyamattho dakkhiṇāvisuddhisuttena (ma. ni. 3.376 ādayo) dīpetabbo. Sutavāti ettha vuttaattho nāma attahitaparahitappaṭipatti, tassa vasena sutasampanno. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘so ca hoti sutena upapanno, appampi ce sahitaṃ bhāsamāno’’ti ca ādi. Ariyasāvakoti veditabboti ariyassa bhagavato dhammassavanakicce yuttappayuttabhāvato vuttaṃ. Upakkilesehi vippamutti anupakkiliṭṭhatā, tassā yathāsabhāvajānanaṃ daḷhatarāya eva cittabhāvanāya sati hoti, na aññathāti ‘‘balavavipassanā kathitā’’ti vuttaṃ.

    ๕๓. ตติเย อคฺคิกฺขโนฺธปมสุตฺตนฺตอฎฺฐุปฺปตฺติยนฺติ อคฺคิกฺขโนฺธปมสุเตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) เทสนาอฎฺฐุปฺปตฺติยํ ฯ ตํเทสนาเหตุกญฺหิ เอกจฺจานํ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาปฎิปตฺติํ นิมิตฺตํ กตฺวา ภควา อิมํ สุตฺตํ เทเสสิฯ อวิชหิตเมว โหติ สพฺพกาลํ สุปฺปติฎฺฐิตสติสมฺปชญฺญตฺตาฯ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกาโย พาหิรพฺภนฺตเรหิ มเลหิ อนุปกฺกิลิโฎฺฐ สุโธตชาติมณิสทิโส, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อุปฎฺฐากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถญฺจา’’ติฯ วีตินาเมตฺวาติ ผลสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวาฯ กาลปริเจฺฉทวเสน วิวิตฺตาสเน วีตินามนํ วิเวกนินฺนตาย เจว ปเรสํ ทิฎฺฐานุคติอาปชฺชนตฺถญฺจฯ นิวาเสตฺวาติ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาเสตฺวาฯ กทาจิ เอกกสฺส, กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส, กทาจิ ปกติยา, กทาจิ ปาฎิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ จ คามปฺปเวโส ตถา ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลวเสนฯ อุปสํหริตฺวาติ หิมวนฺตาทีสุ ปุปฺผิตรุกฺขาทิโต อาเนตฺวาฯ โอณตุณฺณตาย ภูมิยา สตฺถุ ปทนิเกฺขปสมเย สมภาวาปตฺติ, สุขสมฺผสฺสวิกสิตปทุมสมฺปฎิจฺฉนญฺจ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย นิสฺสนฺทผลํ, น อิทฺธินิมฺมานํฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ สกฺขรากฐลกณฺฎกสงฺกุกลลาทิอปคโม สุจิภาวาปตฺตีติ เอวมาทีนมฺปิ ตทา ลพฺภนโตฯ

    53. Tatiye aggikkhandhopamasuttantaaṭṭhuppattiyanti aggikkhandhopamasutte (a. ni. 7.72) desanāaṭṭhuppattiyaṃ . Taṃdesanāhetukañhi ekaccānaṃ bhikkhūnaṃ micchāpaṭipattiṃ nimittaṃ katvā bhagavā imaṃ suttaṃ desesi. Avijahitameva hoti sabbakālaṃ suppatiṭṭhitasatisampajaññattā. Yasmā buddhānaṃ rūpakāyo bāhirabbhantarehi malehi anupakkiliṭṭho sudhotajātimaṇisadiso, tasmā vuttaṃ – ‘‘upaṭṭhākānuggahatthaṃ sarīraphāsukatthañcā’’ti. Vītināmetvāti phalasamāpattīhi vītināmetvā. Kālaparicchedavasena vivittāsane vītināmanaṃ vivekaninnatāya ceva paresaṃ diṭṭhānugatiāpajjanatthañca. Nivāsetvāti vihāranivāsanaparivattanavasena nivāsetvā. Kadāci ekakassa, kadāci bhikkhusaṅghaparivutassa, kadāci pakatiyā, kadāci pāṭihāriyehi vattamānehi ca gāmappaveso tathā tathā vinetabbapuggalavasena. Upasaṃharitvāti himavantādīsu pupphitarukkhādito ānetvā. Oṇatuṇṇatāya bhūmiyā satthu padanikkhepasamaye samabhāvāpatti, sukhasamphassavikasitapadumasampaṭicchanañca suppatiṭṭhitapādatāya nissandaphalaṃ, na iddhinimmānaṃ. Nidassanamattañcetaṃ sakkharākaṭhalakaṇṭakasaṅkukalalādiapagamo sucibhāvāpattīti evamādīnampi tadā labbhanato.

    อินฺทขีลสฺส อโนฺต ฐปิตมเตฺตติ อิทํ ยาวเทว เวเนยฺยชนวินยตฺถาย สตฺถุ ปาฎิหาริยํ ปวตฺตนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ ทกฺขิณปาเทติ อิทํ พุทฺธานํ สพฺพปทกฺขิณตายฯ ‘‘ฉพฺพณฺณรสฺมิโย’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สุวณฺณรสปิญฺชรานิ วิยา’’ติ อิทํ พุทฺธานํ สรีเร ปีตาภาย เยภุยฺยตาย วุตฺตํฯ มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ ทฎฺฐพฺพสารสฺส ทิฎฺฐตายฯ เภริอาทีนํ ปน สทฺทายนํ ธมฺมตาวฯ ปฎิมาเนนฺตีติ ‘‘สุทุลฺลภํ อิทํ อชฺช อเมฺหหิ ลพฺภติ, เย มยํ อีทิเสน ปณีเตน อาหาเรน ภควนฺตํ อุปฎฺฐหามา’’ติ ปตีตมานสา มาเนนฺติ ปูเชนฺติฯ เตสํ สนฺตานานิ โอโลเกตฺวาติ เตสํ ตถา อุปฎฺฐากานํ ปุคฺคลานํ อตีเต เอตรหิ จ ปวตฺตจิตฺตสนฺตานานิ โอโลเกตฺวาฯ อรหเตฺต ปติฎฺฐหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถาติ วิหาเรฯ คนฺธมณฺฑลมาเฬติ จตุชฺชาติยคเนฺธน กตปริภเณฺฑ มณฺฑลมาเฬฯ

    Indakhīlassa anto ṭhapitamatteti idaṃ yāvadeva veneyyajanavinayatthāya satthu pāṭihāriyaṃ pavattanti katvā vuttaṃ. Dakkhiṇapādeti idaṃ buddhānaṃ sabbapadakkhiṇatāya. ‘‘Chabbaṇṇarasmiyo’’ti vatvāpi ‘‘suvaṇṇarasapiñjarāni viyā’’ti idaṃ buddhānaṃ sarīre pītābhāya yebhuyyatāya vuttaṃ. Madhurenākārena saddaṃ karonti daṭṭhabbasārassa diṭṭhatāya. Bheriādīnaṃ pana saddāyanaṃ dhammatāva. Paṭimānentīti ‘‘sudullabhaṃ idaṃ ajja amhehi labbhati, ye mayaṃ īdisena paṇītena āhārena bhagavantaṃ upaṭṭhahāmā’’ti patītamānasā mānenti pūjenti. Tesaṃ santānāni oloketvāti tesaṃ tathā upaṭṭhākānaṃ puggalānaṃ atīte etarahi ca pavattacittasantānāni oloketvā. Arahatte patiṭṭhahantīti sambandho. Tatthāti vihāre. Gandhamaṇḍalamāḷeti catujjātiyagandhena kataparibhaṇḍe maṇḍalamāḷe.

    ทุลฺลภา ขณสมฺปตฺตีติ สติปิ มนุสฺสตฺตปฺปฎิลาเภ ปติรูปเทสวาสอินฺทฺริยาเวกลฺลสทฺธาปฎิลาภาทโย คุณา ทุลฺลภาติ อโตฺถฯ จาตุมหาราชิก…เป.… วสวตฺติภวนํ คจฺฉนฺตีติ อิทํ ตตฺถ สุญฺญวิมานานิ สนฺธาย วุตฺตํฯ ภควา คนฺธกุฎิํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ตโย ภาเค กตฺวา ปฐมภาเค สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปติฯ สเจ อากงฺขติ, พุทฺธาจิณฺณผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติฯ อถ ยถากาลปริเจฺฉทํ ตโต วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยภาเค ปจฺฉิมยาเม ตติยโกฎฺฐาเส วิย โลกํ โวโลเกติ เวเนยฺยานํ ญาณปริปากํ ปสฺสิตุํฯ เตนาห – ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติอาทิฯ

    Dullabhā khaṇasampattīti satipi manussattappaṭilābhe patirūpadesavāsaindriyāvekallasaddhāpaṭilābhādayo guṇā dullabhāti attho. Cātumahārājika…pe… vasavattibhavanaṃ gacchantīti idaṃ tattha suññavimānāni sandhāya vuttaṃ. Bhagavā gandhakuṭiṃ pavisitvā pacchābhattaṃ tayo bhāge katvā paṭhamabhāge sace ākaṅkhati, dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappeti. Sace ākaṅkhati, buddhāciṇṇaphalasamāpattiṃ samāpajjati. Atha yathākālaparicchedaṃ tato vuṭṭhahitvā dutiyabhāge pacchimayāme tatiyakoṭṭhāse viya lokaṃ voloketi veneyyānaṃ ñāṇaparipākaṃ passituṃ. Tenāha – ‘‘sace ākaṅkhatī’’tiādi.

    กาลยุตฺตนฺติ ปตฺตกลฺลํ, ‘‘อิมิสฺสา เวลาย อิมสฺส เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ ตํกาลานุรูปํฯ สมยยุตฺตนฺติ ตเสฺสว เววจนํ, อฎฺฐุปฺปตฺติอนุรูปํ วาฯ สมยยุตฺตนฺติ วา อริยสมยสํยุตฺตํฯ เทสกาลานุรูปเมว หิ พุทฺธา ภควโนฺต ธมฺมํ เทเสนฺติ, เทเสนฺตา จ อริยสมฺมตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทนยํ ทีเปนฺตาว เทเสนฺติฯ อถ วา สมยยุตฺตนฺติ เหตูทาหรณสหิตํฯ กาเลน สาปเทสญฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสติ, กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุโยฺยเชติ, น ยาว สมนฺธการา ธมฺมํ เทเสติฯ

    Kālayuttanti pattakallaṃ, ‘‘imissā velāya imassa evaṃ vattabba’’nti taṃkālānurūpaṃ. Samayayuttanti tasseva vevacanaṃ, aṭṭhuppattianurūpaṃ vā. Samayayuttanti vā ariyasamayasaṃyuttaṃ. Desakālānurūpameva hi buddhā bhagavanto dhammaṃ desenti, desentā ca ariyasammataṃ paṭiccasamuppādanayaṃ dīpentāva desenti. Atha vā samayayuttanti hetūdāharaṇasahitaṃ. Kālena sāpadesañhi bhagavā dhammaṃ deseti, kālaṃ viditvā parisaṃ uyyojeti, na yāva samandhakārā dhammaṃ deseti.

    อุตุํ คณฺหาเปติ, น ปน มลํ ปกฺขาเลตีติ อธิปฺปาโยฯ น หิ ภควโต กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปตีติฯ ตโต ตโตติ อตฺตโน อตฺตโน ทิวาฎฺฐานาทิโตฯ โอกาสํ ลภมานาติ ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยาเมสุ โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ มชฺฌิมยาเม โอกาสํ ลภมานา, ภควตา วา กโตกาสตาย โอกาสํ ลภมานาฯ ปจฺฉาภตฺตสฺส ตีสุ ภาเคสุ ปฐมภาเค สีหเสยฺยกปฺปนํ เอกนฺติกํ น โหตีติ อาห – ‘‘ปุเรภตฺตโต ปฎฺฐาย นิสชฺชาปีฬิตสฺส สรีรสฺสา’’ติฯ เตเนว หิ ตตฺถ ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติ ตทา สีหเสยฺยกปฺปนสฺส อนิพทฺธตา วิภาวิตาฯ กิลาสุภาโว ปริสฺสโม ฯ สีหเสยฺยํ กเปฺปติ สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํฯ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตีติ อิทํ ปจฺฉิมยาเม ภควโต พหุลํ อาจิณฺณวเสน วุตฺตํฯ อเปฺปกทา อวสิฎฺฐพลญาเณหิ สพฺพญฺญุตญฺญาเณเนว จ ภควา ตมตฺถํ สาเธตีติฯ

    Utuṃ gaṇhāpeti, na pana malaṃ pakkhāletīti adhippāyo. Na hi bhagavato kāye rajojallaṃ upalimpatīti. Tato tatoti attano attano divāṭṭhānādito. Okāsaṃ labhamānāti purebhattapacchābhattapurimayāmesu okāsaṃ alabhitvā idāni majjhimayāme okāsaṃ labhamānā, bhagavatā vā katokāsatāya okāsaṃ labhamānā. Pacchābhattassa tīsu bhāgesu paṭhamabhāge sīhaseyyakappanaṃ ekantikaṃ na hotīti āha – ‘‘purebhattato paṭṭhāya nisajjāpīḷitassa sarīrassā’’ti. Teneva hi tattha ‘‘sace ākaṅkhatī’’ti tadā sīhaseyyakappanassa anibaddhatā vibhāvitā. Kilāsubhāvo parissamo . Sīhaseyyaṃ kappeti sarīrassa kilāsubhāvamocanatthanti yojetabbaṃ. Buddhacakkhunā lokaṃ voloketīti idaṃ pacchimayāme bhagavato bahulaṃ āciṇṇavasena vuttaṃ. Appekadā avasiṭṭhabalañāṇehi sabbaññutaññāṇeneva ca bhagavā tamatthaṃ sādhetīti.

    อิมสฺมิํเยว กิเจฺจติ ปจฺฉิมยามกิเจฺจฯ พลวตา ปจฺจนุตาเปน สํวฑฺฒมาเนน กรชกาเย มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชตีติ อาห – ‘‘นามกาเย สนฺตเตฺต กรชกาโย สนฺตโตฺต’’ติฯ นิธานคตนฺติ สนฺนิจิตโลหิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคญฺฉีติ โลหิตํ อุณฺหํ หุตฺวา มุขโต อุคฺคญฺฉิฯ ฐานนฺติ ภิกฺขุปฎิญฺญํฯ ตํ ปาปํ วฑฺฒมานนฺติ ภิกฺขุปฎิญฺญาย อวิชหิตตฺตา ตถา ปวฑฺฒมานปาปํฯ อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนานมฺปิ อุปาเยน ปวตฺติยมาโน โยนิโสมนสิกาโร สาตฺถโก โหติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชาตสํเวคา’’ติอาทิมาหฯ อโห สเลฺลขิตนฺติ อโห อติวิย สเลฺลเขน อิตํ ปวตฺตํฯ กาสาวปโชฺชโตติ ภิกฺขูนํ พหุภาวโต อิโต จิโต จ วิจรนฺตานํ เตสํ กาสาวชุติยา ปโชฺชติโตฯ อิสิวาตปริวาโตติ สีลกฺขนฺธาทีนํ นิพฺพานสฺส จ เอสนโต อิสีนํ ภิกฺขูนํ คุณคเนฺธน เจว คุณคนฺธวาสิเตน สรีรคเนฺธน จ ปริโต สมนฺตโต วายิโตฯ

    Imasmiṃyeva kicceti pacchimayāmakicce. Balavatā paccanutāpena saṃvaḍḍhamānena karajakāye mahāpariḷāho uppajjatīti āha – ‘‘nāmakāye santatte karajakāyo santatto’’ti. Nidhānagatanti sannicitalohitaṃ sandhāya vuttaṃ. Uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggañchīti lohitaṃ uṇhaṃ hutvā mukhato uggañchi. Ṭhānanti bhikkhupaṭiññaṃ. Taṃ pāpaṃ vaḍḍhamānanti bhikkhupaṭiññāya avijahitattā tathā pavaḍḍhamānapāpaṃ. Antimavatthuajjhāpannānampi upāyena pavattiyamāno yonisomanasikāro sātthako hotiyevāti dassento ‘‘jātasaṃvegā’’tiādimāha. Aho sallekhitanti aho ativiya sallekhena itaṃ pavattaṃ. Kāsāvapajjototi bhikkhūnaṃ bahubhāvato ito cito ca vicarantānaṃ tesaṃ kāsāvajutiyā pajjotito. Isivātaparivātoti sīlakkhandhādīnaṃ nibbānassa ca esanato isīnaṃ bhikkhūnaṃ guṇagandhena ceva guṇagandhavāsitena sarīragandhena ca parito samantato vāyito.

    ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ อนาวชฺชเนน ปุเพฺพ ตสฺส อตฺถสฺส อสํวิทิตตฺตาฯ ธมฺมสํเวโคติ จ ตาทิเส อเตฺถ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกํ สโหตฺตปฺปญาณํฯ อสฺสาสฎฺฐานนฺติ จิตฺตสฺสาสการณํ กมฺมฎฺฐานํฯ สเพฺพสํ กิจฺจานํ ปุพฺพภาโค สพฺพปุพฺพภาโคฯ ‘‘สเพฺพ สตฺตา อเวรา โหนฺตู’’ติอาทินา หิ จิตฺตสฺส ปฎฺฐานํ อุปฎฺฐานํ หิตผรณํฯ อิตรํ อิโต โถกํ มหนฺตนฺติ กตฺวา อิทํ ‘‘จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ อจฺฉราสงฺฆาโต วุจฺจติ องฺคุลิโผฎนกฺขโณ อกฺขินิมิสกาโล, โย เอกสฺส อกฺขรสฺส อุจฺจารณกฺขโณฯ เตนาห – ‘‘เทฺว องฺคุลิโย ปหริตฺวา สทฺทกรณมตฺต’’นฺติฯ สพฺพสตฺตานํ หิตผรณจิตฺตนฺติ สเพฺพสมฺปิ สตฺตานํ สมฺมเทว หิเตสิตวเสน ปวตฺตจิตฺตํฯ อาวเชฺชโนฺต อาเสวตีติ หิเตสิตวเสน อาวเชฺชโนฺตฯ อาวชฺชเนน อาภุชโนฺตปิ อาเสวติ นาม ญาณวิปฺปยุเตฺตนฯ ชานโนฺตติ ตถา ญาณมตฺตํ อุปฺปาเทโนฺตปิฯ ปสฺสโนฺตติ ตถา ญาณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต วิย วิปสฺสโนฺตปิฯ ปจฺจเวกฺขโนฺตติ ตมตฺถํ ปติ ปติ อเวกฺขโนฺตปิฯ สทฺธาย อธิมุจฺจโนฺตติอาทิ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน วุตฺตํฯ อภิเญฺญยฺยนฺติอาทิ จตุสจฺจวเสน วุตฺตํฯ สพฺพเมว เจตํ วิตฺถารโต, สามเญฺญน อาเสวนทสฺสนเมวาติ อิธาธิเปฺปตเมว อาเสวนตฺถํ ทเสฺสตุํ – ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Dhammasaṃvego uppajji anāvajjanena pubbe tassa atthassa asaṃviditattā. Dhammasaṃvegoti ca tādise atthe dhammatāvasena uppajjanakaṃ sahottappañāṇaṃ. Assāsaṭṭhānanti cittassāsakāraṇaṃ kammaṭṭhānaṃ. Sabbesaṃ kiccānaṃ pubbabhāgo sabbapubbabhāgo. ‘‘Sabbe sattā averā hontū’’tiādinā hi cittassa paṭṭhānaṃ upaṭṭhānaṃ hitapharaṇaṃ. Itaraṃ ito thokaṃ mahantanti katvā idaṃ ‘‘cūḷaccharāsaṅghātasutta’’nti vuttaṃ. Accharāsaṅghāto vuccati aṅguliphoṭanakkhaṇo akkhinimisakālo, yo ekassa akkharassa uccāraṇakkhaṇo. Tenāha – ‘‘dve aṅguliyo paharitvā saddakaraṇamatta’’nti. Sabbasattānaṃ hitapharaṇacittanti sabbesampi sattānaṃ sammadeva hitesitavasena pavattacittaṃ. Āvajjento āsevatīti hitesitavasena āvajjento. Āvajjanena ābhujantopi āsevati nāma ñāṇavippayuttena. Jānantoti tathā ñāṇamattaṃ uppādentopi. Passantoti tathā ñāṇacakkhunā paccakkhato viya vipassantopi. Paccavekkhantoti tamatthaṃ pati pati avekkhantopi. Saddhāya adhimuccantotiādi pañcannaṃ indriyānaṃ vasena vuttaṃ. Abhiññeyyantiādi catusaccavasena vuttaṃ. Sabbameva cetaṃ vitthārato, sāmaññena āsevanadassanamevāti idhādhippetameva āsevanatthaṃ dassetuṃ – ‘‘idha panā’’tiādi vuttaṃ.

    อริตฺตชฺฌาโนติ อวิรหิตชฺฌาโนฯ อตุจฺฉชฺฌาโนติ ฌาเนน อตุโจฺฉฯ จาโค วา เววจนนฺติ อาห – ‘‘อปริจฺจตฺตชฺฌาโน’’ติฯ วิหรตีติ ปทสฺส วิภเงฺค (วิภ. ๕๔๐) อาคตนเยน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิหรตีติ อิริยตี’’ติอาทิมาหฯ อยํ ปเนตฺถ สทฺทโตฺถ – วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สโทฺท วิเจฺฉทตฺถโชตโนฯ หรตีติ เนติ, ปวเตฺตตีติ อโตฺถ, วิจฺฉินฺทิตฺวา หรติ วิหรตีติ วุตฺตํ โหติฯ โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อเญฺญน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวเตฺตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติฯ อิริยตีติ ฐานนิสชฺชาทิกิริยํ กโรโนฺต ปวตฺตติฯ ปวตฺตตีติ ฐานาทิสมงฺคี หุตฺวา ปวตฺตติฯ ปาเลตีติ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อิริยาปถนฺตเรหิ รกฺขโนฺต ปาเลติฯ ยเปติ ยาเปตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ เอกญฺหิ อิริยาปถพาธนํ อเญฺญน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ ปาเลโนฺต ยเปติ ยาเปตีติ วุจฺจติฯ จรตีติ ฐานนิสชฺชาทีสุ อญฺญตรสมงฺคี หุตฺวา ปวตฺตติฯ อิมินา ปเทนาติ ‘‘วิหรตี’’ติ อิมินา ปเทนฯ

    Arittajjhānoti avirahitajjhāno. Atucchajjhānoti jhānena atuccho. Cāgo vā vevacananti āha – ‘‘apariccattajjhāno’’ti. Viharatīti padassa vibhaṅge (vibha. 540) āgatanayena atthaṃ dassento ‘‘viharatīti iriyatī’’tiādimāha. Ayaṃ panettha saddattho – viharatīti ettha vi-saddo vicchedatthajotano. Haratīti neti, pavattetīti attho, vicchinditvā harati viharatīti vuttaṃ hoti. So hi ekaṃ iriyāpathabādhanaṃ aññena iriyāpathena vicchinditvā aparipatantaṃ attabhāvaṃ harati pavatteti, tasmā ‘‘viharatī’’ti vuccati. Iriyatīti ṭhānanisajjādikiriyaṃ karonto pavattati. Pavattatīti ṭhānādisamaṅgī hutvā pavattati. Pāletīti ekaṃ iriyāpathabādhanaṃ iriyāpathantarehi rakkhanto pāleti. Yapeti yāpetīti tasseva vevacanaṃ. Ekañhi iriyāpathabādhanaṃ aññena iriyāpathena vicchinditvā aparipatantaṃ attabhāvaṃ pālento yapeti yāpetīti vuccati. Caratīti ṭhānanisajjādīsu aññatarasamaṅgī hutvā pavattati. Iminā padenāti ‘‘viharatī’’ti iminā padena.

    อิริยาปถวิหาโรติ เอตฺถ อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค กายิกกิริยาฯ ตสฺสา ปวตฺตนูปายภาวโต อิริยาย ปโถ อิริยาปโถ, ฐานนิสชฺชาทิฯ น หิ ฐานนิสชฺชาทีหิ อวตฺถาหิ วินา กิญฺจิ กายิกกิริยํ ปวเตฺตตุํ สกฺกาฯ ฐานสมงฺคี วา หิ กาเยน กิญฺจิ กเรยฺย, คมนาทีสุ อญฺญตรสมงฺคี วาฯ วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร, อิริยาปโถว วิหาโร อิริยาปถวิหาโร, โส จ อตฺถโต ฐานนิสชฺชาทิอาการปฺปวโตฺต จตุสนฺตติรูปปฺปพโนฺธ เอวฯ โอวาทานุสาสนีนํ เอกาเนกวาราทิวิสิโฎฺฐเยว เภโท, น ปน ปรมตฺถโต เตสํ นานากรณนฺติ ทเสฺสตุํ – ‘‘ปรมตฺถโต ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอเส เอเก เอกเฎฺฐติอาทีสุ เอโส เอโก เอกโตฺถติอาทินา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Iriyāpathavihāroti ettha iriyanaṃ pavattanaṃ iriyā, kāyappayogo kāyikakiriyā. Tassā pavattanūpāyabhāvato iriyāya patho iriyāpatho, ṭhānanisajjādi. Na hi ṭhānanisajjādīhi avatthāhi vinā kiñci kāyikakiriyaṃ pavattetuṃ sakkā. Ṭhānasamaṅgī vā hi kāyena kiñci kareyya, gamanādīsu aññatarasamaṅgī vā. Viharaṇaṃ, viharati etenāti vā vihāro, iriyāpathova vihāro iriyāpathavihāro, so ca atthato ṭhānanisajjādiākārappavatto catusantatirūpappabandho eva. Ovādānusāsanīnaṃ ekānekavārādivisiṭṭhoyeva bhedo, na pana paramatthato tesaṃ nānākaraṇanti dassetuṃ – ‘‘paramatthato panā’’tiādimāha. Tattha ese eke ekaṭṭhetiādīsu eso eko ekatthotiādinā attho veditabbo.

    รฎฺฐสฺส , รฎฺฐโต วา ลโทฺธ ปิโณฺฑ รฎฺฐปิโณฺฑฯ เตนาห – ‘‘ญาติปริวฎฺฎํ ปหายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ วิญฺญายนฺตีติ ญาตี, ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวฎฺฎนเฎฺฐน ปริวโฎฺฎ, ญาติเยว ปริวโฎฺฎ ญาติปริวโฎฺฎฯ เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโคฯ ภควตา หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนุญฺญาตา, น ทุสฺสีลสฺสฯ ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโตฯ อิติ สตฺถารา อนนุญฺญาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา สงฺฆมเชฺฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยาย ปริโภโค เถยฺยปริโภโคฯ อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค ปฎิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อโตฺถฯ

    Raṭṭhassa , raṭṭhato vā laddho piṇḍo raṭṭhapiṇḍo. Tenāha – ‘‘ñātiparivaṭṭaṃ pahāyā’’tiādi. Tattha ‘‘amhākamete’’ti viññāyantīti ñātī, pitāmahapituputtādivasena parivaṭṭanaṭṭhena parivaṭṭo, ñātiyeva parivaṭṭo ñātiparivaṭṭo. Theyyaparibhogo nāma anarahassa paribhogo. Bhagavatā hi attano sāsane sīlavato paccayā anuññātā, na dussīlassa. Dāyakānampi sīlavato eva pariccāgo, na dussīlassa attano kārānaṃ mahapphalabhāvassa paccāsīsanato. Iti satthārā ananuññātattā dāyakehi ca apariccattattā saṅghamajjhepi nisīditvā paribhuñjantassa dussīlassa paribhogo theyyāya paribhogo theyyaparibhogo. Iṇavasena paribhogo iṇaparibhogo paṭiggāhakato dakkhiṇāvisuddhiyā abhāvato iṇaṃ gahetvā paribhogo viyāti attho.

    ทาตพฺพเฎฺฐน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา, ปุตฺตานเมตํ อธิวจนํ, เตสํ ภาโว ทายชฺชํ, ทายชฺชวเสน ปริโภโค ทายชฺชปริโภโค, ปุตฺตภาเวน ปริโภโคติ วุตฺตํ โหติฯ เสกฺขา หิ ภิกฺขู ภควโต โอรสปุตฺตา, เต ปิตุ สนฺตกานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติฯ กิํ ปน เต ภควโต ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติ, อุทาหุ คิหีนนฺติ? คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนุญฺญาตตฺตา ภควโต สนฺตกา อนนุญฺญาเตสุ สเพฺพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต, อนุญฺญาเตสุเยว จ ปริโภคสมฺภวโตฯ ธมฺมทายาทสุตฺตเญฺจตฺถ สาธกํฯ

    Dātabbaṭṭhena dāyaṃ, taṃ ādiyantīti dāyādā, puttānametaṃ adhivacanaṃ, tesaṃ bhāvo dāyajjaṃ, dāyajjavasena paribhogo dāyajjaparibhogo, puttabhāvena paribhogoti vuttaṃ hoti. Sekkhā hi bhikkhū bhagavato orasaputtā, te pitu santakānaṃ dāyādā hutvā te paccaye paribhuñjanti. Kiṃ pana te bhagavato paccaye paribhuñjanti, udāhu gihīnanti? Gihīhi dinnāpi bhagavatā anuññātattā bhagavato santakā ananuññātesu sabbena sabbaṃ paribhogābhāvato, anuññātesuyeva ca paribhogasambhavato. Dhammadāyādasuttañcettha sādhakaṃ.

    วีตราคา เอว ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภุญฺชนฺตีติ อาห – ‘‘ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค นามา’’ติฯ อวีตราคานญฺหิ ตณฺหาปรวสตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิปริโภคสมฺภวโตฯ ตถา หิ เต ปฎิกูลมฺปิ อปฺปฎิกูลากาเรน, อปฺปฎิกูลมฺปิ ปฎิกูลากาเรน, ตทุภยมฺปิ วเชฺชตฺวา อชฺฌุเปกฺขนากาเรน ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติ, ทายกานญฺจ มโนรถํ ปูเรนฺติฯ โย ปนายํ สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อาณณฺยปริโภโค นาม โหติฯ ยถา หิ อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตํ เทสํ คนฺตุํ น ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุโตฺต โลกโต นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฎิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ‘‘อาณณฺยปริโภโค’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุโตฺต วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ เวทิตโพฺพฯ โส อิธ วิสุํ น วุโตฺต, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉติฯ สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘เสโข’’เตฺวว วุจฺจติฯ อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค ทายชฺชปริโภโค จ อริยานํ ปุถุชฺชนานญฺจ วฎฺฎติ, อิณปริโภโค น วฎฺฎติฯ เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิฯ กถํ ปเนตฺถ สามิปริโภโค ทายชฺชปริโภโค จ ปุถุชฺชนานํ สมฺภวติ? อุปจารวเสนฯ โย หิ ปุถุชฺชนสฺสปิ สเลฺลขปฺปฎิปตฺติยํ ฐิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ อนุปลิเตฺตน จิเตฺตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติฯ สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ ทายกานํ มโนรถสฺส อวิราธนโตฯ กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ตสฺส เสกฺขสงฺคหโตฯ เสกฺขสุตฺตํ (สํ. นิ. ๕.๑๓) เหตสฺส อตฺถสฺส สาธกํฯ

    Vītarāgā eva taṇhāya dāsabyaṃ atītattā sāmino hutvā paribhuñjantīti āha – ‘‘khīṇāsavassa paribhogo sāmiparibhogo nāmā’’ti. Avītarāgānañhi taṇhāparavasatāya paccayaparibhoge sāmibhāvo natthi, tadabhāvena vītarāgānaṃ tattha sāmibhāvo yathāruciparibhogasambhavato. Tathā hi te paṭikūlampi appaṭikūlākārena, appaṭikūlampi paṭikūlākārena, tadubhayampi vajjetvā ajjhupekkhanākārena paccaye paribhuñjanti, dāyakānañca manorathaṃ pūrenti. Yo panāyaṃ sīlavato paccavekkhitaparibhogo, so iṇaparibhogassa paccanīkattā āṇaṇyaparibhogo nāma hoti. Yathā hi iṇāyiko attano ruciyā icchitaṃ desaṃ gantuṃ na labhati, evaṃ iṇaparibhogayutto lokato nissarituṃ na labhatīti tappaṭipakkhattā sīlavato paccavekkhitaparibhogo ‘‘āṇaṇyaparibhogo’’ti vuccati, tasmā nippariyāyato catuparibhogavinimutto visuṃyevāyaṃ paribhogoti veditabbo. So idha visuṃ na vutto, dāyajjaparibhogeyeva vā saṅgahaṃ gacchati. Sīlavāpi hi imāya sikkhāya samannāgatattā ‘‘sekho’’tveva vuccati. Imesu paribhogesu sāmiparibhogo dāyajjaparibhogo ca ariyānaṃ puthujjanānañca vaṭṭati, iṇaparibhogo na vaṭṭati. Theyyaparibhoge kathāyeva natthi. Kathaṃ panettha sāmiparibhogo dāyajjaparibhogo ca puthujjanānaṃ sambhavati? Upacāravasena. Yo hi puthujjanassapi sallekhappaṭipattiyaṃ ṭhitassa paccayagedhaṃ pahāya tattha anupalittena cittena paribhogo, so sāmiparibhogo viya hoti. Sīlavato pana paccavekkhitaparibhogo dāyajjaparibhogo viya hoti dāyakānaṃ manorathassa avirādhanato. Kalyāṇaputhujjanassa paribhoge vattabbameva natthi tassa sekkhasaṅgahato. Sekkhasuttaṃ (saṃ. ni. 5.13) hetassa atthassa sādhakaṃ.

    อิมสฺส ภิกฺขุโนติ อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ กาลํ เมตฺตจิตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ อโมโฆ รฎฺฐปิณฺฑปริโภโคติ ‘‘อยํ ปพฺพชิโต สมโณ ภิกฺขูติ อามิสํ เทนฺตานํ ตาย เมตฺตาเสวนาย อตฺตโน สนฺตาเน โทสมลสฺส วา ตเทกฎฺฐานญฺจ ปาปธมฺมานํ ปพฺพาชนโต วูปสมนโต สํสาเร จ ภยสฺส สมฺมาว อิกฺขณโต อชฺฌาสยสฺส อวิสํวาทเนนสฺส อโมโฆ รฎฺฐปิณฺฑปริโภโคฯ มหฎฺฐิยนฺติ มหตฺถิกํ มหาปโยชนํฯ มหปฺผลนฺติ วิปุลปฺผลํฯ มหานิสํสนฺติ มหานิสฺสนฺทปฺผลํฯ มหาชุติกนฺติ มหานุภาวํฯ มหาวิปฺผารนฺติ มหาวิตฺถารํฯ เอตฺถ จ ปฐมํ การณํ เมตฺตาเสวนาย ตสฺส ภิกฺขุโน สามิอาทิภาเวน รฎฺฐปิณฺฑปริโภคารหตา, ทุติยํ ปเรหิ ทินฺนสฺส ทานสฺส มหฎฺฐิยภาวกรณํฯ โก ปน วาโทติ เมตฺตาย อาเสวนมตฺตมฺปิ เอวํมหานุภาวํ, โก ปน วาโท พหุลีกาเร, เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติ อโตฺถฯ

    Imassa bhikkhunoti accharāsaṅghātamattampi kālaṃ mettacittaṃ āsevantassa bhikkhuno. Amogho raṭṭhapiṇḍaparibhogoti ‘‘ayaṃ pabbajito samaṇo bhikkhūti āmisaṃ dentānaṃ tāya mettāsevanāya attano santāne dosamalassa vā tadekaṭṭhānañca pāpadhammānaṃ pabbājanato vūpasamanato saṃsāre ca bhayassa sammāva ikkhaṇato ajjhāsayassa avisaṃvādanenassa amogho raṭṭhapiṇḍaparibhogo. Mahaṭṭhiyanti mahatthikaṃ mahāpayojanaṃ. Mahapphalanti vipulapphalaṃ. Mahānisaṃsanti mahānissandapphalaṃ. Mahājutikanti mahānubhāvaṃ. Mahāvipphāranti mahāvitthāraṃ. Ettha ca paṭhamaṃ kāraṇaṃ mettāsevanāya tassa bhikkhuno sāmiādibhāvena raṭṭhapiṇḍaparibhogārahatā, dutiyaṃ parehi dinnassa dānassa mahaṭṭhiyabhāvakaraṇaṃ. Ko pana vādoti mettāya āsevanamattampi evaṃmahānubhāvaṃ, ko pana vādo bahulīkāre, ettha vattabbameva natthī’’ti attho.

    ๕๔. จตุเตฺถ อุปฺปาเทติ วเฑฺฒตีติ เอตฺถ ภาวนาสทฺทสฺส อุปฺปาทนวฑฺฒนตฺถตา ปุเพฺพ วุตฺตา เอวฯ

    54. Catutthe uppādeti vaḍḍhetīti ettha bhāvanāsaddassa uppādanavaḍḍhanatthatā pubbe vuttā eva.

    ๕๕. ปญฺจเม อิเมสุ ทฺวีสูติ จตุตฺถปญฺจเมสุฯ ‘‘ตติเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตถา เวทิตพฺพตํ ทเสฺสตุํ – ‘‘โย หิ อาเสวตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน อาเสวนาภาวนามนสิการานํ อตฺถวิเสสาภาวมาหฯ ยทิ เอวํ สุตฺตนฺตสฺส เทสนา กถนฺติ อาห – ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปนา’’ติอาทิฯ ยาย ธมฺมธาตุยาติ สพฺพญฺญุตญฺญาณมาหฯ เตน หิ ธมฺมานํ อาการเภทํ ญตฺวา ตทนุรูปํ เอกมฺปิ ธมฺมํ ตถา วิภชิตฺวา ภควา ทเสฺสติฯ ตีหิ โกฎฺฐาเสหีติ อาเสวนาภาวนามนสิการภาเคหิฯ เมตฺตา หิ สพฺพวตฺถุโน เมตฺตายนวเสน อานีตา เสวนา อาเสวนา, ตสฺสา วฑฺฒนา ภาวนา, อวิสฺสเชฺชตฺวา มนสิ ฐปนํ มนสิกาโรฯ

    55. Pañcame imesu dvīsūti catutthapañcamesu. ‘‘Tatiye vuttanayeneva veditabba’’nti vatvā tathā veditabbataṃ dassetuṃ – ‘‘yo hi āsevatī’’tiādi vuttaṃ. Tena āsevanābhāvanāmanasikārānaṃ atthavisesābhāvamāha. Yadi evaṃ suttantassa desanā kathanti āha – ‘‘sammāsambuddho panā’’tiādi. Yāya dhammadhātuyāti sabbaññutaññāṇamāha. Tena hi dhammānaṃ ākārabhedaṃ ñatvā tadanurūpaṃ ekampi dhammaṃ tathā vibhajitvā bhagavā dasseti. Tīhi koṭṭhāsehīti āsevanābhāvanāmanasikārabhāgehi. Mettā hi sabbavatthuno mettāyanavasena ānītā sevanā āsevanā, tassā vaḍḍhanā bhāvanā, avissajjetvā manasi ṭhapanaṃ manasikāro.

    ๕๖. ฉเฎฺฐ อนิยมิตวจนํ ‘‘อิเม นามา’’ติ นิยเมตฺวา อวุตฺตตฺตาฯ นิยมิตวจนํ ‘‘อกุสลา’’ติ สรูเปเนว วุตฺตตฺตาฯ อเสสโต ปริยาทินฺนา โหนฺติ อปฺปกสฺสปิ อกุสลภาคสฺส อคฺคหิตสฺส อภาวโตฯ อกุสลํ ภชนฺตีติ อกุสลภาคิยาฯ อกุสลปเกฺข ภวาติ อกุสลปกฺขิกาฯ เตนาห – ‘‘อกุสลาเยวา’’ติอาทิฯ ปฐมตรํ คจฺฉตีติ ปฐมตรํ ปวตฺตติ, ปฐโม ปธาโน หุตฺวา วตฺตตีติ อโตฺถฯ เอกุปฺปาทาทิวเสน หิ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาเนสุ จตูสุ อรูปกฺขเนฺธสุ อยเมว ปฐมํ อุปฺปชฺชตีติ อิทํ นตฺถิ, โลกุตฺตรมเคฺคสุ วิย ปน ปญฺญินฺทฺริยสฺส, โลกิยธเมฺมสุ มนินฺทฺริยสฺส ปุเรตรสฺส ภาโว สาติสโยติ ‘‘สเพฺพเต มโนปุพฺพงฺคมา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ อภิธเมฺมปิ (ธ. ส. ๑) ‘‘ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ เชฎฺฐํ กตฺวา เทสนา ปวตฺตาฯ สุเตฺตสุปิ วุตฺตํ – ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา (ธ. ป. ๑, ๒), ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.พุทฺธวโคฺค, เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ)ฯ เตนาห – ‘‘เอเต หี’’ติอาทิฯ เตสํ มโน อุปฺปาทโกติ จ ยทเคฺคน มโน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ เชฎฺฐโก หุตฺวา ปวตฺตติ, ตทเคฺคน เต อตฺตานํ อนุวตฺตาเปโนฺต เต ตถา อุปฺปาเทโนฺต นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน จิตฺตสฺส เชฎฺฐกภาวเมว สนฺธาย ราชคมนญฺญาเยน สหุปฺปตฺติปิ ปฐมุปฺปตฺติ วิย กตฺวา วุตฺตาติ อยมโตฺถ ทสฺสิโตฯ อนฺวเทวาติ เอเตเนว จิตฺตสฺส ขณวเสน ปฐมุปฺปตฺติยา อภาโว ทีปิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห – ‘‘เอกโตเยวาติ อโตฺถ’’ติฯ

    56. Chaṭṭhe aniyamitavacanaṃ ‘‘ime nāmā’’ti niyametvā avuttattā. Niyamitavacanaṃ ‘‘akusalā’’ti sarūpeneva vuttattā. Asesato pariyādinnā honti appakassapi akusalabhāgassa aggahitassa abhāvato. Akusalaṃ bhajantīti akusalabhāgiyā. Akusalapakkhe bhavāti akusalapakkhikā. Tenāha – ‘‘akusalāyevā’’tiādi. Paṭhamataraṃ gacchatīti paṭhamataraṃ pavattati, paṭhamo padhāno hutvā vattatīti attho. Ekuppādādivasena hi ekajjhaṃ pavattamānesu catūsu arūpakkhandhesu ayameva paṭhamaṃ uppajjatīti idaṃ natthi, lokuttaramaggesu viya pana paññindriyassa, lokiyadhammesu manindriyassa puretarassa bhāvo sātisayoti ‘‘sabbete manopubbaṅgamā’’ti vuttaṃ. Tathā hi abhidhammepi (dha. sa. 1) ‘‘yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hotī’’ti cittaṃ pubbaṅgamaṃ jeṭṭhaṃ katvā desanā pavattā. Suttesupi vuttaṃ – ‘‘manopubbaṅgamā dhammā (dha. pa. 1, 2), chadvārādhipati rājā’’ti (dha. pa. aṭṭha. 2.buddhavaggo, erakapattanāgarājavatthu). Tenāha – ‘‘ete hī’’tiādi. Tesaṃ mano uppādakoti ca yadaggena mano sampayuttadhammānaṃ jeṭṭhako hutvā pavattati, tadaggena te attānaṃ anuvattāpento te tathā uppādento nāma hotīti katvā vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana cittassa jeṭṭhakabhāvameva sandhāya rājagamanaññāyena sahuppattipi paṭhamuppatti viya katvā vuttāti ayamattho dassito. Anvadevāti eteneva cittassa khaṇavasena paṭhamuppattiyā abhāvo dīpitoti daṭṭhabbo. Tenevāha – ‘‘ekatoyevāti attho’’ti.

    ๕๗. สตฺตเม จตุภูมกาปิ กุสลา ธมฺมา กถิตาติ ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา’’ติ อนวเสสปริยาทานโต วุตฺตํฯ

    57. Sattame catubhūmakāpi kusalā dhammā kathitāti ‘‘ye keci kusalā dhammā’’ti anavasesapariyādānato vuttaṃ.

    ๕๘. อฎฺฐเม อิทนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน นิเทฺทโส, นิปาตปทํ วา เอตํ ‘‘ยทิท’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห – ‘‘อยํ ปมาโทติ อโตฺถ’’ติฯ ปมชฺชนากาโรติ ปมาทาปตฺติฯ จิตฺตสฺส โวสฺสโคฺคติ อิเมสุ เอตฺตเกสุ ฐาเนสุ สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ สติวิรโหฯ โวสฺสคฺคานุปฺปทานนฺติ โวสฺสคฺคสฺส อนุ อนุ ปทานํ ปุนปฺปุนํ วิสฺสชฺชนํฯ อสกฺกจฺจกิริยตาติ เอเตสํ ทานาทีนํ กุสลธมฺมานํ ปวตฺตเน ปุคฺคลสฺส วา เทยฺยธมฺมสฺส วา อสกฺกจฺจกิริยาฯ สตตภาโว สาตจฺจํ, สาตเจฺจน กิริยา สาตจฺจกิริยา, สาเยว สาตจฺจกิริยตา, น สาตจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตาฯ อนฎฺฐิตกิริยตาติ อนิฎฺฐิตกิริยตา นิรนฺตรํ น อนุฎฺฐิตกิริยตา จฯ โอลีนวุตฺติตาติ นิรนฺตรกรณสงฺขาตสฺส วิปฺผารสฺส อภาเวน โอลีนวุตฺติตาฯ นิกฺขิตฺตฉนฺทตาติ กุสลกิริยาย วีริยฉนฺทสฺส นิกฺขิตฺตภาโวฯ นิกฺขิตฺตธุรตาติ วีริยธุรสฺส โอโรปนํ, โอสกฺกิตมานสตาติ อโตฺถฯ อนธิฎฺฐานนฺติ กุสลกรเณ อปฺปติฎฺฐิตภาโวฯ อนนุโยโคติ อนนุยุญฺชนํฯ กุสลธเมฺมสุ อาเสวนาทีนํ อภาโว อนาเสวนาทโยฯ ปมาโทติ สรูปนิเทฺทโสฯ ปมชฺชนาติ อาการนิเทฺทโสฯ ปมชฺชิตตฺตนฺติ ภาวนิเทฺทโสฯ ปริหายนฺตีติ อิมินา ปมาทสฺส สาวชฺชตํ ทเสฺสติฯ ตยิทํ โลกิยานํ วเสน, น โลกุตฺตรานนฺติ อาห – ‘‘อุปฺปนฺนา…เป.… อิท’’นฺติอาทิฯ

    58. Aṭṭhame idanti liṅgavipallāsena niddeso, nipātapadaṃ vā etaṃ ‘‘yadida’’ntiādīsu viyāti āha – ‘‘ayaṃ pamādoti attho’’ti. Pamajjanākāroti pamādāpatti. Cittassa vossaggoti imesu ettakesu ṭhānesu satiyā aniggaṇhitvā cittassa vossajjanaṃ sativiraho. Vossaggānuppadānanti vossaggassa anu anu padānaṃ punappunaṃ vissajjanaṃ. Asakkaccakiriyatāti etesaṃ dānādīnaṃ kusaladhammānaṃ pavattane puggalassa vā deyyadhammassa vā asakkaccakiriyā. Satatabhāvo sātaccaṃ, sātaccena kiriyā sātaccakiriyā, sāyeva sātaccakiriyatā, na sātaccakiriyatā asātaccakiriyatā. Anaṭṭhitakiriyatāti aniṭṭhitakiriyatā nirantaraṃ na anuṭṭhitakiriyatā ca. Olīnavuttitāti nirantarakaraṇasaṅkhātassa vipphārassa abhāvena olīnavuttitā. Nikkhittachandatāti kusalakiriyāya vīriyachandassa nikkhittabhāvo. Nikkhittadhuratāti vīriyadhurassa oropanaṃ, osakkitamānasatāti attho. Anadhiṭṭhānanti kusalakaraṇe appatiṭṭhitabhāvo. Ananuyogoti ananuyuñjanaṃ. Kusaladhammesu āsevanādīnaṃ abhāvo anāsevanādayo. Pamādoti sarūpaniddeso. Pamajjanāti ākāraniddeso. Pamajjitattanti bhāvaniddeso. Parihāyantīti iminā pamādassa sāvajjataṃ dasseti. Tayidaṃ lokiyānaṃ vasena, na lokuttarānanti āha – ‘‘uppannā…pe… ida’’ntiādi.

    ๕๙. นวเม น ปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, ปมาทสฺส ปฎิปโกฺข สติยา อวิปฺปวาโสฯ อตฺถโต นิจฺจํ อุปฎฺฐิตาย สติยา เอตํ นามํฯ ปมาโท ปน สติยา สติสมฺปชญฺญสฺส วา ปฎิปกฺขภูโต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห – ‘‘ปมาทสฺส ปฎิปกฺขวเสน วิตฺถารโต เวทิตโพฺพ’’ติฯ

    59. Navame na pamajjati etenāti appamādo, pamādassa paṭipakkho satiyā avippavāso. Atthato niccaṃ upaṭṭhitāya satiyā etaṃ nāmaṃ. Pamādo pana satiyā satisampajaññassa vā paṭipakkhabhūto akusalacittuppādo daṭṭhabbo. Tenāha – ‘‘pamādassa paṭipakkhavasena vitthārato veditabbo’’ti.

    ๖๐. ทสเม กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว โกสชฺชํ, อาลสิยนฺติ อโตฺถฯ

    60. Dasame kucchitaṃ sīdatīti kusīto da-kārassa ta-kāraṃ katvā, tassa bhāvo kosajjaṃ, ālasiyanti attho.

    อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Accharāsaṅghātavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๖. อจฺฉราสงฺฆาตวโคฺค • 6. Accharāsaṅghātavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา • 6. Accharāsaṅghātavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact