Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตวณฺณนา
3. Acchariyaabbhutasuttavaṇṇanā
๑๙๗. เอวํ เม สุตนฺติ อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตํฯ ตตฺถ ยตฺร หิ นามาติ อจฺฉริยเตฺถ นิปาโตฯ โย นาม ตถาคโตติ อโตฺถฯ ฉินฺนปปเญฺจติ เอตฺถ ปปญฺจา นาม ตณฺหา มาโน ทิฎฺฐีติ อิเม ตโย กิเลสาฯ ฉินฺนวฎุเมติ เอตฺถ วฎุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฎฺฎํ วุจฺจติฯ ปริยาทินฺนวเฎฺฎติ ตเสฺสว เววจนํฯ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺตติ สพฺพํ วิปากวฎฺฎสงฺขาตํ ทุกฺขํ วีติวเตฺตฯ อนุสฺสริสฺสตีติ อิทํ ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจนํ, อโตฺถ ปเนตฺถ อตีตวเสน เวทิตโพฺพฯ ภควา หิ เต พุเทฺธ อนุสฺสริ, น อิทานิ อนุสฺสริสฺสติฯ เอวํชจฺจาติ วิปสฺสีอาทโย ขตฺติยชจฺจา, กกุสนฺธาทโย พฺราหฺมณชจฺจาติฯ เอวํโคตฺตาติ วิปสฺสีอาทโย โกณฺฑญฺญโคตฺตา, กกุสนฺธาทโย กสฺสปโคตฺตาติฯ เอวํสีลาติ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน เอวํสีลาฯ เอวํธมฺมาติ เอตฺถ สมาธิปกฺขา ธมฺมา อธิเปฺปตา ฯ โลกิยโลกุตฺตเรน สมาธินา เอวํสมาธิโนติ อโตฺถฯ เอวํปญฺญาติ โลกิยโลกุตฺตรปญฺญาย เอวํปญฺญาฯ เอวํวิหารีติ เอตฺถ ปน เหฎฺฐา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตว, ปุน กสฺมา คหิตเมว คณฺหาตีติ เจ, น อิทํ คหิตเมวฯ อิทญฺหิ นิโรธสมาปตฺติทีปนตฺถํ, ตสฺมา เอวํนิโรธสมาปตฺติวิหารีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ
197.Evaṃme sutanti acchariyaabbhutasuttaṃ. Tattha yatra hi nāmāti acchariyatthe nipāto. Yo nāma tathāgatoti attho. Chinnapapañceti ettha papañcā nāma taṇhā māno diṭṭhīti ime tayo kilesā. Chinnavaṭumeti ettha vaṭumanti kusalākusalakammavaṭṭaṃ vuccati. Pariyādinnavaṭṭeti tasseva vevacanaṃ. Sabbadukkhavītivatteti sabbaṃ vipākavaṭṭasaṅkhātaṃ dukkhaṃ vītivatte. Anussarissatīti idaṃ yatrāti nipātavasena anāgatavacanaṃ, attho panettha atītavasena veditabbo. Bhagavā hi te buddhe anussari, na idāni anussarissati. Evaṃjaccāti vipassīādayo khattiyajaccā, kakusandhādayo brāhmaṇajaccāti. Evaṃgottāti vipassīādayo koṇḍaññagottā, kakusandhādayo kassapagottāti. Evaṃsīlāti lokiyalokuttarasīlena evaṃsīlā. Evaṃdhammāti ettha samādhipakkhā dhammā adhippetā . Lokiyalokuttarena samādhinā evaṃsamādhinoti attho. Evaṃpaññāti lokiyalokuttarapaññāya evaṃpaññā. Evaṃvihārīti ettha pana heṭṭhā samādhipakkhānaṃ dhammānaṃ gahitattā vihāro gahitova, puna kasmā gahitameva gaṇhātīti ce, na idaṃ gahitameva. Idañhi nirodhasamāpattidīpanatthaṃ, tasmā evaṃnirodhasamāpattivihārīti ayamettha attho.
เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ ตทงฺควิมุตฺติ สมุเจฺฉทวิมุตฺติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปญฺจวิธา วิมุตฺติโยฯ ตตฺถ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สยํ วิกฺขมฺภิเตหิ นีวรณาทีหิ วิมุตฺตตฺตา วิกฺขมฺภนวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา สตฺต อนุปสฺสนา สยํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจนีกงฺควเสน ปริจตฺตาหิ นิจฺจสญฺญาทีหิ วิมุตฺตตฺตา ตทงฺควิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาโร อริยมคฺคา สยํ สมุจฺฉิเนฺนหิ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา สมุเจฺฉทวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฎตฺตา อปคตตฺตา ทูเร ฐิตตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺตีติ สงฺขํ คตํฯ อิติ อิมาสํ ปญฺจนฺนํ วิมุตฺตีนํ วเสน เอวํวิมุตฺตาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Evaṃvimuttāti ettha vikkhambhanavimutti tadaṅgavimutti samucchedavimutti paṭippassaddhivimutti nissaraṇavimuttīti pañcavidhā vimuttiyo. Tattha aṭṭha samāpattiyo sayaṃ vikkhambhitehi nīvaraṇādīhi vimuttattā vikkhambhanavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Aniccānupassanādikā satta anupassanā sayaṃ tassa tassa paccanīkaṅgavasena paricattāhi niccasaññādīhi vimuttattā tadaṅgavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Cattāro ariyamaggā sayaṃ samucchinnehi kilesehi vimuttattā samucchedavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Cattāri sāmaññaphalāni maggānubhāvena kilesānaṃ paṭippassaddhante uppannattā paṭippassaddhivimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Nibbānaṃ sabbakilesehi nissaṭattā apagatattā dūre ṭhitattā nissaraṇavimuttīti saṅkhaṃ gataṃ. Iti imāsaṃ pañcannaṃ vimuttīnaṃ vasena evaṃvimuttāti evamettha attho veditabbo.
๑๙๙. ตสฺมาติหาติ ยสฺมา ตฺวํ ‘‘ตถาคตา อจฺฉริยา’’ติ วทสิ, ตสฺมา ตํ ภิโยฺยโส มตฺตาย ปฎิภนฺตุ ตถาคตสฺส อจฺฉริยา อพฺภุตธมฺมาติฯ สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ เทฺวสมฺปชญฺญานิ มนุสฺสโลเก เทวโลเก จฯ ตตฺถ เวสฺสนฺตรชาตเก พฺราหฺมณสฺส เทฺว ปุเตฺต ทตฺวา ปุนทิวเส สกฺกสฺส เทวิํ ทตฺวา สเกฺกน ปสีทิตฺวา ทิเนฺน อฎฺฐ วเร คณฺหโนฺต –
199.Tasmātihāti yasmā tvaṃ ‘‘tathāgatā acchariyā’’ti vadasi, tasmā taṃ bhiyyoso mattāya paṭibhantu tathāgatassa acchariyā abbhutadhammāti. Sato sampajānoti ettha dvesampajaññāni manussaloke devaloke ca. Tattha vessantarajātake brāhmaṇassa dve putte datvā punadivase sakkassa deviṃ datvā sakkena pasīditvā dinne aṭṭha vare gaṇhanto –
‘‘อิโต วิมุจฺจมานาหํ, สคฺคคามี วิเสสคู;
‘‘Ito vimuccamānāhaṃ, saggagāmī visesagū;
อนิวตฺตี ตโต อสฺสํ, อฎฺฐเมตํ วรํ วเร’’ติฯ (ชา. ๒.๒๒.๒๓๐๐) –
Anivattī tato assaṃ, aṭṭhametaṃ varaṃ vare’’ti. (jā. 2.22.2300) –
เอวํ ตุสิตภวเน เม ปฎิสนฺธิ โหตูติ วรํ อคฺคเหสิ, ตโต ปฎฺฐาย ตุสิตภวเน อุปฺปชฺชิสฺสามีติ ชานาติ, อิทํ มนุสฺสโลเก สมฺปชญฺญํฯ เวสฺสนฺตรตฺตภาวโต ปน จุโต ปุน ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติตฺวา นิพฺพโตฺตสฺมีติ อญฺญาสิ, อิทํ เทวโลเก สมฺปชญฺญํฯ
Evaṃ tusitabhavane me paṭisandhi hotūti varaṃ aggahesi, tato paṭṭhāya tusitabhavane uppajjissāmīti jānāti, idaṃ manussaloke sampajaññaṃ. Vessantarattabhāvato pana cuto puna tusitabhavane nibbattitvā nibbattosmīti aññāsi, idaṃ devaloke sampajaññaṃ.
กิํ ปน เสสเทวตา น ชานนฺตีติ? โน น ชานนฺติฯ ตา ปน อุยฺยานวิมานกปฺปรุเกฺข โอโลเกตฺวา เทวนาฎเกหิ ตูริยสเทฺทน ปโพธิตา ‘‘มาริส อยํ เทวโลโก ตุเมฺห อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ สาริตา ชานนฺติฯ โพธิสโตฺต ปฐมชวนวาเร น ชานาติ, ทุติยชวนโต ปฎฺฐาย ชานาติฯ อิจฺจสฺส อเญฺญหิ อสาธารณชานนํ โหติฯ
Kiṃ pana sesadevatā na jānantīti? No na jānanti. Tā pana uyyānavimānakapparukkhe oloketvā devanāṭakehi tūriyasaddena pabodhitā ‘‘mārisa ayaṃ devaloko tumhe idha nibbattā’’ti sāritā jānanti. Bodhisatto paṭhamajavanavāre na jānāti, dutiyajavanato paṭṭhāya jānāti. Iccassa aññehi asādhāraṇajānanaṃ hoti.
อฎฺฐาสีติ เอตฺถ กิญฺจาปิ อเญฺญปิ เทวา ตตฺถ ฐิตา ฐิตมฺหาติ ชานนฺติ, เต ปน ฉสุ ทฺวาเรสุ พลวตา อิฎฺฐารมฺมเณน อภิภุยฺยมานา สติํ วิสฺสเชฺชตฺวา อตฺตโน ภุตฺตปีตภาวมฺปิ อชานนฺตา อาหารูปเจฺฉเทน กาลํ กโรนฺติฯ โพธิสตฺตสฺส กิํ ตถารูปํ อารมฺมณํ นตฺถีติ? โน นตฺถิฯ โส หิ เสสเทเว ทสหิ ฐาเนหิ อธิคฺคณฺหาติ, อารมฺมเณน ปน อตฺตานํ มทฺทิตุํ น เทติ, ตํ อารมฺมณํ อภิภวิตฺวา ติฎฺฐติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสโตฺต ตุสิเต กาเย อฎฺฐาสี’’ติฯ
Aṭṭhāsīti ettha kiñcāpi aññepi devā tattha ṭhitā ṭhitamhāti jānanti, te pana chasu dvāresu balavatā iṭṭhārammaṇena abhibhuyyamānā satiṃ vissajjetvā attano bhuttapītabhāvampi ajānantā āhārūpacchedena kālaṃ karonti. Bodhisattassa kiṃ tathārūpaṃ ārammaṇaṃ natthīti? No natthi. So hi sesadeve dasahi ṭhānehi adhiggaṇhāti, ārammaṇena pana attānaṃ maddituṃ na deti, taṃ ārammaṇaṃ abhibhavitvā tiṭṭhati. Tena vuttaṃ – ‘‘sato sampajāno, ānanda, bodhisatto tusite kāye aṭṭhāsī’’ti.
๒๐๐. ยาวตายุกนฺติ เสสตฺตภาเวสุ กิํ ยาวตายุกํ น ติฎฺฐตฺตีติ? อาม น ติฎฺฐติฯ อญฺญทา หิ ทีฆายุกเทวโลเก นิพฺพโตฺต ตตฺถ ปารมิโย น สกฺกา ปูเรตุนฺติ อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา อธิมุตฺติกาลํกิริยํ นาม กตฺวา มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตติ ฯ อยํ กาลงฺกิริยา อเญฺญสํ น โหติฯ ตทา ปน อทินฺนทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตสีลํ นาม นตฺถิ, สพฺพปารมีนํ ปูริตตฺตา ยาวตายุกํ อฎฺฐาสิฯ
200.Yāvatāyukanti sesattabhāvesu kiṃ yāvatāyukaṃ na tiṭṭhattīti? Āma na tiṭṭhati. Aññadā hi dīghāyukadevaloke nibbatto tattha pāramiyo na sakkā pūretunti akkhīni nimīletvā adhimuttikālaṃkiriyaṃ nāma katvā manussaloke nibbattati . Ayaṃ kālaṅkiriyā aññesaṃ na hoti. Tadā pana adinnadānaṃ nāma natthi, arakkhitasīlaṃ nāma natthi, sabbapāramīnaṃ pūritattā yāvatāyukaṃ aṭṭhāsi.
สโต สมฺปชาโน ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตีติ เอวํ ตาว สพฺพปารมิโย ปูเรตฺวา ตทา โพธิสโตฺต ยาวตายุกํ อฎฺฐาสิฯ เทวตานํ ปน – ‘‘มนุสฺสคณนาวเสน อิทานิ สตฺตหิ ทิวเสหิ จุติ ภวิสฺสตี’’ติ ปญฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ – มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน น สณฺฐาติฯ
Sato sampajāno tusitā kāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamatīti evaṃ tāva sabbapāramiyo pūretvā tadā bodhisatto yāvatāyukaṃ aṭṭhāsi. Devatānaṃ pana – ‘‘manussagaṇanāvasena idāni sattahi divasehi cuti bhavissatī’’ti pañca pubbanimittāni uppajjanti – mālā milāyanti, vatthāni kilissanti, kacchehi sedā muccanti, kāye dubbaṇṇiyaṃ okkamati, devo devāsane na saṇṭhāti.
ตตฺถ มาลาติ ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส ปิฬนฺธนมาลาฯ ตา กิร สฎฺฐิสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาส-วสฺสโกฎิโย อมิลายิตฺวา ตทา มิลายนฺติฯ วเตฺถสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตกํ ปน กาลํ เทวานํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติ, ตสฺมิํ กาเล สรีรโต พินฺทุพินฺทุวเสน เสทา มุจฺจนฺติฯ เอตฺตกญฺจ กาลํ เตสํ สรีเร ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวเสน วิวณฺณตา น ปญฺญายติ, เทวธีตา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา วิย, เทวปุตฺตา วีสติวสฺสุเทฺทสิกา วิย ขายนฺติฯ มรณกาเล ปน เนสํ กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติฯ เอตฺตกญฺจ เนสํ กาลํ เทวโลเก อุกฺกณฺฐิตา นาม นตฺถิ, มรณกาเล ปน นิสฺสสนฺติ วิชมฺภนฺติ, สเก อาสเน นาภิรมนฺติฯ
Tattha mālāti paṭisandhiggahaṇadivase piḷandhanamālā. Tā kira saṭṭhisatasahassādhikā sattapaṇṇāsa-vassakoṭiyo amilāyitvā tadā milāyanti. Vatthesupi eseva nayo. Ettakaṃ pana kālaṃ devānaṃ neva sītaṃ na uṇhaṃ hoti, tasmiṃ kāle sarīrato bindubinduvasena sedā muccanti. Ettakañca kālaṃ tesaṃ sarīre khaṇḍiccapāliccādivasena vivaṇṇatā na paññāyati, devadhītā soḷasavassuddesikā viya, devaputtā vīsativassuddesikā viya khāyanti. Maraṇakāle pana nesaṃ kilantarūpo attabhāvo hoti. Ettakañca nesaṃ kālaṃ devaloke ukkaṇṭhitā nāma natthi, maraṇakāle pana nissasanti vijambhanti, sake āsane nābhiramanti.
อิมานิ ปน ปุพฺพนิมิตฺตานิ, ยถา โลเก มหาปุญฺญานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํเยว อุกฺกาปาตภูมิจาลจนฺทคฺคาหาทีนิ นิมิตฺตานิ ปญฺญายนฺติ, น สเพฺพสํ, เอวเมว มเหสกฺขานํ เทวตานํเยว ปญฺญายนฺติ, น สเพฺพสํฯ ยถา จ มนุเสฺสสุ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นกฺขตฺตปาฐกาทโยว ชานนฺติ, น สเพฺพ, เอวเมว ตานิปิ สเพฺพ เทวา น ชานนฺติ, ปณฺฑิตา เอว ปน ชานนฺติฯ ตตฺถ เย จ มเนฺทน กุสลกเมฺมน นิพฺพตฺตา เทวปุตฺตา, เต เตสุ อุปฺปเนฺนสุ – ‘‘อิทานิ โก ชานาติ, กุหิํ นิพฺพตฺติสฺสามา’’ติ ภายนฺติฯ เย มหาปุญฺญา, เต – ‘‘อเมฺหหิ ทินฺนํ ทานํ รกฺขิตํ สีลํ ภาวิตํ ภาวนํ อาคมฺม อุปริเทวโลเกสุ สมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสามา’’ติ น ภายนฺติฯ โพธิสโตฺตปิ ตานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ อนนฺตเร อตฺตภาเว พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติ น ภายิฯ อถสฺส เตสุ นิมิเตฺตสุ ปาตุภูเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา – ‘‘มาริส ตุเมฺหหิ ทส ปารมิโย ปูเรเนฺตหิ น สกฺกสมฺปตฺติํ น มารพฺรหฺมจกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ ปเตฺถเนฺตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยมาเนหิ ปูริตาฯ โส โว อิทานิ กาโล มาริส พุทฺธตฺตาย, สมโย มาริส พุทฺธตฺตายา’’ติ ยาจนฺติฯ
Imāni pana pubbanimittāni, yathā loke mahāpuññānaṃ rājarājamahāmattādīnaṃyeva ukkāpātabhūmicālacandaggāhādīni nimittāni paññāyanti, na sabbesaṃ, evameva mahesakkhānaṃ devatānaṃyeva paññāyanti, na sabbesaṃ. Yathā ca manussesu pubbanimittāni nakkhattapāṭhakādayova jānanti, na sabbe, evameva tānipi sabbe devā na jānanti, paṇḍitā eva pana jānanti. Tattha ye ca mandena kusalakammena nibbattā devaputtā, te tesu uppannesu – ‘‘idāni ko jānāti, kuhiṃ nibbattissāmā’’ti bhāyanti. Ye mahāpuññā, te – ‘‘amhehi dinnaṃ dānaṃ rakkhitaṃ sīlaṃ bhāvitaṃ bhāvanaṃ āgamma uparidevalokesu sampattiṃ anubhavissāmā’’ti na bhāyanti. Bodhisattopi tāni pubbanimittāni disvā ‘‘idāni anantare attabhāve buddho bhavissāmī’’ti na bhāyi. Athassa tesu nimittesu pātubhūtesu dasasahassacakkavāḷadevatā sannipatitvā – ‘‘mārisa tumhehi dasa pāramiyo pūrentehi na sakkasampattiṃ na mārabrahmacakkavattisampattiṃ patthentehi pūritā, lokanittharaṇatthāya pana buddhattaṃ patthayamānehi pūritā. So vo idāni kālo mārisa buddhattāya, samayo mārisa buddhattāyā’’ti yācanti.
อถ มหาสโตฺต เทวตานํ ปฎิญฺญํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริเจฺฉทวเสน ปญฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิฯ ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, น กาโล’’ติ ปฐมํ กาลํ วิโลเกสิฯ ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติฯ กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปญฺญายนฺติ, พุทฺธานญฺจ ธมฺมเทสนา นาม ติลกฺขณมุตฺตา นตฺถิ, เตสํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ กเถนฺตานํ ‘‘กิํ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตุํ น สทฺธาตุํ มญฺญนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมิํ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติฯ ตสฺมา โส อกาโลฯ วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล นาม น โหติฯ กสฺมา? ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานญฺจ ทิโนฺนวาโท โอวาทฎฺฐาเน น ติฎฺฐติฯ อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติฯ ตสฺมา โสปิ อกาโลฯ สตสหสฺสโต ปน ปฎฺฐาย เหฎฺฐา วสฺสสตโต ปฎฺฐาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นามฯ ตทา จ วสฺสสตกาโล โหติฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิฯ
Atha mahāsatto devatānaṃ paṭiññaṃ adatvāva kāladīpadesakulajanettiāyuparicchedavasena pañcamahāvilokanaṃ nāma vilokesi. Tattha ‘‘kālo nu kho, na kālo’’ti paṭhamaṃ kālaṃ vilokesi. Tattha vassasatasahassato uddhaṃ vaḍḍhitaāyukālo kālo nāma na hoti. Kasmā? Tadā hi sattānaṃ jātijarāmaraṇāni na paññāyanti, buddhānañca dhammadesanā nāma tilakkhaṇamuttā natthi, tesaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattāti kathentānaṃ ‘‘kiṃ nāmetaṃ kathentī’’ti neva sotuṃ na saddhātuṃ maññanti, tato abhisamayo na hoti, tasmiṃ asati aniyyānikaṃ sāsanaṃ hoti. Tasmā so akālo. Vassasatato ūnaāyukālopi kālo nāma na hoti. Kasmā? Tadā hi sattā ussannakilesā honti, ussannakilesānañca dinnovādo ovādaṭṭhāne na tiṭṭhati. Udake daṇḍarāji viya khippaṃ vigacchati. Tasmā sopi akālo. Satasahassato pana paṭṭhāya heṭṭhā vassasatato paṭṭhāya uddhaṃ āyukālo kālo nāma. Tadā ca vassasatakālo hoti. Atha mahāsatto ‘‘nibbattitabbakālo’’ti kālaṃ passi.
ตโต ทีปํ วิโลเกโนฺต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิฯ
Tato dīpaṃ vilokento saparivāre cattāro dīpe oloketvā – ‘‘tīsu dīpesu buddhā na nibbattanti, jambudīpeyeva nibbattantī’’ti dīpaṃ passi.
ตโต – ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมิํ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ เทสํ วิโลเกโนฺต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิฯ มชฺฌิมเทโส นาม ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม’’ติอาทินา นเยน วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุโตฺตวฯ โส ปน อายามโต ตีณิ โยชนสตานิฯ วิตฺถารโต อฑฺฒติยานิ, ปริเกฺขปโต นวโยชนสตานีติฯ เอตสฺมิญฺหิ ปเทเส จตฺตาริ อฎฺฐ โสฬส วา อสเงฺขฺยยฺยานิ, กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติฯ เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ, กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปเจฺจกพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ, กปฺปสตสหสฺสญฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานญฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกจกฺกวตฺติราชาโน อุปฺปชฺชนฺติ, อเญฺญ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติฯ อิทเญฺจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฎฺฐมคมาสิฯ
Tato – ‘‘jambudīpo nāma mahā, dasayojanasahassaparimāṇo, katarasmiṃ nu kho padese buddhā nibbattantī’’ti desaṃ vilokento majjhimadesaṃ passi. Majjhimadeso nāma ‘‘puratthimāya disāya gajaṅgalaṃ nāma nigamo’’tiādinā nayena vinaye (mahāva. 259) vuttova. So pana āyāmato tīṇi yojanasatāni. Vitthārato aḍḍhatiyāni, parikkhepato navayojanasatānīti. Etasmiñhi padese cattāri aṭṭha soḷasa vā asaṅkhyeyyāni, kappasatasahassañca pāramiyo pūretvā sammāsambuddhā uppajjanti. Dve asaṅkhyeyyāni, kappasatasahassañca pāramiyo pūretvā paccekabuddhā uppajjanti, ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ, kappasatasahassañca pāramiyo pūretvā sāriputtamoggallānādayo mahāsāvakā uppajjanti, catunnaṃ mahādīpānaṃ dvisahassānaṃ parittadīpānañca issariyādhipaccakārakacakkavattirājāno uppajjanti, aññe ca mahesakkhā khattiyabrāhmaṇagahapatimahāsālā uppajjanti. Idañcettha kapilavatthu nāma nagaraṃ, tattha mayā nibbattitabbanti niṭṭhamagamāsi.
ตโต กุลํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธา นาม โลกสมฺมเต กุเล นิพฺพตฺตนฺติ, อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ, สุโทฺธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิฯ
Tato kulaṃ vilokento – ‘‘buddhā nāma lokasammate kule nibbattanti, idāni ca khattiyakulaṃ lokasammataṃ, tattha nibbattissāmi, suddhodano nāma rājā me pitā bhavissatī’’ti kulaṃ passi.
ตโต มาตรํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี ชาติโต ปฎฺฐาย อขณฺฑปญฺจสีลา โหติ, อยญฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสาฯ อยํ เม มาตา ภวิสฺสติฯ กิตฺตกํ ปนสฺสา อายู’’ติ อาวชฺชโนฺต – ‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิฯ
Tato mātaraṃ vilokento – ‘‘buddhamātā nāma lolā surādhuttā na hoti, kappasatasahassaṃ pūritapāramī jātito paṭṭhāya akhaṇḍapañcasīlā hoti, ayañca mahāmāyā nāma devī edisā. Ayaṃ me mātā bhavissati. Kittakaṃ panassā āyū’’ti āvajjanto – ‘‘dasannaṃ māsānaṃ upari satta divasānī’’ti passi.
อิติ อิมํ ปญฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา – ‘‘กาโล เม มาริสา พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรโนฺต ปฎิญฺญํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห’’ติ ตา เทวตา อุโยฺยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิฯ สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยวฯ ตตฺถ นํ เทวตา – ‘‘อิโต จุโต สุคติํ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคติํ คจฺฉา’’ติ ปุเพฺพกตกุสลกโมฺมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติฯ โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรโนฺตว จวิฯ
Iti imaṃ pañcamahāvilokanaṃ viloketvā – ‘‘kālo me mārisā buddhabhāvāyā’’ti devatānaṃ saṅgahaṃ karonto paṭiññaṃ datvā ‘‘gacchatha tumhe’’ti tā devatā uyyojetvā tusitadevatāhi parivuto tusitapure nandanavanaṃ pāvisi. Sabbadevalokesu hi nandanavanaṃ atthiyeva. Tattha naṃ devatā – ‘‘ito cuto sugatiṃ gaccha, ito cuto sugatiṃ gacchā’’ti pubbekatakusalakammokāsaṃ sārayamānā vicaranti. So evaṃ devatāhi kusalaṃ sārayamānāhi parivuto tattha vicarantova cavi.
เอวํ จุโต จวามีติ ปชานาติ, จุติจิตฺตํ น ชานาติฯ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาปิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ, อิมสฺมิํ เม ฐาเน ปฎิสนฺธิ คหิตาติ เอวํ ปน ชานาติฯ เกจิ ปน เถรา ‘‘อาวชฺชนปริยาโย นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ทุติยตติยจิตฺตวาเรเยว ชานิสฺสตี’’ติ วทนฺติฯ ติปิฎกมหาสีวเตฺถโร ปนาห – ‘‘มหาสตฺตานํ ปฎิสนฺธิ น อเญฺญสํ ปฎิสนฺธิสทิสา, โกฎิปฺปตฺตํ เตสํ สติสมฺปชญฺญํฯ ยสฺมา ปน เตเนว จิเตฺตน ตํ จิตฺตํ ญาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา จุติจิตฺตํ น ชานาติฯ จุติกฺขเณปิ จวามีติ ปชานาติ, ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาปิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ, อสุกสฺมิํ ฐาเน ปฎิสนฺธิ คหิตาติ ปชานาติ, ตสฺมิํ กาเล ทสสหสฺสี กมฺปตี’’ติฯ เอวํ สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมโนฺต ปน เอกูนวีสติยา ปฎิสนฺธิจิเตฺตสุ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส โสมนสฺส-สหคต-ญาณสมฺปยุตฺต-อสงฺขาริก-กุสลจิตฺตสฺส สทิสมหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ มหาสีวเตฺถโร ปน ‘‘อุเปกฺขาสหคเตนา’’ติ อาหฯ
Evaṃ cuto cavāmīti pajānāti, cuticittaṃ na jānāti. Paṭisandhiṃ gahetvāpi paṭisandhicittaṃ na jānāti, imasmiṃ me ṭhāne paṭisandhi gahitāti evaṃ pana jānāti. Keci pana therā ‘‘āvajjanapariyāyo nāma laddhuṃ vaṭṭati, dutiyatatiyacittavāreyeva jānissatī’’ti vadanti. Tipiṭakamahāsīvatthero panāha – ‘‘mahāsattānaṃ paṭisandhi na aññesaṃ paṭisandhisadisā, koṭippattaṃ tesaṃ satisampajaññaṃ. Yasmā pana teneva cittena taṃ cittaṃ ñātuṃ na sakkā, tasmā cuticittaṃ na jānāti. Cutikkhaṇepi cavāmīti pajānāti, paṭisandhiṃ gahetvāpi paṭisandhicittaṃ na jānāti, asukasmiṃ ṭhāne paṭisandhi gahitāti pajānāti, tasmiṃ kāle dasasahassī kampatī’’ti. Evaṃ sato sampajāno mātukucchiṃ okkamanto pana ekūnavīsatiyā paṭisandhicittesu mettāpubbabhāgassa somanassa-sahagata-ñāṇasampayutta-asaṅkhārika-kusalacittassa sadisamahāvipākacittena paṭisandhiṃ gaṇhi. Mahāsīvatthero pana ‘‘upekkhāsahagatenā’’ti āha.
ปฎิสนฺธิํ คณฺหโนฺต ปน อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตน อคฺคเหสิฯ ตทา กิร มหามายา ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูสนสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโต วุฎฺฐาย คโนฺธทเกน นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภุญฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย สิรีคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิรีสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิทํ สุปินํ อทฺทส – ‘‘จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธิํ อุกฺขิปิตฺวา อโนตตฺตทหํ เนตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา คเนฺธหิ วิลิเมฺปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา ตโต อวิทูเร รชตปพฺพโต, ตสฺส อโนฺต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตสฺมิํ ปาจีนโต สีสํ กตฺวา นิปชฺชาเปสุํฯ อถ โพธิสโตฺต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต, ตตฺถ จริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉิํ ปวิฎฺฐสทิโส อโหสิฯ
Paṭisandhiṃ gaṇhanto pana āsāḷhīpuṇṇamāyaṃ uttarāsāḷhanakkhattena aggahesi. Tadā kira mahāmāyā pure puṇṇamāya sattamadivasato paṭṭhāya vigatasurāpānaṃ mālāgandhavibhūsanasampannaṃ nakkhattakīḷaṃ anubhavamānā sattame divase pāto vuṭṭhāya gandhodakena nhāyitvā sabbālaṅkāravibhūsitā varabhojanaṃ bhuñjitvā uposathaṅgāni adhiṭṭhāya sirīgabbhaṃ pavisitvā sirīsayane nipannā niddaṃ okkamamānā idaṃ supinaṃ addasa – ‘‘cattāro kira naṃ mahārājāno sayaneneva saddhiṃ ukkhipitvā anotattadahaṃ netvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Atha nesaṃ deviyo āgantvā manussamalaharaṇatthaṃ nhāpetvā dibbavatthaṃ nivāsetvā gandhehi vilimpetvā dibbapupphāni piḷandhitvā tato avidūre rajatapabbato, tassa anto kanakavimānaṃ atthi, tasmiṃ pācīnato sīsaṃ katvā nipajjāpesuṃ. Atha bodhisatto setavaravāraṇo hutvā tato avidūre eko suvaṇṇapabbato, tattha caritvā tato oruyha rajatapabbataṃ abhiruhitvā uttaradisato āgamma kanakavimānaṃ pavisitvā mātaraṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇapassaṃ phāletvā kucchiṃ paviṭṭhasadiso ahosi.
อถ ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ปภาตาย รตฺติยา จตุสฎฺฐิมเตฺต พฺราหฺมณปาโมเกฺข ปโกฺกสาเปตฺวา หริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺกราภิสงฺขารสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีติเหว ปฎิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อเญฺญหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวีทานาทีหิ เต สนฺตเปฺปสิฯ อถ เนสํ สพฺพกามสนฺตปฺปิตานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา – ‘‘กิํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘มา จินฺตยิ มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คโพฺภ ปติฎฺฐิโต, โส จ โข ปุริสคโพฺภ, น อิตฺถิคโพฺภ, ปุโตฺต เต ภวิสฺสติฯ โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตีฯ สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุโทฺธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโท’’ติฯ เอวํ สโต สมฺปชาโน โพธิสโตฺต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติฯ
Atha pabuddhā devī taṃ supinaṃ rañño ārocesi. Rājā pabhātāya rattiyā catusaṭṭhimatte brāhmaṇapāmokkhe pakkosāpetvā haritūpalittāya lājādīhi katamaṅgalasakkārāya bhūmiyā mahārahāni āsanāni paññāpetvā tattha nisinnānaṃ brāhmaṇānaṃ sappimadhusakkarābhisaṅkhārassa varapāyāsassa suvaṇṇarajatapātiyo pūretvā suvaṇṇarajatapātītiheva paṭikujjitvā adāsi, aññehi ca ahatavatthakapilagāvīdānādīhi te santappesi. Atha nesaṃ sabbakāmasantappitānaṃ supinaṃ ārocāpetvā – ‘‘kiṃ bhavissatī’’ti pucchi. Brāhmaṇā āhaṃsu – ‘‘mā cintayi mahārāja, deviyā te kucchimhi gabbho patiṭṭhito, so ca kho purisagabbho, na itthigabbho, putto te bhavissati. So sace agāraṃ ajjhāvasissati, rājā bhavissati cakkavattī. Sace agārā nikkhamma pabbajissati, buddho bhavissati loke vivaṭṭacchado’’ti. Evaṃ sato sampajāno bodhisatto tusitakāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamati.
ตตฺถ สโต สมฺปชาโนติ อิมินา จตุตฺถาย คพฺภาวกฺกนฺติยา โอกฺกมตีติ ทเสฺสติฯ จตโสฺส หิ คพฺภาวกฺกนฺติโยฯ
Tattha sato sampajānoti iminā catutthāya gabbhāvakkantiyā okkamatīti dasseti. Catasso hi gabbhāvakkantiyo.
‘‘จตโสฺส อิมา, ภเนฺต, คพฺภาวกฺกนฺติโยฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติฯ
‘‘Catasso imā, bhante, gabbhāvakkantiyo. Idha, bhante, ekacco asampajāno mātukucchiṃ okkamati, asampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti, asampajāno mātukucchimhā nikkhamati, ayaṃ paṭhamā gabbhāvakkanti.
ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ
Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati, asampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti, asampajāno mātukucchimhā nikkhamati, ayaṃ dutiyā gabbhāvakkanti.
ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ, อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ ตติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ
Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati, sampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti, asampajāno mātukucchimhā nikkhamati, ayaṃ tatiyā gabbhāvakkanti.
ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ, สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อยํ จตุตฺถา คพฺภาวกฺกนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๔๗)ฯ
Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati, sampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti, sampajāno mātukucchimhā nikkhamati, ayaṃ catutthā gabbhāvakkantī’’ti (dī. ni. 3.147).
เอตาสุ ปฐมา โลกิยมนุสฺสานํ โหติ, ทุติยา อสีติมหาสาวกานํ, ตติยา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปเจฺจกโพธิสตฺตานญฺจฯ เต กิร กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา อเนกสตโปริเส ปปาเต วิย โยนิมุเข ตาฬจฺฉิคฺคเลน หตฺถี วิย อติวิย สมฺพาเธน โยนิมุเขน นิกฺขมมานา อนนฺตํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติฯ เตน เนสํ ‘‘มยํ นิกฺขมามา’’ติ สมฺปชานตา น โหติฯ จตุตฺถา สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํฯ เต หิ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตาปิ ชานนฺติ, ตตฺถ วสนฺตาปิ ชานนฺติฯ นิกฺขมนกาเลปิ เนสํ กมฺมชวาตา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ขิปิตุํ น สโกฺกนฺติ, เทฺว หเตฺถ ปสาเรตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ฐิตกาว นิกฺขมนฺติฯ
Etāsu paṭhamā lokiyamanussānaṃ hoti, dutiyā asītimahāsāvakānaṃ, tatiyā dvinnaṃ aggasāvakānaṃ paccekabodhisattānañca. Te kira kammajavātehi uddhaṃpādā adhosirā anekasataporise papāte viya yonimukhe tāḷacchiggalena hatthī viya ativiya sambādhena yonimukhena nikkhamamānā anantaṃ dukkhaṃ pāpuṇanti. Tena nesaṃ ‘‘mayaṃ nikkhamāmā’’ti sampajānatā na hoti. Catutthā sabbaññubodhisattānaṃ. Te hi mātukucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhantāpi jānanti, tattha vasantāpi jānanti. Nikkhamanakālepi nesaṃ kammajavātā uddhaṃpāde adhosire katvā khipituṃ na sakkonti, dve hatthe pasāretvā akkhīni ummīletvā ṭhitakāva nikkhamanti.
๒๐๑. มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตีติ เอตฺถ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหตีติ อโตฺถฯ โอกฺกเนฺต หิ ตสฺมิํ เอวํ โหติ, น โอกฺกมมาเนฯ อปฺปมาโณติ พุทฺธปฺปมาโณ, วิปุโลติ อโตฺถฯ อุฬาโรติ ตเสฺสว เววจนํฯ เทวานุภาวนฺติ เอตฺถ เทวานํ อยมานุภาโว – นิวตฺถวตฺถสฺส ปภา ทฺวาทส โยชนานิ ผรติ, ตถา สรีรสฺส, ตถา อลงฺการสฺส, ตถา วิมานสฺส, ตํ อติกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ
201.Mātukucchiṃ okkamatīti ettha mātukucchiṃ okkanto hotīti attho. Okkante hi tasmiṃ evaṃ hoti, na okkamamāne. Appamāṇoti buddhappamāṇo, vipuloti attho. Uḷāroti tasseva vevacanaṃ. Devānubhāvanti ettha devānaṃ ayamānubhāvo – nivatthavatthassa pabhā dvādasa yojanāni pharati, tathā sarīrassa, tathā alaṅkārassa, tathā vimānassa, taṃ atikkamitvāti attho.
โลกนฺตริกาติ ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตรา เอเกโก โลกนฺตริกา โหติ, ติณฺณํ สกฎจกฺกานํ ปตฺตานํ วา อญฺญมญฺญํ อาหจฺจ ฐปิตานํ มเชฺฌ โอกาโส วิยฯ โส ปน โลกนฺตริกนิรโย ปริมาณโต อฎฺฐโยชนสหโสฺส โหติฯ อฆาติ นิจฺจวิวฎาฯ อสํวุตาติ เหฎฺฐาปิ อปฺปติฎฺฐาฯ อนฺธการาติ ตมภูตาฯ อนฺธการติมิสาติ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺตินิวารณโต อนฺธภาวกรณติมิเสน สมนฺนาคตาฯ ตตฺถ กิร จกฺขุวิญฺญาณํ น ชายติฯ เอวํมหิทฺธิกาติ จนฺทิมสูริยา กิร เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปญฺญายนฺติ, เอวํมหิทฺธิกาฯ เอเกกาย ทิสาย นวนวโยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทเสฺสนฺติ, เอวํ มหานุภาวาฯ อาภาย นานุโภนฺตีติ อตฺตโน ปภาย นปฺปโหนฺติฯ เต กิร จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมเชฺฌน จรนฺติ, จกฺกวาฬปพฺพตญฺจ อติกฺกมฺม โลกนฺตริกนิรโย, ตสฺมา เต ตตฺถ อาภาย นปฺปโหนฺติฯ
Lokantarikāti tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ cakkavāḷānaṃ antarā ekeko lokantarikā hoti, tiṇṇaṃ sakaṭacakkānaṃ pattānaṃ vā aññamaññaṃ āhacca ṭhapitānaṃ majjhe okāso viya. So pana lokantarikanirayo parimāṇato aṭṭhayojanasahasso hoti. Aghāti niccavivaṭā. Asaṃvutāti heṭṭhāpi appatiṭṭhā. Andhakārāti tamabhūtā. Andhakāratimisāti cakkhuviññāṇuppattinivāraṇato andhabhāvakaraṇatimisena samannāgatā. Tattha kira cakkhuviññāṇaṃ na jāyati. Evaṃmahiddhikāti candimasūriyā kira ekappahāreneva tīsu dīpesu paññāyanti, evaṃmahiddhikā. Ekekāya disāya navanavayojanasatasahassāni andhakāraṃ vidhamitvā ālokaṃ dassenti, evaṃ mahānubhāvā. Ābhāyanānubhontīti attano pabhāya nappahonti. Te kira cakkavāḷapabbatassa vemajjhena caranti, cakkavāḷapabbatañca atikkamma lokantarikanirayo, tasmā te tattha ābhāya nappahonti.
เยปิ ตตฺถ สตฺตาติ เยปิ ตสฺมิํ โลกนฺตรมหานิรเย สตฺตา อุปปนฺนาฯ กิํ ปน กมฺมํ กตฺวา เต ตตฺถ อุปฺปชฺชนฺตีติ? ภาริยํ ทารุณํ มาตาปิตูนํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานญฺจ อุปริ อปราธํ อญฺญญฺจ ทิวเส ทิวเส ปาณวธาทิสาหสิกกมฺมํ กตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ ตมฺพปณฺณิทีเป อภยโจรนาคโจราทโย วิยฯ เตสํ อตฺตภาโว ติคาวุติโก โหติ, วคฺคุลีนํ วิย ทีฆนขา โหนฺติฯ เต รุเกฺข วคฺคุลิโย วิย นเขหิ จกฺกวาฬปาเท ลคฺคนฺติฯ ยทา ปน สํสปฺปนฺตา อญฺญมญฺญสฺส หตฺถปาสํ คตา โหนฺติ, อถ ‘‘ภโกฺข โน ลโทฺธ’’ติ มญฺญมานา ตตฺถ วาวฎา วิปริวตฺติตฺวา โลกสนฺธารกอุทเก ปตนฺติฯ วาเต ปหรเนฺต มธุกผลานิ วิย ฉิชฺชิตฺวา อุทเก ปตนฺติฯ ปติตมตฺตา จ อจฺจนฺตขาเร อุทเก ปิฎฺฐปิณฺฑิ วิย วิลียนฺติฯ
Yepi tattha sattāti yepi tasmiṃ lokantaramahāniraye sattā upapannā. Kiṃ pana kammaṃ katvā te tattha uppajjantīti? Bhāriyaṃ dāruṇaṃ mātāpitūnaṃ dhammikasamaṇabrāhmaṇānañca upari aparādhaṃ aññañca divase divase pāṇavadhādisāhasikakammaṃ katvā uppajjanti tambapaṇṇidīpe abhayacoranāgacorādayo viya. Tesaṃ attabhāvo tigāvutiko hoti, vaggulīnaṃ viya dīghanakhā honti. Te rukkhe vagguliyo viya nakhehi cakkavāḷapāde lagganti. Yadā pana saṃsappantā aññamaññassa hatthapāsaṃ gatā honti, atha ‘‘bhakkho no laddho’’ti maññamānā tattha vāvaṭā viparivattitvā lokasandhārakaudake patanti. Vāte paharante madhukaphalāni viya chijjitvā udake patanti. Patitamattā ca accantakhāre udake piṭṭhapiṇḍi viya vilīyanti.
อเญฺญปิ กิร โภ สนฺติ สตฺตาติ – ‘‘ยถา มยํ มหาทุกฺขํ อนุภวาม, เอวํ อเญฺญปิ กิร สตฺตา อิทํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตา อิธูปปนฺนา’’ติ ตํ ทิวสํ ปสฺสนฺติฯ อยํ ปน โอภาโส เอกยาคุปานมตฺตมฺปิ น ติฎฺฐติ, ยาวตา นิทฺทายิตฺวา ปพุโทฺธ อารมฺมณํ วิภาเวติ, ตตฺตกํ กาลํ โหติฯ ทีฆภาณกา ปน ‘‘อจฺฉราสงฺฆาฎมตฺตเมว วิชฺชุภาโส วิย นิจฺฉริตฺวา กิํ อิทนฺติ ภณนฺตานํเยว อนฺตรธายตี’’ติ วทนฺติฯ สงฺกมฺปตีติ สมนฺตโต กมฺปติฯ อิตรทฺวยํ ปุริมปเสฺสว เววจนํฯ ปุน อปฺปมาโณ จาติอาทิ นิคมนตฺถํ วุตฺตํฯ
Aññepi kira bho santi sattāti – ‘‘yathā mayaṃ mahādukkhaṃ anubhavāma, evaṃ aññepi kira sattā idaṃ dukkhaṃ anubhavantā idhūpapannā’’ti taṃ divasaṃ passanti. Ayaṃ pana obhāso ekayāgupānamattampi na tiṭṭhati, yāvatā niddāyitvā pabuddho ārammaṇaṃ vibhāveti, tattakaṃ kālaṃ hoti. Dīghabhāṇakā pana ‘‘accharāsaṅghāṭamattameva vijjubhāso viya niccharitvā kiṃ idanti bhaṇantānaṃyeva antaradhāyatī’’ti vadanti. Saṅkampatīti samantato kampati. Itaradvayaṃ purimapasseva vevacanaṃ. Puna appamāṇo cātiādi nigamanatthaṃ vuttaṃ.
๒๐๒. จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตุทฺทิสํ อารกฺขาย อุปคจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จตฺตาโรติ จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสน วุตฺตํ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตฺตาลีสทสสหสฺสา โหนฺติฯ ตตฺถ อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ มหาราชาโน ขคฺคหตฺถา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อารกฺขณตฺถาย อุปคนฺตฺวา สิรีคพฺภํ ปวิฎฺฐา, อิตเร คพฺภทฺวารโต ปฎฺฐาย อวรุทฺธปํสุปิสาจกาทิยกฺขคเณ ปฎิกฺกมาเปตฺวา ยาว จกฺกวาฬา อารกฺขํ คณฺหิํสุฯ
202.Cattāro devaputtā catuddisaṃ ārakkhāya upagacchantīti ettha cattāroti catunnaṃ mahārājūnaṃ vasena vuttaṃ, dasasahassacakkavāḷe pana cattāro cattāro katvā cattālīsadasasahassā honti. Tattha imasmiṃ cakkavāḷe mahārājāno khaggahatthā āgantvā bodhisattassa ārakkhaṇatthāya upagantvā sirīgabbhaṃ paviṭṭhā, itare gabbhadvārato paṭṭhāya avaruddhapaṃsupisācakādiyakkhagaṇe paṭikkamāpetvā yāva cakkavāḷā ārakkhaṃ gaṇhiṃsu.
กิมตฺถํ ปนายํ รกฺขา อาคตา? นนุ ปฎิสนฺธิกฺขเณ กลลกาลโต ปฎฺฐาย สเจปิ โกฎิสตสหสฺสา มารา โกฎิสตสหสฺสํ สิเนรุํ อุกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส วา โพธิสตฺตมาตุยา วา อนฺตรายกรณตฺถํ อาคเจฺฉยฺยุํ, สเพฺพ อนฺตราว อนฺตรธาเยยฺยุํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา รุหิรุปฺปาทวตฺถุสฺมิํ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺยฯ อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติฯ คจฺฉถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ยถาวิหารํ, อรกฺขิยา, ภิกฺขเว, ตถาคตา’’ติ (จูฬว. ๓๔๑)ฯ เอวเมตํ, น ปรูปกฺกเมน เตสํ ชีวิตนฺตราโย อตฺถิฯ สนฺติ โข ปน อมนุสฺสา วิรูปา ทุทฺทสิกา, เภรวรุปา ปกฺขิโน, เยสํ รูปํ ทิสฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โพธิสตฺตมาตุ ภยํ วา สนฺตาโส วา อุปฺปเชฺชยฺย, เตสํ นิวารณตฺถาย รกฺขํ อคฺคเหสุํฯ อปิจ โข โพธิสตฺตสฺส ปุญฺญเตเชน สญฺชาตคารวา อตฺตโน คารวโจทิตาปิ เต เอวมกํสุฯ
Kimatthaṃ panāyaṃ rakkhā āgatā? Nanu paṭisandhikkhaṇe kalalakālato paṭṭhāya sacepi koṭisatasahassā mārā koṭisatasahassaṃ sineruṃ ukkhipitvā bodhisattassa vā bodhisattamātuyā vā antarāyakaraṇatthaṃ āgaccheyyuṃ, sabbe antarāva antaradhāyeyyuṃ. Vuttampi cetaṃ bhagavatā ruhiruppādavatthusmiṃ – ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ parūpakkamena tathāgataṃ jīvitā voropeyya. Anupakkamena, bhikkhave, tathāgatā parinibbāyanti. Gacchatha tumhe, bhikkhave, yathāvihāraṃ, arakkhiyā, bhikkhave, tathāgatā’’ti (cūḷava. 341). Evametaṃ, na parūpakkamena tesaṃ jīvitantarāyo atthi. Santi kho pana amanussā virūpā duddasikā, bheravarupā pakkhino, yesaṃ rūpaṃ disvā saddaṃ vā sutvā bodhisattamātu bhayaṃ vā santāso vā uppajjeyya, tesaṃ nivāraṇatthāya rakkhaṃ aggahesuṃ. Apica kho bodhisattassa puññatejena sañjātagāravā attano gāravacoditāpi te evamakaṃsu.
กิํ ปน เต อโนฺตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ฐิตา จตฺตาโร มหาราชาโน โพธิสตฺตมาตุยา อตฺตานํ ทเสฺสนฺติ น ทเสฺสนฺตีติ? นหานมณฺฑนโภชนาทิสรีรกิจฺจกาเล น ทเสฺสนฺติ, สิรีคพฺภํ ปวิสิตฺวา วรสยเน นิปนฺนกาเล ปน ทเสฺสนฺติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อมนุสฺสทสฺสนํ นาม มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ โหติ, โพธิสตฺตมาตา ปน อตฺตโน เจว ปุตฺตสฺส จ ปุญฺญานุภาเวน เต ทิสฺวา น ภายติ, ปกติอเนฺตปุรปาลเกสุ วิย อสฺสา เตสุ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ
Kiṃ pana te antogabbhaṃ pavisitvā ṭhitā cattāro mahārājāno bodhisattamātuyā attānaṃ dassenti na dassentīti? Nahānamaṇḍanabhojanādisarīrakiccakāle na dassenti, sirīgabbhaṃ pavisitvā varasayane nipannakāle pana dassenti. Tattha kiñcāpi amanussadassanaṃ nāma manussānaṃ sappaṭibhayaṃ hoti, bodhisattamātā pana attano ceva puttassa ca puññānubhāvena te disvā na bhāyati, pakatiantepurapālakesu viya assā tesu cittaṃ uppajjati.
๒๐๓. ปกติยา สีลวตีติ สภาเวเนว สีลสมฺปนฺนาฯ อนุปฺปเนฺน กิร พุเทฺธ มนุสฺสา ตาปสปริพฺพาชกานํ สนฺติเก วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา สีลํ คณฺหนฺติ, โพธิสตฺตมาตาปิ กาลเทวิลสฺส อิสิโน สนฺติเก คณฺหาติฯ โพธิสเตฺต ปน กุจฺฉิคเต อญฺญสฺส ปาทมูเล นิสีทิตุํ นาม น สกฺกา, สมาสเน นิสีทิตฺวา คหิตสีลมฺปิ อวญฺญา การณมตฺตํ โหติฯ ตสฺมา สยเมว สีลํ อคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติฯ
203.Pakatiyāsīlavatīti sabhāveneva sīlasampannā. Anuppanne kira buddhe manussā tāpasaparibbājakānaṃ santike vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā sīlaṃ gaṇhanti, bodhisattamātāpi kāladevilassa isino santike gaṇhāti. Bodhisatte pana kucchigate aññassa pādamūle nisīdituṃ nāma na sakkā, samāsane nisīditvā gahitasīlampi avaññā kāraṇamattaṃ hoti. Tasmā sayameva sīlaṃ aggahesīti vuttaṃ hoti.
ปุริเสสูติ โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ อาทิํ กตฺวา เกสุจิ มนุเสฺสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติฯ ตญฺจ โข โพธิสเตฺต คารเวน, น ปหีนกิเลสตายฯ โพธิสตฺตมาตุ รูปํ ปน สุกุสลาปิ สิปฺปิกา โปตฺถกมฺมาทีสุปิ กาตุํ น สโกฺกนฺติ, ตํ ทิสฺวา ปุริสสฺส ราโค นุปฺปชฺชตีติ น สกฺกา วตฺตุํฯ สเจ ปน ตํ รตฺตจิโตฺต อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ, ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺติฯ ตสฺมา ‘‘อนติกฺกมนียา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Purisesūti bodhisattassa pitaraṃ ādiṃ katvā kesuci manussesu purisādhippāyacittaṃ nuppajjati. Tañca kho bodhisatte gāravena, na pahīnakilesatāya. Bodhisattamātu rūpaṃ pana sukusalāpi sippikā potthakammādīsupi kātuṃ na sakkonti, taṃ disvā purisassa rāgo nuppajjatīti na sakkā vattuṃ. Sace pana taṃ rattacitto upasaṅkamitukāmo hoti, pādā na vahanti, dibbasaṅkhalikā viya bajjhanti. Tasmā ‘‘anatikkamanīyā’’tiādi vuttaṃ.
ปญฺจนฺนํ กามคุณานนฺติ ปุเพฺพ ‘‘กามคุณูปสํหิต’’นฺติ ปุริสาธิปฺปายวเสน วตฺถุปฎิเกฺขโป กถิโต, อิธ อารมฺมณปฺปฎิลาโภ ทสฺสิโตฯ ตทา กิร ‘‘เทวิยา เอวรูโป ปุโตฺต กุจฺฉิสฺมิํ อุปฺปโนฺน’’ติ, สุตฺวา สมนฺตโต ราชาโน มหคฺฆอาภรณตูริยาทิวเสน ปญฺจทฺวารารมฺมณวตฺถุภูตํ ปณฺณาการํ เปเสนฺติ, โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ กตกมฺมสฺส อุสฺสนฺนตฺตา ลาภสกฺการสฺส ปมาณปริเจฺฉโท นาม นตฺถิฯ
Pañcannaṃ kāmaguṇānanti pubbe ‘‘kāmaguṇūpasaṃhita’’nti purisādhippāyavasena vatthupaṭikkhepo kathito, idha ārammaṇappaṭilābho dassito. Tadā kira ‘‘deviyā evarūpo putto kucchismiṃ uppanno’’ti, sutvā samantato rājāno mahagghaābharaṇatūriyādivasena pañcadvārārammaṇavatthubhūtaṃ paṇṇākāraṃ pesenti, bodhisattassa ca bodhisattamātuyā ca katakammassa ussannattā lābhasakkārassa pamāṇaparicchedo nāma natthi.
๒๐๔. อกิลนฺตกายาติ ยถา อญฺญา อิตฺถิโย คพฺภภาเรน กิลมนฺติ, หตฺถปาทา อุทฺธุมาตกาทีนิ ปาปุณนฺติ, น เอวํ ตสฺสา โกจิ กิลมโถ อโหสิฯ ติโรกุจฺฉิคตนฺติ อโนฺตกุจฺฉิคตํฯ กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา สญฺชาตองฺคปจฺจงฺคํ อหีนินฺทฺริยภาวํ อุปคตํเยว ปสฺสติฯ กิมตฺถํ ปสฺสติ? สุขวาสตฺถํฯ ยเถว หิ มาตา ปุเตฺตน สทฺธิํ นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา ‘‘หตฺถํ วา ปาทํ วา โอลมฺพนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา สณฺฐเปสฺสามี’’ติ สุขวาสตฺถํ ปุตฺตํ โอโลเกติ, เอวํ โพธิสตฺตมาตาปิ ยํ ตํ มาตุ อุฎฺฐานคมนปริวตฺตนนิสชฺชาทีสุ อุณฺหสีตโลณิกติตฺตกกฎุกาหารอโชฺฌหรณกาเลสุ จ คพฺภสฺส ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ นุ โข เม ตํ ปุตฺตสฺสาติ สุขวาสตฺถํ โพธิสตฺตํ โอโลกยมานา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติฯ ยถา หิ อเญฺญ อโนฺตกุจฺฉิคตา ปกฺกาสยํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อามาสยํ อุกฺขิปิตฺวา อุทรปฎลํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ปิฎฺฐิกณฺฎกํ นิสฺสาย อุกฺกุฎิกา ทฺวีสุ มุฎฺฐีสุ หนุกํ ฐเปตฺวา เทเว วสฺสเนฺต รุกฺขสุสิเร มกฺกฎา วิย นิสีทนฺติ, น เอวํ โพธิสโตฺตฯ โพธิสโตฺต ปน ปิฎฺฐิกณฺฎกํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ธมฺมาสเน ธมฺมกถิโก วิย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทติฯ ปุเพฺพ กตกมฺมํ ปนสฺสา วตฺถุํ โสเธติ, สุเทฺธ วตฺถุมฺหิ สุขุมจฺฉวิลกฺขณํ นิพฺพตฺตติ ฯ อถ นํ กุจฺฉิคตํ ตโจ ปฎิจฺฉาเทตุํ น สโกฺกติ, โอโลเกนฺติยา พหิ ฐิโต วิย ปญฺญายติฯ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวโนฺต เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ โพธิสโตฺต ปน อโนฺตกุจฺฉิคโต มาตรํ น ปสฺสติฯ น หิ อโนฺตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ
204.Akilantakāyāti yathā aññā itthiyo gabbhabhārena kilamanti, hatthapādā uddhumātakādīni pāpuṇanti, na evaṃ tassā koci kilamatho ahosi. Tirokucchigatanti antokucchigataṃ. Kalalādikālaṃ atikkamitvā sañjātaaṅgapaccaṅgaṃ ahīnindriyabhāvaṃ upagataṃyeva passati. Kimatthaṃ passati? Sukhavāsatthaṃ. Yatheva hi mātā puttena saddhiṃ nisinnā vā nipannā vā ‘‘hatthaṃ vā pādaṃ vā olambantaṃ ukkhipitvā saṇṭhapessāmī’’ti sukhavāsatthaṃ puttaṃ oloketi, evaṃ bodhisattamātāpi yaṃ taṃ mātu uṭṭhānagamanaparivattananisajjādīsu uṇhasītaloṇikatittakakaṭukāhāraajjhoharaṇakālesu ca gabbhassa dukkhaṃ uppajjati, atthi nu kho me taṃ puttassāti sukhavāsatthaṃ bodhisattaṃ olokayamānā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinnaṃ bodhisattaṃ passati. Yathā hi aññe antokucchigatā pakkāsayaṃ ajjhottharitvā āmāsayaṃ ukkhipitvā udarapaṭalaṃ piṭṭhito katvā piṭṭhikaṇṭakaṃ nissāya ukkuṭikā dvīsu muṭṭhīsu hanukaṃ ṭhapetvā deve vassante rukkhasusire makkaṭā viya nisīdanti, na evaṃ bodhisatto. Bodhisatto pana piṭṭhikaṇṭakaṃ piṭṭhito katvā dhammāsane dhammakathiko viya pallaṅkaṃ ābhujitvā puratthābhimukho nisīdati. Pubbe katakammaṃ panassā vatthuṃ sodheti, suddhe vatthumhi sukhumacchavilakkhaṇaṃ nibbattati . Atha naṃ kucchigataṃ taco paṭicchādetuṃ na sakkoti, olokentiyā bahi ṭhito viya paññāyati. Tamatthaṃ upamāya vibhāvento seyyathāpītiādimāha. Bodhisatto pana antokucchigato mātaraṃ na passati. Na hi antokucchiyaṃ cakkhuviññāṇaṃ uppajjati.
๒๐๕. กาลํ กโรตีติ น วิชาตภาวปจฺจยา, อายุปริกฺขเยเนวฯ โพธิสเตฺตน วสิตฎฺฐานญฺหิ เจติยกุฎิสทิสํ โหติ อเญฺญสํ อปริโภคํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ อปเนตฺวา อญฺญํ อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปตุนฺติ ตตฺตกํเยว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลํ กโรติฯ กตรสฺมิํ ปน วเย กาลํ กโรตีติ? มชฺฌิมวเยฯ ปฐมวยสฺมิญฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สญฺชาตคพฺภา อิตฺถี ตํ คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สโกฺกนฺติ, คโพฺภ พหฺวาพาโธ โหติฯ มชฺฌิมวยสฺส ปน เทฺว โกฎฺฐาเส อติกฺกมฺม ตติยโกฎฺฐาเส วตฺถุํ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตา ทารกา อโรคา โหนฺติฯ ตสฺมา โพธิสตฺตมาตาปิ ปฐมวเย สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฎฺฐาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรติฯ
205.Kālaṃkarotīti na vijātabhāvapaccayā, āyuparikkhayeneva. Bodhisattena vasitaṭṭhānañhi cetiyakuṭisadisaṃ hoti aññesaṃ aparibhogaṃ, na ca sakkā bodhisattamātaraṃ apanetvā aññaṃ aggamahesiṭṭhāne ṭhapetunti tattakaṃyeva bodhisattamātu āyuppamāṇaṃ hoti, tasmā tadā kālaṃ karoti. Katarasmiṃ pana vaye kālaṃ karotīti? Majjhimavaye. Paṭhamavayasmiñhi sattānaṃ attabhāve chandarāgo balavā hoti, tena tadā sañjātagabbhā itthī taṃ gabbhaṃ anurakkhituṃ na sakkonti, gabbho bahvābādho hoti. Majjhimavayassa pana dve koṭṭhāse atikkamma tatiyakoṭṭhāse vatthuṃ visadaṃ hoti, visade vatthumhi nibbattā dārakā arogā honti. Tasmā bodhisattamātāpi paṭhamavaye sampattiṃ anubhavitvā majjhimavayassa tatiyakoṭṭhāse vijāyitvā kālaṃ karoti.
นว วา ทส วาติ เอตฺถ วา-สเทฺทน วิกปฺปนวเสน สตฺต วา อฎฺฐ วา เอกาทส วา ทฺวาทส วาติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สตฺตมาสชาโต ชีวติ, สีตุณฺหกฺขโม ปน น โหติฯ อฎฺฐมาสชาโต น ชีวติ, เสสา ชีวนฺติฯ
Nava vā dasa vāti ettha vā-saddena vikappanavasena satta vā aṭṭha vā ekādasa vā dvādasa vāti evamādīnampi saṅgaho veditabbo. Tattha sattamāsajāto jīvati, sītuṇhakkhamo pana na hoti. Aṭṭhamāsajāto na jīvati, sesā jīvanti.
ฐิตาวาติ ฐิตาว หุตฺวาฯ มหามายาปิ เทวี อุปวิชญฺญา ญาติกุลฆรํ คมิสฺสามีติ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา กปิลวตฺถุโต เทวทหนครคามิมคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา เทวิํ สุวณฺณสิวิกาย นิสีทาเปสิฯ สกลนครวาสิโน สกฺยา ปริวาเรตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา เทวิํ คเหตฺวา ปายิํสุฯ สา เทวทหนครสฺส อวิทูเร ลุมฺพินิสาลวนุยฺยานํ ทิสฺวา อุยฺยานวิจรณตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา รโญฺญ สญฺญํ อทาสิฯ ราชา อุยฺยานํ ปฎิชคฺคาเปตฺวา อารกฺขํ สํวิทหาเปสิฯ เทวิยา อุยฺยานํ ปวิฎฺฐมตฺตาย กายทุพฺพลฺยํ อโหสิ, อถสฺสา มงฺคลสาลมูเล สิรีสยนํ ปญฺญาเปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปิํสุฯ สา อโนฺตสาณิํ ปวิสิตฺวา สาลสาขํ หเตฺถน คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถสฺสา ตาวเทว คพฺภวุฎฺฐานํ อโหสิฯ
Ṭhitāvāti ṭhitāva hutvā. Mahāmāyāpi devī upavijaññā ñātikulagharaṃ gamissāmīti rañño ārocesi. Rājā kapilavatthuto devadahanagaragāmimaggaṃ alaṅkārāpetvā deviṃ suvaṇṇasivikāya nisīdāpesi. Sakalanagaravāsino sakyā parivāretvā gandhamālādīhi pūjayamānā deviṃ gahetvā pāyiṃsu. Sā devadahanagarassa avidūre lumbinisālavanuyyānaṃ disvā uyyānavicaraṇatthāya cittaṃ uppādetvā rañño saññaṃ adāsi. Rājā uyyānaṃ paṭijaggāpetvā ārakkhaṃ saṃvidahāpesi. Deviyā uyyānaṃ paviṭṭhamattāya kāyadubbalyaṃ ahosi, athassā maṅgalasālamūle sirīsayanaṃ paññāpetvā sāṇiyā parikkhipiṃsu. Sā antosāṇiṃ pavisitvā sālasākhaṃ hatthena gahetvā aṭṭhāsi. Athassā tāvadeva gabbhavuṭṭhānaṃ ahosi.
เทวา นํ ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน ปฎิคฺคณฺหนฺติฯ กถํ? สูติเวสํ คณฺหิตฺวาติ เอเกฯ ตํ ปน ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – ตทา โพธิสตฺตมาตา สุวณฺณขจิตํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา มจฺฉกฺขิสทิสํ ทุกูลปฎํ ยาว ปาทนฺตาว ปารุปิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถสฺสา สลฺลหุกํ คพฺภวุฎฺฐานํ อโหสิ ธมฺมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิสํฯ อถ เต ปกติพฺรหฺมเวเสเนว อุปสงฺกมิตฺวา ปฐมํ สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคเหสุํฯ เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฎเกน ปฎิคฺคเหสุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เทวา นํ ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ ปจฺฉา มนุสฺสา’’ติฯ
Devā naṃ paṭhamaṃ paṭiggaṇhantīti khīṇāsavā suddhāvāsabrahmāno paṭiggaṇhanti. Kathaṃ? Sūtivesaṃ gaṇhitvāti eke. Taṃ pana paṭikkhipitvā idaṃ vuttaṃ – tadā bodhisattamātā suvaṇṇakhacitaṃ vatthaṃ nivāsetvā macchakkhisadisaṃ dukūlapaṭaṃ yāva pādantāva pārupitvā aṭṭhāsi. Athassā sallahukaṃ gabbhavuṭṭhānaṃ ahosi dhammakaraṇato udakanikkhamanasadisaṃ. Atha te pakatibrahmaveseneva upasaṅkamitvā paṭhamaṃ suvaṇṇajālena paṭiggahesuṃ. Tesaṃ hatthato manussā dukūlacumbaṭakena paṭiggahesuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘devā naṃ paṭhamaṃ paṭiggaṇhanti pacchā manussā’’ti.
๒๐๖. จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโนฯ ปฎิคฺคเหตฺวาติ อชินปฺปเวณิยา ปฎิคฺคเหตฺวาฯ มเหสโกฺขติ มหาเตโช มหายโส ลกฺขณสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ
206.Cattāro naṃ devaputtāti cattāro mahārājāno. Paṭiggahetvāti ajinappaveṇiyā paṭiggahetvā. Mahesakkhoti mahātejo mahāyaso lakkhaṇasampannoti attho.
วิสโทว นิกฺขมตีติ ยถา อเญฺญ สตฺตา โยนิมเคฺค ลคฺคนฺตา ภคฺควิภคฺคา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ นิกฺขมติ, อลโคฺค หุตฺวา นิกฺขมตีติ อโตฺถฯ อุเทนาติ อุทเกนฯ เกนจิ อสุจินาติ ยถา อเญฺญ สตฺตา กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา โยนิมเคฺค ปกฺขิตฺตา สตโปริสนรกปปาตํ ปตนฺตา วิย ตาฬจฺฉิเทฺทน นิกฺกฑฺฒิยมานา หตฺถี วิย มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา นานาอสุจิมกฺขิตาว นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสโตฺตฯ โพธิสตฺตญฺหิ กมฺมชวาตา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ โส ธมฺมาสนโต โอตรโนฺต ธมฺมกถิโก วิย นิเสฺสณิโต โอตรโนฺต ปุริโส วิย จ เทฺว หเตฺถ จ ปาเท จ ปสาเรตฺวา ฐิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโตว นิกฺขมติฯ
Visadova nikkhamatīti yathā aññe sattā yonimagge laggantā bhaggavibhaggā nikkhamanti, na evaṃ nikkhamati, alaggo hutvā nikkhamatīti attho. Udenāti udakena. Kenaci asucināti yathā aññe sattā kammajavātehi uddhaṃpādā adhosirā yonimagge pakkhittā sataporisanarakapapātaṃ patantā viya tāḷacchiddena nikkaḍḍhiyamānā hatthī viya mahādukkhaṃ anubhavantā nānāasucimakkhitāva nikkhamanti, na evaṃ bodhisatto. Bodhisattañhi kammajavātā uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ kātuṃ na sakkonti. So dhammāsanato otaranto dhammakathiko viya nisseṇito otaranto puriso viya ca dve hatthe ca pāde ca pasāretvā ṭhitakova mātukucchisambhavena kenaci asucinā amakkhitova nikkhamati.
อุทกสฺส ธาราติ อุทกวฎฺฎิโยฯ ตาสุ สีตา สุวณฺณกฎาเห ปตติ, อุณฺหา รชตกฎาเหฯ อิทญฺจ ปถวีตเล เกนจิ อสุจินา อสมฺมิสฺสํ เตสํ ปานียปริโภชนียอุทกเญฺจว อเญฺญหิ อสาธารณํ กีฬนอุทกญฺจ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อญฺญสฺส ปน สุวณฺณรชตฆเฎหิ อาหริยมานอุทกสฺส เจว หํสวฎฺฎกาทิโปกฺขรณิคตสฺส จ อุทกสฺส ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ
Udakassa dhārāti udakavaṭṭiyo. Tāsu sītā suvaṇṇakaṭāhe patati, uṇhā rajatakaṭāhe. Idañca pathavītale kenaci asucinā asammissaṃ tesaṃ pānīyaparibhojanīyaudakañceva aññehi asādhāraṇaṃ kīḷanaudakañca dassetuṃ vuttaṃ. Aññassa pana suvaṇṇarajataghaṭehi āhariyamānaudakassa ceva haṃsavaṭṭakādipokkharaṇigatassa ca udakassa paricchedo natthi.
๒๐๗. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโตฯ ปาฬิยํ ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมโตฺต วิย ทสฺสิโต, น ปน เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ นิกฺขนฺตมตฺตญฺหิ ตํ ปฐมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคณฺหิํสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฎเกน, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐิโตฯ
207.Sampatijātoti muhuttajāto. Pāḷiyaṃ pana mātukucchito nikkhantamatto viya dassito, na pana evaṃ daṭṭhabbaṃ. Nikkhantamattañhi taṃ paṭhamaṃ brahmāno suvaṇṇajālena paṭiggaṇhiṃsu, tesaṃ hatthato cattāro mahārājāno maṅgalasammatāya sukhasamphassāya ajinappaveṇiyā, tesaṃ hatthato manussā dukūlacumbaṭakena, manussānaṃ hatthato muccitvā pathaviyaṃ patiṭṭhito.
เสตมฺหิ ฉเตฺต อนุธาริยมาเนติ ทิพฺพเสตจฺฉเตฺต อนุธาริยมาเนฯ เอตฺถ จ ฉตฺตสฺส ปริวารานิ ขคฺคาทีนิ ปญฺจ ราชกกุธภณฺฑานิปิ อาคตาเนวฯ ปาฬิยํ ปน ราชคมเน ราชา วิย ฉตฺตเมว วุตฺตํฯ เตสุ ฉตฺตเมว ปญฺญายติ, น ฉตฺตคฺคาหกาฯ ตถา ขคฺค-ตาลวณฺฎ-โมรหตฺถก-วาฬพีชนิ-อุณฺหีสมตฺตาเยว ปญฺญายนฺติ, น เตสํ คาหกาฯ สพฺพานิ กิร ตานิ อทิสฺสมานรูปา เทวตา คณฺหิํสุฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Setamhi chatte anudhāriyamāneti dibbasetacchatte anudhāriyamāne. Ettha ca chattassa parivārāni khaggādīni pañca rājakakudhabhaṇḍānipi āgatāneva. Pāḷiyaṃ pana rājagamane rājā viya chattameva vuttaṃ. Tesu chattameva paññāyati, na chattaggāhakā. Tathā khagga-tālavaṇṭa-morahatthaka-vāḷabījani-uṇhīsamattāyeva paññāyanti, na tesaṃ gāhakā. Sabbāni kira tāni adissamānarūpā devatā gaṇhiṃsu. Vuttampi cetaṃ –
‘‘อเนกสาขญฺจ สหสฺสมณฺฑลํ,
‘‘Anekasākhañca sahassamaṇḍalaṃ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิเกฺข;
Chattaṃ marū dhārayumantalikkhe;
สุวณฺณทณฺฑา วิปตนฺติ จามรา,
Suvaṇṇadaṇḍā vipatanti cāmarā,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติฯ (สุ. นิ. ๖๙๓);
Na dissare cāmarachattagāhakā’’ti. (su. ni. 693);
สพฺพา จ ทิสาติ อิทํ สตฺตปทวีติหารูปริ ฐิตสฺส วิย สพฺพทิสานุวิโลกนํ วุตฺตํ, น โข ปเนวํ ทฎฺฐพฺพํฯ มหาสโตฺต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํฯ ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา – ‘‘มหาปุริส อิธ ตุเมฺหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุฯ เอวํ จตโสฺส ทิสา, จตโสฺส อนุทิสา, เหฎฺฐา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา อยํ อุตฺตรา ทิสาติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อาสภินฺติ อุตฺตมํฯ อโคฺคติ คุเณหิ สพฺพปฐโมฯ อิตรานิ เทฺว ปทานิ เอตเสฺสว เววจนานิฯ อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ ปททฺวเยน อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิฯ
Sabbā ca disāti idaṃ sattapadavītihārūpari ṭhitassa viya sabbadisānuvilokanaṃ vuttaṃ, na kho panevaṃ daṭṭhabbaṃ. Mahāsatto hi manussānaṃ hatthato muccitvā puratthimadisaṃ olokesi, anekacakkavāḷasahassāni ekaṅgaṇāni ahesuṃ. Tattha devamanussā gandhamālādīhi pūjayamānā – ‘‘mahāpurisa idha tumhehi sadisopi natthi, kuto uttaritaro’’ti āhaṃsu. Evaṃ catasso disā, catasso anudisā, heṭṭhā, uparīti dasapi disā anuviloketvā attanā sadisaṃ adisvā ayaṃ uttarā disāti sattapadavītihārena agamāsīti evamettha attho daṭṭhabbo. Āsabhinti uttamaṃ. Aggoti guṇehi sabbapaṭhamo. Itarāni dve padāni etasseva vevacanāni. Ayamantimā jāti, natthi dāni punabbhavoti padadvayena imasmiṃ attabhāve pattabbaṃ arahattaṃ byākāsi.
เอตฺถ จ สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฎฺฐานํ จตุอิทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตราภิมุขภาโว มหาชนํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ , สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทิพฺพเสตจฺฉตฺตธารณํ วิมุตฺติจฺฉตฺตปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปญฺจราชกกุธภณฺฑานิ ปญฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุจฺจนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทิสานุวิโลกนํ อนาวรณญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภีวาจาภาสนํ อปฺปฎิวตฺติยธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ สีหนาโท อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิเม วารา ปาฬิยํ อาคตา, สมฺพหุลวาโร ปน อาคโต, อาหริตฺวา ทีเปตโพฺพฯ
Ettha ca samehi pādehi pathaviyaṃ patiṭṭhānaṃ catuiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, uttarābhimukhabhāvo mahājanaṃ ajjhottharitvā abhibhavitvā gamanassa pubbanimittaṃ , sattapadagamanaṃ sattabojjhaṅgaratanapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, dibbasetacchattadhāraṇaṃ vimutticchattapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, pañcarājakakudhabhaṇḍāni pañcahi vimuttīhi vimuccanassa pubbanimittaṃ, disānuvilokanaṃ anāvaraṇañāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, āsabhīvācābhāsanaṃ appaṭivattiyadhammacakkappavattanassa pubbanimittaṃ. ‘‘Ayamantimā jātī’’ti sīhanādo anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānassa pubbanimittanti veditabbaṃ. Ime vārā pāḷiyaṃ āgatā, sambahulavāro pana āgato, āharitvā dīpetabbo.
มหาปุริสสฺส หิ ชาตทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุมฺหิ เทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติํสุฯ ปฐมํ เทวา ปฎิคฺคหิํสุ, ปจฺฉา มนุสฺสาฯ ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโย จ เกนจิ อวาทิตา สยเมว วชฺชิํสุ, มนุสฺสานํ อนฺทุพนฺธนาทีนิ ขณฺฑาขณฺฑํ ภิชฺชิํสุฯ สพฺพโรคา อมฺพิเลน โธตตมฺพมลํ วิย วิคจฺฉิํสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสิํสุฯ ชจฺจพธิรา สทฺทํ สุณิํสุ, ปีฐสปฺปี ชวนสมฺปนฺนา อเหสุํ, ชาติชฬานมฺปิ เอฬมูคานํ สติ ปติฎฺฐาสิ, วิเทเส ปกฺขนฺทนาวา สุปฎฺฎนํ ปาปุณิํสุ, อากาสฎฺฐกภูมฎฺฐกรตนานิ สกเตโชภาสิตานิ อเหสุํ, เวริโน เมตฺตจิตฺตํ ปฎิลภิํสุ, อวีจิมฺหิ อคฺคิ นิพฺพายิฯ โลกนฺตเร อาโลโก อุทปาทิ, นทีสุ ชลํ น ปวตฺติ, มหาสมุเทฺทสุ มธุรสทิสํ อุทกํ อโหสิ, วาโต น วายิ, อากาสปพฺพตรุกฺขคตา สกุณา ภสฺสิตฺวา ปถวีคตา อเหสุํ, จโนฺท อติโรจิ, สูริโย น อุโณฺห น สีตโล นิมฺมโล อุตุสมฺปโนฺน อโหสิ, เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานทฺวาเร ฐตฺวา อโปฺผฎนเสฬนเจลุเกฺขปาทีหิ มหากีฬํ กีฬิํสุ, จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วสฺสิ, มหาชนํ เนว ขุทา น ปิปาสา ปีเฬสิ, ทฺวารกวาฎานิ สยเมว วิวริํสุ, ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา ปุปฺผผลานิ คณฺหิํสุ, ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกทฺธชมาลา อโหสีติฯ
Mahāpurisassa hi jātadivase dasasahassilokadhātu kampi. Dasasahassilokadhātumhi devatā ekacakkavāḷe sannipatiṃsu. Paṭhamaṃ devā paṭiggahiṃsu, pacchā manussā. Tantibaddhā vīṇā cammabaddhā bheriyo ca kenaci avāditā sayameva vajjiṃsu, manussānaṃ andubandhanādīni khaṇḍākhaṇḍaṃ bhijjiṃsu. Sabbarogā ambilena dhotatambamalaṃ viya vigacchiṃsu, jaccandhā rūpāni passiṃsu. Jaccabadhirā saddaṃ suṇiṃsu, pīṭhasappī javanasampannā ahesuṃ, jātijaḷānampi eḷamūgānaṃ sati patiṭṭhāsi, videse pakkhandanāvā supaṭṭanaṃ pāpuṇiṃsu, ākāsaṭṭhakabhūmaṭṭhakaratanāni sakatejobhāsitāni ahesuṃ, verino mettacittaṃ paṭilabhiṃsu, avīcimhi aggi nibbāyi. Lokantare āloko udapādi, nadīsu jalaṃ na pavatti, mahāsamuddesu madhurasadisaṃ udakaṃ ahosi, vāto na vāyi, ākāsapabbatarukkhagatā sakuṇā bhassitvā pathavīgatā ahesuṃ, cando atiroci, sūriyo na uṇho na sītalo nimmalo utusampanno ahosi, devatā attano attano vimānadvāre ṭhatvā apphoṭanaseḷanacelukkhepādīhi mahākīḷaṃ kīḷiṃsu, cātuddīpikamahāmegho vassi, mahājanaṃ neva khudā na pipāsā pīḷesi, dvārakavāṭāni sayameva vivariṃsu, pupphūpagaphalūpagā rukkhā pupphaphalāni gaṇhiṃsu, dasasahassilokadhātu ekaddhajamālā ahosīti.
ตตฺราปิสฺส ทสสหสฺสิโลกธาตุกโมฺป สพฺพญฺญุตญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาเล เอกปฺปหาเรน สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฎิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฐมํ เทวตานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ อรูปชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ตนฺติพทฺธวีณานํ สยํ วชฺชนํ อนุปุพฺพวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, จมฺมพทฺธเภรีนํ วชฺชนํ มหติยา ธมฺมเภริยา อนุสฺสาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท อสฺมิมานสมุเจฺฉทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพโรควิคโม สพฺพกิเลสวิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ชจฺจนฺธานํ รูปทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ชจฺจพธิรานํ สทฺทสฺสวนํ ทิพฺพโสตธาตุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ , ปีฐสปฺปีนํ ชวนสมฺปทา จตุอิทฺธิปาทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ชฬานํ สติปติฎฺฐานํ จตุสติปฎฺฐานปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิเทสปกฺขนฺทนาวานํ สุปฎฺฎนสมฺปาปุณนํ จตุปฎิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธโมฺมภาสํ ทเสฺสสฺสติ ตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ
Tatrāpissa dasasahassilokadhātukampo sabbaññutañāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, devatānaṃ ekacakkavāḷe sannipāto dhammacakkappavattanakāle ekappahārena sannipatitvā dhammapaṭiggaṇhanassa pubbanimittaṃ, paṭhamaṃ devatānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ rūpāvacarajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ. Pacchā manussānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ arūpajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ, tantibaddhavīṇānaṃ sayaṃ vajjanaṃ anupubbavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, cammabaddhabherīnaṃ vajjanaṃ mahatiyā dhammabheriyā anussāvanassa pubbanimittaṃ, andubandhanādīnaṃ chedo asmimānasamucchedassa pubbanimittaṃ, sabbarogavigamo sabbakilesavigamassa pubbanimittaṃ, jaccandhānaṃ rūpadassanaṃ dibbacakkhupaṭilābhassa pubbanimittaṃ, jaccabadhirānaṃ saddassavanaṃ dibbasotadhātupaṭilābhassa pubbanimittaṃ , pīṭhasappīnaṃ javanasampadā catuiddhipādādhigamassa pubbanimittaṃ, jaḷānaṃ satipatiṭṭhānaṃ catusatipaṭṭhānapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, videsapakkhandanāvānaṃ supaṭṭanasampāpuṇanaṃ catupaṭisambhidādhigamassa pubbanimittaṃ, ratanānaṃ sakatejobhāsitattaṃ yaṃ lokassa dhammobhāsaṃ dassessati tassa pubbanimittaṃ.
เวรีนํ เมตฺตจิตฺตปฎิลาโภ จตุพฺรหฺมวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อวีจิมฺหิ อคฺคินิพฺพานํ เอกาทสอคฺคินิพฺพานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, โลกนฺตราโลโก อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา ญาณาโลกทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, มหาสมุทฺทสฺส มธุรตา นิพฺพานรเสน เอกรสภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วาตสฺส อวายนํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สกุณานํ ปถวีคมนํ มหาชนสฺส โอวาทํ สุตฺวา ปาเณหิ สรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, จนฺทสฺส อติวิโรจนํ พหุชนกนฺตตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชนอุตุสุขตา กายิกเจตสิกสุขุปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํ, เทวตานํ วิมานทฺวาเรสุ อโปฺผฎนาทีหิ กีฬนํ พุทฺธภาวํ ปตฺวา อุทานํ อุทานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, จาตุทฺทีปิกมหาเมฆวสฺสนํ มหโต ธมฺมเมฆวสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ขุทาปีฬนสฺส อภาโว กายคตาสติอมตปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปิปาสาปีฬนสฺส อภาโว วิมุตฺติสุเขน สุขิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทฺวารกวาฎานํ สยเมว วิวรณํ อฎฺฐงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, รุกฺขานํ ปุปฺผผลคหณํ วิมุตฺติปุเปฺผหิ ปุปฺผิตสฺส จ สามญฺญผลภารภริตภาวสฺส จ ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เอกทฺธชมาลตา อริยทฺธชมาลามาลิตาย ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ สมฺพหุลวาโร นามฯ
Verīnaṃ mettacittapaṭilābho catubrahmavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, avīcimhi agginibbānaṃ ekādasaagginibbānassa pubbanimittaṃ, lokantarāloko avijjandhakāraṃ vidhamitvā ñāṇālokadassanassa pubbanimittaṃ, mahāsamuddassa madhuratā nibbānarasena ekarasabhāvassa pubbanimittaṃ, vātassa avāyanaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhigatabhindanassa pubbanimittaṃ, sakuṇānaṃ pathavīgamanaṃ mahājanassa ovādaṃ sutvā pāṇehi saraṇagamanassa pubbanimittaṃ, candassa ativirocanaṃ bahujanakantatāya pubbanimittaṃ, sūriyassa uṇhasītavivajjanautusukhatā kāyikacetasikasukhuppattiyā pubbanimittaṃ, devatānaṃ vimānadvāresu apphoṭanādīhi kīḷanaṃ buddhabhāvaṃ patvā udānaṃ udānassa pubbanimittaṃ, cātuddīpikamahāmeghavassanaṃ mahato dhammameghavassanassa pubbanimittaṃ, khudāpīḷanassa abhāvo kāyagatāsatiamatapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, pipāsāpīḷanassa abhāvo vimuttisukhena sukhitabhāvassa pubbanimittaṃ, dvārakavāṭānaṃ sayameva vivaraṇaṃ aṭṭhaṅgikamaggadvāravivaraṇassa pubbanimittaṃ, rukkhānaṃ pupphaphalagahaṇaṃ vimuttipupphehi pupphitassa ca sāmaññaphalabhārabharitabhāvassa ca pubbanimittaṃ, dasasahassilokadhātuyā ekaddhajamālatā ariyaddhajamālāmālitāya pubbanimittanti veditabbaṃ. Ayaṃ sambahulavāro nāma.
เอตฺถ ปเญฺห ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ยทา มหาปุริโส ปถวิยํ ปติฎฺฐหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข คนฺตฺวา อาสภิํ วาจํ ภาสติ, ตทา กิํ ปถวิยา คโต , อุทาหุ อากาเสน? ทิสฺสมาโน คโต, อุทาหุ อทิสฺสมาโน? อเจลโก คโต, อุทาหุ อลงฺกตปฺปฎิยโตฺต? ทหโร หุตฺวา คโต, อุทาหุ มหลฺลโก? ปจฺฉาปิ กิํ ตาทิโสว อโหสิ, อุทาหุ ปุน พาลทารโก’’ติ? อยํ ปน ปโญฺห เหฎฺฐา โลหปาสาเท สงฺฆสนฺนิปาเต ติปิฎกจูฬาภยเตฺถเรน วิสฺสชฺชิโตวฯ เถโร กิเรตฺถ นิยติ ปุเพฺพกตกมฺม-อิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน ตํ ตํ พหุํ วตฺวา อวสาเน เอวํ พฺยากาสิ – ‘‘มหาปุริโส ปถวิยํ คโต, มหาชนสฺส ปน อากาเส คจฺฉโนฺต วิย อโหสิฯ ทิสฺสมาโน คโต, มหาชนสฺส ปน อทิสฺสมาโน วิย อโหสิฯ อเจลโก คโต, มหาชนสฺส ปน อลงฺกตปฺปฎิยโตฺตว อุปฎฺฐาสิฯ ทหโรว คโต, มหาชนสฺส ปน โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก วิย อโหสิฯ ปจฺฉา ปน พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโส’’ติฯ เอวํ วุเตฺต ปริสา จสฺส ‘‘พุเทฺธน วิย หุตฺวา โภ เถเรน ปโญฺห กถิโต’’ติ อตฺตมนา อโหสิฯ โลกนฺตริกวาโร วุตฺตนโย เอวฯ
Ettha pañhe pucchanti – ‘‘yadā mahāpuriso pathaviyaṃ patiṭṭhahitvā uttarābhimukho gantvā āsabhiṃ vācaṃ bhāsati, tadā kiṃ pathaviyā gato , udāhu ākāsena? Dissamāno gato, udāhu adissamāno? Acelako gato, udāhu alaṅkatappaṭiyatto? Daharo hutvā gato, udāhu mahallako? Pacchāpi kiṃ tādisova ahosi, udāhu puna bāladārako’’ti? Ayaṃ pana pañho heṭṭhā lohapāsāde saṅghasannipāte tipiṭakacūḷābhayattherena vissajjitova. Thero kirettha niyati pubbekatakamma-issaranimmānavādavasena taṃ taṃ bahuṃ vatvā avasāne evaṃ byākāsi – ‘‘mahāpuriso pathaviyaṃ gato, mahājanassa pana ākāse gacchanto viya ahosi. Dissamāno gato, mahājanassa pana adissamāno viya ahosi. Acelako gato, mahājanassa pana alaṅkatappaṭiyattova upaṭṭhāsi. Daharova gato, mahājanassa pana soḷasavassuddesiko viya ahosi. Pacchā pana bāladārakova ahosi, na tādiso’’ti. Evaṃ vutte parisā cassa ‘‘buddhena viya hutvā bho therena pañho kathito’’ti attamanā ahosi. Lokantarikavāro vuttanayo eva.
วิทิตาติ ปากฎา หุตฺวาฯ ยถา หิ สาวกา นหานมุขโธวนขาทนปิวนาทิกาเล อโนกาสคเต อตีตสงฺขาเร นิปฺปเทเส สมฺมสิตุํ น สโกฺกนฺติ, โอกาสปตฺตเยว สมฺมสนฺติ, น เอวํ พุทฺธาฯ พุทฺธา หิ สตฺตทิวสพฺภนฺตเร ววตฺถิตสงฺขาเร อาทิโต ปฎฺฐาย สมฺมสิตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาว วิสฺสเชฺชนฺติ, เตสํ อวิปสฺสิตธโมฺม นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘วิทิตา’’ติ อาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Viditāti pākaṭā hutvā. Yathā hi sāvakā nahānamukhadhovanakhādanapivanādikāle anokāsagate atītasaṅkhāre nippadese sammasituṃ na sakkonti, okāsapattayeva sammasanti, na evaṃ buddhā. Buddhā hi sattadivasabbhantare vavatthitasaṅkhāre ādito paṭṭhāya sammasitvā tilakkhaṇaṃ āropetvāva vissajjenti, tesaṃ avipassitadhammo nāma natthi, tasmā ‘‘viditā’’ti āha. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Acchariyaabbhutasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตํ • 3. Acchariyaabbhutasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนา • 3. Acchariyabbhutasuttavaṇṇanā