Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนา
3. Acchariyabbhutasuttavaṇṇanā
๑๙๗. วิภตฺติปติรูปกา จ นิปาตา โหนฺตีติ ยถารหํ ตํตํวิภตฺติอตฺถทีปกา, อิธ ปจฺจตฺตวจโน ยตฺรสโทฺท, หิสโทฺท เหตุอโตฺถ, นามสโทฺท อจฺฉริยโตฺถ, ปทตฺตยสฺส ปน อจฺฉริยตฺถนิทฺทิฎฺฐตาย ‘‘อจฺฉริยเตฺถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํฯ เอกํสโต ปเนตํ ปทตฺตยํฯ ตถา หิ วกฺขติ, ‘‘ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจน’’นฺติฯ ปปญฺจสโทฺท เหฎฺฐา วุโตฺตฯ ฉินฺนวฎุเมติ อิมินา สพฺพกิเลสวฎฺฎสฺส อกุสลกมฺมวฎฺฎสฺส จ ฉินฺนตฺตา วิปากวฎฺฎสฺส จ อุปริ วกฺขมานตฺตา อาห – ‘‘วฎุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฎฺฎํ วุจฺจตี’’ติฯ นิปาตวเสน ยตฺรสทฺทโยเคนฯ อนาคตวจนนฺติ อิทํ อนาคตวจนสทิสตฺตา วุตฺตํฯ อนาคตตฺถวาจี หิ อนาคตวจนํ, อโตฺถ เจตฺถ อตีโตติฯ อนุสฺสรีติ อิทํ อนุสฺสริตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘น อนุสฺสริสฺสตี’’ติ สทฺทปโยคสฺส อตีตวิสยตฺตาฯ ยทา ปน เตหิ ภิกฺขูหิ ยา กถา ปวตฺติตา, ตโต ปจฺฉาปิ ภควโต เตสํ พุทฺธานํ อนุสฺสรณํ โหติเยวฯ
197. Vibhattipatirūpakā ca nipātā hontīti yathārahaṃ taṃtaṃvibhattiatthadīpakā, idha paccattavacano yatrasaddo, hisaddo hetuattho, nāmasaddo acchariyattho, padattayassa pana acchariyatthaniddiṭṭhatāya ‘‘acchariyatthe nipāto’’ti vuttaṃ. Ekaṃsato panetaṃ padattayaṃ. Tathā hi vakkhati, ‘‘yatrāti nipātavasena anāgatavacana’’nti. Papañcasaddo heṭṭhā vutto. Chinnavaṭumeti iminā sabbakilesavaṭṭassa akusalakammavaṭṭassa ca chinnattā vipākavaṭṭassa ca upari vakkhamānattā āha – ‘‘vaṭumanti kusalākusalakammavaṭṭaṃ vuccatī’’ti. Nipātavasena yatrasaddayogena. Anāgatavacananti idaṃ anāgatavacanasadisattā vuttaṃ. Anāgatatthavācī hi anāgatavacanaṃ, attho cettha atītoti. Anussarīti idaṃ anussaritabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘na anussarissatī’’ti saddapayogassa atītavisayattā. Yadā pana tehi bhikkhūhi yā kathā pavattitā, tato pacchāpi bhagavato tesaṃ buddhānaṃ anussaraṇaṃ hotiyeva.
ขตฺติยชจฺจาติอาทิกาลโต ปฎฺฐาย อสมฺภินฺนาย ขตฺติยชาติยา อุทิโตทิตายฯ พฺรหฺมชจฺจาติ พฺราหฺมณชจฺจาฯ เอวํโคเตฺตปิ เอเสว นโยฯ โลกิยโลกุตฺตรสีเลนาติ ปารมิตาสมฺภูเตน พุทฺธาเวณิกตฺตา อนญฺญสาธารเณน โลกิเยน โลกุตฺตเรน จ สีเลนฯ เอวํสีลาติ อนวเสสสีลานํ วิสุํ ปจฺจเวกฺขณกรเณน เอวํสีลาติ อนุสฺสริสฺสติฯ เอส นโย เสเสสุฯ ยถา วิชฺชาภาคิยา วิชฺชาสมฺปยุตฺตธมฺมา, เอวํ สมาธิปกฺขา สมาธิสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ สติวีริยาทโยติ อาห – ‘‘เหฎฺฐา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตวา’’ติฯ ตสฺมา สมาธิปกฺขธมฺมวินิมุโตฺต เอว อิธ วิหาโร อธิเปฺปโตติ วุตฺตํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิฯ
Khattiyajaccātiādikālato paṭṭhāya asambhinnāya khattiyajātiyā uditoditāya. Brahmajaccāti brāhmaṇajaccā. Evaṃgottepi eseva nayo. Lokiyalokuttarasīlenāti pāramitāsambhūtena buddhāveṇikattā anaññasādhāraṇena lokiyena lokuttarena ca sīlena. Evaṃsīlāti anavasesasīlānaṃ visuṃ paccavekkhaṇakaraṇena evaṃsīlāti anussarissati. Esa nayo sesesu. Yathā vijjābhāgiyā vijjāsampayuttadhammā, evaṃ samādhipakkhā samādhisampayuttadhammāpi sativīriyādayoti āha – ‘‘heṭṭhā samādhipakkhānaṃ dhammānaṃ gahitattā vihāro gahitovā’’ti. Tasmā samādhipakkhadhammavinimutto eva idha vihāro adhippetoti vuttaṃ ‘‘idaṃ hī’’tiādi.
ยถา วา อฎฺฐสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผลสงฺคหิตา โลกิยโลกุตฺตรา สมาธิปญฺญา ‘‘เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา’’ติ ปเทหิ เหฎฺฐา คหิตาปิ ยถาสกํ ปฎิปกฺขโต มุจฺจนสฺส ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย ‘‘เอวํวิมุตฺตา’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตา, ตถา ‘‘เอวํธมฺมา’’ติ เอตฺถ คหิตาปิ สมาธิปกฺขธมฺมา ทิพฺพพฺรหฺมอาเนญฺชอริยวิหารสงฺขาตํ อตฺตโน ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย, ‘‘เอวํวิหารี’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตาติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธฯ ผลธมฺมานํ ปวตฺติกาเลปิ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ น ตํอานุภาวชาตา, อถ โข อริยมเคฺคน กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ อาห – ‘‘มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฎิปสฺสทฺธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตา’’ติฯ โย ยํ ปชหติ, โส ปหายโก ปหาตพฺพโต วิมุโตฺตติ วุจฺจติ วิสํสฎฺฐภาวโตติ ปหานวิภาเคน วุจฺจมาเน อปหายกสฺส นิพฺพานสฺส กถํ วิมุตฺตตา? วิสํสฎฺฐาภาวโต เอวฯ ตญฺหิ ปกติยาว สพฺพโส กิเลเสหิ วิสํสฎฺฐํ วินิสฺสฎํ สุวิทูรวิทูเร ฐิตํ, ตสฺมาสฺส ตโต นิสฺสฎตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺติ นิสฺสรณปหานนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติอาทิฯ
Yathā vā aṭṭhasamāpattivipassanāmaggaphalasaṅgahitā lokiyalokuttarā samādhipaññā ‘‘evaṃdhammā evaṃpaññā’’ti padehi heṭṭhā gahitāpi yathāsakaṃ paṭipakkhato muccanassa pavattivisesaṃ upādāya ‘‘evaṃvimuttā’’ti ettha puna gahitā, tathā ‘‘evaṃdhammā’’ti ettha gahitāpi samādhipakkhadhammā dibbabrahmaāneñjaariyavihārasaṅkhātaṃ attano pavattivisesaṃ upādāya, ‘‘evaṃvihārī’’ti ettha puna gahitāti vuccamāne na koci virodho. Phaladhammānaṃ pavattikālepi kilesānaṃ paṭippassaddhi na taṃānubhāvajātā, atha kho ariyamaggena kilesānaṃ samucchinnattāti āha – ‘‘maggānubhāvena kilesānaṃ paṭipassaddhante uppannattā’’ti. Yo yaṃ pajahati, so pahāyako pahātabbato vimuttoti vuccati visaṃsaṭṭhabhāvatoti pahānavibhāgena vuccamāne apahāyakassa nibbānassa kathaṃ vimuttatā? Visaṃsaṭṭhābhāvato eva. Tañhi pakatiyāva sabbaso kilesehi visaṃsaṭṭhaṃ vinissaṭaṃ suvidūravidūre ṭhitaṃ, tasmāssa tato nissaṭattā nissaraṇavimutti nissaraṇapahānanti vuccatīti āha ‘‘nibbāna’’ntiādi.
๑๙๙. อิเม ตถาคตสฺส อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมา, น สาวกวิสยา, มม ปน เทสนา ตยา สุตา เอวาติ เต เถรเสฺสว ภารํ กโรโนฺต, ‘‘ตํ ภิโยฺยโสมตฺตาย ปฎิภนฺตู’’ติ อาหฯ สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ กาลเภทวเสน ลพฺภมานมฺปิ สมฺปชานภาวํ อนามสิตฺวา คติวิภาเคน ตํ ทเสฺสตุํ, ‘‘เทฺว สมฺปชญฺญานี’’ติอาทิ วุตฺตํ – อฎฺฐ วเร คณฺหโนฺตติ เอตฺถ กถํ วรํ เทวตา เทติ, ปรสฺส ทียมานญฺจ ตํ กถํ ปรสฺส สมิชฺฌตีติ? กมฺมพเลเนวฯ ยทิ หิ ตํ กมฺมํ กโตกาสํ ยสฺส ตทปเทเสน ผลํ วิปจฺจติ, เอวํ เทวตาย ตสฺส วรํ ทินฺนํ, อิตเรน จ ลทฺธนฺติ โวหาโร โหตีติฯ อปิจ ปรสฺส ปตฺถิตวรานิ นาม วิปจฺจมานสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภูโต ปโยควิเสโสติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตานิ วิปจฺจเน เอกนฺติกานิปิ อเปฺปสกฺขา เทวตา – ‘‘อยมสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสติ, โน’’ติ น ชานนฺติ, สโกฺก ปน ปญฺญวา ตานิ เอกจฺจํ ชานาติเยวฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สเกฺกน ปสีทิตฺวา ทิเนฺน อฎฺฐ วเร คณฺหโนฺต’’ติอาทิฯ
199. Ime tathāgatassa acchariyaabbhutadhammā, na sāvakavisayā, mama pana desanā tayā sutā evāti te therasseva bhāraṃ karonto, ‘‘taṃ bhiyyosomattāya paṭibhantū’’ti āha. Sato sampajānoti ettha kālabhedavasena labbhamānampi sampajānabhāvaṃ anāmasitvā gativibhāgena taṃ dassetuṃ, ‘‘dve sampajaññānī’’tiādi vuttaṃ – aṭṭha vare gaṇhantoti ettha kathaṃ varaṃ devatā deti, parassa dīyamānañca taṃ kathaṃ parassa samijjhatīti? Kammabaleneva. Yadi hi taṃ kammaṃ katokāsaṃ yassa tadapadesena phalaṃ vipaccati, evaṃ devatāya tassa varaṃ dinnaṃ, itarena ca laddhanti vohāro hotīti. Apica parassa patthitavarāni nāma vipaccamānassa kammassa paccayabhūto payogavisesoti daṭṭhabbaṃ. Tāni vipaccane ekantikānipi appesakkhā devatā – ‘‘ayamassa patthanā samijjhissati, no’’ti na jānanti, sakko pana paññavā tāni ekaccaṃ jānātiyeva. Tena vuttaṃ – ‘‘sakkena pasīditvā dinne aṭṭha vare gaṇhanto’’tiādi.
ปฐมชวนวาเรติ อุปฺปนฺนสฺส สพฺพปฐมชวนวาเรฯ โส หิ ปฎิสนฺธิยา อาสนฺนภาวโต อวิสโท โหติ, เทวภาเว นิกนฺติวเสน อุปฺปชฺชนโต น ชานาติฯ อญฺญาหิ เทวตาหิ อสาธารณชานนํ โหติ ทุติยชวนวารโต ปฎฺฐาย ปวตฺตนโตฯ
Paṭhamajavanavāreti uppannassa sabbapaṭhamajavanavāre. So hi paṭisandhiyā āsannabhāvato avisado hoti, devabhāve nikantivasena uppajjanato na jānāti. Aññāhi devatāhi asādhāraṇajānanaṃ hoti dutiyajavanavārato paṭṭhāya pavattanato.
อเญฺญปิ เทวาติอาทินา โพธิสตฺตสฺส ตตฺถ สมฺปชเญฺญเนว ฐิตภาวํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวติฯ อาหารูปเจฺฉเทน กาลงฺกโรนฺตีติ อิทํ ขิฑฺฑาปโทสิกวเสน วุตฺตํฯ อิตเรสมฺปิ ทิพฺพโภเคหิ มุจฺฉิตตํ อชฺฌาปนฺนานํ ติฎฺฐนฺตานํ สมฺปชญฺญาภาโว โหติเยวฯ กิํ ตถารูปํ อารมฺมณํ นตฺถีติ ยถารูปํ อุฬารํ ปณีตญฺจ อารมฺมณํ ปฎิจฺจ เต เทวา สํมุจฺฉิตา อาหารูปเจฺฉทมฺปิ กโรนฺติ, กิํ ตถารูปํ อุฬารํ ปณีตญฺจ อารมฺมณํ โพธิสตฺตสฺส นตฺถีติ โพธิสตฺตสฺส สมฺปชญฺญานุภาวํ วิภาเวตุํ โจทนํ สมุฎฺฐาเปติ? โพธิสโตฺต หิ ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ตตฺถ อเญฺญ สเตฺต ทสหิ วิเสเสหิ อธิคฺคณฺหาติ, ปเคว ตตฺถ เทวภูโต, ตถาปิ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อยเมตฺถ อจฺฉริยธโมฺม วุโตฺตฯ
Aññepi devātiādinā bodhisattassa tattha sampajaññeneva ṭhitabhāvaṃ byatirekamukhena vibhāveti. Āhārūpacchedena kālaṅkarontīti idaṃ khiḍḍāpadosikavasena vuttaṃ. Itaresampi dibbabhogehi mucchitataṃ ajjhāpannānaṃ tiṭṭhantānaṃ sampajaññābhāvo hotiyeva. Kiṃ tathārūpaṃ ārammaṇaṃnatthīti yathārūpaṃ uḷāraṃ paṇītañca ārammaṇaṃ paṭicca te devā saṃmucchitā āhārūpacchedampi karonti, kiṃ tathārūpaṃ uḷāraṃ paṇītañca ārammaṇaṃ bodhisattassa natthīti bodhisattassa sampajaññānubhāvaṃ vibhāvetuṃ codanaṃ samuṭṭhāpeti? Bodhisatto hi yattha yattha nibbattati, tattha tattha aññe satte dasahi visesehi adhiggaṇhāti, pageva tattha devabhūto, tathāpi ‘‘sato sampajāno’’ti ayamettha acchariyadhammo vutto.
๒๐๐. สมฺปตฺติภเว ทีฆายุกตา นาม ปญฺญาพเลน โหติ, โพธิสโตฺต จ มหาปโญฺญ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ ภเว เตน ทีฆายุเกน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘เสสตฺตภาเวสุ กิํ ยาวตายุกํ น ติฎฺฐตี’’ติ โจเทติฯ อิตโร ‘‘อาม น ติฎฺฐตี’’ติ ปฎิชานิตฺวา, ‘‘อญฺญทา หี’’ติอาทินา ตตฺถ การณมาหฯ ‘‘อิธ น ภวิสฺสามี’’ติ อธิมุจฺจนวเสน กาลกิริยา อธิมุตฺติกาลกิริยาฯ ปารมิธมฺมานญฺหิ อุกฺกํสปฺปตฺติยา ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อภิญฺญาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน สเตฺตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฎฺฐานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติ, จิเตฺต วิย กเมฺมสุ จ เตสํ วสิภาโว, ตสฺมา ยตฺถุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูเหนฺติ, วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติฯ ตถา หิ อยํ มหาสโตฺต อิมสฺมิํเยว กเปฺป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺต อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ฐตฺวา ตโต จวิตฺวา อิธ นิพฺพโตฺตฯ เตนาห – ‘‘อยํ กาลกิริยา อเญฺญสํ น โหตี’’ติฯ สพฺพปารมีนํ ปูริตตฺตาติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ฐตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา นาม น โหตีติ ทเสฺสติฯ อปิจ จริมภเว จตุมหานิธิสมุฎฺฐานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนญฺญสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถีติ ยาวตายุกฎฺฐานํ อุสฺสาหชาตสฺส ปุญฺญสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยเญฺหตฺถ ธมฺมตาฯ
200. Sampattibhave dīghāyukatā nāma paññābalena hoti, bodhisatto ca mahāpañño, tasmā tattha tattha bhave tena dīghāyukena bhavitabbanti adhippāyena, ‘‘sesattabhāvesu kiṃ yāvatāyukaṃ na tiṭṭhatī’’ti codeti. Itaro ‘‘āma na tiṭṭhatī’’ti paṭijānitvā, ‘‘aññadā hī’’tiādinā tattha kāraṇamāha. ‘‘Idha na bhavissāmī’’ti adhimuccanavasena kālakiriyā adhimuttikālakiriyā. Pāramidhammānañhi ukkaṃsappattiyā tasmiṃ tasmiṃ attabhāve abhiññāsamāpattīhi santānassa visesitattā attasinehassa tanubhāvena sattesu ca mahākaruṇāya uḷārabhāvena adhiṭṭhānassa tikkhavisadabhāvāpattiyā bodhisattānaṃ adhippāyā samijjhanti, citte viya kammesu ca tesaṃ vasibhāvo, tasmā yatthupapannānaṃ pāramiyo sammadeva paribrūhenti, vuttanayena kālaṃ katvā tattha upapajjanti. Tathā hi ayaṃ mahāsatto imasmiṃyeva kappe nānājātīsu aparihīnajjhāno kālaṃ katvā brahmaloke nibbatto appakameva kālaṃ tattha ṭhatvā tato cavitvā idha nibbatto. Tenāha – ‘‘ayaṃ kālakiriyā aññesaṃ na hotī’’ti. Sabbapāramīnaṃ pūritattāti iminā payojanābhāvato tattha ṭhatvā adhimuttikālakiriyā nāma na hotīti dasseti. Apica carimabhave catumahānidhisamuṭṭhānapubbikāya dibbasampattisadisāya mahāsampattiyā nibbatti viya buddhabhūtassa asadisadānādivasena anaññasādhāraṇalābhuppatti viya ca ito paraṃ mahāpurisassa dibbasampattianubhavanaṃ nāma natthīti yāvatāyukaṭṭhānaṃ ussāhajātassa puññasambhārassa vasenāti daṭṭhabbaṃ. Ayañhettha dhammatā.
มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสนฯ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิฯ อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทาปิ คนฺธสมฺปทาปิ โสภาสมฺปทาปิ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ พาหิรพฺภนฺตรานํ รโชชลฺลานํ เลสสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฎฺฐนฺตีติ อาห ‘‘วเตฺถสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปตีการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อธิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติฯ ตสฺมิํ กาเลติ ยถาวุเตฺต มรณาสนฺนกาเลฯ พินฺทุพินฺทุวเสนาติ มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวา เสทา มุจฺจนฺติฯ ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํฯ เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํฯ อาทิ-สเทฺทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติฯ กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีหีติ อธิปฺปาโยฯ อุกฺกณฺฐิตาติ อนภิรติ, สา นตฺถิ อุปรูปริ อุฬารุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต รุจิชนกานํ อุปติฎฺฐนโตฯ
Manussagaṇanāvasena, na devagaṇanāvasena. Pubbanimittānīti cutiyā pubbanimittāni. Amilāyitvāti ettha amilātaggahaṇeneva tāsaṃ mālānaṃ vaṇṇasampadāpi gandhasampadāpi sobhāsampadāpi dassitāti daṭṭhabbaṃ. Bāhirabbhantarānaṃ rajojallānaṃ lesassapi abhāvato devānaṃ sarīragatāni vatthāni sabbakālaṃ parisuddhapabhassarāneva hutvā tiṭṭhantīti āha ‘‘vatthesupi eseva nayo’’ti. Neva sītaṃ na uṇhanti yassa sītassa patīkāravasena adhikaṃ seviyamānaṃ uṇhaṃ, sayameva vā kharataraṃ hutvā adhibhavantaṃ sarīre sedaṃ uppādeyya, tādisaṃ neva sītaṃ na uṇhaṃ hoti. Tasmiṃ kāleti yathāvutte maraṇāsannakāle. Bindubinduvasenāti muttaguḷikā viya bindu bindu hutvā sedā muccanti. Dantānaṃ khaṇḍitabhāvo khaṇḍiccaṃ. Kesānaṃ palitabhāvo pāliccaṃ. Ādi-saddena valittacataṃ saṅgaṇhāti. Kilantarūpo attabhāvo hoti, na pana khaṇḍiccapāliccādīhīti adhippāyo. Ukkaṇṭhitāti anabhirati, sā natthi uparūpari uḷāruḷārānameva bhogānaṃ visesato rucijanakānaṃ upatiṭṭhanato.
ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตาฯ ยถา เทวตา ‘‘สมฺปติ ชาตา กีทิเสน ปุญฺญกเมฺมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จิเนฺตตฺวา, ‘‘อิมินา นาม ปุญฺญกเมฺมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ เอกจฺจํ อญฺญมฺปิ ปุญฺญํ ชานนฺติเยว มหาปุญฺญาติ อาห – ‘‘เย มหาปุญฺญา’’ติอาทิฯ
Paṇḍitā evāti buddhisampannā eva devatā. Yathā devatā ‘‘sampati jātā kīdisena puññakammena idha nibbattā’’ti cintetvā, ‘‘iminā nāma puññakammena idha nibbattā’’ti jānanti, evaṃ atītabhave attanā kataṃ ekaccaṃ aññampi puññaṃ jānantiyeva mahāpuññāti āha – ‘‘ye mahāpuññā’’tiādi.
น ปญฺญายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโนฯ อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโตฯ สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห – ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติฯ เอตฺถาห – ‘‘กสฺมา สมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสู’’ติฯ เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต ตถา อนจฺฉริยภาวโตฯ อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ฐิตานํ น ปากฎา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํฯ เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโตว โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ สมฺมาสมฺพุเทฺธ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ อิสฺสรกุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสเชฺชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลปวตฺตนโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติฯ ‘‘พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สตฺตานํ ตาทิสคาหวิโมจนตฺถญฺหิ พุทฺธา ภควโนฺต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ; น เทวสุคติยํ, มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโตฯ ธมฺมเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธมฺมตนฺติยา ฐปนสฺส วิย ธาตุเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธาตูนํ ฐปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จฯ น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฎฺฐนฺติ, ตสฺมา น โอปปาติกา โหนฺติ, จริมภเว จ มหาโพธิสตฺตา, มนุสฺสภาวสฺส ปากฎกรณาย ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมเชฺฌ ติฎฺฐนฺติฯ ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปญฺญาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺติ, กิํ วา เอตาย การณจินฺตาย? สพฺพพุเทฺธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตานนฺติ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ ตถา หิ ตทโตฺถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น อิตเรสํฯ
Na paññāyanti ciratarakālattā paramāyuno. Aniyyānikanti na niyyānāvahaṃ sattānaṃ abhājanabhāvato. Sattā na paramāyuno honti nāma pāpussannatāyāti āha – ‘‘tadā hi sattā ussannakilesā hontī’’ti. Etthāha – ‘‘kasmā sambuddhā manussaloke eva uppajjanti, na devabrahmalokesū’’ti. Devaloke tāva nuppajjanti brahmacariyavāsassa anokāsabhāvato tathā anacchariyabhāvato. Acchariyadhammā hi buddhā bhagavanto, tesaṃ sā acchariyadhammatā devattabhāve ṭhitānaṃ na pākaṭā hoti yathā manussabhūtānaṃ. Devabhūte hi sammāsambuddhe dissamānaṃ buddhānubhāvaṃ devānubhāvatova loko dahati, na buddhānubhāvato, tathā sati sammāsambuddhe nādhimuccati na sampasīdati issarakuttaggāhaṃ na vissajjeti, devattabhāvassa ca cirakālapavattanato ekaccasassatavādato na parimuccati. ‘‘Brahmaloke nuppajjantī’’ti etthāpi eseva nayo. Sattānaṃ tādisagāhavimocanatthañhi buddhā bhagavanto manussasugatiyaṃyeva uppajjanti; na devasugatiyaṃ, manussasugatiyaṃ uppajjantāpi opapātikā na honti, sati ca opapātikūpapattiyaṃ vuttadosānativattanato. Dhammaveneyyānaṃ atthāya dhammatantiyā ṭhapanassa viya dhātuveneyyānaṃ atthāya dhātūnaṃ ṭhapanassa icchitabbattā ca. Na hi opapātikānaṃ parinibbānato uddhaṃ sarīradhātuyo tiṭṭhanti, tasmā na opapātikā honti, carimabhave ca mahābodhisattā, manussabhāvassa pākaṭakaraṇāya dārapariggahampi karontā yāva puttamukhadassanā agāramajjhe tiṭṭhanti. Paripākagatasīlanekkhammapaññādipāramikāpi na abhinikkhamanti, kiṃ vā etāya kāraṇacintāya? Sabbabuddhehi āciṇṇasamāciṇṇā, yadidaṃ manussabhūtānaṃyeva abhisambujjhanā, na devabhūtānanti ayamettha dhammatā. Tathā hi tadattho mahābhinīhāropi manussabhūtānaṃyeva ijjhati, na itaresaṃ.
กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสูติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฎฺฐานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ; ‘‘ตถา อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฎฺฐานานํ ตเตฺถว ลพฺภมานโต’’ติฯ อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร สาวกปารมีนํ สมฺภรณํ ปริปาจนญฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเปเยว อิชฺฌติ, น อญฺญตฺถฯ เวเนยฺยานํ วินยนโตฺถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกาทิเวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอกสฺมิํ ชมฺพุทีเปเยว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุฯ อยญฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณติ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตเตฺถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อญฺญมญฺญุปนิสฺสยโต อปราปรํ วตฺตตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสตี’’ติฯ อิมินา นเยน เทสนิยเมปิ การณํ วตฺตพฺพํฯ
Kasmā pana sammāsambuddhā jambudīpeyeva uppajjanti, na sesadīpesūti? Keci tāva āhu – ‘‘yasmā pathaviyā nābhibhūtā buddhānubhāvasahitā acalaṭṭhānabhūtā bodhimaṇḍabhūmi jambudīpeyeva uppajjati, tasmā jambudīpeyeva uppajjantī’’ti; ‘‘tathā itaresampi avijahitaṭṭhānānaṃ tattheva labbhamānato’’ti. Ayaṃ panettha amhākaṃ khanti – yasmā purimabuddhānaṃ mahābodhisattānaṃ paccekabuddhānañca nibbattiyā sāvakabodhisattānaṃ sāvakabodhiyā abhinīhāro sāvakapāramīnaṃ sambharaṇaṃ paripācanañca buddhakhettabhūte imasmiṃ cakkavāḷe jambudīpeyeva ijjhati, na aññattha. Veneyyānaṃ vinayanattho ca buddhuppādoti aggasāvakādiveneyyavisesāpekkhāya ekasmiṃ jambudīpeyeva buddhā nibbattanti, na sesadīpesu. Ayañca nayo sabbabuddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇoti tesaṃ uttamapurisānaṃ tattheva uppatti sampatticakkānaṃ viya aññamaññupanissayato aparāparaṃ vattatīti daṭṭhabbaṃ. Tenāha – ‘‘tīsu dīpesu buddhā na nibbattanti, jambudīpeyeva nibbattantīti dīpaṃ passatī’’ti. Iminā nayena desaniyamepi kāraṇaṃ vattabbaṃ.
อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโตฯ ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตีติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโต ฯ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานีติ ปสฺสิ เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อญฺญาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํฯ
Idāni ca khattiyakulaṃ lokasammataṃ brāhmaṇānampi pūjanīyabhāvato. Rājā me pitā bhavissatīti kulaṃ passi pituvasena kulassa niddisitabbato . Dasannaṃ māsānaṃ upari satta divasānīti passi tena attano antarāyābhāvaṃ aññāsi, tassā ca tusitabhave dibbasampattipaccanubhavanaṃ.
ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตาฯ กถํ ปน ตา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ ภาวินญฺจ สมฺพุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ เทวตานํ วเสน, เยภุเยฺยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโนฯ ตถา หิ ภควโต จ ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิฯ
Tā devatāti dasasahassicakkavāḷadevatā. Kathaṃ pana tā bodhisattassa pūritapāramibhāvaṃ bhāvinañca sambuddhabhāvaṃ jānantīti? Mahesakkhānaṃ devatānaṃ vasena, yebhuyyena ca tā devatā abhisamayabhāgino. Tathā hi bhagavato ca dhammadānasaṃvibhāge anekavāraṃ dasasahassacakkavāḷavāsidevatāsannipāto ahosi.
จวามีติ ปชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ ญาณสหิเตหิ จุติยา อุปฎฺฐิตภาวสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาฯ จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโตฯ ตถา หิ ตํ จุตูปปาตญาณสฺสปิ อวิสโย เอวฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโมฯ ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมเตฺตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตเมวารมฺมณํ ทุติยํ ตติยญฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉียติ, อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโตฯ เตนาห – ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเรเยว ชานิสฺสตี’’ติฯ จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฎฺฐาย มรณํ เม อาสนฺนนฺติ ชานนโต, ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติฯ นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต อสุกสฺมิํ ฐาเน มยา ปฎิสนฺธิ คหิตาติ ปชานาติ, ทุติยชวนโต ปฎฺฐาย ชานาตีติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ตสฺมิํ กาเลติ ปฎิสนฺธิคฺคหณกาเลฯ ทสสหสฺสี กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควโนฺต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปฐมมหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิคฺคหณํ อฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๗; ธ. ส. ๔๙๘; ม. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๙๙) วุตฺตํฯ มหาสีวเตฺถโร ปน ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควโนฺต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรา, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขณพหุลาติ ปญฺจเมน มหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิคฺคหณมาหฯ
Cavāmīti pajānāti cutiāsannajavanehi ñāṇasahitehi cutiyā upaṭṭhitabhāvassa paṭisaṃviditattā. Cuticittaṃ na jānāti cuticittakkhaṇassa ittarabhāvato. Tathā hi taṃ cutūpapātañāṇassapi avisayo eva. Paṭisandhicittepi eseva nayo. Āvajjanapariyāyoti āvajjanakkamo. Yasmā ekavāraṃ āvajjitamattena ārammaṇaṃ nicchinituṃ na sakkā, tasmā tamevārammaṇaṃ dutiyaṃ tatiyañca āvajjitvā nicchīyati, āvajjanasīsena cettha javanavāro gahito. Tenāha – ‘‘dutiyatatiyacittavāreyeva jānissatī’’ti. Cutiyā puretaraṃ katipayacittavārato paṭṭhāya maraṇaṃ me āsannanti jānanato, ‘‘cutikkhaṇepi cavāmīti pajānātī’’ti vuttaṃ. Paṭisandhiyā pana apubbabhāvato paṭisandhicittaṃ na jānāti. Nikantiyā uppattito parato asukasmiṃ ṭhāne mayā paṭisandhi gahitāti pajānāti, dutiyajavanato paṭṭhāya jānātīti vuttovāyamattho. Tasmiṃ kāleti paṭisandhiggahaṇakāle. Dasasahassī kampatīti ettha kampanakāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva. Mahākāruṇikā buddhā bhagavanto sattānaṃ hitasukhavidhānatapparatāya bahulaṃ somanassikāva hontīti tesaṃ paṭhamamahāvipākacittena paṭisandhiggahaṇaṃ aṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.17; dha. sa. 498; ma. ni. aṭṭha. 3.199) vuttaṃ. Mahāsīvatthero pana yadipi mahākāruṇikā buddhā bhagavanto sattānaṃ hitasukhavidhānatapparā, vivekajjhāsayā pana visaṅkhāraninnā sabbasaṅkhāresu ajjhupekkhaṇabahulāti pañcamena mahāvipākacittena paṭisandhiggahaṇamāha.
ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐาย, สุกฺกปเกฺข นวมิโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถฯ สตฺตเม ทิวเสติ อาสาฬฺหีปุณฺณมายฯ อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํ สุปินํฯ เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโยฯ
Pure puṇṇamāya sattamadivasato paṭṭhāyāti puṇṇamāya pure sattamadivasato paṭṭhāya, sukkapakkhe navamito paṭṭhāyāti attho. Sattame divaseti āsāḷhīpuṇṇamāya. Idaṃ supinanti idāni vuccamānākāraṃ supinaṃ. Nesaṃ deviyoti mahārājūnaṃ deviyo.
โส จ โข ปุริสคโพฺภ, น อิตฺถิคโพฺภ, ปุโตฺต เต ภวิสฺสตีติ เอตฺตกเมว เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตีติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ภาวินมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํฯ
So ca kho purisagabbho, na itthigabbho, putto te bhavissatīti ettakameva te brāhmaṇā attano supinasatthanayena kathesuṃ. Sace agāraṃ ajjhāvasissatītiādi pana devatāviggahena bhāvinamatthaṃ yāthāvato pavedesuṃ.
คพฺภาวกฺกนฺติโยติ เอตฺถ คโพฺภ วุจฺจติ มาตุกุจฺฉิ, ตตฺถ อุปฺปตฺติ อวกฺกนฺติ, ตาว คพฺภาวกฺกนฺติ, ยาว น นิกฺขมติฯ ฐิตกาว นิกฺขมนฺติ ธมฺมาสนโต โอตรโนฺต ธมฺมกถิโก วิยฯ
Gabbhāvakkantiyoti ettha gabbho vuccati mātukucchi, tattha uppatti avakkanti, tāva gabbhāvakkanti, yāva na nikkhamati. Ṭhitakāva nikkhamanti dhammāsanato otaranto dhammakathiko viya.
๒๐๑. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหรียตีติ โอกฺกมตีติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘โอกฺกโนฺต โหตีติ อโตฺถ’’ติฯ เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติฯ น โอกฺกมมาเน ปฎิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติฯ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน วา อปฺปมาโณฯ อติวิย สมุชฺชลภาเวน อุฬาโรฯ เทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํฯ เทวานญฺหิ ปภํโส โอภาโส อธิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํฯ เตนาห ‘‘เทวาน’’นฺติอาทิฯ
201. Vattamānasamīpe vattamāne viya voharīyatīti okkamatīti vuttanti āha – ‘‘okkanto hotīti attho’’ti. Evaṃ hotīti evaṃ vuttappakārenassa sampajānanā hoti. Na okkamamāne paṭisandhikkhaṇassa duviññeyyattā. Tathā ca vuttaṃ – ‘‘paṭisandhicittaṃ na jānātī’’ti. Dasasahassacakkavāḷapattharaṇena vā appamāṇo. Ativiya samujjalabhāvena uḷāro. Devānubhāvanti devānaṃ pabhānubhāvaṃ. Devānañhi pabhaṃso obhāso adhibhavati, na tesaṃ ādhipaccaṃ. Tenāha ‘‘devāna’’ntiādi.
รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หญฺญตีติ อฆา, อพาธาฯ เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฎา’’ติฯ อสํวุตาติ เหฎฺฐา อุปริ จ เกน จิ น ปิหิตาฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐาปิ อปฺปติฎฺฐา’’ติฯ ตตฺถ ปิ-สเทฺทน ยถา เหฎฺฐา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฎฺฐาติ ทเสฺสติฯ อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการาฯ จกฺขุวิญฺญาณํ น ชายติ อาโลกสฺสาภาวโต, น จกฺขุโนฯ ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อญฺญมญฺญํ สญฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ชมฺพุทีเป ฐิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปญฺญายติ, อปรโคยานวาสีนํ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุปีติ อาห – ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปญฺญายนฺตี’’ติฯ อิโต อญฺญถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรเนว ปญฺญายตีติฯ เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินา นเยน ทฎฺฐพฺพํฯ ปภาย นปฺปโหนฺตีติ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ น อภิสมฺภุณนฺติฯ ยุคนฺธรปพฺพตมตฺถกปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต, ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมเชฺฌน จรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
Rukkhagacchādinā kenaci na haññatīti aghā, abādhā. Tenāha ‘‘niccavivaṭā’’ti. Asaṃvutāti heṭṭhā upari ca kena ci na pihitā. Tenāha ‘‘heṭṭhāpi appatiṭṭhā’’ti. Tattha pi-saddena yathā heṭṭhā udakassa pidhāyikā pathavī natthīti asaṃvutā lokantarikā, evaṃ uparipi cakkavāḷesu viya devavimānānaṃ abhāvato asaṃvutā appatiṭṭhāti dasseti. Andhakāro ettha atthīti andhakārā. Cakkhuviññāṇaṃ na jāyati ālokassābhāvato, na cakkhuno. Tathā hi ‘‘tena obhāsena aññamaññaṃ sañjānantī’’ti vuttaṃ. Jambudīpe ṭhitamajjhanhikavelāyaṃ pubbavidehavāsīnaṃ atthaṅgamanavasena upaḍḍhaṃ sūriyamaṇḍalaṃ paññāyati, aparagoyānavāsīnaṃ uggamanavasena, evaṃ sesadīpesupīti āha – ‘‘ekappahāreneva tīsu dīpesu paññāyantī’’ti. Ito aññathā pana dvīsu eva dīpesu ekappahāreneva paññāyatīti. Ekekāya disāya nava nava yojanasatasahassāni andhakāravidhamanampi iminā nayena daṭṭhabbaṃ. Pabhāya nappahontīti attano pabhāya obhāsituṃ na abhisambhuṇanti. Yugandharapabbatamatthakappamāṇe ākāse vicaraṇato, ‘‘cakkavāḷapabbatassa vemajjhena carantī’’ti vuttaṃ.
วาวฎาติ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตาฯ วิปริวตฺติตฺวาติ วิวฎฺฎิตฺวาฯ ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ฐิตฎฺฐานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคเจฺฉทนวเสน วา ฉิชฺชิตฺวาฯ อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวํ สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยาฯ น หิ ตํ กปฺปสณฺฐานอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฎฺฐํ ปถวีสนฺธารกํ กปฺปวินาสกอุทกํ วิย ขารํ ภวิตุมรหติฯ ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺยฯ เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ ปกติอุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติฯ สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิฯ
Vāvaṭāti khādanatthaṃ gaṇhituṃ upakkamantā. Viparivattitvāti vivaṭṭitvā. Chijjitvāti mucchāpattiyā ṭhitaṭṭhānato muccitvā, aṅgapaccaṅgacchedanavasena vā chijjitvā. Accantakhāreti ātapasantāpābhāvena atisītabhāvaṃ sandhāya accantakhāratā vuttā siyā. Na hi taṃ kappasaṇṭhānaudakaṃ sampattikaramahāmeghavuṭṭhaṃ pathavīsandhārakaṃ kappavināsakaudakaṃ viya khāraṃ bhavitumarahati. Tathā hi sati pathavīpi vilīyeyya. Tesaṃ vā pāpakammabalena petānaṃ pakatiudakassa pubbakheḷabhāvāpatti viya tassa udakassa tadā khārabhāvāpatti hotīti vuttaṃ ‘‘accantakhāre udake’’ti. Samantatoti sabbabhāgato chappakārampi.
๒๐๒. จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามเญฺญนฯ
202.Catunnaṃ mahārājūnaṃ vasenāti vessavaṇādicatumahārājabhāvasāmaññena.
๒๐๓. สภาเวเนวาติ ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฎฺฐหิตฺวา สีลสมฺปนฺนาฯ
203.Sabhāvenevāti parassa santike gahaṇena vinā attano sabhāveneva sayameva adhiṭṭhahitvā sīlasampannā.
มนุเสฺสสูติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน เทเวสูปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตวฯ ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตสฺส มาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนติกฺกมนียาติ อาห – ‘‘ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติฯ
Manussesūti idaṃ pakaticārittavasena vuttaṃ – ‘‘manussitthiyā nāma manussapurisesu purisādhippāyacittaṃ uppajjeyyā’’ti, bodhisattamātu pana devesūpi tādisaṃ cittaṃ nuppajjateva. Yathā bodhisattassa ānubhāvena bodhisattassa mātu purisādhippāyacittaṃ nuppajjati, evaṃ tassa ānubhāveneva sā kenaci purisena anatikkamanīyāti āha – ‘‘pādā na vahanti, dibbasaṅkhalikā viya bajjhantī’’ti.
ปุเพฺพ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ วุตฺตํ, กถมิทํ อญฺญมญฺญํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุเพฺพ’’ติอาทิฯ วตฺถุปฎิเกฺขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฎิเสโธฯ เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติฯ อารมฺมณปฎิลาโภติ รูปาทิปญฺจกามคุณารมฺมณเสฺสว ปฎิลาโภฯ
Pubbe ‘‘kāmaguṇūpasaṃhitaṃ cittaṃ nuppajjatī’’ti vuttaṃ, puna ‘‘pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricāretī’’ti vuttaṃ, kathamidaṃ aññamaññaṃ na virujjhatīti āha ‘‘pubbe’’tiādi. Vatthupaṭikkhepoti abrahmacariyavatthupaṭisedho. Tenāha ‘‘purisādhippāyavasenā’’ti. Ārammaṇapaṭilābhoti rūpādipañcakāmaguṇārammaṇasseva paṭilābho.
๒๐๔. กิลมโถติ เขโทฯ กายสฺส หิ ครุภาวกฐินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอวฯ ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, กทา ปฎฺฐาย ปสฺสตีติ อาห – ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิฯ ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติ, ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติฯ ปุเตฺตนาติ ทหเรน มเนฺทน อุตฺตานเสยฺยเกนฯ ยํ ตํ มาตูติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํฯ จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคโพฺภ ปริหารํ ลภติ ปุญฺญสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติฯ ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ปุรตฺถาภิมุโขฯ อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ พาหิรญฺจ การณํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ปุเพฺพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อสฺสาติ เทวิยาฯ วตฺถุนฺติ กุจฺฉิํฯ ผลิกอพฺภปฎลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปฎลภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กิเมวํ โพธิสโตฺตปิ มาตรํ อญฺญญฺจ ปุรโต รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห, ‘‘โพธิสโตฺต ปนา’’ติอาทิฯ กสฺมา ปน สติ จกฺขุมฺหิ อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห – ‘‘น หิ อโนฺตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชาสมนฺนาหารสฺสาภาวโตฯ
204.Kilamathoti khedo. Kāyassa hi garubhāvakaṭhinabhāvādayopi tassā tadā na honti eva. ‘‘Tirokucchigataṃ passatī’’ti vuttaṃ, kadā paṭṭhāya passatīti āha – ‘‘kalalādikālaṃ atikkamitvā’’tiādi. Dassane payojanaṃ sayameva vadati, tassa abhāvato kalalādikāle na passati. Puttenāti daharena mandena uttānaseyyakena. Yaṃ taṃ mātūtiādi pakaticārittavasena vuttaṃ. Cakkavattigabbhatopi hi savisesaṃ bodhisattagabbho parihāraṃ labhati puññasambhārassa sātisayattā, tasmā bodhisattamātā ativiya sappāyāhārācārā ca hutvā sakkaccaṃ pariharati. Puratthābhimukhoti mātu puratthābhimukho. Idāni tirokucchigatassa dissamānatāya abbhantaraṃ bāhirañca kāraṇaṃ dassetuṃ, ‘‘pubbe katakamma’’ntiādi vuttaṃ. Assāti deviyā. Vatthunti kucchiṃ. Phalikaabbhapaṭalādino viya bodhisattamātukucchitacassa paṭalabhāvena ālokassa vibandhābhāvato yathā bodhisattamātā kucchigataṃ bodhisattaṃ passati, kimevaṃ bodhisattopi mātaraṃ aññañca purato rūpagataṃ passati, noti āha, ‘‘bodhisatto panā’’tiādi. Kasmā pana sati cakkhumhi āloke ca na passatīti āha – ‘‘na hi antokucchiyaṃ cakkhuviññāṇaṃ uppajjatī’’ti. Assāsapassāsā viya hi tattha cakkhuviññāṇampi na uppajjati tajjāsamannāhārassābhāvato.
๒๐๕. ยถา อญฺญา อิตฺถิโย วิชาตปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ; เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ โพธิสเตฺตน วสิตฎฺฐานํ หีติอาทินา ตตฺถ การณมาหฯ อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิฎฺฐานโต นีหริตฺวาฯ อนุรกฺขิตุํ น สโกฺกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยุญฺชติ, เตน คโพฺภ พหฺวาพาโธ โหติฯ วตฺถุวิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย ปริสุโทฺธ โหติฯ มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฎฺฐาเส โพธิสตฺตสฺส คโพฺภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโต, อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมฺมติฯ
205. Yathā aññā itthiyo vijātapaccayā tādisena rogena abhibhūtāpi hutvā maranti, bodhisattamātu pana bodhisatte kucchigate na koci rogo uppajjati; kevalaṃ āyuparikkhayeneva kālaṃ karoti, svāyamattho heṭṭhā vuttoyeva. Bodhisattena vasitaṭṭhānaṃ hītiādinā tattha kāraṇamāha. Apanetvāti aggamahesiṭṭhānato nīharitvā. Anurakkhituṃ na sakkotīti sammā gabbhaparihāraṃ nānuyuñjati, tena gabbho bahvābādho hoti. Vatthuvisadaṃ hotīti gabbhāsayo parisuddho hoti. Mātu majjhimavayassa tatiyakoṭṭhāse bodhisattassa gabbhokkamanampi tassā āyuparimāṇavilokaneneva saṅgahitaṃ vayovasena uppajjanakavikārassa parivajjanato, itthisabhāvena uppajjanakavikāro pana bodhisattassa ānubhāveneva vūpasammati.
สตฺตมาสชาโตติ ปฎิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโตฯ โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตายฯ อฎฺฐมาสชาโต กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิอวยโว, เอกเจฺจ ปน จมฺมปเทสา พุทฺธิํ ปาปุณนฺตา ฆฎฺฎนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติฯ สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตาติ วทนฺติฯ
Sattamāsajātoti paṭisandhiggahaṇato sattame māse jāto. So sītuṇhakkhamo na hoti ativiya sukhumālatāya. Aṭṭhamāsajāto kāmaṃ sattamāsajātato buddhiavayavo, ekacce pana cammapadesā buddhiṃ pāpuṇantā ghaṭṭanaṃ na sahanti, tena so na jīvati. Sattamāsajātassa pana na tāva te jātāti vadanti.
ฐิตาว หุตฺวาติ นิทฺทุกฺขตาย ฐิตา เอว หุตฺวาฯ ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา อญฺญา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติฯ อุปวิชญฺญาติ อุปคตวิชายนกาลาฯ สกลนครวาสิโนติ กปิลวตฺถุํ ปริวาเรตฺวา ฐิเตสุ เทวทหาทีสุ ฉสุ นคเรสุ วสนฺตาฯ
Ṭhitāva hutvāti niddukkhatāya ṭhitā eva hutvā. Dukkhassa hi balavabhāvato taṃ dukkhaṃ asahamānā aññā itthiyo nisinnā vā nipannā vā vijāyanti. Upavijaññāti upagatavijāyanakālā. Sakalanagaravāsinoti kapilavatthuṃ parivāretvā ṭhitesu devadahādīsu chasu nagaresu vasantā.
เทวา นํ ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ โลกนาถํ มหาปุริสํ มยเมว ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหามาติ สญฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีติํ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฎิคฺคณฺหนฺติฯ สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํฯ เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโนฯ มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสนฯ
Devā naṃ paṭhamaṃ paṭiggaṇhantīti lokanāthaṃ mahāpurisaṃ mayameva paṭhamaṃ paṭiggaṇhāmāti sañjātagāravabahumānā attano pītiṃ pavedentā khīṇāsavā suddhāvāsabrahmāno ādito paṭiggaṇhanti. Sūtivesanti sūtijagganadhātivesaṃ. Eketi uttaravihāravāsino. Macchakkhisadisaṃ chavivasena.
๒๐๖. อชินปฺปเวณิยาติ อชินจเมฺมหิ สิเพฺพตฺวา กตปเวณิยาฯ มหาเตโชติ มหานุภาโวฯ มหายโสติ มหาปริวาโร วิปุลกิตฺติโฆโส จฯ
206.Ajinappaveṇiyāti ajinacammehi sibbetvā katapaveṇiyā. Mahātejoti mahānubhāvo. Mahāyasoti mahāparivāro vipulakittighoso ca.
ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฎฺฐานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา วิภคฺคา วิย จ หุตฺวาฯ เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทเสฺสติฯ อลโคฺค หุตฺวาติ คพฺภาสเย โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลโคฺค อสโตฺต หุตฺวาฯ อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกน อมกฺขิโต นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกเสฺสว ตตฺถ อภาวโตฯ โพธิสตฺตสฺส หิ ปุญฺญานุภาเวน ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย ตํ ฐานํ วิสุทฺธํ ปรมสุคนฺธคนฺธกุฎิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฎฺฐติฯ อุทกวฎฺฎิโยติ อุทกกฺขนฺธาฯ
Bhaggavibhaggāti sambādhaṭṭhānato nikkhamanena vibhāvitattā bhaggā vibhaggā viya ca hutvā. Tena nesaṃ avisadabhāvameva dasseti. Alaggo hutvāti gabbhāsaye yonipadese ca katthaci alaggo asatto hutvā. Udakenāti gabbhāsayagatena udakena amakkhito nikkhamati sammakkhitassa tādisassa udakasemhādikasseva tattha abhāvato. Bodhisattassa hi puññānubhāvena paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya taṃ ṭhānaṃ visuddhaṃ paramasugandhagandhakuṭi viya candanagandhaṃ vāyantaṃ tiṭṭhati. Udakavaṭṭiyoti udakakkhandhā.
๒๐๗. มุหุตฺตชาโตติ มุหุเตฺตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมโตฺตวฯ อนุธาริยมาเนติ อนุกูลวเสน นียมาเนฯ อาคตาเนวาติ ตํ ฐานํ อุปคตานิ เอวฯ
207.Muhuttajātoti muhuttena jāto hutvā muhuttamattova. Anudhāriyamāneti anukūlavasena nīyamāne. Āgatānevāti taṃ ṭhānaṃ upagatāni eva.
อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฎฺฐานหีรกํฯ สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริ ปติฎฺฐิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํฯ มรูติ เทวาฯ
Anekasākhanti ratanamayānekasatapatiṭṭhānahīrakaṃ. Sahassamaṇḍalanti tesaṃ upari patiṭṭhitaṃ anekasahassamaṇḍalahīrakaṃ. Marūti devā.
น โข ปเนวํ ทฎฺฐพฺพนฺติ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตาฯ เตนาห ‘‘มหาสโตฺต หี’’ติอาทิฯ เอกงฺคณานีติ วิวฎภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํฯ สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิเฎฺฐ ปสฺสิตุํ อิธ ตุเมฺหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโรติ อาหํสุฯ สพฺพปฐโมติ สพฺพปฺปธาโนฯ ปธานปริยาโย หิ อิธ ปฐมสโทฺทฯ เตนาห ‘‘อิตรานี’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ตถา วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสเนเนวฯ มเหสกฺขานญฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจโกฺข อโหสิฯ อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุฯ
Nakho panevaṃ daṭṭhabbanti sattapadavītihārato pageva disāvilokanassa katattā. Tenāha ‘‘mahāsatto hī’’tiādi. Ekaṅgaṇānīti vivaṭabhāvena vihāraṅgaṇapariveṇaṅgaṇāni viya ekaṅgaṇasadisāni ahesuṃ. Sadisopi natthīti tumhākaṃ idaṃ vilokanaṃ visiṭṭhe passituṃ idha tumhehi sadisopi natthi, kuto uttaritaroti āhaṃsu. Sabbapaṭhamoti sabbappadhāno. Padhānapariyāyo hi idha paṭhamasaddo. Tenāha ‘‘itarānī’’tiādi. Ettha ca mahesakkhā tāva devā tathā vadanti, itare pana kathanti? Mahāsattassa ānubhāvadassaneneva. Mahesakkhānañhi devānaṃ mahāsattassa ānubhāvo viya tena sadisānampi ānubhāvo paccakkho ahosi. Itare pana tesaṃ vacanaṃ sutvā saddahantā anuminantā tathā āhaṃsu.
ชาตมตฺตเสฺสว โพธิสตฺตสฺส ฐานาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต, ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปติฎฺฐานํ จตุอิทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธเมฺมสุ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสมิชฺฌนโตฯ อุตฺตราภิมุขภาโว โลกสฺส อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺคาทิคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิสุทฺธฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปญฺจราชกกุธภณฺฑานิ ปญฺจวิธวิมุตฺติคุณปริวารตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, อนาวฎทิสานุวิโลกนํ อนาวฎญาณตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘อโคฺคหมสฺมี’’ติอาทิวจนํ อปฺปฎิวตฺติยธมฺมจกฺกปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; อยมนฺติมา ชาตีติ อายติํ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป.… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ; ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีนิมิตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น อาคโตติ อิมสฺมิํ สุเตฺต อญฺญตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา อนาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาหริตฺวาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุเตฺต อฎฺฐกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตโพฺพฯ
Jātamattasseva bodhisattassa ṭhānādīni yesaṃ visesādhigamānaṃ pubbanimittabhūtānīti te niddhāretvā dassento, ‘‘ettha cā’’tiādimāha. Tattha patiṭṭhānaṃ catuiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ iddhipādavasena lokuttaradhammesu suppatiṭṭhitabhāvasamijjhanato. Uttarābhimukhabhāvo lokassa uttaraṇavasena gamanassa pubbanimittaṃ. Sattapadagamanaṃ sattabojjhaṅgādigamanassa pubbanimittaṃ, visuddhachattadhāraṇaṃ suvisuddhavimuttichattadhāraṇassa pubbanimittaṃ, pañcarājakakudhabhaṇḍāni pañcavidhavimuttiguṇaparivāratāya pubbanimittaṃ, anāvaṭadisānuvilokanaṃ anāvaṭañāṇatāya pubbanimittaṃ, ‘‘aggohamasmī’’tiādivacanaṃ appaṭivattiyadhammacakkapavattanassa pubbanimittaṃ; ayamantimā jātīti āyatiṃ jātiyā abhāvakittanā anupādi…pe… pubbanimittanti veditabbaṃ; tassa tassa anāgate laddhabbavisesassa taṃ taṃ nimittaṃ abyabhicārīnimittanti daṭṭhabbaṃ. Na āgatoti imasmiṃ sutte aññattha ca vakkhamānāya anupubbiyā anāgatataṃ sandhāya vuttaṃ. Āharitvāti tasmiṃ tasmiṃ sutte aṭṭhakathāsu ca āgatanayena āharitvā dīpetabbo.
ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปีติ ปน อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตเตฺต วกฺขมานานมจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อญฺญมฺปีทิสํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตนฺติ พทฺธา วีณา, จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปญฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สเทฺทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ภิชฺชิํสูติ ปาเทสุ พทฺธฎฺฐาเนสุเยว ภิชฺชิํสุฯ วิคจฺฉิํสูติ วูปสมิํสุฯ สกเตโชภาสิตานีติ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํฯ น ปวตฺตีติ น สนฺทีฯ วาโต น วายีติ ขโร วาโต น วายิ, มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิฯ ปถวีคตา อเหสุํ อุจฺจฎฺฐาเน ฐาตุํ อวิสหนฺตาฯ อุตุสมฺปโนฺนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปโนฺนฯ วามหตฺถํ อุเร ฐเปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํ อโปฺผฎนํฯ มุเขน อุเสฺสฬนํ สทฺทมุญฺจนํ เสฬนํฯ เอกทฺธชมาลา อโหสีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ เตน วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทวา วสฺสิํสุ, สูริเย ทิพฺพมาเน เอว ตารกา โอภาสิํสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา ทริสยา ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมิํสุ; ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวิํสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฎฺฐคโนฺธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคโนฺธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถมคมํสุ , สตฺตานํ จุตุปปาตา นาเหสุนฺติ อิเมสํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสานิ ตทา อเหสุนฺติฯ
Dasasahassilokadhātu kampīti pana idaṃ satipi idha pāḷiyaṃ āgatatte vakkhamānānamacchariyānaṃ mūlabhūtaṃ dassetuṃ vuttaṃ, evaṃ aññampīdisaṃ daṭṭhabbaṃ. Tanti baddhā vīṇā, cammabaddhā bheriyoti pañcaṅgikatūriyassa nidassanamattaṃ, ca-saddena vā itaresampi saṅgaho daṭṭhabbo. Bhijjiṃsūti pādesu baddhaṭṭhānesuyeva bhijjiṃsu. Vigacchiṃsūti vūpasamiṃsu. Sakatejobhāsitānīti ativiya samujjalāya attano pabhāya obhāsitāni ahesuṃ. Na pavattīti na sandī. Vāto na vāyīti kharo vāto na vāyi, mudusukho pana sattānaṃ sukhāvaho vāyi. Pathavīgatā ahesuṃ uccaṭṭhāne ṭhātuṃ avisahantā. Utusampannoti anuṇhāsītatāsaṅkhātena utunā sampanno. Vāmahatthaṃ ure ṭhapetvā dakkhiṇena puthupāṇinā hatthatāḷanena saddakaraṇaṃ apphoṭanaṃ. Mukhena usseḷanaṃ saddamuñcanaṃ seḷanaṃ. Ekaddhajamālā ahosīti ettha iti-saddo ādiattho. Tena vicittapupphasugandhapupphavassadevā vassiṃsu, sūriye dibbamāne eva tārakā obhāsiṃsu, acchaṃ vippasannaṃ udakaṃ pathavito ubbhijji, bilāsayā darisayā tiracchānā āsayato nikkhamiṃsu; rāgadosamohāpi tanu bhaviṃsu, pathaviyaṃ rajo vūpasami, aniṭṭhagandho vigacchi, dibbagandho vāyi, rūpino devā sarūpeneva manussānaṃ āpāthamagamaṃsu , sattānaṃ cutupapātā nāhesunti imesaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Yāni mahābhinīhārasamaye uppannāni dvattiṃsa pubbanimittāni, tāni anavasesāni tadā ahesunti.
ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตโพฺพ, น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส ฐานาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เญยฺยสฺส ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโตฯ เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมิํเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต, เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฎิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฐมํ เทวตานํ ปฎิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฎิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฎิคฺคหณํ ตเตฺถว ฐานสฺส นิจฺจลสภาวโต อาเนญฺชวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเฉทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; สุปฎฺฎนสมฺปาปุณนํ อตฺถาทิ อนุรูปํ อตฺถาทีสุ ญาณสฺส เภทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ
Tatrāpīti tesupi pathavikampādīsu evaṃ pubbanimittabhāvo veditabbo, na kevalaṃ sampatijātassa ṭhānādīsu evāti adhippāyo. Sabbaññutaññāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ sabbassa ñeyyassa titthakaramatassa ca cālanato. Kenaci anussāhitānaṃyeva imasmiṃyeva ekacakkavāḷe sannipāto, kenaci anussāhitānaṃyeva ekappahāreneva sannipatitvā dhammapaṭiggaṇhanassa pubbanimittaṃ, paṭhamaṃ devatānaṃ paṭiggahaṇaṃ dibbavihārapaṭilābhassa, pacchā manussānaṃ paṭiggahaṇaṃ tattheva ṭhānassa niccalasabhāvato āneñjavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Vīṇānaṃ sayaṃ vajjanaṃ parūpadesena vinā sayameva anupubbavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Bherīnaṃ vajjanaṃ cakkavāḷapariyantāya parisāya pavedanasamatthassa dhammabheriyā anusāvanassa amatadundubhighosanassa pubbanimittaṃ. Andubandhanādīnaṃ chedo mānavinibandhachedanassa pubbanimittaṃ; supaṭṭanasampāpuṇanaṃ atthādi anurūpaṃ atthādīsu ñāṇassa bhedādhigamassa pubbanimittaṃ.
นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสนฯ เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺสฯ วาตสฺส อวายนํ กิสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตภินฺทนสฺสา’’ติฯ อากาสาทิอปฺปติฎฺฐวิสมจญฺจลฎฺฐานํ ปหาย สกุณานํ ปถวีคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เทวตานํ อโปฺผฎนาทีหิ กีฬนํ ปโมทนุปฺปตฺติอุทานสฺส ภววนฺตคมเนน ธมฺมสภาวโพธเนน จ ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาญาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ กายคตาสติวเสน ลทฺธชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฎิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุโตฺตฯ อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ สเทวกสฺส โลกสฺส อริยมคฺคโพชฺฌงฺคธชมาลาหิ มาลิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฎํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Nibbānarasenāti kilesānaṃ nibbāyanarasena. Ekarasabhāvassāti sāsanassa sabbattha ekarasabhāvassa. Vātassa avāyanaṃ kissa pubbanimittanti āha ‘‘dvāsaṭṭhidiṭṭhigatabhindanassā’’ti. Ākāsādiappatiṭṭhavisamacañcalaṭṭhānaṃ pahāya sakuṇānaṃ pathavīgamanaṃ tādisaṃ micchāgāhaṃ pahāya sattānaṃ pāṇehi ratanattayasaraṇagamanassa pubbanimittaṃ. Devatānaṃ apphoṭanādīhi kīḷanaṃ pamodanuppattiudānassa bhavavantagamanena dhammasabhāvabodhanena ca pamodavibhāvanassa pubbanimittaṃ. Dhammavegavassanassāti desanāñāṇavegena dhammāmatassa vassanassa pubbanimittaṃ. Kāyagatāsativasena laddhajjhānaṃ pādakaṃ katvā uppāditamaggaphalasukhānubhavo kāyagatāsatiamatapaṭilābho, tassa pana kāyassapi atappakasukhāvahattā khudāpipāsāpīḷanābhāvo pubbanimittaṃ vutto. Ariyaddhajamālāmālitāyāti sadevakassa lokassa ariyamaggabojjhaṅgadhajamālāhi mālitabhāvassa pubbanimittaṃ. Yaṃ panettha anuddhaṭaṃ, taṃ suviññeyyameva.
เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมิํ ฐาเนฯ วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อเมฺหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ตทา ปถวิยํ คจฺฉโนฺตปิ มหาสโตฺต อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย มหาชนสฺส อุปฎฺฐาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตาติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํฯ ‘‘ปุเพฺพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปุญฺญสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฎฺฐาสี’’ติ อิทํ ปุเพฺพกตกมฺมวาทวเสน กถนํฯ อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ, มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมเตฺถน อุฬาเรน ปุญฺญกมฺมุนา นิพฺพตฺติโต เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตาฯ ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฎฺฐาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน กถนํฯ เอวํ ตํ ตํ พหุํ วตฺวา กิํ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว เอวํ พฺยากาสิฯ สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํมหานุภาโว อากาเสน มเญฺญ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนสฺส วเสน อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย อโหสิฯ สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิฯ อเจลกภาโว ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส อนนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสญฺชนิตปาฎิหาริยวเสน อลงฺการปฎิยโตฺต วิย; โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฎฺฐาสีติ เวทิตพฺพํ; พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา พุเทฺธน วิย…เป.… อตฺตมนา อโหสิฯ
Etthāti ‘‘sampatijāto’’tiādinā āgate imasmiṃ ṭhāne. Vissajjitova, tasmā amhehi idha apubbaṃ vattabbaṃ natthīti adhippāyo. Tadā pathaviyaṃ gacchantopi mahāsatto ākāsena gacchanto viya mahājanassa upaṭṭhāsīti ayamettha niyati dhammaniyāmo bodhisattānaṃ dhammatāti idaṃ niyativādavasena kathanaṃ. ‘‘Pubbe purimajātīsu tādisassa puññasambhārakammassa katattā upacitattā mahājanassa tathā upaṭṭhāsī’’ti idaṃ pubbekatakammavādavasena kathanaṃ. Imesaṃ sattānaṃ upari īsanasīlatāya yathāsakaṃ kammameva issaro nāma, tassa nimmānaṃ attano phalassa nibbattanaṃ, mahāpurisopi sadevakaṃ lokaṃ abhibhavituṃ samatthena uḷārena puññakammunā nibbattito tena issarena nimmito nāma, tassa cāyaṃ nimmānaviseso, yadidaṃ mahānubhāvatā. Yāya mahājanassa tathā upaṭṭhāsīti idaṃ issaranimmānavādavasena kathanaṃ. Evaṃ taṃ taṃ bahuṃ vatvā kiṃ imāya pariyāyakathāyāti avasāne ujukameva evaṃ byākāsi. Sampatijāto pathaviyaṃ kathaṃ padasā gacchati, evaṃmahānubhāvo ākāsena maññe gacchatīti parikappanassa vasena ākāsena gacchanto viya ahosi. Sīghataraṃ pana sattapadavītihārena gatattā dissamānarūpopi mahājanassa adissamāno viya ahosi. Acelakabhāvo khuddakasarīratā ca tādisassa iriyāpathassa ananucchavikāti kammānubhāvasañjanitapāṭihāriyavasena alaṅkārapaṭiyatto viya; soḷasavassuddesiko viya ca mahājanassa upaṭṭhāsīti veditabbaṃ; buddhabhāvānucchavikassa bodhisattānubhāvassa yāthāvato paveditattā buddhena viya…pe… attamanā ahosi.
ปากฎา หุตฺวาติ วิภูตา หุตฺวาฯ พุทฺธานํ เย เย สงฺขาเร ววตฺถเปตุกามา, เต เต อุปฺปาทกฺขเณปิ สพฺพโส สุปฺปฎิวิทิตา สุปากฎา หตฺถตเล อามลกํ วิย สุฎฺฐุ วิภูตา เอว หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติฯ เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ อโนกาสคเตติ ปริคฺคหสฺส อโนกาสกาเล ปวเตฺตฯ นิปฺปเทเสติ นิรวเสเสฯ โอกาสปฺปเตฺตติ ฐานคมนาทิกาเล อุปฺปเนฺน, เต หิ สมฺมสนสฺส โยคฺยกาเล อุปฺปตฺติยา โอกาสปฺปตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ สตฺตทิวสพฺภนฺตเรติ อิทํ พุทฺธานํ ปากติกสมฺมสนวเสน วุตฺตํ, อากงฺขนฺตา ปน เต ยทา กทาจิ อุปฺปนฺนสงฺขาเร สมฺมสนฺติเยวฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Pākaṭā hutvāti vibhūtā hutvā. Buddhānaṃ ye ye saṅkhāre vavatthapetukāmā, te te uppādakkhaṇepi sabbaso suppaṭividitā supākaṭā hatthatale āmalakaṃ viya suṭṭhu vibhūtā eva hutvā upaṭṭhahanti. Tenāha ‘‘yathā hī’’tiādi. Anokāsagateti pariggahassa anokāsakāle pavatte. Nippadeseti niravasese. Okāsappatteti ṭhānagamanādikāle uppanne, te hi sammasanassa yogyakāle uppattiyā okāsappattāti adhippāyo. Sattadivasabbhantareti idaṃ buddhānaṃ pākatikasammasanavasena vuttaṃ, ākaṅkhantā pana te yadā kadāci uppannasaṅkhāre sammasantiyeva. Sesaṃ suviññeyyameva.
อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Acchariyabbhutasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตํ • 3. Acchariyaabbhutasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตวณฺณนา • 3. Acchariyaabbhutasuttavaṇṇanā