Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. อเจลกสฺสปสุตฺตวณฺณนา

    7. Acelakassapasuttavaṇṇanā

    ๑๗. สตฺตเม อเจโล กสฺสโปติ ลิเงฺคน อเจโล นิเจฺจโล, นาเมน กสฺสโปฯ ทูรโตวาติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน ปริวุตํ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโต เอว อทฺทสฯ กิญฺจิเทว เทสนฺติ กิญฺจิเทว การณํฯ โอกาสนฺติ ปญฺหพฺยากรณสฺส ขณํ กาลํฯ อนฺตรฆรนฺติ ‘‘น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อโนฺตนิเวสนํ อนฺตรฆรํฯ ‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขุ อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย อโนฺตคาโมฯ อิธาปิ อยเมว อธิเปฺปโตฯ ยทากงฺขสีติ ยํ อิจฺฉสิฯ

    17. Sattame acelo kassapoti liṅgena acelo niccelo, nāmena kassapo. Dūratovāti mahatā bhikkhusaṅghena parivutaṃ āgacchantaṃ dūrato eva addasa. Kiñcideva desanti kiñcideva kāraṇaṃ. Okāsanti pañhabyākaraṇassa khaṇaṃ kālaṃ. Antaragharanti ‘‘na pallatthikāya antaraghare nisīdissāmī’’ti ettha antonivesanaṃ antaragharaṃ. ‘‘Okkhittacakkhu antaraghare gamissāmī’’ti ettha indakhīlato paṭṭhāya antogāmo. Idhāpi ayameva adhippeto. Yadākaṅkhasīti yaṃ icchasi.

    กสฺมา ปน ภควา กเถตุกาโม ยาวตติยํ ปฎิกฺขิปีติ? คารวชนนตฺถํฯ ทิฎฺฐิคติกา หิ ขิปฺปํ กถิยมาเน คารวํ น กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปุจฺฉิตุมฺปิ สุกรํ, ปุจฺฉิตมเตฺตเยว กเถตี’’ติ วจนมฺปิ น สทฺทหนฺติฯ เทฺว ตโย วาเร ปฎิกฺขิเตฺต ปน คารวํ กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปญฺหํ ปุจฺฉิตุมฺปิ ทุกฺกร’’นฺติ ยาวตติยํ ยาจิเต กถิยมานํ สุสฺสูสนฺติ สทฺทหนฺติฯ อิติ ภควา ‘‘อยํ สุสฺสูสิสฺสติ สทฺทหิสฺสตี’’ติ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา กเถสิฯ อปิจ ยถา ภิสโกฺก เตลํ วา ผาณิตํ วา ปจโนฺต มุทุปากขรปากานํ ปากกาลํ อาคมยมาโน ปากกาลํ อนติกฺกมิตฺวาว โอตาเรติฯ เอวํ ภควา สตฺตานํ ญาณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส ญาณํ ปริปากํ คมิสฺสตี’’ติ ญตฺวาว ยาวตติยํ ยาจาเปสิฯ

    Kasmā pana bhagavā kathetukāmo yāvatatiyaṃ paṭikkhipīti? Gāravajananatthaṃ. Diṭṭhigatikā hi khippaṃ kathiyamāne gāravaṃ na karonti, ‘‘samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitumpi pucchitumpi sukaraṃ, pucchitamatteyeva kathetī’’ti vacanampi na saddahanti. Dve tayo vāre paṭikkhitte pana gāravaṃ karonti, ‘‘samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitumpi pañhaṃ pucchitumpi dukkara’’nti yāvatatiyaṃ yācite kathiyamānaṃ sussūsanti saddahanti. Iti bhagavā ‘‘ayaṃ sussūsissati saddahissatī’’ti yāvatatiyaṃ yācāpetvā kathesi. Apica yathā bhisakko telaṃ vā phāṇitaṃ vā pacanto mudupākakharapākānaṃ pākakālaṃ āgamayamāno pākakālaṃ anatikkamitvāva otāreti. Evaṃ bhagavā sattānaṃ ñāṇaparipākaṃ āgamayamāno ‘‘ettakena kālena imassa ñāṇaṃ paripākaṃ gamissatī’’ti ñatvāva yāvatatiyaṃ yācāpesi.

    มา เหวํ, กสฺสปาติ, กสฺสป, มา เอวํ ภณิฯ สยํกตํ ทุกฺขนฺติ หิ วตฺตุํ น วฎฺฎติ, อตฺตา นาม โกจิ ทุกฺขสฺส การโก นตฺถีติ ทีเปติฯ ปรโตปิ เอเสว นโยฯ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อการเณน ยทิจฺฉาย อุปฺปนฺนํฯ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโนติ กสฺมา เอวมาห? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ‘สยํกตํ ทุกฺข’นฺติอาทินา ปุโฎฺฐ ‘มา เหว’นฺติ วทติ, ‘นตฺถี’ติ ปุโฎฺฐ ‘อตฺถี’ติ วทติฯ ‘ภวํ โคตโม ทุกฺขํ น ชานาติ น ปสฺสตี’ติ ปุโฎฺฐ ‘ชานามิ ขฺวาห’นฺติ วทติฯ กิญฺจิ นุ โข มยา วิรชฺฌิตฺวา ปุจฺฉิโต’’ติ มูลโต ปฎฺฐาย อตฺตโน ปุจฺฉเมว โสเธโนฺต เอวมาหฯ อาจิกฺขตุ จ เม, ภเนฺต, ภควาติ อิธ สตฺถริ สญฺชาตคารโว ‘‘ภว’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วทติฯ

    Mā hevaṃ, kassapāti, kassapa, mā evaṃ bhaṇi. Sayaṃkataṃ dukkhanti hi vattuṃ na vaṭṭati, attā nāma koci dukkhassa kārako natthīti dīpeti. Paratopi eseva nayo. Adhiccasamuppannanti akāraṇena yadicchāya uppannaṃ. Iti puṭṭho samānoti kasmā evamāha? Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘ayaṃ ‘sayaṃkataṃ dukkha’ntiādinā puṭṭho ‘mā heva’nti vadati, ‘natthī’ti puṭṭho ‘atthī’ti vadati. ‘Bhavaṃ gotamo dukkhaṃ na jānāti na passatī’ti puṭṭho ‘jānāmi khvāha’nti vadati. Kiñci nu kho mayā virajjhitvā pucchito’’ti mūlato paṭṭhāya attano pucchameva sodhento evamāha. Ācikkhatu ca me, bhante, bhagavāti idha satthari sañjātagāravo ‘‘bhava’’nti avatvā ‘‘bhagavā’’ti vadati.

    โส กโรตีติอาทิ, ‘‘สยํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฎิเสธนตฺถํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ สโตติ อิทํ ภุมฺมเตฺถ สามิวจนํ, ตสฺมา เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ – โส กโรติ โส ปฎิสํเวทยตีติ โข, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ปจฺฉา สยํกตํ ทุกฺขนฺติ อยํ ลทฺธิ โหติฯ เอตฺถ จ ทุกฺขนฺติ วฎฺฎทุกฺขํ อธิเปฺปตํฯ อิติ วทนฺติ เอตสฺส ปุริเมน อาทิสเทฺทน อนนฺตเรน จ สสฺสตสเทฺทน สมฺพโนฺธ โหติฯ ‘‘ทีเปติ คณฺหาตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาฐเสโสฯ อิทญฺหิ วุตฺตํ โหติ – อิติ เอวํ วทโนฺต อาทิโตว สสฺสตํ ทีเปติ, สสฺสตํ คณฺหาติฯ กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, การกญฺจ เวทกญฺจ เอกเมว คณฺหนฺตํ เอตํ สสฺสตํ อุปคจฺฉตีติ อโตฺถฯ

    So karotītiādi, ‘‘sayaṃkataṃ dukkha’’nti laddhiyā paṭisedhanatthaṃ vuttaṃ. Ettha ca satoti idaṃ bhummatthe sāmivacanaṃ, tasmā evamattho daṭṭhabbo – so karoti so paṭisaṃvedayatīti kho, kassapa, ādimhiyeva evaṃ sati pacchā sayaṃkataṃ dukkhanti ayaṃ laddhi hoti. Ettha ca dukkhanti vaṭṭadukkhaṃ adhippetaṃ. Iti vadanti etassa purimena ādisaddena anantarena ca sassatasaddena sambandho hoti. ‘‘Dīpeti gaṇhātī’’ti ayaṃ panettha pāṭhaseso. Idañhi vuttaṃ hoti – iti evaṃ vadanto āditova sassataṃ dīpeti, sassataṃ gaṇhāti. Kasmā? Tassa hi taṃ dassanaṃ etaṃ pareti, kārakañca vedakañca ekameva gaṇhantaṃ etaṃ sassataṃ upagacchatīti attho.

    อโญฺญ กโรตีติอาทิ ปน ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฎิเสธนตฺถํ วุตฺตํฯ ‘‘อาทิโต สโต’’ติ อิทํ ปน อิธาปิ อาหริตพฺพํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อโญฺญ กโรติ อโญฺญ ปฎิสํเวทิยตีติ โข ปน, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ, ปจฺฉา ‘‘การโก อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, เตน กตํ อโญฺญ ปฎิสํเวทิยตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนาย อุเจฺฉททิฎฺฐิยา สทฺธิํ สมฺปยุตฺตาย เวทนาย อภิตุนฺนสฺส วิทฺธสฺส สโต ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหตีติฯ อิติ วทนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ ตตฺรายํ โยชนา – เอวญฺจ วทโนฺต อาทิโตว อุเจฺฉทํ ทีเปติ, อุเจฺฉทํ คณฺหาติฯ กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ อุเจฺฉทํ อุปคจฺฉตีติ อโตฺถฯ

    Añño karotītiādi pana ‘‘paraṃkataṃ dukkha’’nti laddhiyā paṭisedhanatthaṃ vuttaṃ. ‘‘Ādito sato’’ti idaṃ pana idhāpi āharitabbaṃ. Ayañhettha attho – añño karoti añño paṭisaṃvediyatīti kho pana, kassapa, ādimhiyeva evaṃ sati, pacchā ‘‘kārako idheva ucchijjati, tena kataṃ añño paṭisaṃvediyatī’’ti evaṃ uppannāya ucchedadiṭṭhiyā saddhiṃ sampayuttāya vedanāya abhitunnassa viddhassa sato ‘‘paraṃkataṃ dukkha’’nti ayaṃ laddhi hotīti. Iti vadantiādi vuttanayeneva yojetabbaṃ. Tatrāyaṃ yojanā – evañca vadanto āditova ucchedaṃ dīpeti, ucchedaṃ gaṇhāti. Kasmā? Tassa hi taṃ dassanaṃ etaṃ pareti, etaṃ ucchedaṃ upagacchatīti attho.

    เอเต เตติ เย สสฺสตุเจฺฉทสงฺขาเต อุโภ อเนฺต (อนุปคมฺม ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, เอเต เต, กสฺสป, อุโภ อเนฺต) อนุปคมฺม ปหาย อนลฺลียิตฺวา มเชฺฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, มชฺฌิมาย ปฎิปทาย ฐิโต เทเสตีติ อโตฺถฯ กตรํ ธมฺมนฺติ เจ? ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติฯ เอตฺถ หิ การณโต ผลํ, การณนิโรเธน จสฺส นิโรโธ ทีปิโต, น โกจิ การโก วา เวทโก วา นิทฺทิโฎฺฐฯ เอตฺตาวตา เสสปญฺหา ปฎิเสธิตา โหนฺติฯ อุโภ อเนฺต อนุปคมฺมาติ อิมินา หิ ตติยปโญฺห ปฎิกฺขิโตฺตฯ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิมินา อธิจฺจสมุปฺปนฺนตา เจว อชานนญฺจ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Ete teti ye sassatucchedasaṅkhāte ubho ante (anupagamma tathāgato dhammaṃ deseti, ete te, kassapa, ubho ante) anupagamma pahāya anallīyitvā majjhena tathāgato dhammaṃ deseti, majjhimāya paṭipadāya ṭhito desetīti attho. Kataraṃ dhammanti ce? Yadidaṃ avijjāpaccayā saṅkhārāti. Ettha hi kāraṇato phalaṃ, kāraṇanirodhena cassa nirodho dīpito, na koci kārako vā vedako vā niddiṭṭho. Ettāvatā sesapañhā paṭisedhitā honti. Ubho ante anupagammāti iminā hi tatiyapañho paṭikkhitto. Avijjāpaccayā saṅkhārāti iminā adhiccasamuppannatā ceva ajānanañca paṭikkhittanti veditabbaṃ.

    ลเภยฺยนฺติ อิทํ โส ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุภาวํ ปตฺถยมาโน อาหฯ อถ ภควา โยเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส (มหาว. ๘๖) ปญฺญโตฺต, ยํ อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ สามเณรภูมิยํ ฐิโต ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนาโม อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํฯ สฺวาหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย โย โข, กสฺสป, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฎฺฐตาวเสน วุตฺตํฯ อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติฯ อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฎฺฐ วตฺตานิ ปูเรเนฺตน ปริวสิตพฺพํฯ อารทฺธจิตฺตาติ อฎฺฐวตฺตปูรเณน ตุฎฺฐจิตฺตาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย ปพฺพชฺชกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๘๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Labheyyanti idaṃ so bhagavato santike bhikkhubhāvaṃ patthayamāno āha. Atha bhagavā yonena khandhake titthiyaparivāso (mahāva. 86) paññatto, yaṃ aññatitthiyapubbo sāmaṇerabhūmiyaṃ ṭhito ‘‘ahaṃ, bhante, itthannāmo aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhāmi upasampadaṃ. Svāhaṃ, bhante, saṅghaṃ cattāro māse parivāsaṃ yācāmī’’tiādinā nayena samādiyitvā parivasati, taṃ sandhāya yo kho, kassapa, aññatitthiyapubbotiādimāha. Tattha pabbajjanti vacanasiliṭṭhatāvasena vuttaṃ. Aparivasitvāyeva hi pabbajjaṃ labhati. Upasampadatthikena pana nātikālena gāmappavesanādīni aṭṭha vattāni pūrentena parivasitabbaṃ. Āraddhacittāti aṭṭhavattapūraṇena tuṭṭhacittā. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panesa titthiyaparivāso samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya pabbajjakkhandhakavaṇṇanāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 86) vuttanayeneva veditabbo.

    อปิจ มยาติ อยเมตฺถ ปาโฐ, อญฺญตฺถ ปน ‘‘อปิจ เมตฺถา’’ติฯ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํฯ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโห’’ติ อิทํ มยฺหํ ปากฎนฺติ ทเสฺสติฯ ตโต กสฺสโป จิเนฺตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกเฎฺฎตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉเฑฺฑนฺตี’’ติฯ ตโต สุฎฺฐุตรํ ปพฺพชฺชาย สญฺชาตุสฺสาโห สเจ, ภเนฺตติอาทิมาหฯ อถ ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา ‘‘น กสฺสโป ปริวาสํ อรหตี’’ติ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, กสฺสปํ นหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิฯ ภควา คเณ นิสีทิตฺวา อุปสมฺปาเทสิฯ เตน วุตฺตํ อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทนฺติฯ อจิรูปสมฺปโนฺนติอาทิ เสสํ พฺราหฺมณสํยุเตฺต (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) วุตฺตเมวาติฯ สตฺตมํฯ

    Apica mayāti ayamettha pāṭho, aññattha pana ‘‘apica metthā’’ti. Puggalavemattatā viditāti puggalanānattaṃ viditaṃ. ‘‘Ayaṃ puggalo parivāsāraho, ayaṃ na parivāsāraho’’ti idaṃ mayhaṃ pākaṭanti dasseti. Tato kassapo cintesi – ‘‘aho acchariyaṃ buddhasāsanaṃ, yattha evaṃ ghaṃsitvā koṭṭetvā yuttameva gaṇhanti, ayuttaṃ chaḍḍentī’’ti. Tato suṭṭhutaraṃ pabbajjāya sañjātussāho sace, bhantetiādimāha. Atha bhagavā tassa tibbacchandataṃ viditvā ‘‘na kassapo parivāsaṃ arahatī’’ti aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘gaccha, bhikkhu, kassapaṃ nahāpetvā pabbājetvā ānehī’’ti. So tathā katvā taṃ pabbājetvā bhagavato santikaṃ agamāsi. Bhagavā gaṇe nisīditvā upasampādesi. Tena vuttaṃ alattha kho acelo kassapo bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadanti. Acirūpasampannotiādi sesaṃ brāhmaṇasaṃyutte (saṃ. ni. 1.187) vuttamevāti. Sattamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. อเจลกสฺสปสุตฺตํ • 7. Acelakassapasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. อเจลกสฺสปสุตฺตวณฺณนา • 7. Acelakassapasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact