Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
(๑๖) ๖. อเจลกวคฺควณฺณนา
(16) 6. Acelakavaggavaṇṇanā
๑๕๗-๑๖๓. อิโต ปเรสุ อาคาฬฺหา ปฎิปทาติ คาฬฺหา กกฺขฬา โลภวเสน ถิรคฺคหณาฯ นิชฺฌามาติ อตฺตกิลมถานุโยควเสน สุฎฺฐุ ฌามา สนฺตตฺตา ปริตตฺตาฯ มชฺฌิมาติ เนว กกฺขฬา น ฌามา มเชฺฌ ภวาฯ อเจลโกติ นิเจฺจโล นโคฺคฯ มุตฺตาจาโรติ วิสฺสฎฺฐาจาโร, อุจฺจารกมฺมาทีสุ โลกิยกุลปุตฺตาจาเรน วิรหิโต ฐิตโกว อุจฺจารํ กโรติ, ปสฺสาวํ กโรติ, ขาทติ ภุญฺชติฯ หตฺถาปเลขโนติ หเตฺถ ปิณฺฑมฺหิ นิฎฺฐิเต ชิวฺหาย หตฺถํ อปเลขติ, อุจฺจารมฺปิ กตฺวา หตฺถสฺมิํเยว ทณฺฑกสญฺญี หุตฺวา หเตฺถน อปเลขติฯ ภิกฺขาย คหณตฺถํ ‘‘เอหิ, ภทเนฺต’’ติ วุโตฺต น เอตีติ น เอหิภทนฺติโกฯ ‘‘เตน หิ ติฎฺฐ, ภเนฺต’’ติ วุโตฺตปิ น ติฎฺฐตีติ น ติฎฺฐภทนฺติโกฯ ตทุภยมฺปิ กิร โส ‘‘เอตสฺส วจนํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ น กโรติฯ อภิหฎนฺติ ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฎภิกฺขํฯ อุทฺทิสฺสกตนฺติ อิทํ ตุเมฺห อุทฺทิสฺส กตนฺติ เอวมาโรจิตภิกฺขํฯ นิมนฺตนนฺติ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ วา วีถิํ วา คามํ วา ปวิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ นิมนฺติตภิกฺขมฺปิ น สาทิยติ น คณฺหาติฯ น กุมฺภิมุขาติ กุมฺภิโต อุทฺธริตฺวา ทียมานํ ภิกฺขมฺปิ น คณฺหาติฯ น กโฬปิมุขาติ กโฬปีติ อุกฺขลิ วา ปจฺฉิ วา, ตโตปิ น คณฺหาติฯ กสฺมา? ‘‘กุมฺภิกโฬปิโย มํ นิสฺสาย กฎจฺฉุนา ปหารํ ลภนฺตี’’ติฯ น เอฬกมนฺตรนฺติ อุมฺมารํ อนฺตรํ กตฺวา ทียมานํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? ‘‘อยํ มํ นิสฺสาย อนฺตรกรณํ ลภตี’’ติฯ ทณฺฑมุสเลสุปิ เอเสว นโยฯ ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ ภุญฺชมาเนสุ เอกสฺมิํ อุฎฺฐาย เทเนฺต น คณฺหาติฯ กสฺมา? กพฬนฺตราโย โหตีติฯ
157-163. Ito paresu āgāḷhā paṭipadāti gāḷhā kakkhaḷā lobhavasena thiraggahaṇā. Nijjhāmāti attakilamathānuyogavasena suṭṭhu jhāmā santattā paritattā. Majjhimāti neva kakkhaḷā na jhāmā majjhe bhavā. Acelakoti niccelo naggo. Muttācāroti vissaṭṭhācāro, uccārakammādīsu lokiyakulaputtācārena virahito ṭhitakova uccāraṃ karoti, passāvaṃ karoti, khādati bhuñjati. Hatthāpalekhanoti hatthe piṇḍamhi niṭṭhite jivhāya hatthaṃ apalekhati, uccārampi katvā hatthasmiṃyeva daṇḍakasaññī hutvā hatthena apalekhati. Bhikkhāya gahaṇatthaṃ ‘‘ehi, bhadante’’ti vutto na etīti na ehibhadantiko. ‘‘Tena hi tiṭṭha, bhante’’ti vuttopi na tiṭṭhatīti na tiṭṭhabhadantiko. Tadubhayampi kira so ‘‘etassa vacanaṃ kataṃ bhavissatī’’ti na karoti. Abhihaṭanti puretaraṃ gahetvā āhaṭabhikkhaṃ. Uddissakatanti idaṃ tumhe uddissa katanti evamārocitabhikkhaṃ. Nimantananti ‘‘asukaṃ nāma kulaṃ vā vīthiṃ vā gāmaṃ vā paviseyyāthā’’ti evaṃ nimantitabhikkhampi na sādiyati na gaṇhāti. Na kumbhimukhāti kumbhito uddharitvā dīyamānaṃ bhikkhampi na gaṇhāti. Na kaḷopimukhāti kaḷopīti ukkhali vā pacchi vā, tatopi na gaṇhāti. Kasmā? ‘‘Kumbhikaḷopiyo maṃ nissāya kaṭacchunā pahāraṃ labhantī’’ti. Na eḷakamantaranti ummāraṃ antaraṃ katvā dīyamānaṃ na gaṇhāti. Kasmā? ‘‘Ayaṃ maṃ nissāya antarakaraṇaṃ labhatī’’ti. Daṇḍamusalesupi eseva nayo. Dvinnanti dvīsu bhuñjamānesu ekasmiṃ uṭṭhāya dente na gaṇhāti. Kasmā? Kabaḷantarāyo hotīti.
น คพฺภินิยาติอาทีสุ ปน คพฺภินิยา กุจฺฉิยํ ทารโก กิลมติ, ปายนฺติยา ทารกสฺส ขีรนฺตราโย โหติ, ปุริสนฺตรคตาย รติอนฺตราโย โหตีติ น คณฺหาติฯ น สงฺกิตฺตีสูติ สงฺกิเตฺตตฺวา กตภเตฺตสุฯ ทุพฺภิกฺขสมเย กิร อเจลกสาวกา อเจลกานํ อตฺถาย ตโต ตโต ตณฺฑุลาทีนิ สมาทเปตฺวา ภตฺตํ ปจนฺติ, อุกฺกฎฺฐาเจลโก ตโต น ปฎิคฺคณฺหาติฯ น ยตฺถ สาติ ยตฺถ สุนโข ‘‘ปิณฺฑํ ลภิสฺสามี’’ติ อุปฎฺฐิโต โหติ, ตตฺถ ตสฺส อทตฺวา อาหฎํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? เอตสฺส ปิณฺฑนฺตราโย โหตีติฯ สณฺฑสณฺฑจารินีติ สมูหสมูหจารินี ฯ สเจ หิ อเจลกํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ มนุสฺสา ภตฺตเคหํ ปวิสนฺติ, เตสุ จ ปวิสเนฺตสุ กโฬปิมุขาทีสุ นิลีนา มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา สณฺฑสณฺฑา จรนฺติ, ตโต อาหฎํ ภิกฺขํ น คณฺหาติฯ กสฺมา? ‘‘มํ นิสฺสาย มกฺขิกานํ โคจรนฺตราโย ชาโต’’ติฯ
Na gabbhiniyātiādīsu pana gabbhiniyā kucchiyaṃ dārako kilamati, pāyantiyā dārakassa khīrantarāyo hoti, purisantaragatāya ratiantarāyo hotīti na gaṇhāti. Na saṅkittīsūti saṅkittetvā katabhattesu. Dubbhikkhasamaye kira acelakasāvakā acelakānaṃ atthāya tato tato taṇḍulādīni samādapetvā bhattaṃ pacanti, ukkaṭṭhācelako tato na paṭiggaṇhāti. Na yattha sāti yattha sunakho ‘‘piṇḍaṃ labhissāmī’’ti upaṭṭhito hoti, tattha tassa adatvā āhaṭaṃ na gaṇhāti. Kasmā? Etassa piṇḍantarāyo hotīti. Saṇḍasaṇḍacārinīti samūhasamūhacārinī . Sace hi acelakaṃ disvā ‘‘imassa bhikkhaṃ dassāmā’’ti manussā bhattagehaṃ pavisanti, tesu ca pavisantesu kaḷopimukhādīsu nilīnā makkhikā uppatitvā saṇḍasaṇḍā caranti, tato āhaṭaṃ bhikkhaṃ na gaṇhāti. Kasmā? ‘‘Maṃ nissāya makkhikānaṃ gocarantarāyo jāto’’ti.
ถุโสทกนฺติ สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กตโสวีรกํฯ เอตฺถ จ สุราปานเมว สาวชฺชํ, อยํ ปน สเพฺพสุ สาวชฺชสญฺญีฯ เอกาคาริโกติ โย เอกสฺมิํเยว เคเห ภิกฺขํ ลภิตฺวา นิวตฺตติฯ เอกาโลปิโกติ เอเกเนว อาโลเปน ยาเปติฯ ทฺวาคาริกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอกิสฺสาปิ ทตฺติยาติ เอกาย ทตฺติยาฯ ทตฺติ นาม เอกา ขุทฺทกปาติ โหติ, ยตฺถ อคฺคภิกฺขํ ปกฺขิปิตฺวา ฐเปนฺติฯ เอกาหิกนฺติ เอกทิวสนฺตริกํฯ อทฺธมาสิกนฺติ อทฺธมาสนฺตริกํฯ ปริยายภตฺตโภชนนฺติ วารภตฺตโภชนํ, เอกาหวาเรน ทฺวีหวาเรน สตฺตาหวาเรน อทฺธมาสวาเรนาติ เอวํ ทิวสวาเรน อาภตภตฺตโภชนํฯ สากภโกฺขติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ
Thusodakanti sabbasassasambhārehi katasovīrakaṃ. Ettha ca surāpānameva sāvajjaṃ, ayaṃ pana sabbesu sāvajjasaññī. Ekāgārikoti yo ekasmiṃyeva gehe bhikkhaṃ labhitvā nivattati. Ekālopikoti ekeneva ālopena yāpeti. Dvāgārikādīsupi eseva nayo. Ekissāpi dattiyāti ekāya dattiyā. Datti nāma ekā khuddakapāti hoti, yattha aggabhikkhaṃ pakkhipitvā ṭhapenti. Ekāhikanti ekadivasantarikaṃ. Addhamāsikanti addhamāsantarikaṃ. Pariyāyabhattabhojananti vārabhattabhojanaṃ, ekāhavārena dvīhavārena sattāhavārena addhamāsavārenāti evaṃ divasavārena ābhatabhattabhojanaṃ. Sākabhakkhotiādīni vuttatthāneva.
อุพฺภฎฺฐโกติ อุทฺธํ ฐิตโกฯ อุกฺกุฎิกปฺปธานมนุยุโตฺตติ อุกฺกุฎิกวีริยมนุยุโตฺต, คจฺฉโนฺตปิ อุกฺกุฎิโกว หุตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา คจฺฉติฯ กณฺฎกาปสฺสยิโกติ อยกณฺฎเก วา ปกติกณฺฎเก วา ภูมิยํ โกเฎฺฎตฺวา ตตฺถ จมฺมํ อตฺถริตฺวา ฐานจงฺกมาทีนิ กโรติฯ เสยฺยนฺติ สยโนฺตปิ ตเตฺถว เสยฺยํ กเปฺปติฯ สายํ ตติยมสฺสาติ สายตติยกํฯ ปาโต มชฺฌนฺหิเก สายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ‘‘ปาปํ ปวาเหสฺสามี’’ติ อุทโกโรหนานุโยคํ อนุยุโตฺต วิหรติฯ
Ubbhaṭṭhakoti uddhaṃ ṭhitako. Ukkuṭikappadhānamanuyuttoti ukkuṭikavīriyamanuyutto, gacchantopi ukkuṭikova hutvā uppatitvā uppatitvā gacchati. Kaṇṭakāpassayikoti ayakaṇṭake vā pakatikaṇṭake vā bhūmiyaṃ koṭṭetvā tattha cammaṃ attharitvā ṭhānacaṅkamādīni karoti. Seyyanti sayantopi tattheva seyyaṃ kappeti. Sāyaṃ tatiyamassāti sāyatatiyakaṃ. Pāto majjhanhike sāyanti divasassa tikkhattuṃ ‘‘pāpaṃ pavāhessāmī’’ti udakorohanānuyogaṃ anuyutto viharati.
กาเย กายานุปสฺสีติอาทีนิ เหฎฺฐา เอกกนิปาตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฎิปทาติ, ภิกฺขเว, อยํ กามสุขลฺลิกานุโยคญฺจ อตฺตกิลมถานุโยคญฺจาติ เทฺว อเนฺต อนุปคตา, สสฺสตุเจฺฉทเนฺตหิ วา วิมุตฺตา มชฺฌิมา ปฎิปทาติ เวทิตพฺพาฯ
Kāye kāyānupassītiādīni heṭṭhā ekakanipātavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbāni. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, majjhimā paṭipadāti, bhikkhave, ayaṃ kāmasukhallikānuyogañca attakilamathānuyogañcāti dve ante anupagatā, sassatucchedantehi vā vimuttā majjhimā paṭipadāti veditabbā.
อเจลกวโคฺค ฉโฎฺฐฯ
Acelakavaggo chaṭṭho.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / (๑๖) ๖. อเจลกวโคฺค • (16) 6. Acelakavaggo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / (๑๖) ๖. อเจลกวคฺควณฺณนา • (16) 6. Acelakavaggavaṇṇanā