Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๔. อฑฺฒกาสิเถรีคาถาวณฺณนา

    4. Aḍḍhakāsitherīgāthāvaṇṇanā

    ยาว กาสิชนปโทติอาทิกา อฑฺฒกาสิยา เถริยา คาถาฯ อยํ กิร กสฺสปสฺส ทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุนิสีเล ฐิตํ อญฺญตรํ ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตํ ขีณาสวเตฺถริํ คณิกาวาเทน อโกฺกสิตฺวา, ตโต จุตา นิรเย ปจฺจิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กาสิกรเฎฺฐ อุฬารวิภเว เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิปฺปตฺตา ปุเพฺพ กตสฺส วจีทุจฺจริตสฺส นิสฺสเนฺทน ฐานโต ปริภฎฺฐา คณิกา อโหสิฯ นาเมน อฑฺฒกาสี นามฯ ตสฺสา ปพฺพชฺชา จ ทูเตน อุปสมฺปทา จ ขนฺธเก อาคตาเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Yāva kāsijanapadotiādikā aḍḍhakāsiyā theriyā gāthā. Ayaṃ kira kassapassa dasabalassa kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā bhikkhunīnaṃ santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā pabbajitvā bhikkhunisīle ṭhitaṃ aññataraṃ paṭisambhidāppattaṃ khīṇāsavattheriṃ gaṇikāvādena akkositvā, tato cutā niraye paccitvā imasmiṃ buddhuppāde kāsikaraṭṭhe uḷāravibhave seṭṭhikule nibbattitvā vuddhippattā pubbe katassa vacīduccaritassa nissandena ṭhānato paribhaṭṭhā gaṇikā ahosi. Nāmena aḍḍhakāsī nāma. Tassā pabbajjā ca dūtena upasampadā ca khandhake āgatāyeva. Vuttañhetaṃ –

    เตน โข ปน สมเยน อฑฺฒกาสี คณิกา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา โหติฯ สา จ สาวตฺถิํ คนฺตุกามา โหติ ‘‘ภควโต สนฺติเก อุปสมฺปชฺชิสฺสามี’’ติฯ อโสฺสสุํ โข ธุตฺตา – ‘‘อฑฺฒกาสี กิร คณิกา สาวตฺถิํ คนฺตุกามา’’ติฯ เต มเคฺค ปริยุฎฺฐิํสุฯ อโสฺสสิ โข อฑฺฒกาสี คณิกา ‘‘ธุตฺตา กิร มเคฺค ปริยุฎฺฐิตา’’ติฯ ภควโต สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘อหญฺหิ อุปสมฺปชฺชิตุกามา, กถํ นุ โข มยา ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทูเตนปิ อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๐)ฯ

    Tena kho pana samayena aḍḍhakāsī gaṇikā bhikkhunīsu pabbajitā hoti. Sā ca sāvatthiṃ gantukāmā hoti ‘‘bhagavato santike upasampajjissāmī’’ti. Assosuṃ kho dhuttā – ‘‘aḍḍhakāsī kira gaṇikā sāvatthiṃ gantukāmā’’ti. Te magge pariyuṭṭhiṃsu. Assosi kho aḍḍhakāsī gaṇikā ‘‘dhuttā kira magge pariyuṭṭhitā’’ti. Bhagavato santike dūtaṃ pāhesi – ‘‘ahañhi upasampajjitukāmā, kathaṃ nu kho mayā paṭipajjitabba’’nti? Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, dūtenapi upasampādetu’’nti (cūḷava. 430).

    เอวํ ลทฺธูปสมฺปทา ปน วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๔.๑๖๘-๑๘๓) –

    Evaṃ laddhūpasampadā pana vipassanāya kammaṃ karontī na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.4.168-183) –

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘ตทาหํ ปพฺพชิตฺวาน, ตสฺส พุทฺธสฺส สาสเน;

    ‘‘Tadāhaṃ pabbajitvāna, tassa buddhassa sāsane;

    สํวุตา ปาติโมกฺขมฺหิ, อินฺทฺริเยสุ จ ปญฺจสุฯ

    Saṃvutā pātimokkhamhi, indriyesu ca pañcasu.

    ‘‘มตฺตญฺญุนี จ อสเน, ยุตฺตา ชาคริเยปิ จ;

    ‘‘Mattaññunī ca asane, yuttā jāgariyepi ca;

    วสนฺตี ยุตฺตโยคาหํ, ภิกฺขุนิํ วิคตาสวํฯ

    Vasantī yuttayogāhaṃ, bhikkhuniṃ vigatāsavaṃ.

    ‘‘อโกฺกสิํ ทุฎฺฐจิตฺตาหํ, คณิเกติ ภณิํ ตทา;

    ‘‘Akkosiṃ duṭṭhacittāhaṃ, gaṇiketi bhaṇiṃ tadā;

    เตน ปาเปน กเมฺมน, นิรยมฺหิ อปจฺจิสํฯ

    Tena pāpena kammena, nirayamhi apaccisaṃ.

    ‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อชายิํ คณิกากุเล;

    ‘‘Tena kammāvasesena, ajāyiṃ gaṇikākule;

    พหุโสว ปราธีนา, ปจฺฉิมาย จ ชาติยํฯ

    Bahusova parādhīnā, pacchimāya ca jātiyaṃ.

    ‘‘กาสีสุ เสฎฺฐิกุลชา, พฺรหฺมจารีพเลนหํ;

    ‘‘Kāsīsu seṭṭhikulajā, brahmacārībalenahaṃ;

    อจฺฉรา วิย เทเวสุ, อโหสิํ รูปสมฺปทาฯ

    Accharā viya devesu, ahosiṃ rūpasampadā.

    ‘‘ทิสฺวาน ทสฺสนียํ มํ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;

    ‘‘Disvāna dassanīyaṃ maṃ, giribbajapuruttame;

    คณิกเตฺต นิเวเสสุํ, อโกฺกสนพเลน เมฯ

    Gaṇikatte nivesesuṃ, akkosanabalena me.

    ‘‘สาหํ สุตฺวาน สทฺธมฺมํ, พุทฺธเสเฎฺฐน เทสิตํ;

    ‘‘Sāhaṃ sutvāna saddhammaṃ, buddhaseṭṭhena desitaṃ;

    ปุพฺพวาสนสมฺปนฺนา, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Pubbavāsanasampannā, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘ตทูปสมฺปทตฺถาย, คจฺฉนฺตี ชินสนฺติกํ;

    ‘‘Tadūpasampadatthāya, gacchantī jinasantikaṃ;

    มเคฺค ธุเตฺต ฐิเต สุตฺวา, ลภิํ ทูโตปสมฺปทํฯ

    Magge dhutte ṭhite sutvā, labhiṃ dūtopasampadaṃ.

    ‘‘สพฺพกมฺมํ ปริกฺขีณํ, ปุญฺญํ ปาปํ ตเถว จ;

    ‘‘Sabbakammaṃ parikkhīṇaṃ, puññaṃ pāpaṃ tatheva ca;

    สพฺพสํสารมุตฺติณฺณา , คณิกตฺตญฺจ เขปิตํฯ

    Sabbasaṃsāramuttiṇṇā , gaṇikattañca khepitaṃ.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;

    เจโตปริยญาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเนฯ

    Cetopariyañāṇassa, vasī homi mahāmune.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;

    ‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;

    ญาณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเกฯ

    Ñāṇaṃ mama mahāvīra, uppannaṃ tava santike.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๔.๑๖๘-๑๘๓);

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti. (apa. therī 2.4.168-183);

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā udānavasena –

    ๒๕.

    25.

    ‘‘ยาว กาสิชนปโท, สุโงฺก เม ตตฺตโก อหุ;

    ‘‘Yāva kāsijanapado, suṅko me tattako ahu;

    ตํ กตฺวา เนคโม อคฺฆํ, อเฑฺฒนคฺฆํ ฐเปสิ มํฯ

    Taṃ katvā negamo agghaṃ, aḍḍhenagghaṃ ṭhapesi maṃ.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘อถ นิพฺพินฺทหํ รูเป, นิพฺพินฺทญฺจ วิรชฺชหํ;

    ‘‘Atha nibbindahaṃ rūpe, nibbindañca virajjahaṃ;

    มา ปุน ชาติสํสารํ, สนฺธาเวยฺยํ ปุนปฺปุนํ;

    Mā puna jātisaṃsāraṃ, sandhāveyyaṃ punappunaṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –

    Tisso vijjā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ยาว กาสิชนปโท, สุโงฺก เม ตตฺตโก อหูติ กาสีสุ ชนปเทสุ ภโว สุโงฺก กาสิชนปโท, โส ยาว ยตฺตโก, ตตฺตโก มยฺหํ สุโงฺก อหุ อโหสิฯ กิตฺตโก ปน โสติ? สหสฺสมโตฺตฯ กาสิรเฎฺฐ กิร ตทา สุงฺกวเสน เอกทิวสํ รโญฺญ อุปฺปชฺชนกอาโย อโหสิ สหสฺสมโตฺต, อิมายปิ ปุริสานํ หตฺถโต เอกทิวสํ ลทฺธธนํ ตตฺตกํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยาว กาสิชนปโท, สุโงฺก เม ตตฺตโก อหู’’ติฯ สา ปน กาสิสุงฺกปริมาณตาย กาสีติ สมญฺญํ ลภิฯ ตตฺถ เยภุเยฺยน มนุสฺสา สหสฺสํ ทาตุํ อสโกฺกนฺตา ตโต อุปฑฺฒํ ทตฺวา ทิวสภาคเมว รมิตฺวา คจฺฉนฺติ, เตสํ วเสนายํ อฑฺฒกาสีติ ปญฺญายิตฺถฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ กตฺวา เนคโม อคฺฆํ, อเฑฺฒนคฺฆํ ฐเปสิ ม’’นฺติฯ ตํ ปญฺจสตมตฺตํ ธนํ อคฺฆํ กตฺวา เนคโม นิคมวาสิชโน อิตฺถิรตนภาเวน อนคฺฆมฺปิ สมานํ อเฑฺฒน อคฺฆํ นิมิตฺตํ อฑฺฒกาสีติ สมญฺญาวเสน มํ ฐเปสิ, ตถา มํ โวหรีติ อโตฺถฯ

    Tattha yāva kāsijanapado, suṅko me tattako ahūti kāsīsu janapadesu bhavo suṅko kāsijanapado, so yāva yattako, tattako mayhaṃ suṅko ahu ahosi. Kittako pana soti? Sahassamatto. Kāsiraṭṭhe kira tadā suṅkavasena ekadivasaṃ rañño uppajjanakaāyo ahosi sahassamatto, imāyapi purisānaṃ hatthato ekadivasaṃ laddhadhanaṃ tattakaṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘yāva kāsijanapado, suṅko me tattako ahū’’ti. Sā pana kāsisuṅkaparimāṇatāya kāsīti samaññaṃ labhi. Tattha yebhuyyena manussā sahassaṃ dātuṃ asakkontā tato upaḍḍhaṃ datvā divasabhāgameva ramitvā gacchanti, tesaṃ vasenāyaṃ aḍḍhakāsīti paññāyittha. Tena vuttaṃ – ‘‘taṃ katvā negamo agghaṃ, aḍḍhenagghaṃ ṭhapesi ma’’nti. Taṃ pañcasatamattaṃ dhanaṃ agghaṃ katvā negamo nigamavāsijano itthiratanabhāvena anagghampi samānaṃ aḍḍhena agghaṃ nimittaṃ aḍḍhakāsīti samaññāvasena maṃ ṭhapesi, tathā maṃ voharīti attho.

    อถ นิพฺพินฺทหํ รูเปติ เอวํ รูปูปชีวินี หุตฺวา ฐิตาฯ อถ ปจฺฉา สาสนํ นิสฺสาย รูเป อหํ นิพฺพินฺทิํ ‘‘อิติปิ รูปํ อนิจฺจํ, อิติปิทํ รูปํ ทุกฺขํ, อสุภ’’นฺติ ปสฺสนฺตี ตตฺถ อุกฺกณฺฐิํฯ นิพฺพินฺทญฺจ วิรชฺชหนฺติ นิพฺพินฺทนฺตี จาหํ ตโต ปรํ วิราคํ อาปชฺชิํฯ นิพฺพินฺทคฺคหเณน เจตฺถ ตรุณวิปสฺสนํ ทเสฺสติ, วิราคคฺคหเณน พลววิปสฺสนํฯ ‘‘นิพฺพินฺทโนฺต วิรชฺชติ วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ มา ปุน ชาติสํสารํ, สนฺธาเวยฺยํ ปุนปฺปุนนฺติ อิมินา นิพฺพินฺทนวิรชฺชนากาเร นิทเสฺสติฯ ติโสฺส วิชฺชาติอาทินา เตสํ มตฺถกปฺปตฺติํ, ตํ วุตฺตนยเมวฯ

    Atha nibbindahaṃ rūpeti evaṃ rūpūpajīvinī hutvā ṭhitā. Atha pacchā sāsanaṃ nissāya rūpe ahaṃ nibbindiṃ ‘‘itipi rūpaṃ aniccaṃ, itipidaṃ rūpaṃ dukkhaṃ, asubha’’nti passantī tattha ukkaṇṭhiṃ. Nibbindañca virajjahanti nibbindantī cāhaṃ tato paraṃ virāgaṃ āpajjiṃ. Nibbindaggahaṇena cettha taruṇavipassanaṃ dasseti, virāgaggahaṇena balavavipassanaṃ. ‘‘Nibbindanto virajjati virāgā vimuccatī’’ti hi vuttaṃ. Mā puna jātisaṃsāraṃ, sandhāveyyaṃ punappunanti iminā nibbindanavirajjanākāre nidasseti. Tisso vijjātiādinā tesaṃ matthakappattiṃ, taṃ vuttanayameva.

    อฑฺฒกาสิเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aḍḍhakāsitherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๔. อฑฺฒกาสิเถรีคาถา • 4. Aḍḍhakāsitherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact