Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๔. อทฺธาสุตฺตวณฺณนา

    4. Addhāsuttavaṇṇanā

    ๖๓. จตุเตฺถ อทฺธาติ กาลาฯ อตีโต อทฺธาติอาทีสุ เทฺว ปริยายา – สุตฺตนฺตปริยาโย, อภิธมฺมปริยาโย จฯ ตตฺถ สุตฺตนฺตปริยาเยน ปฎิสนฺธิโต ปุเพฺพ อตีโต อทฺธา นาม, จุติโต ปจฺฉา อนาคโต อทฺธา นาม, สห จุติปฎิสนฺธีหิ ตทนนฺตรํ ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธา นามฯ อภิธมฺมปริยาเยน อุปฺปาโท, ฐิติ, ภโงฺคติ อิเม ตโย ขเณ ปตฺวา นิรุทฺธธมฺมา อตีโต อทฺธา นาม, ตโยปิ ขเณ อสมฺปตฺตา อนาคโต อทฺธา นาม, ขณตฺตยสมงฺคิโน ปจฺจุปฺปโนฺน อทฺธา นามฯ

    63. Catutthe addhāti kālā. Atīto addhātiādīsu dve pariyāyā – suttantapariyāyo, abhidhammapariyāyo ca. Tattha suttantapariyāyena paṭisandhito pubbe atīto addhā nāma, cutito pacchā anāgato addhā nāma, saha cutipaṭisandhīhi tadanantaraṃ paccuppanno addhā nāma. Abhidhammapariyāyena uppādo, ṭhiti, bhaṅgoti ime tayo khaṇe patvā niruddhadhammā atīto addhā nāma, tayopi khaṇe asampattā anāgato addhā nāma, khaṇattayasamaṅgino paccuppanno addhā nāma.

    อปโร นโย – อยญฺหิ อตีตาทิวิภาโค อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา เวทิตโพฺพฯ เตสุ อทฺธาวิภาโค วุโตฺตฯ สนฺตติวเสน สภาคา เอกอุตุสมุฎฺฐานา, เอกาหารสมุฎฺฐานา จ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานาปิ ปจฺจุปฺปนฺนาฯ ตโต ปุเพฺพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฎฺฐานา อตีตา ปจฺฉา อนาคตาฯ จิตฺตชา เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฎฺฐานา ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ กมฺมสมุฎฺฐานานํ ปาฎิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ, เตสํเยว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฎฺฐานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตโพฺพฯ สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานา ตํตํสมเย ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ อยํ ตาว รูปธเมฺมสุ นโยฯ อรูปธเมฺมสุ ปน ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ อปิจ อติกฺกนฺตเหตุปจฺจยกิจฺจา อตีตา, นิฎฺฐิตเหตุกิจฺจา อนิฎฺฐิตปจฺจยกิจฺจา ปจฺจุปฺปนฺนา, อุภยกิจฺจํ อสมฺปตฺตา อนาคตาฯ อตฺตโน วา กิจฺจกฺขเณ ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ เอตฺถ จ ขณาทิกถาว นิปฺปริยายา, เสสา ปริยายาฯ อยญฺหิ อตีตาทิเภโท นาม ธมฺมานํ โหติ, น กาลสฺสฯ อตีตาทิเภเท ปน ธเมฺม อุปาทาย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล อิธ เตเนว โวหาเรน อตีโตติอาทินา วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Aparo nayo – ayañhi atītādivibhāgo addhāsantatisamayakhaṇavasena catudhā veditabbo. Tesu addhāvibhāgo vutto. Santativasena sabhāgā ekautusamuṭṭhānā, ekāhārasamuṭṭhānā ca pubbāpariyavasena vattamānāpi paccuppannā. Tato pubbe visabhāgautuāhārasamuṭṭhānā atītā pacchā anāgatā. Cittajā ekavīthiekajavanaekasamāpattisamuṭṭhānā paccuppannā nāma, tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Kammasamuṭṭhānānaṃ pāṭiyekkaṃ santativasena atītādibhedo natthi, tesaṃyeva pana utuāhāracittasamuṭṭhānānaṃ upatthambhakavasena tassa atītādibhāvo veditabbo. Samayavasena ekamuhuttapubbaṇhasāyanharattidivādīsu samayesu santānavasena pavattamānā taṃtaṃsamaye paccuppannā nāma, tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Ayaṃ tāva rūpadhammesu nayo. Arūpadhammesu pana khaṇavasena uppādādikkhaṇattayapariyāpannā paccuppannā, tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Apica atikkantahetupaccayakiccā atītā, niṭṭhitahetukiccā aniṭṭhitapaccayakiccā paccuppannā, ubhayakiccaṃ asampattā anāgatā. Attano vā kiccakkhaṇe paccuppannā, tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Ettha ca khaṇādikathāva nippariyāyā, sesā pariyāyā. Ayañhi atītādibhedo nāma dhammānaṃ hoti, na kālassa. Atītādibhede pana dhamme upādāya paramatthato avijjamānopi kālo idha teneva vohārena atītotiādinā vuttoti veditabbo.

    คาถาสุ อเกฺขยฺยสญฺญิโนติ เอตฺถ อกฺขายติ, กถียติ, ปญฺญาปียตีติ อเกฺขยฺยํ, กถาวตฺถุ, อตฺถโต รูปาทโย ปญฺจกฺขนฺธาฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Gāthāsu akkheyyasaññinoti ettha akkhāyati, kathīyati, paññāpīyatīti akkheyyaṃ, kathāvatthu, atthato rūpādayo pañcakkhandhā. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘อตีตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย, อนาคตํ วา…เป.… ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕)ฯ

    ‘‘Atītaṃ vā addhānaṃ ārabbha kathaṃ katheyya, anāgataṃ vā…pe… paccuppannaṃ vā addhānaṃ ārabbha kathaṃ katheyyā’’ti (dī. ni. 3.305).

    ตถา –

    Tathā –

    ‘‘ยํ, ภิกฺขเว , รูปํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สงฺขา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สมญฺญา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส ปญฺญตฺติ; น ตสฺส สงฺขา อตฺถีติ, น ตสฺส สงฺขา ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) –

    ‘‘Yaṃ, bhikkhave , rūpaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ, ‘ahosī’ti tassa saṅkhā, ‘ahosī’ti tassa samaññā, ‘ahosī’ti tassa paññatti; na tassa saṅkhā atthīti, na tassa saṅkhā bhavissatī’’ti (saṃ. ni. 3.62) –

    เอวํ วุเตฺตน นิรุตฺติปถสุเตฺตนปิ เอตฺถ อโตฺถ ทีเปตโพฺพฯ เอวํ กถาวตฺถุภาเวน อเกฺขยฺยสงฺขาเต ขนฺธปญฺจเก อหนฺติ จ มมนฺติ จ เทโวติ จ มนุโสฺสติ จ อิตฺถีติ จ ปุริโสติ จ อาทินา ปวตฺตสญฺญาวเสน อเกฺขยฺยสญฺญิโน, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ สตฺตปุคฺคลาทิสญฺญิโนติ อโตฺถฯ อเกฺขยฺยสฺมิํ ตณฺหาทิฎฺฐิคฺคาหวเสน ปติฎฺฐิตา, ราคาทิวเสน วา อฎฺฐหากาเรหิ ปติฎฺฐิตาฯ รโตฺต หิ ราควเสน ปติฎฺฐิโต โหติ, ทุโฎฺฐ โทสวเสน, มูโฬฺห โมหวเสน, ปรามโฎฺฐ ทิฎฺฐิวเสน, ถามคโต อนุสยวเสน, วินิพโทฺธ มานวเสน, อนิฎฺฐงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน, วิเกฺขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฎฺฐิโต โหตีติฯ

    Evaṃ vuttena niruttipathasuttenapi ettha attho dīpetabbo. Evaṃ kathāvatthubhāvena akkheyyasaṅkhāte khandhapañcake ahanti ca mamanti ca devoti ca manussoti ca itthīti ca purisoti ca ādinā pavattasaññāvasena akkheyyasaññino, pañcasu upādānakkhandhesu sattapuggalādisaññinoti attho. Akkheyyasmiṃ taṇhādiṭṭhiggāhavasena patiṭṭhitā, rāgādivasena vā aṭṭhahākārehi patiṭṭhitā. Ratto hi rāgavasena patiṭṭhito hoti, duṭṭho dosavasena, mūḷho mohavasena, parāmaṭṭho diṭṭhivasena, thāmagato anusayavasena, vinibaddho mānavasena, aniṭṭhaṅgato vicikicchāvasena, vikkhepagato uddhaccavasena patiṭṭhito hotīti.

    อเกฺขยฺยํ อปริญฺญายาติ ตํ อเกฺขยฺยํ เตภูมกธเมฺม ตีหิ ปริญฺญาหิ อปริชานิตฺวา ตสฺส อปริชานนเหตุฯ โยคมายนฺติ มจฺจุโนติ มรณสฺส โยคํ เตน สํโยคํ อุปคจฺฉนฺติ, น วิสํโยคนฺติ อโตฺถฯ

    Akkheyyaṃ apariññāyāti taṃ akkheyyaṃ tebhūmakadhamme tīhi pariññāhi aparijānitvā tassa aparijānanahetu. Yogamāyanti maccunoti maraṇassa yogaṃ tena saṃyogaṃ upagacchanti, na visaṃyoganti attho.

    อถ วา โยคนฺติ อุปายํ, เตน โยชิตํ ปสาริตํ มารเสนฎฺฐานิยํ อนตฺถชาลํ กิเลสชาลญฺจ อุปคจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตถา หิ วุตฺตํ –

    Atha vā yoganti upāyaṃ, tena yojitaṃ pasāritaṃ mārasenaṭṭhāniyaṃ anatthajālaṃ kilesajālañca upagacchantīti vuttaṃ hoti. Tathā hi vuttaṃ –

    ‘‘น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติฯ (ม. นิ. ๓.๒๗๒; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๓);

    ‘‘Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā’’ti. (ma. ni. 3.272; jā. 2.22.121; netti. 103);

    เอตฺตาวตา วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุํ ‘‘อเกฺขยฺยญฺจ ปริญฺญายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ -สโทฺท พฺยติเรเก, เตน อเกฺขยฺยปริชานเนน ลทฺธพฺพํ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติฯ ปริญฺญายาติ วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ทุกฺขนฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวา, ตปฺปฎิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน วา ตํ สมติกฺกมิตฺวา ติสฺสนฺนมฺปิ ปริญฺญานํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาฯ อกฺขาตารํ น มญฺญตีติ สพฺพโส มญฺญนานํ ปหีนตฺตา ขีณาสโว อกฺขาตารํ น มญฺญติ, การกาทิสภาวํ กิญฺจิ อตฺตานํ น ปเจฺจตีติ อโตฺถฯ ผุโฎฺฐ วิโมโกฺข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตรนฺติ ยสฺมา สพฺพสงฺขตวิมุตฺตตฺตา ‘‘วิโมโกฺข’’ติ สพฺพกิเลสสนฺตาปวูปสมนฎฺฐานตาย ‘‘สนฺติปท’’นฺติ ลทฺธนาโม นิพฺพานธโมฺม ผุโฎฺฐ ผุสิโต ปโตฺต, ตสฺมา อกฺขาตารํ น มญฺญตีติฯ อถ วา ‘‘ปริญฺญายา’’ติ ปเทน ทุกฺขสจฺจสฺส ปริญฺญาภิสมยํ สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยญฺจ วตฺวา อิทานิ ‘‘ผุโฎฺฐ วิโมโกฺข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตร’’นฺติ อิมินา มคฺคนิโรธานํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาภิสมยํ วทติฯ ตสฺสโตฺถ – สมุเจฺฉทวเสน สพฺพกิเลเสหิ วิมุจฺจตีติ วิโมโกฺข, อริยมโคฺคฯ โส ปนสฺส มคฺคจิเตฺตน ผุโฎฺฐ ผุสิโต ภาวิโต, เตเนว อนุตฺตรํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ ผุฎฺฐํ ผุสิตํ สจฺฉิกตนฺติฯ

    Ettāvatā vaṭṭaṃ dassetvā idāni vivaṭṭaṃ dassetuṃ ‘‘akkheyyañca pariññāyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ca-saddo byatireke, tena akkheyyaparijānanena laddhabbaṃ vakkhamānameva visesaṃ joteti. Pariññāyāti vipassanāsahitāya maggapaññāya dukkhanti paricchijja jānitvā, tappaṭibaddhakilesappahānena vā taṃ samatikkamitvā tissannampi pariññānaṃ kiccaṃ matthakaṃ pāpetvā. Akkhātāraṃ na maññatīti sabbaso maññanānaṃ pahīnattā khīṇāsavo akkhātāraṃ na maññati, kārakādisabhāvaṃ kiñci attānaṃ na paccetīti attho. Phuṭṭhovimokkho manasā, santipadamanuttaranti yasmā sabbasaṅkhatavimuttattā ‘‘vimokkho’’ti sabbakilesasantāpavūpasamanaṭṭhānatāya ‘‘santipada’’nti laddhanāmo nibbānadhammo phuṭṭho phusito patto, tasmā akkhātāraṃ na maññatīti. Atha vā ‘‘pariññāyā’’ti padena dukkhasaccassa pariññābhisamayaṃ samudayasaccassa pahānābhisamayañca vatvā idāni ‘‘phuṭṭho vimokkho manasā, santipadamanuttara’’nti iminā magganirodhānaṃ bhāvanāsacchikiriyābhisamayaṃ vadati. Tassattho – samucchedavasena sabbakilesehi vimuccatīti vimokkho, ariyamaggo. So panassa maggacittena phuṭṭho phusito bhāvito, teneva anuttaraṃ santipadaṃ nibbānaṃ phuṭṭhaṃ phusitaṃ sacchikatanti.

    อเกฺขยฺยสมฺปโนฺนติ อเกฺขยฺยนิมิตฺตํ วิวิธาหิ วิปตฺตีหิ อุปทฺทุเต โลเก ปหีนวิปลฺลาสตาย ตโต สุปริมุโตฺต อเกฺขยฺยปริญฺญาภินิพฺพตฺตาหิ สมฺปตฺตีหิ สมฺปโนฺน สมนฺนาคโตฯ สงฺขาย เสวีติ ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จีวราทิปจฺจเย สงฺขาย ปริตุเลตฺวาว เสวนสีโล, สงฺขาตธมฺมตฺตา จ อาปาถคตํ สพฺพมฺปิ วิสยํ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สงฺขาย เสวนสีโลฯ ธมฺมโฎฺฐติ อเสกฺขธเมฺมสุ นิพฺพานธเมฺม เอว วา ฐิโตฯ เวทคูติ เวทิตพฺพสฺส จตุสจฺจสฺส ปารงฺคตตฺตา เวทคูฯ เอวํคุโณ อรหา ภวาทีสุ กตฺถจิ อายติํ ปุนพฺภวาภาวโต มนุสฺสเทวาติ สงฺขฺยํ น อุเปติ, อปญฺญตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทาปรินิพฺพาเนน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    Akkheyyasampannoti akkheyyanimittaṃ vividhāhi vipattīhi upaddute loke pahīnavipallāsatāya tato suparimutto akkheyyapariññābhinibbattāhi sampattīhi sampanno samannāgato. Saṅkhāya sevīti paññāvepullappattiyā cīvarādipaccaye saṅkhāya parituletvāva sevanasīlo, saṅkhātadhammattā ca āpāthagataṃ sabbampi visayaṃ chaḷaṅgupekkhāvasena saṅkhāya sevanasīlo. Dhammaṭṭhoti asekkhadhammesu nibbānadhamme eva vā ṭhito. Vedagūti veditabbassa catusaccassa pāraṅgatattā vedagū. Evaṃguṇo arahā bhavādīsu katthaci āyatiṃ punabbhavābhāvato manussadevāti saṅkhyaṃ na upeti, apaññattikabhāvameva gacchatīti anupādāparinibbānena desanaṃ niṭṭhāpesi.

    จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๔. อทฺธาสุตฺตํ • 4. Addhāsuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact