Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
จูฬวคฺควณฺณนา
Cūḷavaggavaṇṇanā
๑. กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา
1. Kammakkhandhakavaṇṇanā
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาวณฺณนา
Adhammakammadvādasakakathāvaṇṇanā
๔. อสมฺมุขา กตํ โหตีติอาทโย ติกา เกวลํ เทสนามตฺตเมวฯ น หิ ตีหิ เอว อเงฺคหิ สโมธาเนหิ อธมฺมกมฺมํ โหติ, เอเกนปิ โหติ เอว, อยมโตฺถ ‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิปาฬิยา (จูฬว. ๖) สาเธตโพฺพฯ ‘‘อปฺปฎิญฺญาย กตํ โหตี’’ติ ลชฺชิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กณฺหปเกฺข ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ สุกฺกปเกฺข ‘‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ อิทํ ทฺวยํ ปรโต ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อากงฺขมาโน สโงฺฆ ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺยฯ อธิสีเล สีลวิปโนฺน โหตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌติ, อเทสนาคามินิํ อาปโนฺน หิ ‘‘อธิสีเล สีลวิปโนฺน’’ติ วุจฺจตีติฯ ยุตฺตเมตํ, กตฺตุ อธิปฺปาโย เอตฺถ จิเนฺตตโพฺพฯ เอตฺถาห อุปติสฺสเตฺถโร ‘‘ตชฺชนียกมฺมสฺส หิ วิเสเสน ภณฺฑนการกตฺตํ องฺค’นฺติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, ตํ ปาฬิยา อาคตนิทาเนน ยุชฺชติ, ตสฺมา สพฺพตฺติเกสุปิ ภณฺฑนํ อาโรเปตฺวา ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสน อิทํ กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺมา ‘อธิสีเล สีลวิปโนฺน’ติ เอตฺถาปิ ปุพฺพภาเค วา อปรภาเค วา โจทนาสารณาทิกาเล ภณฺฑนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติวเสเนว กาเรตพฺพํ, น เกวลํ สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘อเทสนาคามินิยา อาปตฺติยาติ ปาราชิกาปตฺติยา’ติ เอตฺตกมตฺตํ วตฺวา ปรโต ‘อธิสีเล ปาราชิกสงฺฆาทิเสเส อชฺฌาจารา’ติ โปราณคณฺฐิปเท วุตฺต’’นฺติ ลิขิตํฯ ‘‘อธิสีเล สีลวิปโนฺน’ติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธายา’’ติ คณฺฐิปเท ลิขิตํฯ อิทํ โปราณคณฺฐิปเท ปุริมวจเนน สเมติ, ตสฺมา ตตฺถ ปจฺฉิมํ ปาราชิกปทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ สิยา , อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘อเทสนาคามินิยาติ ปาราชิกาปตฺติยา วา สงฺฆาทิเสสาปตฺติยา วา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปาราชิกาปตฺติ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตา สิยาฯ ยโต คณฺฐิปเท ‘‘อธิสีเล สีลวิปโนฺน’ติ สงฺฆาทิเสสํ สนฺธายา’’ติ เอตฺตกเมว ลิขิตํ, ตสฺมา สพฺพตฺถ คณฺฐิปเท สกเลน นเยน ปาราชิกาปตฺติปจฺจยา อุปฺปนฺนภณฺฑนเหตุ น ตชฺชนียกมฺมํ กาตพฺพํ ปโยชนาภาวา, สงฺฆาทิเสสปจฺจยา กาตพฺพนฺติ อยมโตฺถ สิโทฺธ โหติฯ น, สุกฺกปเกฺข ‘‘เทสนาคามินิยา อาปตฺติยา กตํ โหตี’’ติ (จูฬว. ๕) วจนโตติ เจ? น, เอเกน ปริยาเยน สงฺฆาทิเสสสฺสปิ เทสนาคามินิโวหารสมฺภวโต,
4.Asammukhākataṃ hotītiādayo tikā kevalaṃ desanāmattameva. Na hi tīhi eva aṅgehi samodhānehi adhammakammaṃ hoti, ekenapi hoti eva, ayamattho ‘‘tiṇṇaṃ, bhikkhave’’tiādipāḷiyā (cūḷava. 6) sādhetabbo. ‘‘Appaṭiññāya kataṃ hotī’’ti lajjiṃ sandhāya vuttaṃ. Kaṇhapakkhe ‘‘adesanāgāminiyā āpattiyā kataṃ hotī’’ti sukkapakkhe ‘‘desanāgāminiyā āpattiyā kataṃ hotī’’ti idaṃ dvayaṃ parato ‘‘tīhi, bhikkhave, aṅgehi samannāgatassa bhikkhuno ākaṅkhamāno saṅgho tajjanīyakammaṃ kareyya. Adhisīle sīlavipanno hotī’’ti iminā virujjhati, adesanāgāminiṃ āpanno hi ‘‘adhisīle sīlavipanno’’ti vuccatīti. Yuttametaṃ, kattu adhippāyo ettha cintetabbo. Etthāha upatissatthero ‘‘tajjanīyakammassa hi visesena bhaṇḍanakārakattaṃ aṅga’nti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, taṃ pāḷiyā āgatanidānena yujjati, tasmā sabbattikesupi bhaṇḍanaṃ āropetvā bhaṇḍanapaccayā āpannāpattivasena idaṃ kammaṃ kātabbaṃ, tasmā ‘adhisīle sīlavipanno’ti etthāpi pubbabhāge vā aparabhāge vā codanāsāraṇādikāle bhaṇḍanapaccayā āpannāpattivaseneva kāretabbaṃ, na kevalaṃ saṅghādisesapaccayā kātabba’’nti. ‘‘Adesanāgāminiyā āpattiyāti pārājikāpattiyā’ti ettakamattaṃ vatvā parato ‘adhisīle pārājikasaṅghādisese ajjhācārā’ti porāṇagaṇṭhipade vutta’’nti likhitaṃ. ‘‘Adhisīle sīlavipanno’ti saṅghādisesaṃ sandhāyā’’ti gaṇṭhipade likhitaṃ. Idaṃ porāṇagaṇṭhipade purimavacanena sameti, tasmā tattha pacchimaṃ pārājikapadaṃ atthuddhāravasena vuttaṃ siyā , aṭṭhakathāyañca ‘‘adesanāgāminiyāti pārājikāpattiyā vā saṅghādisesāpattiyā vā’’ti vuttaṃ, tattha pārājikāpatti atthuddhāravasena vuttā siyā. Yato gaṇṭhipade ‘‘adhisīle sīlavipanno’ti saṅghādisesaṃ sandhāyā’’ti ettakameva likhitaṃ, tasmā sabbattha gaṇṭhipade sakalena nayena pārājikāpattipaccayā uppannabhaṇḍanahetu na tajjanīyakammaṃ kātabbaṃ payojanābhāvā, saṅghādisesapaccayā kātabbanti ayamattho siddho hoti. Na, sukkapakkhe ‘‘desanāgāminiyā āpattiyā kataṃ hotī’’ti (cūḷava. 5) vacanatoti ce? Na, ekena pariyāyena saṅghādisesassapi desanāgāminivohārasambhavato,
เยน กเมฺมน สนฺตชฺชนํ กรียติ, ตํ ตชฺชนียกมฺมํ นามฯ เยน กเมฺมน นิสฺสาย เต วตฺถพฺพนฺติ นิสฺสิยติ ภชาปิยติ นิยโสฺส, ตํ นิยสกมฺมํ นามฯ เยน ตโต อาวาสโต, คามโต จ ปพฺพาเชนฺติ กุลทูสกํ, ตํ ปพฺพาชนียกมฺมํ นามฯ เยน กเมฺมน อกฺกุฎฺฐคหฎฺฐสมอีปเมว ปฎิสาริยติ โส อโกฺกสโก ปจฺฉา เปสิยติ, ตํ ปฎิสารณียกมฺมํ นามฯ เยน สมานสํวาสกภูมิโต อุกฺขิปิยติฯ ฉฑฺฑียติ สาติสาโร ภิกฺขุสเงฺฆน, ตํ กมฺมํ อุเกฺขปนียกมฺมํ นามาติ เวทิตพฺพํฯ
Yena kammena santajjanaṃ karīyati, taṃ tajjanīyakammaṃ nāma. Yena kammena nissāya te vatthabbanti nissiyati bhajāpiyati niyasso, taṃ niyasakammaṃ nāma. Yena tato āvāsato, gāmato ca pabbājenti kuladūsakaṃ, taṃ pabbājanīyakammaṃ nāma. Yena kammena akkuṭṭhagahaṭṭhasamaīpameva paṭisāriyati so akkosako pacchā pesiyati, taṃ paṭisāraṇīyakammaṃ nāma. Yena samānasaṃvāsakabhūmito ukkhipiyati. Chaḍḍīyati sātisāro bhikkhusaṅghena, taṃ kammaṃ ukkhepanīyakammaṃ nāmāti veditabbaṃ.
๑๑. ‘‘นิสฺสาย เต วตฺถพฺพ’’นฺติ ครุนิสฺสยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อิตรนฺติฯ
11.‘‘Nissāya te vatthabba’’nti garunissayaṃ sandhāya vuttaṃ, na itaranti.
๒๑. อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุสฺมิํ ‘‘เตสุ วิพฺภเนฺตสุปิ กมฺมํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตุํ อนุญฺญาตมฺปิ สมฺมาวตฺตนฺตานํเยวา’’ติ ลิขิตํฯ สมฺมุขา วุตฺตเมว คิหิปฎิสํยุตฺตํ นามฯ ปรมฺมุขา วุตฺตํ เทสนํ คจฺฉติฯ
21.Assajipunabbasukavatthusmiṃ ‘‘tesu vibbhantesupi kammaṃ paṭippassambhetuṃ anuññātampi sammāvattantānaṃyevā’’ti likhitaṃ. Sammukhā vuttameva gihipaṭisaṃyuttaṃ nāma. Parammukhā vuttaṃ desanaṃ gacchati.
๔๑. ขมาเปเนฺตน ‘‘ขมาหี’’ติ วตฺตพฺพมตฺตเมว, น อุกฺกุฎิกาทิสามีจินา ปโยชนนฺติฯ อนุทูตนฺติ สหายนฺติ อโตฺถฯ
41. Khamāpentena ‘‘khamāhī’’ti vattabbamattameva, na ukkuṭikādisāmīcinā payojananti. Anudūtanti sahāyanti attho.
๕๐. อทสฺสเนเยว อุเกฺขปนียํ กาตพฺพํ, น อญฺญถาฯ ‘‘ตชฺชนียาทิกรณกาเล อาปตฺติํ โรเปตฺวา ตสฺสา อทสฺสเน, อปฺปฎิกเมฺม วา ภณฺฑนการกาทิอเงฺคหิ กาตพฺพ’’นฺติ ลิขิตํฯ
50.Adassaneyeva ukkhepanīyaṃ kātabbaṃ, na aññathā. ‘‘Tajjanīyādikaraṇakāle āpattiṃ ropetvā tassā adassane, appaṭikamme vā bhaṇḍanakārakādiaṅgehi kātabba’’nti likhitaṃ.
ตชฺชนียกมฺมาทีสุ อยํ ปกิณฺณกวินิจฺฉโยติ เวทิตโพฺพฯ กิํ ตชฺชนียกมฺมํ, ตชฺชนียกมฺมสฺส กิํ มูลํ, กิํ วตฺถุ, กิํ ปริโยสานํ, กสฺมา ‘‘ตชฺชนียกมฺม’’นฺติ วุจฺจตีติ? กิํ ตชฺชนียกมฺมนฺติ วตฺถุสฺมิํ สติ กรณสมฺปตฺติฯ ตชฺชนียกมฺมสฺส กิํ มูลนฺติ สโงฺฆ มูลํฯ ตชฺชนียกมฺมสฺส กิํ วตฺถูติ กลหชาตาปตฺติวตฺถุฯ กิํ ปริโยสานนฺติ ภาวนาปริโยสานํฯ กสฺมา ตชฺชนียกมฺมนฺติ วุจฺจตีติ สโงฺฆ กลหการกปุคฺคลํ กลเห จ เภเท จ ภยํ ทเสฺสตฺวา ขนฺติยา ชเนติ, อุปสเม ชเนติ, ตสฺมา ‘‘ตชฺชนียกมฺม’’นฺติ วุจฺจติฯ กถํ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กถํ อกตํฯ กินฺติ จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กินฺติ จ อกตํฯ เกน จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, เกน จ อกตํฯ กตฺถ จ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กตฺถ จ อกตํฯ กาย เวลาย ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหติ, กาย เวลาย อกตํ โหติ? กถํ ตชฺชนียกมฺมํ กตํ โหตีติ สมเคฺคน สเงฺฆน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมนฯ กถํ อกตํ โหตีติ วเคฺคน สเงฺฆน ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมนฯ กินฺติ จ กตํ โหตีติ กรณสมฺปตฺติยาฯ กินฺติ จ อกตํ โหตีติ กรณวิปตฺติยาฯ เกน จ กตํ โหตีติ สเงฺฆนฯ เกน จ อกตํ โหตีติ คเณน ปุคฺคเลนฯ กตฺถ จ กตํ โหตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สโงฺฆ ตชฺชนียกมฺมํ กโรติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส สมฺมุขีภูเตฯ กตฺถ จ อกตํ โหตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สโงฺฆ ตชฺชนียกมฺมํ กโรติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส อสมฺมุขีภูเตฯ กาย เวลาย กตํ โหตีติ ยทา กลหชาตาปตฺติ สํวิชฺชติฯ กาย เวลาย อกตํ โหตีติ ยทา กลหชาตาปตฺติ น สํวิชฺชติฯ กติหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติ, กติหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํ? สตฺตหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส ปตฺตกลฺลํ โหติ, สตฺตหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํฯ กตเมหิ สตฺตหากาเรหิ ปตฺตกลฺลํ, กตเมหิ สตฺตหากาเรหิ อปตฺตกลฺลํ โหติ? กลหชาตาปตฺติ น สํวิชฺชติ, โส วา ปุคฺคโล อสมฺมุขีภูโต โหติ, สโงฺฆ วา วโคฺค โหติ, อสํวาสิโก วา ปุคฺคโล ตสฺสํ ปริสายํ สํวิชฺชติ, อโจทิโต วา โหติ อสาริโต วา, อาปตฺติํ วา อนาโรปิโตฯ อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ ตชฺชนียกมฺมสฺส อปตฺตกลฺลํ โหติ, อิตเรหิ สตฺตหากาเรหิ ปตฺตกลฺลํ โหติฯ เอวํ เสสกเมฺมสูติฯ
Tajjanīyakammādīsu ayaṃ pakiṇṇakavinicchayoti veditabbo. Kiṃ tajjanīyakammaṃ, tajjanīyakammassa kiṃ mūlaṃ, kiṃ vatthu, kiṃ pariyosānaṃ, kasmā ‘‘tajjanīyakamma’’nti vuccatīti? Kiṃ tajjanīyakammanti vatthusmiṃ sati karaṇasampatti. Tajjanīyakammassa kiṃ mūlanti saṅgho mūlaṃ. Tajjanīyakammassa kiṃ vatthūti kalahajātāpattivatthu. Kiṃ pariyosānanti bhāvanāpariyosānaṃ. Kasmā tajjanīyakammanti vuccatīti saṅgho kalahakārakapuggalaṃ kalahe ca bhede ca bhayaṃ dassetvā khantiyā janeti, upasame janeti, tasmā ‘‘tajjanīyakamma’’nti vuccati. Kathaṃ tajjanīyakammaṃ kataṃ hoti, kathaṃ akataṃ. Kinti ca tajjanīyakammaṃ kataṃ hoti, kinti ca akataṃ. Kena ca tajjanīyakammaṃ kataṃ hoti, kena ca akataṃ. Kattha ca tajjanīyakammaṃ kataṃ hoti, kattha ca akataṃ. Kāya velāya tajjanīyakammaṃ kataṃ hoti, kāya velāya akataṃ hoti? Kathaṃ tajjanīyakammaṃ kataṃ hotīti samaggena saṅghena ñatticatutthena kammena. Kathaṃ akataṃ hotīti vaggena saṅghena ñatticatutthena kammena. Kinti ca kataṃ hotīti karaṇasampattiyā. Kinti ca akataṃ hotīti karaṇavipattiyā. Kena ca kataṃ hotīti saṅghena. Kena ca akataṃ hotīti gaṇena puggalena. Kattha ca kataṃ hotīti yassa puggalassa saṅgho tajjanīyakammaṃ karoti, tassa puggalassa sammukhībhūte. Kattha ca akataṃ hotīti yassa puggalassa saṅgho tajjanīyakammaṃ karoti, tassa puggalassa asammukhībhūte. Kāya velāya kataṃ hotīti yadā kalahajātāpatti saṃvijjati. Kāya velāya akataṃ hotīti yadā kalahajātāpatti na saṃvijjati. Katihākārehi tajjanīyakammassa pattakallaṃ hoti, katihākārehi apattakallaṃ? Sattahākārehi tajjanīyakammassa pattakallaṃ hoti, sattahākārehi apattakallaṃ. Katamehi sattahākārehi pattakallaṃ, katamehi sattahākārehi apattakallaṃ hoti? Kalahajātāpatti na saṃvijjati, so vā puggalo asammukhībhūto hoti, saṅgho vā vaggo hoti, asaṃvāsiko vā puggalo tassaṃ parisāyaṃ saṃvijjati, acodito vā hoti asārito vā, āpattiṃ vā anāropito. Imehi sattahākārehi tajjanīyakammassa apattakallaṃ hoti, itarehi sattahākārehi pattakallaṃ hoti. Evaṃ sesakammesūti.
กมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kammakkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกํ • Adhammakammadvādasakaṃ
๒. นิยสฺสกมฺมํ • 2. Niyassakammaṃ
๓. ปพฺพาชนียกมฺมํ • 3. Pabbājanīyakammaṃ
อฎฺฐารสวตฺตํ • Aṭṭhārasavattaṃ
อากงฺขมานฉกฺกํ • Ākaṅkhamānachakkaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถา • Adhammakammadvādasakakathā
นิยสฺสกมฺมกถา • Niyassakammakathā
ปพฺพาชนียกมฺมกถา • Pabbājanīyakammakathā
อาปตฺติยา อทสฺสเน อุเกฺขปนียกมฺมกถา • Āpattiyā adassane ukkhepanīyakammakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาวณฺณนา • Adhammakammadvādasakakathāvaṇṇanā
นิยสฺสกมฺมกถาวณฺณนา • Niyassakammakathāvaṇṇanā
ปฎิสารณียกมฺมกถาวณฺณนา • Paṭisāraṇīyakammakathāvaṇṇanā
อาปตฺติยา อทสฺสเน อุเกฺขปนียกมฺมกถาวณฺณนา • Āpattiyā adassane ukkhepanīyakammakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถาทิวณฺณนา • Adhammakammadvādasakakathādivaṇṇanā
นิยสฺสกมฺมกถาทิวณฺณนา • Niyassakammakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
อธมฺมกมฺมทฺวาทสกกถา • Adhammakammadvādasakakathā
๒. นิยสฺสกมฺมกถา • 2. Niyassakammakathā
๕. อาปตฺติยา อทสฺสเน อุเกฺขปนียกมฺมกถา • 5. Āpattiyā adassane ukkhepanīyakammakathā