Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา
Adhammikakatikādikathāvaṇṇanā
๒๐๕. มหาวิภเงฺค วุตฺตนฺติ เอตฺถ อยํ อนฺธกฎฺฐกถาวจนํ อูนปนฺนรสวเสฺสน สามเณเรน อิธ วิหาเร น วตฺถพฺพา, น ปํสุกูลํ อาหิณฺฑิตพฺพํ, น โจฬภิกฺขา คเหตพฺพา, น อญฺญวิหาเร ภุญฺชิตพฺพํ, น อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา สนฺตกํ ภุญฺชิตพฺพํ, อญฺญมญฺญํ เนว อาลเปยฺยาม น สลฺลเปยฺยาม, น สชฺฌายิตพฺพํ, มตฺติกาปเตฺตน วฎฺฎติ, น อปริปุณฺณปริกฺขารสฺส วาโสติฯ
205.Mahāvibhaṅge vuttanti ettha ayaṃ andhakaṭṭhakathāvacanaṃ ūnapannarasavassena sāmaṇerena idha vihāre na vatthabbā, na paṃsukūlaṃ āhiṇḍitabbaṃ, na coḷabhikkhā gahetabbā, na aññavihāre bhuñjitabbaṃ, na aññassa bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā santakaṃ bhuñjitabbaṃ, aññamaññaṃ neva ālapeyyāma na sallapeyyāma, na sajjhāyitabbaṃ, mattikāpattena vaṭṭati, na aparipuṇṇaparikkhārassa vāsoti.
๒๐๖. มุสาวาโทติ วิสํวาโท อธิเปฺปโตฯ เกจิ ‘‘วิสํวาทนวเสน ปฎิสฺสุณิตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘รโญฺญ วุตฺตวจนานุรูปโต มุสาวาโทติ คหฎฺฐา คณฺหนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ จ วทนฺติฯ
206.Musāvādoti visaṃvādo adhippeto. Keci ‘‘visaṃvādanavasena paṭissuṇitvāti vutta’’nti ca, ‘‘rañño vuttavacanānurūpato musāvādoti gahaṭṭhā gaṇhantīti vutta’’nti ca vadanti.
๒๐๗. ‘‘ปุริมิกา จ น ปญฺญายติฯ กสฺมา? ‘ทุติเย วสามี’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺน ปฐมเสนาสนคฺคาโห ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ ปุน ‘ปฐเม เอว วสามี’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺน ทุติโย ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อุภยาวาเส วิธานํ นตฺถี’’ติ ลิขิตํฯ โปราณคณฺฐิปเท ปน ‘‘ปฐมํ คหิตฎฺฐาเน อวสิตฺวา อญฺญสฺมิํ วิหาเร เสนาสนํ คเหตฺวา ทฺวีหตีหํ วสติ, ตโต ปฐมคฺคาโห ปฎิปฺปสฺสมฺภตีติ ปุริมิกา จ น ปญฺญายติฯ ปจฺฉิมคฺคาโห น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อิทญฺหิ ทิวสวเสน ปฎิปฺปสฺสมฺภนํ นาม โหติฯ อถ ปจฺฉิมํ เตมาสํ อญฺญสฺมิํ วสติ, ปุริมิกา จ น ปญฺญายติ, อิทํ เสนาสนคฺคาหานํ วเสน ปฎิปฺปสฺสมฺภนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ อุโภเปเต อตฺถวิกปฺปา อิธ นาธิเปฺปตาฯ ยตฺถายํ ปฎิสฺสุโต, ตตฺถ ปุริมิกา จ น ปญฺญายติ, ปฎิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กตฺถ ปน ปุริมิกา ปญฺญายตีติ? อนฺตรามเคฺค ทฺวีสุ อาวาเสสุ ยตฺถ ตทเหว ปจฺฉิมคฺคาโห, ตตฺถ ปฐมํ คหิตฎฺฐาเน สตฺตาหกรณีเยน คจฺฉโต น วสฺสเจฺฉโท, โส ตทเหว อกรณีโย ปกฺกมตีติอาทิมฺหิ ‘‘กรณียํ นาม สตฺตาหกรณีย’’นฺติ ลิขิตํฯ
207.‘‘Purimikāca na paññāyati. Kasmā? ‘Dutiye vasāmī’ti citte uppanne paṭhamasenāsanaggāho paṭippassambhati. Puna ‘paṭhame eva vasāmī’ti citte uppanne dutiyo paṭippassambhati. Ubhayāvāse vidhānaṃ natthī’’ti likhitaṃ. Porāṇagaṇṭhipade pana ‘‘paṭhamaṃ gahitaṭṭhāne avasitvā aññasmiṃ vihāre senāsanaṃ gahetvā dvīhatīhaṃ vasati, tato paṭhamaggāho paṭippassambhatīti purimikā ca na paññāyati. Pacchimaggāho na paṭippassambhati. Idañhi divasavasena paṭippassambhanaṃ nāma hoti. Atha pacchimaṃ temāsaṃ aññasmiṃ vasati, purimikā ca na paññāyati, idaṃ senāsanaggāhānaṃ vasena paṭippassambhanaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Ubhopete atthavikappā idha nādhippetā. Yatthāyaṃ paṭissuto, tattha purimikā ca na paññāyati, paṭissave ca āpatti dukkaṭassa. Kattha pana purimikā paññāyatīti? Antarāmagge dvīsu āvāsesu yattha tadaheva pacchimaggāho, tattha paṭhamaṃ gahitaṭṭhāne sattāhakaraṇīyena gacchato na vassacchedo, so tadaheva akaraṇīyo pakkamatītiādimhi ‘‘karaṇīyaṃ nāma sattāhakaraṇīya’’nti likhitaṃ.
ปาฬิมุตฺตกรตฺติเจฺฉทวินิจฺฉเย ‘‘ธมฺมสฺสวนาที’’ติ วุตฺตํฯ อาทิมฺหิ จตูสุ วาเรสุ นิรเปกฺขปกฺกมนสฺสาธิเปฺปตตฺตา ‘‘สตฺตาหกรณีเยนา’’ติ น วุตฺตํ ตสฺมิํ สติ นิรเปกฺขคมนาภาวโตฯ ตตฺถ ปุริมา เทฺว วารา วสฺสํ อนุปคตสฺส วเสน วุตฺตา, ตสฺมา อุปคตสฺส ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน คนฺตฺวา อโนฺตสตฺตาหํ อาคจฺฉโต น วสฺสเจฺฉโทติ สิทฺธํฯ ปจฺฉิมา เทฺว วารา อุปคตสฺส นิรเปกฺขคมนวเสน วุตฺตา, ‘‘สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณาย สกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ ตโต พหิทฺธา สตฺตาหํ วีตินาเมนฺตสฺส วสฺสเจฺฉโทติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อกรณีโย ปกฺกมตี’’ติ วจนาภาวา วินา รตฺติเจฺฉทการเณน คนฺตุํ น วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ ปวาเรตฺวา ปน คนฺตุํ วฎฺฎติ ปวารณาย ตํทิวสสนฺนิสฺสิตตฺตาฯ ตตฺถ น วา อาคเจฺฉยฺยาติ อนฺตราเยนฯ อาจริโย ปน ‘‘น ปุน อิธาคจฺฉามี’ติ นิรเปโกฺขปิ สกรณีโยว คนฺตุํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ อกรณีโย’ติ น วุตฺต’’นฺติ วทติฯ ‘‘สีหฬทีเป กิร จูฬปวารณา นาม อตฺถิ, ตํ ปวารณํ กตฺวา ยถาสุขํ สกรณียา คจฺฉนฺติ, ปโยคญฺจ ทเสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตตฺถ ฉ อรุณา อโนฺตวเสฺส โหนฺติ , เอโก พหิ, ตสฺมา โส เตมาสํ วุโตฺถ โหตีติ อปเร’’ติ จ, ‘‘อาจริโย เอวํ น วทตี’’ติ จ วุตฺตํฯ สพฺพตฺถ วิหารํ อุเปตีติ อตฺตโน วสฺสเคฺคน ปตฺตคพฺภํ อุเปตีติ โปราณาฯ อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปตีติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺมิํ วิหาเร อิมํ เตมาส’’นฺติ อวจเนนฯ ‘‘อฎฺฐกถายํ วุตฺตรตฺติเจฺฉทการณํ วินา ติโรวิหาเร วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามีติ คจฺฉโตปิ วสฺสเจฺฉท’’นฺติ ลิขิตํฯ
Pāḷimuttakaratticchedavinicchaye ‘‘dhammassavanādī’’ti vuttaṃ. Ādimhi catūsu vāresu nirapekkhapakkamanassādhippetattā ‘‘sattāhakaraṇīyenā’’ti na vuttaṃ tasmiṃ sati nirapekkhagamanābhāvato. Tattha purimā dve vārā vassaṃ anupagatassa vasena vuttā, tasmā upagatassa tadaheva sattāhakaraṇīyena gantvā antosattāhaṃ āgacchato na vassacchedoti siddhaṃ. Pacchimā dve vārā upagatassa nirapekkhagamanavasena vuttā, ‘‘sattāhaṃ anāgatāya pavāraṇāya sakaraṇīyo pakkamatī’’ti tato bahiddhā sattāhaṃ vītināmentassa vassacchedoti dassanatthaṃ vuttaṃ. Tattha ‘‘akaraṇīyo pakkamatī’’ti vacanābhāvā vinā ratticchedakāraṇena gantuṃ na vaṭṭatīti siddhaṃ. Pavāretvā pana gantuṃ vaṭṭati pavāraṇāya taṃdivasasannissitattā. Tattha na vā āgaccheyyāti antarāyena. Ācariyo pana ‘‘na puna idhāgacchāmī’ti nirapekkhopi sakaraṇīyova gantuṃ labhatīti dassanatthaṃ akaraṇīyo’ti na vutta’’nti vadati. ‘‘Sīhaḷadīpe kira cūḷapavāraṇā nāma atthi, taṃ pavāraṇaṃ katvā yathāsukhaṃ sakaraṇīyā gacchanti, payogañca dassentī’’ti vuttaṃ. ‘‘Tattha cha aruṇā antovasse honti , eko bahi, tasmā so temāsaṃ vuttho hotīti apare’’ti ca, ‘‘ācariyo evaṃ na vadatī’’ti ca vuttaṃ. Sabbattha vihāraṃ upetīti attano vassaggena pattagabbhaṃ upetīti porāṇā. Asatiyā pana vassaṃ na upetīti ettha ‘‘imasmiṃ vihāre imaṃ temāsa’’nti avacanena. ‘‘Aṭṭhakathāyaṃ vuttaratticchedakāraṇaṃ vinā tirovihāre vasitvā āgacchissāmīti gacchatopi vassaccheda’’nti likhitaṃ.
๒๐๘. ปฎิสฺสุโต โหติ ปจฺฉิมิกายาติ อนฺตรา ปพฺพชิตภิกฺขุนา, ฉินฺนวเสฺสน วา ปฎิสฺสุโต, อเญฺญน ปน ปุริมํ อนุปคนฺตฺวา ปจฺฉิมิกายํ ปฎิสฺสโว น กาตโพฺพฯ รตฺติเจฺฉเท สพฺพตฺถ วสฺสเจฺฉโทติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา วทนฺติฯ เกจิ ปน น อิจฺฉนฺติฯ ตํ สาเธตุํ อเนกธา ปปเญฺจนฺติฯ กิํ เตนฯ
208.Paṭissuto hoti pacchimikāyāti antarā pabbajitabhikkhunā, chinnavassena vā paṭissuto, aññena pana purimaṃ anupagantvā pacchimikāyaṃ paṭissavo na kātabbo. Ratticchede sabbattha vassacchedoti sanniṭṭhānaṃ katvā vadanti. Keci pana na icchanti. Taṃ sādhetuṃ anekadhā papañcenti. Kiṃ tena.
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vassūpanāyikakkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
๑๑๗. อธมฺมิกกติกา • 117. Adhammikakatikā
๑๑๘. ปฎิสฺสวทุกฺกฎาปตฺติ • 118. Paṭissavadukkaṭāpatti
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อธมฺมิกกติกาทิกถา • Adhammikakatikādikathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
อธมฺมิกกติกกถาวณฺณนา • Adhammikakatikakathāvaṇṇanā
ปฎิสฺสวทุกฺกฎาปตฺติกถาวณฺณนา • Paṭissavadukkaṭāpattikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อธมฺมิกกติกาทิกถาวณฺณนา • Adhammikakatikādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
๑๑๗. อธมฺมิกกติกากถา • 117. Adhammikakatikākathā
๑๑๘. ปฎิสฺสวทุกฺกฎาปตฺติกถา • 118. Paṭissavadukkaṭāpattikathā