Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi

    ๘. อธิกรณกถา

    8. Adhikaraṇakathā

    ๒๑๕. วิปจฺจตายาติ เอตฺถ วิการภาเวน ปตติ ปวตฺตตีติ วิปจฺจํ, จิตฺตทุกฺขํ, ตเทว วิปจฺจตา, ตทตฺถายาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘จิตฺตทุกฺขตฺถ’’นฺติฯ ‘‘ผรุสวจน’’นฺติ อิมินา โวหาร สโทฺท วจนปริยาโยติ ทเสฺสติฯ โย ตตฺถาติ เอตฺถ ตสทฺทสฺส วิสยํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เตสุ อนุวทเนฺตสู’’ติฯ โย อุปวาโทติ โยชนาฯ ‘‘อนุวทนา’’ติ เอตํ ปทนฺติ โยชนาฯ อาการทสฺสนนฺติ อนุวทนสฺส อาการทสฺสนํ, ทสฺสนเหตุ วาฯ ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติ อิมินา อนุสมฺปวงฺกตาติ เอตฺถ อนุสทฺทสฺส น อุปจฺฉินฺนตฺถํ ทเสฺสติฯ ตเตฺถวาติ อนุวทเน เอวฯ สมฺปวงฺกตาติ สมฺมา ปกาเรน นินฺนโปนปพฺภารตาฯ อพฺภุสฺสหนตาติ เอตฺถ อติเรกํ อุสฺสาหนตาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิฯ อนุพลปฺปทานนฺติ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ พลสฺส ปทานนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปุริมวจนสฺสา’’ติอาทิฯ

    215.Vipaccatāyāti ettha vikārabhāvena patati pavattatīti vipaccaṃ, cittadukkhaṃ, tadeva vipaccatā, tadatthāyāti dassento āha ‘‘cittadukkhattha’’nti. ‘‘Pharusavacana’’nti iminā vohāra saddo vacanapariyāyoti dasseti. Yo tatthāti ettha tasaddassa visayaṃ dassento āha ‘‘tesu anuvadantesū’’ti. Yo upavādoti yojanā. ‘‘Anuvadanā’’ti etaṃ padanti yojanā. Ākāradassananti anuvadanassa ākāradassanaṃ, dassanahetu vā. ‘‘Punappuna’’nti iminā anusampavaṅkatāti ettha anusaddassa na upacchinnatthaṃ dasseti. Tatthevāti anuvadane eva. Sampavaṅkatāti sammā pakārena ninnaponapabbhāratā. Abbhussahanatāti ettha atirekaṃ ussāhanatāti dassento āha ‘‘kasmā’’tiādi. Anubalappadānanti ettha punappunaṃ balassa padānanti dassento āha ‘‘purimavacanassā’’tiādi.

    กิจฺจยตาติ เอตฺถ ‘‘มา ปณฺฑิจฺจย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑) วิย พฺยญฺชนวฑฺฒนวเสน ยการาคโมติ อาห ‘‘กิจฺจเมว กิจฺจย’’นฺติฯ ‘‘อุภยํเปตํ สงฺฆเสฺสว อธิวจน’’นฺติ อิมินา กิจฺจกรณียสโทฺท กตฺตุวาจโกติ ทเสฺสติ, สโงฺฆ หิ กโรตีติ วจนเตฺถน กิโจฺจติ จ กรณีโยติ จ วุจฺจติฯ ตสฺส ภาโว, กิจฺจยตา กรณียตาติ วุเตฺต สงฺฆกมฺมํเยว ลพฺภติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุภยํเปตํ สงฺฆกมฺมเสฺสว อธิวจน’’นฺติฯ ยทิ กมฺมวาจโก ภเวยฺย, ‘‘กตฺตพฺพนฺติ กิจฺจํ, กรณีย’’นฺติ วุเตฺตเยว สงฺฆกมฺมสฺส ลภนโต ตาปจฺจโย สฺวโตฺถ ภเวยฺยฯ เอวญฺหิ สติ กิจฺจยสฺส ภาโว กิจฺจยตา กรณียสฺส ภาโว กรณียตาติ วจนโตฺถ น กตฺตโพฺพ ภเวยฺย, กโต จ, ตสฺมา น กมฺมวาจโกติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตเสฺสวาติ สงฺฆกมฺมเสฺสวฯ ตตฺถาติ อปโลกนาทีสุ จตูสุ กเมฺมสุฯ สีมฎฺฐกสงฺฆนฺติ ‘‘อุปจารสีมาทีสุ ฐิตํ สงฺฆํฯ โสเธตฺวาติ เอตฺถ โสธนํ นาม สีมฎฺฐกสงฺฆสฺส หตฺถปาสนยนํ, ฉนฺทารหานํ ฉนฺทสฺส อาหรณํ, สีมโต พหิกรณํฯ ตเมวตฺถํ เอกเทสโต ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ‘‘ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา’’ติฯ อปโลเกติ อาปุจฺฉติ อเนนาติ อปโลกนํ, ตํเยว กมฺมํ อปโลกนกมฺมํฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สีมฎฺฐกสงฺฆํ โสเธตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนวฯ ‘‘สุณาตุ เม’’ติอาทินา สงฺฆคณปุคฺคเล ญาเปติ เอตายาติ ญตฺติ, สาเยว กมฺมํ ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติเยว ทุติยํ ญตฺติทุติยํ, ตเมว กมฺมํ ญตฺติทุติยกมฺมํฯ เอตฺถ กิญฺจาปิ ญตฺติ ปฐมํ ฐปิตา, กมฺมวาจาเยว ทุติยา โหติ, ‘‘ผสฺสปญฺจมา’’ติอาทีสุ (ธาตุ. ๓๑๖) วิย ปน ปฎิโลมวเสน โวหารํ กตฺวา ‘‘ญตฺติทุติยา’’ติ วุตฺตํฯ ผสฺสปญฺจมาติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ธมฺมสงฺคณิยํ (ธ. ส. ๑ อาทโย) ‘‘ผโสฺส โหติ, เวทนา โหติ, สญฺญา โหติ, เจตนา โหติ , จิตฺตํ โหตี’’ติ ผสฺสํ ปฐมํ วุตฺตํ, ปฎิโลมวเสน ปน โวหารํ กตฺวา ‘‘ผสฺสปญฺจมา’’ติ ธาตุกถายํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอเสว นโย ญตฺติ จตุตฺถกเมฺมปิฯ เอกาย จ อนุสาวนายาติ ญตฺติโต อนุปจฺฉา สาเวตพฺพาติ อนุสาวนา, ตาย, ตีหิ จ อนุสาวนาหีติ ญตฺติโตอนุ ปจฺฉา, ปุนปฺปุนํ วา ติกฺขตฺตุํ สาเวตพฺพาติ อนุสาวนา, ตาหิฯ ตตฺถาติ จตูสุ กเมฺมสุฯ

    Kiccayatāti ettha ‘‘mā paṇḍiccaya’’ntiādīsu (jā. 2.22.1) viya byañjanavaḍḍhanavasena yakārāgamoti āha ‘‘kiccameva kiccaya’’nti. ‘‘Ubhayaṃpetaṃ saṅghasseva adhivacana’’nti iminā kiccakaraṇīyasaddo kattuvācakoti dasseti, saṅgho hi karotīti vacanatthena kiccoti ca karaṇīyoti ca vuccati. Tassa bhāvo, kiccayatā karaṇīyatāti vutte saṅghakammaṃyeva labbhati. Tena vuttaṃ ‘‘ubhayaṃpetaṃ saṅghakammasseva adhivacana’’nti. Yadi kammavācako bhaveyya, ‘‘kattabbanti kiccaṃ, karaṇīya’’nti vutteyeva saṅghakammassa labhanato tāpaccayo svattho bhaveyya. Evañhi sati kiccayassa bhāvo kiccayatā karaṇīyassa bhāvo karaṇīyatāti vacanattho na kattabbo bhaveyya, kato ca, tasmā na kammavācakoti daṭṭhabbaṃ. Tassevāti saṅghakammasseva. Tatthāti apalokanādīsu catūsu kammesu. Sīmaṭṭhakasaṅghanti ‘‘upacārasīmādīsu ṭhitaṃ saṅghaṃ. Sodhetvāti ettha sodhanaṃ nāma sīmaṭṭhakasaṅghassa hatthapāsanayanaṃ, chandārahānaṃ chandassa āharaṇaṃ, sīmato bahikaraṇaṃ. Tamevatthaṃ ekadesato dassetuṃ vuttaṃ ‘‘chandārahānaṃ chandaṃ āharitvā’’ti. Apaloketi āpucchati anenāti apalokanaṃ, taṃyeva kammaṃ apalokanakammaṃ. Vuttanayenevāti ‘‘sīmaṭṭhakasaṅghaṃ sodhetvā’’tiādinā vuttanayeneva. ‘‘Suṇātu me’’tiādinā saṅghagaṇapuggale ñāpeti etāyāti ñatti, sāyeva kammaṃ ñattikammaṃ, ñattiyeva dutiyaṃ ñattidutiyaṃ, tameva kammaṃ ñattidutiyakammaṃ. Ettha kiñcāpi ñatti paṭhamaṃ ṭhapitā, kammavācāyeva dutiyā hoti, ‘‘phassapañcamā’’tiādīsu (dhātu. 316) viya pana paṭilomavasena vohāraṃ katvā ‘‘ñattidutiyā’’ti vuttaṃ. Phassapañcamāti ettha kiñcāpi dhammasaṅgaṇiyaṃ (dha. sa. 1 ādayo) ‘‘phasso hoti, vedanā hoti, saññā hoti, cetanā hoti , cittaṃ hotī’’ti phassaṃ paṭhamaṃ vuttaṃ, paṭilomavasena pana vohāraṃ katvā ‘‘phassapañcamā’’ti dhātukathāyaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Eseva nayo ñatti catutthakammepi. Ekāya ca anusāvanāyāti ñattito anupacchā sāvetabbāti anusāvanā, tāya, tīhi ca anusāvanāhīti ñattitoanu pacchā, punappunaṃ vā tikkhattuṃ sāvetabbāti anusāvanā, tāhi. Tatthāti catūsu kammesu.

    อปโลเกตฺวาวาติ เอตฺถ เอวผลํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ญตฺติกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพ’’นฺติฯ ญตฺติกมฺมมฺปีติ ปิสเทฺทน น เกวลํ อปโลกนกมฺมเมว, อถ โข ญตฺติกมฺมมฺปีติ ทเสฺสติฯ ญตฺติทุติยกมฺมํ ปนาติ เอตฺถ ปนสโทฺท วิเสสตฺถโชตโก, ปกฺขนฺตรโชตโก วาฯ ตตฺถาติ ทฺวีสุ กเมฺมสุฯ ครุกานีติ อลหุกานิฯ อวเสสานีติ ฉหิ กเมฺมหิ อวเสสานิ, เอวรูปานิ ลหุกกมฺมานีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘อวเสสา’’ติปิ ปาโฐ, สมฺมุติโยติ สมฺพโนฺธฯ อปโลเกตฺวาปีติ ปิสโทฺท ญตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวาปีติ สมฺปิเณฺฑติฯ อญฺญตฺถาโปหนํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ญตฺติกมฺมญตฺติจตุตฺถกมฺมวเสน ปน น กาตพฺพเมวา’’ติฯ ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ กาตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถาติ สมถกฺขนฺธเกฯ

    Apaloketvāvāti ettha evaphalaṃ dassento āha ‘‘ñattikammādivasena na kātabba’’nti. Ñattikammampīti pisaddena na kevalaṃ apalokanakammameva, atha kho ñattikammampīti dasseti. Ñattidutiyakammaṃ panāti ettha panasaddo visesatthajotako, pakkhantarajotako vā. Tatthāti dvīsu kammesu. Garukānīti alahukāni. Avasesānīti chahi kammehi avasesāni, evarūpāni lahukakammānīti sambandho. ‘‘Avasesā’’tipi pāṭho, sammutiyoti sambandho. Apaloketvāpīti pisaddo ñattidutiyakammavācaṃ sāvetvāpīti sampiṇḍeti. Aññatthāpohanaṃ dassento āha ‘‘ñattikammañatticatutthakammavasena pana na kātabbamevā’’ti. Ñatticatutthakammaṃ kātabbanti sambandho. Etthāti samathakkhandhake.

    วิตฺถารโต ปน อาคโตเยวาติ สมฺพโนฺธฯ เอเตสนฺติ จตุนฺนํ กมฺมานํฯ ยํ ปน อตฺถชาตํ อนุตฺตานนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถาติ จตูสุ กเมฺมสุฯ นฺติ อตฺถชาตํฯ เอวนฺติ เอวํ กมฺมวเคฺคเยว วณฺณยมาเนฯ หีติ ลทฺธคุณโชตโกฯ สุวิเญฺญยฺยาติ สุเขน วิญฺญาตพฺพาฯ

    Vitthārato pana āgatoyevāti sambandho. Etesanti catunnaṃ kammānaṃ. Yaṃ pana atthajātaṃ anuttānanti sambandho. Tatthāti catūsu kammesu. Tanti atthajātaṃ. Evanti evaṃ kammavaggeyeva vaṇṇayamāne. ti laddhaguṇajotako. Suviññeyyāti sukhena viññātabbā.

    ๒๑๖. ปาฬิวเสเนวาติ น อฎฺฐกถาวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ

    216.Pāḷivasenevāti na aṭṭhakathāvasenāti adhippāyo.

    ๒๒๐. เยนาติ จิตฺตุปฺปาเทนฯ อิมินา วิวทนฺติ อเนนาติ วิวาโทติ วจนตฺถํ ทเสฺสติฯ สมเถหิ จาติ จสโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน น เกวลํ วิวาโทเยว, อถ โข อธิกรณญฺจาติ สมฺปิเณฺฑติ, อถ วา สมเถหิ จาติ สมเถหิ เอวฯ อิมินา สมเถหิ อธิกรียติ วูปสมียตีติ อธิกรณนฺติ วจนตฺถํ ทเสฺสติฯ วิวาโทเยว อธิกรณํ วิวาทาธิกรณํฯ เอวมาทินา นเยนาติ อาทิสเทฺทน อนุทฺธํสเนน วทนฺติ อเนน จิตฺตุปฺปาเทนาติ อนุวาโทติอาทโย วจนเตฺถ สงฺคณฺหาติฯ

    220.Yenāti cittuppādena. Iminā vivadanti anenāti vivādoti vacanatthaṃ dasseti. Samathehi cāti casaddo sampiṇḍanattho. Tena na kevalaṃ vivādoyeva, atha kho adhikaraṇañcāti sampiṇḍeti, atha vā samathehi cāti samathehi eva. Iminā samathehi adhikarīyati vūpasamīyatīti adhikaraṇanti vacanatthaṃ dasseti. Vivādoyeva adhikaraṇaṃ vivādādhikaraṇaṃ. Evamādinā nayenāti ādisaddena anuddhaṃsanena vadanti anena cittuppādenāti anuvādotiādayo vacanatthe saṅgaṇhāti.

    ๒๒๒. สนฺธายภาสิตวเสนาติ โลกวชฺชํ สนฺธาย ภาสิตสฺส วจนสฺส วเสนฯ สนฺธายภาสิตตฺถํ วิตฺถาเรโนฺต อาห ‘‘ยสฺมิํ หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปถวิขณนาทิเก ยสฺมิํ อาปตฺตาธิกรเณติ โยชนาฯ ตสฺมินฺติ กุสลจิตฺตเงฺค อาปตฺตาธิกรเณฯ ตสฺมาติ ยสฺมา น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมาฯ อิทนฺติ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนํ, วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ สนฺธาย อวุตฺตํ ทเสฺสตฺวา สนฺธาย วุตฺตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิทํ ปน สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ อิทํ ปนาติ การณํ ปน สนฺธายาติ สมฺพโนฺธฯ ยํ อาปตฺตาธิกรณนฺติ โยชนาฯ ‘‘โลกวชฺช’’นฺติ ปเท ตุลฺยาธิกรณํฯ โลกสฺมิํ, โลเกหิ วา วเชฺชตพฺพนฺติ โลกวชฺชํฯ ตนฺติ อาปตฺตาธิกรณํฯ ตตฺถาติ อาปตฺตาธิกรเณฯ วิกโปฺปติ วิวิธา กปฺปนํ, วิวิธตโกฺก วาฯ ยํ ปนาติ อาปตฺตาธิกรณํ ปนฯ ‘‘ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติ ปเท ตุลฺยาธิกรณํฯ ภควโต ปญฺญตฺติยา เหตุภูตาย วเชฺชตพฺพนฺติ ปณฺณตฺติวชฺชํฯ ตนฺติ อาปตฺตาธิกรณํ, อกุสลํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ กิญฺจีติ อปฺปมตฺตกํ, อาปตฺตานาปตฺติํ อชานนฺตสฺส อาปชฺชนโตติ สมฺพโนฺธฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อพฺยากตํ โหติ, ตสฺมาฯ ตตฺถาติ ปณฺณตฺติวชฺชภูเต อาปตฺตาธิกรเณฯ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ…เป.… กุสล’’นฺติ อิทํ วจนํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ

    222.Sandhāyabhāsitavasenāti lokavajjaṃ sandhāya bhāsitassa vacanassa vasena. Sandhāyabhāsitatthaṃ vitthārento āha ‘‘yasmiṃ hī’’tiādi. Tattha pathavikhaṇanādike yasmiṃ āpattādhikaraṇeti yojanā. Tasminti kusalacittaṅge āpattādhikaraṇe. Tasmāti yasmā na sakkā vattuṃ, tasmā. Idanti ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vacanaṃ, vuttanti sambandho. Sandhāya avuttaṃ dassetvā sandhāya vuttaṃ dassento āha ‘‘idaṃ pana sandhāya vutta’’nti. Tattha idaṃ panāti kāraṇaṃ pana sandhāyāti sambandho. Yaṃ āpattādhikaraṇanti yojanā. ‘‘Lokavajja’’nti pade tulyādhikaraṇaṃ. Lokasmiṃ, lokehi vā vajjetabbanti lokavajjaṃ. Tanti āpattādhikaraṇaṃ. Tatthāti āpattādhikaraṇe. Vikappoti vividhā kappanaṃ, vividhatakko vā. Yaṃ panāti āpattādhikaraṇaṃ pana. ‘‘Paṇṇattivajja’’nti pade tulyādhikaraṇaṃ. Bhagavato paññattiyā hetubhūtāya vajjetabbanti paṇṇattivajjaṃ. Tanti āpattādhikaraṇaṃ, akusalaṃ hotīti sambandho. Kiñcīti appamattakaṃ, āpattānāpattiṃ ajānantassa āpajjanatoti sambandho. Tasmāti yasmā abyākataṃ hoti, tasmā. Tatthāti paṇṇattivajjabhūte āpattādhikaraṇe. ‘‘Āpattādhikaraṇaṃ…pe… kusala’’nti idaṃ vacanaṃ vuttanti yojanā.

    ยทิ กุสลจิโตฺต อาปชฺชติ, อถ นนุ อาปตฺตาธิกรณํ กุลลนฺติ วตฺตโพฺพ ภเวยฺยาติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิฯ ยนฺติ อาปตฺตาธิกรณํฯ ‘‘อิทํ วุจฺจติ…เป.… กุสล’’นฺติ วเทยฺย สเจติ โยชนาฯ เอฬกโลมญฺจ ปทโสธมฺมญฺจ เอฬกโลมปทโสธมฺมานิ, ตานิ อาทีนิ เยสํ ตานีติ เอฬกโลมปทโสธมฺมาทีนิ, ตานิ สมุฎฺฐานานิ ยาสนฺติ เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฎฺฐานา, ตาสํ อาปตฺตีนมฺปีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถาติ เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฎฺฐานาสุ อาปตฺตีสุฯ อาปตฺติยา องฺคนฺติ อาปตฺติยา การณํฯ เอวํ อาปตฺติยา อนงฺคํ ทเสฺสตฺวา ตสฺสาเยว องฺคํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กายวจีวิญฺญตฺติวเสน ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ จลิตปฺปวตฺตานนฺติ จลิเตน เหตุภูเตน ปวตฺตานํฯ อถ วา จลิโต จ กาโย, ปวตฺตา จ วาจาติ จลิตปฺปวตฺตา, ตาสํ จลิตปฺปวตฺตานํ กายวาจานํฯ ตญฺจาติ กายวาจานํ อญฺญตรญฺจฯ อพฺยากตนฺติ เอตฺถ อิติสโทฺท ปริสมาปนโตฺถฯ

    Yadi kusalacitto āpajjati, atha nanu āpattādhikaraṇaṃ kulalanti vattabbo bhaveyyāti āha ‘‘sace panā’’tiādi. Yanti āpattādhikaraṇaṃ. ‘‘Idaṃ vuccati…pe… kusala’’nti vadeyya saceti yojanā. Eḷakalomañca padasodhammañca eḷakalomapadasodhammāni, tāni ādīni yesaṃ tānīti eḷakalomapadasodhammādīni, tāni samuṭṭhānāni yāsanti eḷakalomapadasodhammādisamuṭṭhānā, tāsaṃ āpattīnampīti sambandho. Tatthāti eḷakalomapadasodhammādisamuṭṭhānāsu āpattīsu. Āpattiyā aṅganti āpattiyā kāraṇaṃ. Evaṃ āpattiyā anaṅgaṃ dassetvā tassāyeva aṅgaṃ dassento āha ‘‘kāyavacīviññattivasena panā’’tiādi. Tattha calitappavattānanti calitena hetubhūtena pavattānaṃ. Atha vā calito ca kāyo, pavattā ca vācāti calitappavattā, tāsaṃ calitappavattānaṃ kāyavācānaṃ. Tañcāti kāyavācānaṃ aññatarañca. Abyākatanti ettha itisaddo parisamāpanattho.

    อยมโตฺถ เอวํ เวทิตโพฺพติ โยชนาฯ เตนาติ จิเตฺตนฯ ‘‘อิทํ…เป.… สทฺธิ’’นฺติ อิมินา สญฺชานโนฺตติ เอตฺถ สํสทฺทสฺส สุนฺทรตฺถํ สห อากาเรน ทเสฺสติฯ ‘‘วีติกฺกม…เป.… กเปฺปตฺวา’’ติ อิมินา เจจฺจาติ ปทสฺส อตฺถํ สห วิเสสเนน ทเสฺสติฯ ‘‘อุปกฺกมวเสน…เป.… เปเสตฺวา’’ติ อิมินา อภิวิตริตฺวาติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสติฯ ปาฬิยํ ยํสโทฺทวีติกฺกมวิสโยติ อาห ‘‘ยํ อาปตฺตาธิกรณํ วีติกฺกม’’นฺติฯ ‘‘อาปชฺชตี’’ติ อิมินา ปาฐเสสํ ทเสฺสติฯ เอวํ วีติกฺกมโต ตสฺส ภิกฺขุโนติ โยชนาฯ

    Ayamattho evaṃ veditabboti yojanā. Tenāti cittena. ‘‘Idaṃ…pe… saddhi’’nti iminā sañjānantoti ettha saṃsaddassa sundaratthaṃ saha ākārena dasseti. ‘‘Vītikkama…pe… kappetvā’’ti iminā ceccāti padassa atthaṃ saha visesanena dasseti. ‘‘Upakkamavasena…pe… pesetvā’’ti iminā abhivitaritvāti padassa atthaṃ dasseti. Pāḷiyaṃ yaṃsaddovītikkamavisayoti āha ‘‘yaṃ āpattādhikaraṇaṃ vītikkama’’nti. ‘‘Āpajjatī’’ti iminā pāṭhasesaṃ dasseti. Evaṃ vītikkamato tassa bhikkhunoti yojanā.

    อพฺยากตวาเรปีติ ปิสโทฺท อกุสลวารํ อเปกฺขติฯ ตสฺสาติ จิตฺตสฺสฯ อชานโนฺตติอาทีนํ ปทานมโตฺถ อกุสลวาเร วุตฺตปฎิปกฺขวเสน เวทิตโพฺพฯ ยํ อาปตฺตาธิกรณนฺติอาทีนํ ปทานมโตฺถ อกุสลวาเรน สทิโสเยวฯ

    Abyākatavārepīti pisaddo akusalavāraṃ apekkhati. Tassāti cittassa. Ajānantotiādīnaṃ padānamattho akusalavāre vuttapaṭipakkhavasena veditabbo. Yaṃ āpattādhikaraṇantiādīnaṃ padānamattho akusalavārena sadisoyeva.

    ๒๒๔. อยํ วิวาโท โน อธิกรณนฺติอาทีสุ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพติ สมฺพโนฺธฯ

    224.Ayaṃ vivādo no adhikaraṇantiādīsu evamattho veditabboti sambandho.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ๘. อธิกรณํ • 8. Adhikaraṇaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อธิกรณกถา • Adhikaraṇakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact