Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    อธิกรณกถาวณฺณนา

    Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ๒๒๐. จิตฺตุปฺปาโท วิวาโทฯ วิวาทสโทฺทปิ การณูปจาเรน กุสลาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘สมเถหิ จ อธิกรณียตาย อธิกรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ อถ วา วิวาทเหตุภูตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส วูปสเมน สมฺภวสฺส สทฺทสฺสปิ วูปสโม โหตีติ จิตฺตุปฺปาทสฺสปิ สมเถหิ อธิกรณียตา ปริยาโย สมฺภวติฯ ‘‘กุสลจิตฺตา วิวทนฺตี’’ติ วุตฺตวิวาเทปิ ‘‘วิปจฺจตาย โวหาโร’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตวจนเหตุวเสนาติ เวทิตพฺพํฯ

    220.Cittuppādovivādo. Vivādasaddopi kāraṇūpacārena kusalādisaṅkhyaṃ gacchati. Taṃ sandhāya ‘‘samathehi ca adhikaraṇīyatāya adhikaraṇa’’nti vuttaṃ. Atha vā vivādahetubhūtassa cittuppādassa vūpasamena sambhavassa saddassapi vūpasamo hotīti cittuppādassapi samathehi adhikaraṇīyatā pariyāyo sambhavati. ‘‘Kusalacittā vivadantī’’ti vuttavivādepi ‘‘vipaccatāya vohāro’’ti vuttaṃ, na vuttavacanahetuvasenāti veditabbaṃ.

    ๒๒๒. ‘‘อาปตฺติญฺหิ อาปชฺชโนฺต กุสลจิโตฺต วา’’ติ วจนโต กุสลมฺปิ สิยาติ เจ? น ตํ อาปตฺตาธิกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, โย อาปตฺติํ อาปชฺชติ, โส ตีสุ จิเตฺตสุ อญฺญตรจิตฺตสมงฺคี หุตฺวา อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กุสลจิโตฺต อาปชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย ‘‘ปญฺญตฺติมตฺตํ อาปตฺตาธิกรณ’’นฺติ วเทยฺย, ตสฺส อกุสลาทิภาโวปิ อาปตฺตาธิกรณสฺส น ยุชฺชเตว วิวาทาธิกรณาทีนํ วิยาติ เจ? น, ‘‘นตฺถาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ อิมินา วิโรธสมฺภวโตฯ อนุคณฺฐิปเท ปน ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ นาม ตถาปวตฺตมานอกอุสลจิตฺตุปฺปาทรูปกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํฯ อวสิเฎฺฐสุ กุสลาพฺยากตปญฺญตฺตีสุ ‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’นฺติ วจนโต ปญฺญตฺติตาว ปฎิสิทฺธา กุสลตฺติเก อปริยาปนฺนตฺตาฯ กุสลปฎิเสเธเนว เตน สมานคติกตฺตา กิริยาพฺยากตานมฺปิ ปฎิเสโธ เวทิตโพฺพ, กิริยาพฺยากตานํ วิย อนุคมนโต วิปากาพฺยากตานมฺปิ ปฎิเสโธ กโตว โหติ, ตถาปิ อพฺยากตสามญฺญโต รูปกฺขเนฺธน สทฺธิํ วิปากกิริยาพฺยากตานมฺปิ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหตี’’ติ วินเย อปกตญฺญุโน สนฺธาย วุตฺตํ อปฺปหริตกรณาทิเก สติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วตฺตุํ น สกฺกา, ตสฺมา กุสลจิตฺตํ องฺคํ น โหตีติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ติจิตฺตํ ติเวทน’’นฺติ วุจฺจตีติ เจ? ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นยิท’’นฺติอาทิ อารทฺธนฺติ เอเกฯ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกจิตฺตํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ นามฯ ‘‘เอกนฺตโตติ เยภุเยฺยนาติ อโตฺถ, อิตรถา วิรุชฺฌติฯ กสฺมา? ‘ยสฺสา สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหตี’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตตฺตา’’ติ วทนฺติฯ เตน กิํ? วิปาโก นตฺถิ, กสฺมา? เอกนฺตากุสลตฺตา, ตสฺมา กถาว ตตฺถ นตฺถิฯ ยตฺถ ปน อตฺถิ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺช’’นฺติอาทิมาหฯ อสญฺจิจฺจ ปน กิญฺจิ อชานนฺตสฺส…เป.… อพฺยากตํ โหตีติ ภิกฺขุมฺหิ กมฺมฎฺฐานคตจิเตฺตน นิปเนฺน, นิทฺทายเนฺต วา มาตุคาโม เจ เสยฺยํ กเปฺปติ, ตสฺส ภิกฺขุโน วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ น โหติ, ตสฺมา ตสฺมิํ ขเณ เสยฺยากาเรน วตฺตมานรูปเมว อาปตฺตาธิกรณํ นามฯ ภวงฺคจิเตฺต วิชฺชมาเนปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมิญฺหิ ขเณ อุฎฺฐาตเพฺพ ชาเต อนุฎฺฐานโต รูปกฺขโนฺธว อาปตฺติ นาม, น วิปาเกน สทฺธิํฯ สเจ ปน วเทยฺย, ตสฺส เอวํวาทิโน อจิตฺตกานํ กุสลจิตฺตํ อาปเชฺชยฺยฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เอฬกโลมํ คเหตฺวา กมฺมฎฺฐานมนสิกาเรน ติโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส, ปณฺณตฺติํ อชานิตฺวา ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส จ อาปชฺชิตพฺพาปตฺติยา กุสลจิตฺตํ อาปเชฺชยฺยาติฯ อาปชฺชติเยวาติ เจ? นาปชฺชติฯ กสฺมา? ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนโตฯ

    222. ‘‘Āpattiñhi āpajjanto kusalacitto vā’’ti vacanato kusalampi siyāti ce? Na taṃ āpattādhikaraṇaṃ sandhāya vuttaṃ, yo āpattiṃ āpajjati, so tīsu cittesu aññataracittasamaṅgī hutvā āpajjatīti dassanatthaṃ ‘‘yaṃ kusalacitto āpajjatī’’tiādi vuttaṃ. Yo ‘‘paññattimattaṃ āpattādhikaraṇa’’nti vadeyya, tassa akusalādibhāvopi āpattādhikaraṇassa na yujjateva vivādādhikaraṇādīnaṃ viyāti ce? Na, ‘‘natthāpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti iminā virodhasambhavato. Anugaṇṭhipade pana ‘‘āpattādhikaraṇaṃ nāma tathāpavattamānaakausalacittuppādarūpakkhandhānametaṃ adhivacanaṃ. Avasiṭṭhesu kusalābyākatapaññattīsu ‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākata’nti vacanato paññattitāva paṭisiddhā kusalattike apariyāpannattā. Kusalapaṭisedheneva tena samānagatikattā kiriyābyākatānampi paṭisedho veditabbo, kiriyābyākatānaṃ viya anugamanato vipākābyākatānampi paṭisedho katova hoti, tathāpi abyākatasāmaññato rūpakkhandhena saddhiṃ vipākakiriyābyākatānampi adhivacananti veditabba’’nti vuttaṃ. Tattha ‘‘kusalacittaṃ aṅgaṃ hotī’’ti vinaye apakataññuno sandhāya vuttaṃ appaharitakaraṇādike sati. Tasmāti yasmā ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vattuṃ na sakkā, tasmā kusalacittaṃ aṅgaṃ na hotīti attho. Yadi evaṃ kasmā ‘‘ticittaṃ tivedana’’nti vuccatīti ce? Taṃ dassetuṃ ‘‘nayida’’ntiādi āraddhanti eke. Āpattisamuṭṭhāpakacittaṃ aṅgappahonakacittaṃ nāma. ‘‘Ekantatoti yebhuyyenāti attho, itarathā virujjhati. Kasmā? ‘Yassā sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hotī’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) vuttattā’’ti vadanti. Tena kiṃ? Vipāko natthi, kasmā? Ekantākusalattā, tasmā kathāva tattha natthi. Yattha pana atthi, taṃ dassento ‘‘yaṃ pana paṇṇattivajja’’ntiādimāha. Asañcicca pana kiñci ajānantassa…pe… abyākataṃ hotīti bhikkhumhi kammaṭṭhānagatacittena nipanne, niddāyante vā mātugāmo ce seyyaṃ kappeti, tassa bhikkhuno vijjamānampi kusalacittaṃ āpattiyā aṅgaṃ na hoti, tasmā tasmiṃ khaṇe seyyākārena vattamānarūpameva āpattādhikaraṇaṃ nāma. Bhavaṅgacitte vijjamānepi eseva nayo. Tasmiñhi khaṇe uṭṭhātabbe jāte anuṭṭhānato rūpakkhandhova āpatti nāma, na vipākena saddhiṃ. Sace pana vadeyya, tassa evaṃvādino acittakānaṃ kusalacittaṃ āpajjeyya. Kiṃ vuttaṃ hoti? Eḷakalomaṃ gahetvā kammaṭṭhānamanasikārena tiyojanaṃ atikkamantassa, paṇṇattiṃ ajānitvā padaso dhammaṃ vācentassa ca āpajjitabbāpattiyā kusalacittaṃ āpajjeyyāti. Āpajjatiyevāti ce? Nāpajjati. Kasmā? ‘‘Natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vacanato.

    จลิโต กาโย, ปวตฺตา วาจา, อญฺญตรเมว องฺคนฺติ อญฺญตรเมว อาปตฺตีติ อโตฺถฯ เกวลํ ปญฺญตฺติยา อกุสลาทิภาวาสมฺภวโต อาปตฺติตา น ยุชฺชติฯ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต ตีสุ อญฺญตรสมงฺคี หุตฺวา อาปชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ กุสลจิโตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ปถวีขณนาทีสุ กุสลจิตฺตกฺขเณ วีติกฺกมวเสน ปวตฺตรูปสมฺภวโต กุสลจิโตฺต วา อพฺยากตาปตฺติํ อาปชฺชติฯ ตถา อพฺยากตจิโตฺต วา อพฺยากตรูปสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺติํ อาปชฺชติ, ปาณาติปาตาทีสุ อกุสลจิโตฺต วา อกุสลาปตฺติํ อาปชฺชติ, รูปํ ปเนตฺถ อโพฺพหาริกํฯ สุปินปสฺสนกาลาทีสุ ปาณาติปาตาทิํ กโรโนฺต สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชิตพฺพาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต อกุสลจิโตฺต อพฺยากตาปตฺติํ อาปชฺชตีติ เวทิตโพฺพฯ อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ อกุสลนฺติ อกุสลจิตฺตุปฺปาโทฯ โปราณคณฺฐิปเทสุ ปน ‘‘ปุถุชฺชโน กลฺยาณปุถุชฺชโน เสโกฺข อรหาติ จตฺตาโร ปุคฺคเล ทเสฺสตฺวา เตสุ อรหโต อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากตเมว, ตถา เสกฺขานํ, ตถา กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส อสญฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อพฺยากตเมวฯ อิตรสฺส อกุสลมฺปิ โหติ อพฺยากตมฺปิฯ ยสฺมา จสฺส สญฺจิจฺจ วีติกฺกมกาเล อกุสลเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’นฺติฯ สพฺพตฺถ อพฺยากตํ นาม ตสฺส วิปากาภาวมตฺตํ สนฺธาย เอวํนามกํ ชาต’’นฺติ ลิขิตํ, วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Calito kāyo, pavattā vācā, aññatarameva aṅganti aññatarameva āpattīti attho. Kevalaṃ paññattiyā akusalādibhāvāsambhavato āpattitā na yujjati. Āpattiṃ āpajjanto tīsu aññatarasamaṅgī hutvā āpajjatīti dassanatthaṃ ‘‘yaṃ kusalacitto’’tiādi vuttaṃ. Tassattho – pathavīkhaṇanādīsu kusalacittakkhaṇe vītikkamavasena pavattarūpasambhavato kusalacitto vā abyākatāpattiṃ āpajjati. Tathā abyākatacitto vā abyākatarūpasaṅkhātaṃ abyākatāpattiṃ āpajjati, pāṇātipātādīsu akusalacitto vā akusalāpattiṃ āpajjati, rūpaṃ panettha abbohārikaṃ. Supinapassanakālādīsu pāṇātipātādiṃ karonto sahaseyyādivasena āpajjitabbāpattiṃ āpajjanto akusalacitto abyākatāpattiṃ āpajjatīti veditabbo. Idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ akusalanti akusalacittuppādo. Porāṇagaṇṭhipadesu pana ‘‘puthujjano kalyāṇaputhujjano sekkho arahāti cattāro puggale dassetvā tesu arahato āpattādhikaraṇaṃ abyākatameva, tathā sekkhānaṃ, tathā kalyāṇaputhujjanassa asañcicca vītikkamakāle abyākatameva. Itarassa akusalampi hoti abyākatampi. Yasmā cassa sañcicca vītikkamakāle akusalameva hoti, tasmā vuttaṃ ‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’nti. Sabbattha abyākataṃ nāma tassa vipākābhāvamattaṃ sandhāya evaṃnāmakaṃ jāta’’nti likhitaṃ, vicāretvā gahetabbaṃ.

    ๒๒๔. วิวาโท วิวาทาธิกรณนฺติ โย โกจิ วิวาโท, โส สโพฺพ กิํ วิวาทาธิกรณํ นาม โหตีติ เอกปุจฺฉาฯ ‘‘วิวาโท อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณเมว วิวาโท จ อธิกรณญฺจาติ ปุจฺฉติฯ ตทุภยํ วิวาทาธิกรณเมวาติ ปุจฺฉตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ โปราณคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ อยํ ปุจฺฉา นตฺถิฯ ยทิ เอวํ อิมาย น ภวิตพฺพํ วิวาโท วิวาทาธิกรณํ, วิวาทาธิกรณํ วิวาโท, วิวาทาธิกรณํ วิวาโท เจว อธิกรณญฺจาติ ปญฺจปญฺหาหิ ภวิตพฺพํ สิยาฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ ติโสฺส, เกสุจิ จตโสฺส, ปญฺจ นตฺถิฯ ตตฺถ เทฺว วิภตฺตาฯ อิตราสุ อธิกรณํ วิวาโทติ ยํ กิญฺจิ อธิกรณํ, วิวาทสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, วิวาโท อธิกรณนฺติ โย โกจิ วิวาโท, โส สโพฺพ อธิกรณสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ ปุจฺฉติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    224.Vivādo vivādādhikaraṇanti yo koci vivādo, so sabbo kiṃ vivādādhikaraṇaṃ nāma hotīti ekapucchā. ‘‘Vivādo adhikaraṇanti vivādādhikaraṇameva vivādo ca adhikaraṇañcāti pucchati. Tadubhayaṃ vivādādhikaraṇamevāti pucchatīti vuttaṃ hotī’’ti porāṇagaṇṭhipade vuttaṃ. Kesuci potthakesu ayaṃ pucchā natthi. Yadi evaṃ imāya na bhavitabbaṃ vivādo vivādādhikaraṇaṃ, vivādādhikaraṇaṃ vivādo, vivādādhikaraṇaṃ vivādo ceva adhikaraṇañcāti pañcapañhāhi bhavitabbaṃ siyā. Kesuci potthakesu tisso, kesuci catasso, pañca natthi. Tattha dve vibhattā. Itarāsu adhikaraṇaṃ vivādoti yaṃ kiñci adhikaraṇaṃ, vivādasaṅkhyameva gacchati, vivādo adhikaraṇanti yo koci vivādo, so sabbo adhikaraṇasaṅkhyaṃ gacchatīti pucchati. Esa nayo sabbattha.

    ๒๒๘. สมฺมุขาวินยสฺมินฺติ สมฺมุขาวินยภาเวฯ

    228.Sammukhāvinayasminti sammukhāvinayabhāve.

    ๒๓๐. ‘‘อนฺตเรนาติ การเณนา’’ติ ลิขิตํฯ

    230.‘‘Antarenāti kāraṇenā’’ti likhitaṃ.

    ๒๓๓. อุพฺพาหิกาย ขิยฺยนเก ปาจิตฺติ น วุตฺตา ตตฺถ ฉนฺททานสฺส นตฺถิตายฯ

    233. Ubbāhikāya khiyyanake pācitti na vuttā tattha chandadānassa natthitāya.

    ๒๓๖. ตสฺส โข เอตนฺติ เอโสติ อโตฺถ ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ เอตฺถ วิยฯ

    236.Tassa kho etanti esoti attho ‘‘etadagga’’nti ettha viya.

    ๒๓๘. ‘‘กา จ ตสฺส ปาปิยสิกา’’ติ กิร ปาโฐฯ

    238. ‘‘Kā ca tassa pāpiyasikā’’ti kira pāṭho.

    ๒๔๒. ‘‘กิจฺจเมว กิจฺจาธิกรณ’’นฺติ วจนโต อปโลกนกมฺมาทีนเมตํ อธิวจนํ, ตํ วิวาทาธิกรณาทีนิ วิย สมเถหิ สเมตพฺพํ น โหติ, กินฺตุ สมฺมุขาวินเยน สมฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    242. ‘‘Kiccameva kiccādhikaraṇa’’nti vacanato apalokanakammādīnametaṃ adhivacanaṃ, taṃ vivādādhikaraṇādīni viya samathehi sametabbaṃ na hoti, kintu sammukhāvinayena sampajjatīti attho.

    สมถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Samathakkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā
    อธิกรณกถา • Adhikaraṇakathā
    อธิกรณวูปสมนสมถกถา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathā
    ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา • Tassapāpiyasikāvinayakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
    อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā
    อธิกรณวูปสมนสมถกถาวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
    อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā
    อธิกรณวูปสมนสมถกถาทิวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
    ๘. อธิกรณกถา • 8. Adhikaraṇakathā
    ๙. อธิกรณวูปสมนสมถกถา • 9. Adhikaraṇavūpasamanasamathakathā
    ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา • Tassapāpiyasikāvinayakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact