Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    อธิกรณกถาวณฺณนา

    Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ๒๑๕. วิรูปโต วิปริณามเฎฺฐน จิตฺตํ ทุกฺขํ วิปจฺจตีติ อาห ‘‘จิตฺตทุกฺขตฺถํ โวหาโร’’ติอาทิฯ อุปวทนาติ โจทนาฯ ตเตฺถวาติ อนุวทเนฯ

    215. Virūpato vipariṇāmaṭṭhena cittaṃ dukkhaṃ vipaccatīti āha ‘‘cittadukkhatthaṃ vohāro’’tiādi. Upavadanāti codanā. Tatthevāti anuvadane.

    อาทิโต ปฎฺฐาย จ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส วิญฺญาตตฺตาติ วิตฺถารโต อาคตกมฺมวคฺคสฺส อาทิโต ปฎฺฐาย วณฺณนามุเขน วิญฺญาตตฺตา วินิจฺฉโย ภวิสฺสตีติ โยชนาฯ

    Ādito paṭṭhāya ca tassa tassa kammassa viññātattāti vitthārato āgatakammavaggassa ādito paṭṭhāya vaṇṇanāmukhena viññātattā vinicchayo bhavissatīti yojanā.

    ๒๑๖. ปาฬิยํ อชฺฌตฺตํ วาติ อตฺตนิ วา อตฺตโน ปริสาย วาฯ พหิทฺธา วาติ ปรสฺมิํ วา ปรสฺส ปริสาย วาฯ อนวสฺสวายาติ อนุปฺปาทายฯ

    216. Pāḷiyaṃ ajjhattaṃ vāti attani vā attano parisāya vā. Bahiddhā vāti parasmiṃ vā parassa parisāya vā. Anavassavāyāti anuppādāya.

    ๒๒๐. ‘‘วิวาทาธิกรณํ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากต’’นฺติ อิทํ ปุจฺฉาวจนํฯ วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลนฺติอาทิ วิสชฺชนํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ

    220.‘‘Vivādādhikaraṇaṃ kusalaṃ akusalaṃ abyākata’’nti idaṃ pucchāvacanaṃ. Vivādādhikaraṇaṃ siyā kusalantiādi visajjanaṃ. Esa nayo sesesupi.

    ๒๒๒. สมฺมุติสภาวายปิ อาปตฺติยา การณูปจาเรน อกุสลาพฺยากตภาเวน วุจฺจมาเน กุสลสฺสาปิ อาปตฺติการณตฺตา ตทุปจาเรน ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา กุสล’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย , ตถา อวตฺวา ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ เอวํวจนสฺส การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ สนฺธายภาสิตวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จายมธิปฺปาโย – ยทิ หิ อาปตฺติ นาม ปรมตฺถธมฺมสภาวา ภเวยฺย, ตทา ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสล’’นฺติอาทิวจนํ ยุเชฺชยฺยฯ ยสฺมา ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทฎฺฐกถาทีสุ ทสฺสิตโทสปฺปสงฺคโต ปรมตฺถสภอาวตา น ยุตฺตา, เอกนฺตสมฺมุติสภาวา เอว สา โหติ, ตสฺมา ‘‘สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติปิ นิปฺปริยายโต น วตฺตพฺพาฯ ยทิ ปน อกุสลอพฺยากตธมฺมสมุฎฺฐิตตฺตเมว อุปาทาย ปริยายโต ‘‘สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตทา กุสลธมฺมสมอุฎฺฐิตตฺตมฺปิ อุปาทาย ปริยายโต ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา กุสล’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยฯ ยโต เจตํ วจนํ อาปตฺติยา อกุสลาพฺยากตูปจารารหตฺตสฺส กุสลูปจารานารหตฺตสฺส วิสุํ การณสพฺภาวํ สนฺธาย ภาสิตํ, ตสฺมา ยํ ตํ การณวิเสสํ สนฺธาย อิทํ ภาสิตํ, ตสฺส วเสเนเวตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    222. Sammutisabhāvāyapi āpattiyā kāraṇūpacārena akusalābyākatabhāvena vuccamāne kusalassāpi āpattikāraṇattā tadupacārena ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā kusala’’nti vattabbaṃ bhaveyya , tathā avatvā ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti evaṃvacanassa kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘ettha sandhāyabhāsitavasena attho veditabbo’’ti vuttaṃ. Ettha cāyamadhippāyo – yadi hi āpatti nāma paramatthadhammasabhāvā bhaveyya, tadā ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusala’’ntiādivacanaṃ yujjeyya. Yasmā duṭṭhadosasikkhāpadaṭṭhakathādīsu dassitadosappasaṅgato paramatthasabhaāvatā na yuttā, ekantasammutisabhāvā eva sā hoti, tasmā ‘‘siyā akusalaṃ siyā abyākata’’ntipi nippariyāyato na vattabbā. Yadi pana akusalaabyākatadhammasamuṭṭhitattameva upādāya pariyāyato ‘‘siyā akusalaṃ siyā abyākata’’nti vuttaṃ. Tadā kusaladhammasamauṭṭhitattampi upādāya pariyāyato ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā kusala’’ntipi vattabbaṃ bhaveyya. Yato cetaṃ vacanaṃ āpattiyā akusalābyākatūpacārārahattassa kusalūpacārānārahattassa visuṃ kāraṇasabbhāvaṃ sandhāya bhāsitaṃ, tasmā yaṃ taṃ kāraṇavisesaṃ sandhāya idaṃ bhāsitaṃ, tassa vasenevettha attho veditabbo.

    อิทานิ ปน โย องฺคปฺปโหนกจิตฺตเมว สนฺธาย อาปตฺติยา อกุสลาทิภาโว วุโตฺต, นาญฺญํ วิเสสการณํ สนฺธายาติ คเณฺหยฺย, ตสฺส คาเห โทสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมิํ หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปถวีขณนาทิเกติ ปถวีขณนาทินิมิเตฺต ปณฺณตฺติวเชฺชฯ อาปตฺตาธิกรเณ กุสลจิตฺตํ องฺคนฺติ ปณฺณตฺติํ อชานิตฺวา กุสลจิเตฺตน เจติยงฺคณาทีสุ ภูมิโสธนาทิวเสน ปถวีภูตคามวิโกปนาทิกาเล กุสลจิตฺตํ การณํ โหติฯ ตสฺมิํ สตีติ ตสฺมิํ อาปตฺตาธิกรเณ วิชฺชมาเน กุสลจิตฺตสมุฎฺฐิตเตฺตน กุสลโวหารารหาย อาปตฺติยา วิชฺชมานายาติ อธิปฺปาโยฯ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๒๒๒) ปน ‘‘ตสฺมิํ สตี’’ติ อิมสฺส ‘‘ตสฺมิํ กุสลจิเตฺต อาปตฺติภาเวน คหิเต’’ติ อโตฺถ วุโตฺต, ตํ น ยุชฺชติ ‘‘ยสฺมิ’’นฺติ ย-สเทฺทน ปรามฎฺฐเสฺสว อาปตฺตาธิกรณสฺส ‘‘ตสฺมิ’’นฺติ ปรามสิตพฺพโตฯ

    Idāni pana yo aṅgappahonakacittameva sandhāya āpattiyā akusalādibhāvo vutto, nāññaṃ visesakāraṇaṃ sandhāyāti gaṇheyya, tassa gāhe dosaṃ dassento ‘‘yasmiṃ hī’’tiādimāha. Tattha pathavīkhaṇanādiketi pathavīkhaṇanādinimitte paṇṇattivajje. Āpattādhikaraṇe kusalacittaṃ aṅganti paṇṇattiṃ ajānitvā kusalacittena cetiyaṅgaṇādīsu bhūmisodhanādivasena pathavībhūtagāmavikopanādikāle kusalacittaṃ kāraṇaṃ hoti. Tasmiṃ satīti tasmiṃ āpattādhikaraṇe vijjamāne kusalacittasamuṭṭhitattena kusalavohārārahāya āpattiyā vijjamānāyāti adhippāyo. Sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.222) pana ‘‘tasmiṃ satī’’ti imassa ‘‘tasmiṃ kusalacitte āpattibhāvena gahite’’ti attho vutto, taṃ na yujjati ‘‘yasmi’’nti ya-saddena parāmaṭṭhasseva āpattādhikaraṇassa ‘‘tasmi’’nti parāmasitabbato.

    น สกฺกา วตฺตุนฺติ ยทิ สมฺมุติสภาวายปิ อาปตฺติยา อกุสลาทิสมุฎฺฐิตเตฺตน อกุสลาทิโวหาโร กรียติ, ตทา กุสลโวหาโรปิ กตฺตโพฺพติ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ, อญฺญถา อกุสลาทิภาโวปิสฺส ปฎิกฺขิปิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมาติ ยสฺมา กุสลาทีนํ ติณฺณํ สมาเนปิ อาปตฺติยา องฺคปฺปโหนกเตฺต กุสลโวหาโรว อาปตฺติยา ปฎิกฺขิโตฺต, น อกุสลาทิโวหาโร, ตสฺมา นยิทํ องฺคปฺปโหนกํ จิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ อิทํ อาปตฺติยา สมุฎฺฐาปกเตฺตน องฺคปฺปโหนกํ การณภูตํ จิตฺตมตฺตํ สนฺธาย น วุตฺตํ , อญฺญถา ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา กุสล’’นฺติปิ วตฺตพฺพโตติ อธิปฺปาโยฯ เอเตน อาปตฺติยา อกุสลาทิภาโวปิ เกนจิ นิมิเตฺตน ปริยายโตว วุโตฺต, น ปรมตฺถโตติ ทเสฺสติฯ ยถาห ‘‘ยํ กุสลจิเตฺตน อาปชฺชติ, ตํ กุสลํ, อิตเรหิ อิตร’’นฺติฯ

    Na sakkā vattunti yadi sammutisabhāvāyapi āpattiyā akusalādisamuṭṭhitattena akusalādivohāro karīyati, tadā kusalavohāropi kattabboti ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti na sakkā vattuṃ, aññathā akusalādibhāvopissa paṭikkhipitabboti adhippāyo. Tasmāti yasmā kusalādīnaṃ tiṇṇaṃ samānepi āpattiyā aṅgappahonakatte kusalavohārova āpattiyā paṭikkhitto, na akusalādivohāro, tasmā nayidaṃ aṅgappahonakaṃ cittaṃ sandhāya vuttanti ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti idaṃ āpattiyā samuṭṭhāpakattena aṅgappahonakaṃ kāraṇabhūtaṃ cittamattaṃ sandhāya na vuttaṃ , aññathā ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā kusala’’ntipi vattabbatoti adhippāyo. Etena āpattiyā akusalādibhāvopi kenaci nimittena pariyāyatova vutto, na paramatthatoti dasseti. Yathāha ‘‘yaṃ kusalacittena āpajjati, taṃ kusalaṃ, itarehi itara’’nti.

    อิทํ ปนาติอาทีสุ อยํ อธิปฺปาโย – ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติ อิทญฺหิ ยํ กิญฺจิ กทาจิ กตฺถจิ การณํ ภวนฺตํ อนิยตการณํ สนฺธาย วุตฺตํ น โหติฯ ยํ ปน สพฺพสิกฺขาปเทสุ อาปตฺติยา การณํ ภวิตุมรหติ, อิทเมว การณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อกุสลญฺหิ ปณฺณตฺติํ ญตฺวา วีติกฺกมนฺตสฺส สพฺพาปตฺติยา การณํ โหติ, โลกวชฺชาปตฺติยา ปน ปณฺณตฺติํ อชานนฺตสฺสปิ การณํ โหติฯ เกวลํ ปณฺณตฺติวชฺชาปตฺตีสุ กุสลาพฺยากตจิตฺตปวตฺติกฺขเณ เอว อกุสลํ น วตฺตติ, ตทญฺญตฺถ สยเมว ปวตฺตติฯ อพฺยากตํ ปน กายวจีภูตํ กุสลากุสลาทีนํ ปวตฺติกฺขเณ นิโรธสมาปนฺนสฺส สหเสยฺยาปตฺติยนฺติ สพฺพาปตฺติยา องฺคเมว โหติ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ กายวาจงฺควิรหิตตฺตาภาวาฯ ตสฺมา อิเมสํ อกุสลาพฺยากตานํ สพฺพาปตฺติมูลกตฺตเมว สนฺธาย อิทํ อาปตฺติยา อกุสลตฺตํ, อพฺยากตตฺตญฺจ วุตฺตํฯ ยตฺถ ปน ปถวีขณนาทีสุ กุสลมฺปิ อาปตฺติยา การณํ โหติ, ตตฺถาปิ อาปตฺติยา ตทุปจาเรน กุสลตฺตโวหาโร อยุโตฺต สาวชฺชานวชฺชานํ เอกตฺตโวหารสฺส วิรุทฺธตฺตาฯ ยทเคฺคน อญฺญมญฺญํ วิรุทฺธา, ตทเคฺคน การณการิยโวหาโรปิ เนสํ อยุโตฺตฯ ตสฺมา ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลํ อโพฺพหาริกํ, กายวจีทฺวารเมว อาเวณิกํ การณนฺติฯ

    Idaṃ panātiādīsu ayaṃ adhippāyo – ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākata’’nti idañhi yaṃ kiñci kadāci katthaci kāraṇaṃ bhavantaṃ aniyatakāraṇaṃ sandhāya vuttaṃ na hoti. Yaṃ pana sabbasikkhāpadesu āpattiyā kāraṇaṃ bhavitumarahati, idameva kāraṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Akusalañhi paṇṇattiṃ ñatvā vītikkamantassa sabbāpattiyā kāraṇaṃ hoti, lokavajjāpattiyā pana paṇṇattiṃ ajānantassapi kāraṇaṃ hoti. Kevalaṃ paṇṇattivajjāpattīsu kusalābyākatacittapavattikkhaṇe eva akusalaṃ na vattati, tadaññattha sayameva pavattati. Abyākataṃ pana kāyavacībhūtaṃ kusalākusalādīnaṃ pavattikkhaṇe nirodhasamāpannassa sahaseyyāpattiyanti sabbāpattiyā aṅgameva hoti channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ kāyavācaṅgavirahitattābhāvā. Tasmā imesaṃ akusalābyākatānaṃ sabbāpattimūlakattameva sandhāya idaṃ āpattiyā akusalattaṃ, abyākatattañca vuttaṃ. Yattha pana pathavīkhaṇanādīsu kusalampi āpattiyā kāraṇaṃ hoti, tatthāpi āpattiyā tadupacārena kusalattavohāro ayutto sāvajjānavajjānaṃ ekattavohārassa viruddhattā. Yadaggena aññamaññaṃ viruddhā, tadaggena kāraṇakāriyavohāropi nesaṃ ayutto. Tasmā tattha vijjamānampi kusalaṃ abbohārikaṃ, kāyavacīdvārameva āveṇikaṃ kāraṇanti.

    ตตฺถ เอกนฺตโต อกุสลเมวาติ อกุสลจิเตฺตน สมุฎฺฐหนโต การณูปจารโต เอวํ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ โลกวเชฺชฯ วิกโปฺป นตฺถีติ สิยา-สทฺทสฺส วิกปฺปนตฺถตํ ทเสฺสติฯ อกุสลํ โหตีติ อกุสลสมุฎฺฐิตาย การณูปจาเรน อกุสลํ โหติฯ สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชนโต อพฺยากตํ โหตีติ อิตฺถิยาทีหิ สห ปิฎฺฐิปสารณวสปฺปวตฺตกายทฺวารสงฺขาตรูปาพฺยากตวเสเนว อาปชฺชิตพฺพโต การณูปจาเรเนว อาปตฺติ อพฺยากตํ โหติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปณฺณตฺติวชฺชาปตฺตาธิกรเณฯ สญฺจิจฺจาสญฺจิจฺจวเสนาติ ปณฺณตฺติํ ญตฺวา, อญฺญตฺวา จ อาปชฺชนวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ สนฺธาย อกุสลตฺตอพฺยากตตฺตสงฺขาตํ ยถาวุตฺตํ อิมํ วิกปฺปสภาวํ สนฺธาย อิทํ วจนํ วุตฺตํฯ

    Tattha ekantato akusalamevāti akusalacittena samuṭṭhahanato kāraṇūpacārato evaṃ vuttaṃ. Tatthāti lokavajje. Vikappo natthīti siyā-saddassa vikappanatthataṃ dasseti. Akusalaṃ hotīti akusalasamuṭṭhitāya kāraṇūpacārena akusalaṃ hoti. Sahaseyyādivasena āpajjanatoabyākataṃ hotīti itthiyādīhi saha piṭṭhipasāraṇavasappavattakāyadvārasaṅkhātarūpābyākatavaseneva āpajjitabbato kāraṇūpacāreneva āpatti abyākataṃ hoti. Tatthāti tasmiṃ paṇṇattivajjāpattādhikaraṇe. Sañciccāsañciccavasenāti paṇṇattiṃ ñatvā, aññatvā ca āpajjanavasena imaṃ vikappabhāvaṃ sandhāya akusalattaabyākatattasaṅkhātaṃ yathāvuttaṃ imaṃ vikappasabhāvaṃ sandhāya idaṃ vacanaṃ vuttaṃ.

    ยทิ เอวํ อสญฺจิจฺจาปชฺชนปเกฺข กุสเลนาปิ อาปชฺชนโต ตมฺปิ วิกปฺปํ สนฺธาย ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา กุสล’’นฺติปิ กสฺมา น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิฯ ‘‘อจิตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ สมุฎฺฐานวเสน วิภาเวตุํ ‘‘เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฎฺฐานานมฺปี’’ติ วุตฺตํฯ อจิตฺตกสมุฎฺฐานานํ ‘‘กุสลจิตฺตํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ เอเตน สาวชฺชภูตาย อาปตฺติยา การณูปจาเรนาปิ อนวชฺชภูตกุสลโวหาโร อยุโตฺตติ ทเสฺสติฯ ‘‘น จ ตตฺถา’’ติอาทินา กุสลสฺส อาปตฺติยา การณตฺตํ วิชฺชมานมฺปิ ตถา โวหริตุํ อยุตฺตนฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา กายวาจาสงฺขาตํ อพฺยากตเสฺสว การณตฺตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ จลิตปฺปวตฺตานนฺติ จลิตานํ, ปวตฺตานญฺจฯ จลิโต หิ กาโย, ปวตฺตา วาจาฯ เอตฺถ จ กายวาจานมญฺญตรเมว องฺคํฯ ตญฺจ…เป.… อพฺยากตนฺติ เอวํ อพฺยากตสฺส อาปตฺติการณภาเวเนว วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากต’’นฺติ อิทํ การณูปจาเรน ปริยายโต วุตฺตํ, น นิปฺปริยายโตติ สิชฺฌติฯ

    Yadi evaṃ asañciccāpajjanapakkhe kusalenāpi āpajjanato tampi vikappaṃ sandhāya ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā kusala’’ntipi kasmā na vuttanti āha ‘‘sace panā’’tiādi. ‘‘Acittakāna’’nti vuttamevatthaṃ samuṭṭhānavasena vibhāvetuṃ ‘‘eḷakalomapadasodhammādisamuṭṭhānānampī’’ti vuttaṃ. Acittakasamuṭṭhānānaṃ ‘‘kusalacittaṃ āpajjeyyā’’ti etena sāvajjabhūtāya āpattiyā kāraṇūpacārenāpi anavajjabhūtakusalavohāro ayuttoti dasseti. ‘‘Na ca tatthā’’tiādinā kusalassa āpattiyā kāraṇattaṃ vijjamānampi tathā voharituṃ ayuttanti paṭikkhipitvā kāyavācāsaṅkhātaṃ abyākatasseva kāraṇattaṃ dasseti. Tattha calitappavattānanti calitānaṃ, pavattānañca. Calito hi kāyo, pavattā vācā. Ettha ca kāyavācānamaññatarameva aṅgaṃ. Tañca…pe… abyākatanti evaṃ abyākatassa āpattikāraṇabhāveneva vuttattā. ‘‘Āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākata’’nti idaṃ kāraṇūpacārena pariyāyato vuttaṃ, na nippariyāyatoti sijjhati.

    ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. จูฬว. ๓.๒๒๒) อาปตฺติยา นิปฺปริยายโตว อกุสลาทิสภาวตํ สมเตฺถตุํ พหุํ ปปญฺจิตํ, ตํ น สารโต ปเจฺจตพฺพํ ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทฎฺฐกถายเมว ปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ เตเนเวตฺถาปิ ‘‘ยํ จิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ โหตี’’ติอาทินา อกุสลจิตฺตสฺสาปิ อาปตฺติยา การณเตฺตน ภินฺนตาว ทสฺสิตาฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา ทสฺสิตเมวาติ อิธ น วิตฺถารยิมฺหฯ เอวํ วีติกฺกมโต โย วีติกฺกโมติ เอตฺถ อกุสลจิเตฺตน ญตฺวา วีติกฺกมนฺตสฺส กายวจีวีติกฺกมสมุฎฺฐิตา อาปตฺติวีติกฺกโมติ วุโตฺตฯ เอส นโย อพฺยากตวาเรปิฯ

    Yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. cūḷava. 3.222) āpattiyā nippariyāyatova akusalādisabhāvataṃ samatthetuṃ bahuṃ papañcitaṃ, taṃ na sārato paccetabbaṃ duṭṭhadosasikkhāpadaṭṭhakathāyameva paṭikkhittattā. Tenevetthāpi ‘‘yaṃ cittaṃ āpattiyā aṅgaṃ hotī’’tiādinā akusalacittassāpi āpattiyā kāraṇattena bhinnatāva dassitā. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā dassitamevāti idha na vitthārayimha. Evaṃ vītikkamato yo vītikkamoti ettha akusalacittena ñatvā vītikkamantassa kāyavacīvītikkamasamuṭṭhitā āpattivītikkamoti vutto. Esa nayo abyākatavārepi.

    อธิกรณกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Adhikaraṇakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ๘. อธิกรณํ • 8. Adhikaraṇaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อธิกรณกถา • Adhikaraṇakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๘. อธิกรณกถา • 8. Adhikaraṇakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact