Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ๘. อธิกรณํ

    8. Adhikaraṇaṃ

    ๒๑๕. เตน โข ปน สมเยน (ภิกฺขูปิ ภิกฺขูหิ วิวทนฺติ,) 1 ภิกฺขูปิ ภิกฺขุนีหิ วิวทนฺติ, ภิกฺขุนิโยปิ ภิกฺขูหิ วิวทนฺติ, ฉโนฺนปิ ภิกฺขุ ภิกฺขุนีนํ อนุปขชฺช ภิกฺขูหิ สทฺธิํ วิวทติ, ภิกฺขุนีนํ ปกฺขํ คาเหติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉโนฺน ภิกฺขุ ภิกฺขุนีนํ อนุปขชฺช ภิกฺขูหิ สทฺธิํ วิวทิสฺสติ, ภิกฺขุนีนํ ปกฺขํ คาเหสฺสตีติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว…เป.… สจฺจํ ภควา’’ติ…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –

    215. Tena kho pana samayena (bhikkhūpi bhikkhūhi vivadanti,) 2 bhikkhūpi bhikkhunīhi vivadanti, bhikkhuniyopi bhikkhūhi vivadanti, channopi bhikkhu bhikkhunīnaṃ anupakhajja bhikkhūhi saddhiṃ vivadati, bhikkhunīnaṃ pakkhaṃ gāheti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma channo bhikkhu bhikkhunīnaṃ anupakhajja bhikkhūhi saddhiṃ vivadissati, bhikkhunīnaṃ pakkhaṃ gāhessatīti! Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… saccaṃ kira, bhikkhave…pe… saccaṃ bhagavā’’ti…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –

    3 ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อธิกรณานิ – วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณํ 4

    5 ‘‘Cattārimāni, bhikkhave, adhikaraṇāni – vivādādhikaraṇaṃ, anuvādādhikaraṇaṃ, āpattādhikaraṇaṃ, kiccādhikaraṇaṃ 6.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ วิวาทาธิกรณํ 7? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู 8 วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา, วินโยติ วา อวินโยติ วา, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ วา อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ วา, อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา, ปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา อปฺปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา, อาปตฺตีติ วา อนาปตฺตีติ วา , ลหุกา อาปตฺตีติ วา ครุกา อาปตฺตีติ วา, สาวเสสา อาปตฺตีติ วา อนวเสสา อาปตฺตีติ วา, ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา? ยํ ตตฺถ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท นานาวาโท อญฺญถาวาโท วิปจฺจตาย โวหาโร เมธคํ – อิทํ วุจฺจติ วิวาทาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ vivādādhikaraṇaṃ 9? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū 10 vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā, vinayoti vā avinayoti vā, bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatenāti vā abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatenāti vā, āciṇṇaṃ tathāgatenāti vā anāciṇṇaṃ tathāgatenāti vā, paññattaṃ tathāgatenāti vā appaññattaṃ tathāgatenāti vā, āpattīti vā anāpattīti vā , lahukā āpattīti vā garukā āpattīti vā, sāvasesā āpattīti vā anavasesā āpattīti vā, duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā? Yaṃ tattha bhaṇḍanaṃ kalaho viggaho vivādo nānāvādo aññathāvādo vipaccatāya vohāro medhagaṃ – idaṃ vuccati vivādādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อนุวาทาธิกรณํ? 11 อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ สีลวิปตฺติยา วา อาจารวิปตฺติยา วา ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา อาชีววิปตฺติยา วาฯ โย ตตฺถ อนุวาโท อนุวทนา อนุลฺลปนา อนุภณนา อนุสมฺปวงฺกตา อพฺภุสฺสหนตา อนุพลปฺปทานํ – อิทํ วุจฺจติ อนุวาทาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ anuvādādhikaraṇaṃ? 12 Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ anuvadanti sīlavipattiyā vā ācāravipattiyā vā diṭṭhivipattiyā vā ājīvavipattiyā vā. Yo tattha anuvādo anuvadanā anullapanā anubhaṇanā anusampavaṅkatā abbhussahanatā anubalappadānaṃ – idaṃ vuccati anuvādādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อาปตฺตาธิกรณํ? ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ, สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ – อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ ฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ āpattādhikaraṇaṃ? Pañcapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ, sattapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ – idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ .

    ‘‘ตตฺถ กตมํ กิจฺจาธิกรณํ? 13 ยา สงฺฆสฺส กิจฺจยตา, กรณียตา, อปโลกนกมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ – อิทํ วุจฺจติ กิจฺจาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ kiccādhikaraṇaṃ? 14 Yā saṅghassa kiccayatā, karaṇīyatā, apalokanakammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammaṃ – idaṃ vuccati kiccādhikaraṇaṃ.

    ๒๑๖. ‘‘วิวาทาธิกรณสฺส กิํ มูลํ? ฉ วิวาทมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ ตีณิปิ อกุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํ, ตีณิปิ กุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ 15 กตมานิ ฉ วิวาทมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส , สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ…เป.… สเงฺฆปิ…เป.… สิกฺขายปิ น ปริปูรการี, โส สเงฺฆ วิวาทํ ชเนติฯ โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ

    216. ‘‘Vivādādhikaraṇassa kiṃ mūlaṃ? Cha vivādamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ. Tīṇipi akusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ, tīṇipi kusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ. 16 Katamāni cha vivādamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī, so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso , saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi…pe… saṅghepi…pe… sikkhāyapi na paripūrakārī, so saṅghe vivādaṃ janeti. Yo hoti vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa pahānaṃ hoti. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti.

    17 ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี…เป.… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี , สโฐ โหติ มายาวี, ปาปิโจฺฉ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐี, สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ…เป.… สเงฺฆปิ…เป.… สิกฺขายปิ น ปริปูรการี, โส สเงฺฆ วิวาทํ ชเนติฯ โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ อิมานิ ฉ วิวาทมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    18 ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī…pe… issukī hoti maccharī , saṭho hoti māyāvī, pāpiccho hoti micchādiṭṭhī, sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī, so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso, saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi…pe… saṅghepi…pe… sikkhāyapi na paripūrakārī, so saṅghe vivādaṃ janeti. Yo hoti vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa pahānaṃ hoti. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti. Imāni cha vivādamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตมานิ ตีณิ อกุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ลุทฺธจิตฺตา วิวทนฺติ, ทุฎฺฐจิตฺตา วิวทนฺติ, มูฬฺหจิตฺตา วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา, วินโยติ วา อวินโยติ วา, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ วา อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ วา, อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา, ปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา อปฺปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา, อาปตฺตีติ วา อนาปตฺตีติ วา, ลหุกา อาปตฺตีติ วา ครุกา อาปตฺตีติ วา, สาวเสสา อาปตฺตีติ วา อนวเสสา อาปตฺตีติ วา, ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ อิมานิ ตีณิ อกุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamāni tīṇi akusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū luddhacittā vivadanti, duṭṭhacittā vivadanti, mūḷhacittā vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā, vinayoti vā avinayoti vā, bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatenāti vā abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatenāti vā, āciṇṇaṃ tathāgatenāti vā anāciṇṇaṃ tathāgatenāti vā, paññattaṃ tathāgatenāti vā appaññattaṃ tathāgatenāti vā, āpattīti vā anāpattīti vā, lahukā āpattīti vā garukā āpattīti vā, sāvasesā āpattīti vā anavasesā āpattīti vā, duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Imāni tīṇi akusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตมานิ ตีณิ กุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อลุทฺธจิตฺตา วิวทนฺติ, อทุฎฺฐจิตฺตา วิวทนฺติ, อมูฬฺหจิตฺตา วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา…เป.… ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ อิมานิ ตีณิ กุสลมูลานิ วิวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamāni tīṇi kusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū aluddhacittā vivadanti, aduṭṭhacittā vivadanti, amūḷhacittā vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā…pe… duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Imāni tīṇi kusalamūlāni vivādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ๒๑๗. 19 ‘‘อนุวาทาธิกรณสฺส กิํ มูลํ? ฉ อนุวาทมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ ตีณิปิ อกุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ, ตีณิปิ กุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ, กาโยปิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ, วาจาปิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ ‘‘กตมานิ ฉ อนุวาทมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ…เป.… สเงฺฆปิ…เป.… สิกฺขายปิ น ปริปูรการี, โส สเงฺฆ อนุวาทํ ชเนติฯ โย โหติ อนุวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อนุวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อนุวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ

    217.20 ‘‘Anuvādādhikaraṇassa kiṃ mūlaṃ? Cha anuvādamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ. Tīṇipi akusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ, tīṇipi kusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ, kāyopi anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ, vācāpi anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ. ‘‘Katamāni cha anuvādamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī, so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso, saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi…pe… saṅghepi…pe… sikkhāyapi na paripūrakārī, so saṅghe anuvādaṃ janeti. Yo hoti anuvādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, anuvādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa anuvādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, anuvādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa anuvādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa anuvādamūlassa pahānaṃ hoti. Evametassa pāpakassa anuvādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี…เป.… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี, สโฐ โหติ มายาวี, ปาปิโจฺฉ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐี, สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส , ธเมฺมปิ…เป.… สเงฺฆปิ…เป.… สิกฺขายปิ น ปริปูรการี, โส สเงฺฆ อนุวาทํ ชเนติฯ โย โหติ อนุวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อนุวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อนุวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส อายตฺติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส อนุวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ อิมานิ ฉ อนุวาทมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī…pe… issukī hoti maccharī, saṭho hoti māyāvī, pāpiccho hoti micchādiṭṭhī, sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī, so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso, saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sattharipi agāravo viharati appatisso , dhammepi…pe… saṅghepi…pe… sikkhāyapi na paripūrakārī, so saṅghe anuvādaṃ janeti. Yo hoti anuvādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, anuvādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa anuvādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, bhikkhave, anuvādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa anuvādamūlassa āyattiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa anuvādamūlassa pahānaṃ hoti. Evametassa pāpakassa anuvādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti. Imāni cha anuvādamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตมานิ ตีณิ อกุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ ลุทฺธจิตฺตา อนุวทนฺติ, ทุฎฺฐจิตฺตา อนุวทนฺติ, มูฬฺหจิตฺตา อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจารวิปตฺติยา วา, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ อิมานิ ตีณิ อกุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamāni tīṇi akusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ luddhacittā anuvadanti, duṭṭhacittā anuvadanti, mūḷhacittā anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācāravipattiyā vā, diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Imāni tīṇi akusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตมานิ ตีณิ กุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อลุทฺธจิตฺตา อนุวทนฺติ, อทุฎฺฐจิตฺตา อนุวทนฺติ, อมูฬฺหจิตฺตา อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจรวิปตฺติยา วา, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ อิมานิ ตีณิ กุสลมูลานิ อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamāni tīṇi kusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ aluddhacittā anuvadanti, aduṭṭhacittā anuvadanti, amūḷhacittā anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācaravipattiyā vā, diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Imāni tīṇi kusalamūlāni anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตโม กาโย 21 อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิเธกโจฺจ ทุพฺพโณฺณ โหติ, ทุทฺทสฺสิโก, โอโกฎิมโก, พหฺวาพาโธ, กาโณ วา, กุณี วา, ขโญฺช วา, ปกฺขหโต วา, เยน นํ อนุวทนฺติฯ อยํ กาโย อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamo kāyo 22 anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idhekacco dubbaṇṇo hoti, duddassiko, okoṭimako, bahvābādho, kāṇo vā, kuṇī vā, khañjo vā, pakkhahato vā, yena naṃ anuvadanti. Ayaṃ kāyo anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ‘‘กตมา วาจา อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํ? อิเธกโจฺจ ทุพฺพโจ โหติ, มมฺมโน, เอฬคลวาโจ, ยาย นํ อนุวทนฺติฯ อยํ วาจา อนุวาทาธิกรณสฺส มูลํฯ

    ‘‘Katamā vācā anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ? Idhekacco dubbaco hoti, mammano, eḷagalavāco, yāya naṃ anuvadanti. Ayaṃ vācā anuvādādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ๒๑๘. ‘‘อาปตฺตาธิกรณสฺส กิํ มูลํ? ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานา อาปตฺตาธิกรณสฺส มูลํฯ อตฺถาปตฺติ กายโต สมุฎฺฐาติ, น วาจโต, น จิตฺตโตฯ อตฺถาปตฺติ วาจโต สมุฎฺฐาติ, น กายโต, น จิตฺตโตฯ อตฺถาปตฺติ กายโต จ วาจโต จ สมุฎฺฐาติ, น จิตฺตโตฯ อตฺถาปตฺติ กายโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, น วาจโตฯ อตฺถาปตฺติ วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, น กายโตฯ อตฺถาปตฺติ กายโต จ วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ อิเม ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานา อาปตฺตาธิกรณสฺส มูลํฯ

    218. ‘‘Āpattādhikaraṇassa kiṃ mūlaṃ? Cha āpattisamuṭṭhānā āpattādhikaraṇassa mūlaṃ. Atthāpatti kāyato samuṭṭhāti, na vācato, na cittato. Atthāpatti vācato samuṭṭhāti, na kāyato, na cittato. Atthāpatti kāyato ca vācato ca samuṭṭhāti, na cittato. Atthāpatti kāyato ca cittato ca samuṭṭhāti, na vācato. Atthāpatti vācato ca cittato ca samuṭṭhāti, na kāyato. Atthāpatti kāyato ca vācato ca cittato ca samuṭṭhāti. Ime cha āpattisamuṭṭhānā āpattādhikaraṇassa mūlaṃ.

    ๒๑๙. ‘‘กิจฺจาธิกรณสฺส กิํ มูลํ? กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ มูลํ – สโงฺฆฯ

    219. ‘‘Kiccādhikaraṇassa kiṃ mūlaṃ? Kiccādhikaraṇassa ekaṃ mūlaṃ – saṅgho.

    ๒๒๐. ‘‘วิวาทาธิกรณํ กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตํฯ วิวาทาธิกรณํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํฯ ตตฺถ กตมํ วิวาทาธิกรณํ กุสลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู กุสลจิตฺตา วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา…เป.… ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ ยํ ตตฺถ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท นานาวาโท อญฺญถาวาโท วิปจฺจตาย โวหาโร เมธคํ – อิทํ วุจฺจติ วิวาทาธิกรณํ กุสลํฯ

    220. ‘‘Vivādādhikaraṇaṃ kusalaṃ, akusalaṃ, abyākataṃ. Vivādādhikaraṇaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ. Tattha katamaṃ vivādādhikaraṇaṃ kusalaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū kusalacittā vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā…pe… duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Yaṃ tattha bhaṇḍanaṃ kalaho viggaho vivādo nānāvādo aññathāvādo vipaccatāya vohāro medhagaṃ – idaṃ vuccati vivādādhikaraṇaṃ kusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ วิวาทาธิกรณํ อกุสลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อกุสลจิตฺตา วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา…เป.… ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ ยํ ตตฺถ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท นานาวาโท อญฺญถาวาโท วิปจฺจตาย โวหาโร เมธคํ – อิทํ วุจฺจติ วิวาทาธิกรณํ อกุสลํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ vivādādhikaraṇaṃ akusalaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū akusalacittā vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā…pe… duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Yaṃ tattha bhaṇḍanaṃ kalaho viggaho vivādo nānāvādo aññathāvādo vipaccatāya vohāro medhagaṃ – idaṃ vuccati vivādādhikaraṇaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ วิวาทาธิกรณํ อพฺยากตํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อพฺยากตจิตฺตา วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา…เป.… ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ ยํ ตตฺถ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท นานาวาโท อญฺญถาวาโท วิปจฺจตาย โวหาโร เมธคํ – อิทํ วุจฺจติ วิวาทาธิกรณํ อพฺยากตํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ vivādādhikaraṇaṃ abyākataṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū abyākatacittā vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā…pe… duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Yaṃ tattha bhaṇḍanaṃ kalaho viggaho vivādo nānāvādo aññathāvādo vipaccatāya vohāro medhagaṃ – idaṃ vuccati vivādādhikaraṇaṃ abyākataṃ.

    ๒๒๑. ‘‘อนุวาทาธิกรณํ กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตํฯ อนุวาทาธิกรณํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํฯ ตตฺถ กตมํ อนุวาทาธิกรณํ กุสลํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ กุสลจิตฺตา อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจารวิปตฺติยา วา, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ โย ตตฺถ อนุวาโท อนุวทนา อนุลฺลปนา อนุภณนา อนุสมฺปวงฺกตา อพฺภุสฺสหนตา อนุพลปฺปทานํ – อิทํ วุจฺจติ อนุวาทาธิกรณํ กุสลํฯ

    221. ‘‘Anuvādādhikaraṇaṃ kusalaṃ, akusalaṃ, abyākataṃ. Anuvādādhikaraṇaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ. Tattha katamaṃ anuvādādhikaraṇaṃ kusalaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ kusalacittā anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācāravipattiyā vā, diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Yo tattha anuvādo anuvadanā anullapanā anubhaṇanā anusampavaṅkatā abbhussahanatā anubalappadānaṃ – idaṃ vuccati anuvādādhikaraṇaṃ kusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อนุวาทาธิกรณํ อกุสลํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อกุสลจิตฺตา อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจารวิปตฺติยา วา, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ โย ตตฺถ อนุวาโท อนุวทนา อนุลฺลปนา อนุภณนา อนุสมฺปวงฺกตา อพฺภุสฺสหนตา อนุพลปฺปทานํ – อิทํ วุจฺจติ อนุวาทาธิกรณํ อกุสลํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ anuvādādhikaraṇaṃ akusalaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ akusalacittā anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācāravipattiyā vā, diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Yo tattha anuvādo anuvadanā anullapanā anubhaṇanā anusampavaṅkatā abbhussahanatā anubalappadānaṃ – idaṃ vuccati anuvādādhikaraṇaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อนุวาทาธิกรณํ อพฺยากตํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อพฺยากตจิตฺตา อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจารวิปตฺติยา วา, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ โย ตตฺถ อนุวาโท อนุวทนา อนุลฺลปนา อนุภณนา อนุสมฺปวงฺกตา อพฺภุสฺสหนตา อนุพลปฺปทานํ – อิทํ วุจฺจติ อนุวาทาธิกรณํ อพฺยากตํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ anuvādādhikaraṇaṃ abyākataṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ abyākatacittā anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācāravipattiyā vā, diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Yo tattha anuvādo anuvadanā anullapanā anubhaṇanā anusampavaṅkatā abbhussahanatā anubalappadānaṃ – idaṃ vuccati anuvādādhikaraṇaṃ abyākataṃ.

    ๒๒๒. ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ กุสลํ 23, อกุสลํ, อพฺยากตํ? อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ; นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสลํฯ ตตฺถ กตมํ อาปตฺตาธิกรณํ อกุสลํ? ยํ ชานโนฺต สญฺชานโนฺต เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโม – อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ อกุสลํฯ

    222. ‘‘Āpattādhikaraṇaṃ kusalaṃ 24, akusalaṃ, abyākataṃ? Āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ; natthi āpattādhikaraṇaṃ kusalaṃ. Tattha katamaṃ āpattādhikaraṇaṃ akusalaṃ? Yaṃ jānanto sañjānanto cecca abhivitaritvā vītikkamo – idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากตํ? ยํ อชานโนฺต อสญฺชานโนฺต อเจจฺจ อนภิวิตริตฺวา วีติกฺกโม – อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากตํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ āpattādhikaraṇaṃ abyākataṃ? Yaṃ ajānanto asañjānanto acecca anabhivitaritvā vītikkamo – idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ abyākataṃ.

    ๒๒๓. ‘‘กิจฺจาธิกรณํ กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตํ? กิจฺจาธิกรณํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํฯ ตตฺถ กตมํ กิจฺจาธิกรณํ กุสลํ? ยํ สโงฺฆ กุสลจิโตฺต กมฺมํ กโรติ – อปโลกนกมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ – อิทํ วุจฺจติ กิจฺจาธิกรณํ กุสลํฯ

    223. ‘‘Kiccādhikaraṇaṃ kusalaṃ, akusalaṃ, abyākataṃ? Kiccādhikaraṇaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ. Tattha katamaṃ kiccādhikaraṇaṃ kusalaṃ? Yaṃ saṅgho kusalacitto kammaṃ karoti – apalokanakammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammaṃ – idaṃ vuccati kiccādhikaraṇaṃ kusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ กิจฺจาธิกรณํ อกุสลํ? ยํ สโงฺฆ อกุสลจิโตฺต กมฺมํ กโรติ – อปโลกนกมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ – อิทํ วุจฺจติ กิจฺจาธิกรณํ อกุสลํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ kiccādhikaraṇaṃ akusalaṃ? Yaṃ saṅgho akusalacitto kammaṃ karoti – apalokanakammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammaṃ – idaṃ vuccati kiccādhikaraṇaṃ akusalaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ กิจฺจาธิกรณํ อพฺยากตํ? ยํ สโงฺฆ อพฺยากตจิโตฺต กมฺมํ กโรติ – อปโลกนกมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ – อิทํ วุจฺจติ กิจฺจาธิกรณํ อพฺยากตํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ kiccādhikaraṇaṃ abyākataṃ? Yaṃ saṅgho abyākatacitto kammaṃ karoti – apalokanakammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammaṃ – idaṃ vuccati kiccādhikaraṇaṃ abyākataṃ.

    ๒๒๔. 25 ‘‘วิวาโท วิวาทาธิกรณํ, วิวาโท โน อธิกรณํ, อธิกรณํ โน วิวาโท, อธิกรณเญฺจว วิวาโท จฯ สิยา วิวาโท วิวาทาธิกรณํ, สิยา วิวาโท โน อธิกรณํ, สิยา อธิกรณํ โน วิวาโท, สิยา อธิกรณเญฺจว วิวาโท จฯ

    224.26 ‘‘Vivādo vivādādhikaraṇaṃ, vivādo no adhikaraṇaṃ, adhikaraṇaṃ no vivādo, adhikaraṇañceva vivādo ca. Siyā vivādo vivādādhikaraṇaṃ, siyā vivādo no adhikaraṇaṃ, siyā adhikaraṇaṃ no vivādo, siyā adhikaraṇañceva vivādo ca.

    ‘‘ตตฺถ กตโม วิวาโท วิวาทาธิกรณํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา…เป.… ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ ยํ ตตฺถ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท นานาวาโท อญฺญถาวาโท วิปจฺจตาย โวหาโร เมธคํ – อยํ วิวาโท วิวาทาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamo vivādo vivādādhikaraṇaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā…pe… duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā. Yaṃ tattha bhaṇḍanaṃ kalaho viggaho vivādo nānāvādo aññathāvādo vipaccatāya vohāro medhagaṃ – ayaṃ vivādo vivādādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตโม วิวาโท โน อธิกรณํ? มาตาปิ ปุเตฺตน วิวทติ, ปุโตฺตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุเตฺตน วิวทติ, ปุโตฺตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ – อยํ วิวาโท โน อธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamo vivādo no adhikaraṇaṃ? Mātāpi puttena vivadati, puttopi mātarā vivadati, pitāpi puttena vivadati, puttopi pitarā vivadati, bhātāpi bhātarā vivadati, bhātāpi bhaginiyā vivadati, bhaginīpi bhātarā vivadati, sahāyopi sahāyena vivadati – ayaṃ vivādo no adhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณํ โน วิวาโท? อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณํ – อิทํ อธิกรณํ โน วิวาโทฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇaṃ no vivādo? Anuvādādhikaraṇaṃ, āpattādhikaraṇaṃ, kiccādhikaraṇaṃ – idaṃ adhikaraṇaṃ no vivādo.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณเญฺจว วิวาโท จ? วิวาทาธิกรณํ อธิกรณเญฺจว วิวาโท จฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇañceva vivādo ca? Vivādādhikaraṇaṃ adhikaraṇañceva vivādo ca.

    ๒๒๕. 27 ‘‘อนุวาโท อนุวาทาธิกรณํ, อนุวาโท โน อธิกรณํ, อธิกรณํ โน อนุวาโท, อธิกรณเญฺจว อนุวาโท จฯ สิยา อนุวาโท อนุวาทาธิกรณํ, สิยา อนุวาโท โน อธิกรณํ, สิยา อธิกรณํ โน อนุวาโท, สิยา อธิกรณเญฺจว อนุวาโท จฯ

    225.28 ‘‘Anuvādo anuvādādhikaraṇaṃ, anuvādo no adhikaraṇaṃ, adhikaraṇaṃ no anuvādo, adhikaraṇañceva anuvādo ca. Siyā anuvādo anuvādādhikaraṇaṃ, siyā anuvādo no adhikaraṇaṃ, siyā adhikaraṇaṃ no anuvādo, siyā adhikaraṇañceva anuvādo ca.

    ‘‘ตตฺถ กตโม อนุวาโท อนุวาทาธิกรณํ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ – สีลวิปตฺติยา วา, อาจารวิปตฺติยา วา , ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา, อาชีววิปตฺติยา วาฯ โย ตตฺถ อนุวาโท อนุวทนา อนุลฺลปนา อนุภณนา อนุสมฺปวงฺกตา อพฺภุสฺสหนตา อนุพลปฺปทานํ – อยํ อนุวาโท อนุวาทาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamo anuvādo anuvādādhikaraṇaṃ? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ anuvadanti – sīlavipattiyā vā, ācāravipattiyā vā , diṭṭhivipattiyā vā, ājīvavipattiyā vā. Yo tattha anuvādo anuvadanā anullapanā anubhaṇanā anusampavaṅkatā abbhussahanatā anubalappadānaṃ – ayaṃ anuvādo anuvādādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตโม อนุวาโท โน อธิกรณํ? มาตาปิ ปุตฺตํ อนุวทติ, ปุโตฺตปิ มาตรํ อนุวทติ, ปิตาปิ ปุตฺตํ อนุวทติ, ปุโตฺตปิ ปิตรํ อนุวทติ, ภาตาปิ ภาตรํ อนุวทติ, ภาตาปิ ภคินิํ อนุวทติ, ภคินีปิ ภาตรํ อนุวทติ, สหาโยปิ สหายํ อนุวทติ – อยํ อนุวาโท โน อธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamo anuvādo no adhikaraṇaṃ? Mātāpi puttaṃ anuvadati, puttopi mātaraṃ anuvadati, pitāpi puttaṃ anuvadati, puttopi pitaraṃ anuvadati, bhātāpi bhātaraṃ anuvadati, bhātāpi bhaginiṃ anuvadati, bhaginīpi bhātaraṃ anuvadati, sahāyopi sahāyaṃ anuvadati – ayaṃ anuvādo no adhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณํ โน อนุวาโท? อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณํ, วิวาทาธิกรณํ – อิทํ อธิกรณํ โน อนุวาโทฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇaṃ no anuvādo? Āpattādhikaraṇaṃ, kiccādhikaraṇaṃ, vivādādhikaraṇaṃ – idaṃ adhikaraṇaṃ no anuvādo.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณเญฺจว อนุวาโท จ? อนุวาทาธิกรณํ อธิกรณเญฺจว อนุวาโท จฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇañceva anuvādo ca? Anuvādādhikaraṇaṃ adhikaraṇañceva anuvādo ca.

    ๒๒๖. 29 ‘‘อาปตฺติ อาปตฺตาธิกรณํ, อาปตฺติ โน อธิกรณํ, อธิกรณํ โน อาปตฺติ, อธิกรณเญฺจว อาปตฺติ จฯ สิยา อาปตฺติ อาปตฺตาธิกรณํ, สิยา อาปตฺติ โน อธิกรณํ, สิยา อธิกรณํ โน อาปตฺติ, สิยา อธิกรณเญฺจว อาปตฺติ จฯ ‘‘ตตฺถ กตมํ อาปตฺติ อาปตฺตาธิกรณํ? ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ, สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ – อยํ อาปตฺติ อาปตฺตาธิกรณํฯ

    226.30 ‘‘Āpatti āpattādhikaraṇaṃ, āpatti no adhikaraṇaṃ, adhikaraṇaṃ no āpatti, adhikaraṇañceva āpatti ca. Siyā āpatti āpattādhikaraṇaṃ, siyā āpatti no adhikaraṇaṃ, siyā adhikaraṇaṃ no āpatti, siyā adhikaraṇañceva āpatti ca. ‘‘Tattha katamaṃ āpatti āpattādhikaraṇaṃ? Pañcapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ, sattapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ – ayaṃ āpatti āpattādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อาปตฺติ โน อธิกรณํ? โสตาปตฺติ สมาปตฺติ – อยํ อาปตฺติ โน อธิกรณํ ฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ āpatti no adhikaraṇaṃ? Sotāpatti samāpatti – ayaṃ āpatti no adhikaraṇaṃ .

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณํ โน อาปตฺติ? กิจฺจาธิกรณํ, วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ – อิทํ อธิกรณํ โน อาปตฺติฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇaṃ no āpatti? Kiccādhikaraṇaṃ, vivādādhikaraṇaṃ, anuvādādhikaraṇaṃ – idaṃ adhikaraṇaṃ no āpatti.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณเญฺจว อาปตฺติ จ? อาปตฺตาธิกรณํ อธิกรณเญฺจว อาปตฺติ จฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇañceva āpatti ca? Āpattādhikaraṇaṃ adhikaraṇañceva āpatti ca.

    ๒๒๗. 31 ‘‘กิจฺจํ กิจฺจาธิกรณํ, กิจฺจํ โน อธิกรณํ, อธิกรณํ โน กิจฺจํ, อธิกรณเญฺจว กิจฺจญฺจฯ สิยา กิจฺจํ กิจฺจาธิกรณํ, สิยา กิจฺจํ โน อธิกรณํ, สิยา อธิกรณํ โน กิจฺจํ, สิยา อธิกรณเญฺจว กิจฺจญฺจฯ

    227.32 ‘‘Kiccaṃ kiccādhikaraṇaṃ, kiccaṃ no adhikaraṇaṃ, adhikaraṇaṃ no kiccaṃ, adhikaraṇañceva kiccañca. Siyā kiccaṃ kiccādhikaraṇaṃ, siyā kiccaṃ no adhikaraṇaṃ, siyā adhikaraṇaṃ no kiccaṃ, siyā adhikaraṇañceva kiccañca.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ กิจฺจํ กิจฺจาธิกรณํ? ยา สงฺฆสฺส กิจฺจยตา, กรณียตา, อปโลกนกมฺมํ, ญตฺติกมฺมํ, ญตฺติทุติยกมฺมํ, ญตฺติจตุตฺถกมฺมํ – อิทํ กิจฺจํ กิจฺจาธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ kiccaṃ kiccādhikaraṇaṃ? Yā saṅghassa kiccayatā, karaṇīyatā, apalokanakammaṃ, ñattikammaṃ, ñattidutiyakammaṃ, ñatticatutthakammaṃ – idaṃ kiccaṃ kiccādhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ กิจฺจํ โน อธิกรณํ? อาจริยกิจฺจํ, อุปชฺฌายกิจฺจํ, สมานุปชฺฌายกิจฺจํ, สมานาจริยกิจฺจํ – อิทํ กิจฺจํ โน อธิกรณํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ kiccaṃ no adhikaraṇaṃ? Ācariyakiccaṃ, upajjhāyakiccaṃ, samānupajjhāyakiccaṃ, samānācariyakiccaṃ – idaṃ kiccaṃ no adhikaraṇaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณํ โน กิจฺจํ? วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ – อิทํ อธิกรณํ โน กิจฺจํฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇaṃ no kiccaṃ? Vivādādhikaraṇaṃ, anuvādādhikaraṇaṃ, āpattādhikaraṇaṃ – idaṃ adhikaraṇaṃ no kiccaṃ.

    ‘‘ตตฺถ กตมํ อธิกรณเญฺจว กิจฺจญฺจ? กิจฺจาธิกรณํ อธิกรณเญฺจว กิจฺจญฺจฯ

    ‘‘Tattha katamaṃ adhikaraṇañceva kiccañca? Kiccādhikaraṇaṃ adhikaraṇañceva kiccañca.







    Footnotes:
    1. ( ) นตฺถิ (สี. สฺยา. กํ.)
    2. ( ) natthi (sī. syā. kaṃ.)
    3. ปริ. ๒๗๕
    4. กิจฺจาธิกรณญฺจ (ก.)
    5. pari. 275
    6. kiccādhikaraṇañca (ka.)
    7. ปริ. ๓๑๔
    8. ภิกฺขู ภิกฺขุํ (ก.)
    9. pari. 314
    10. bhikkhū bhikkhuṃ (ka.)
    11. ปริ. ๓๑๕
    12. pari. 315
    13. ปริ. ๓๑๗
    14. pari. 317
    15. ปริ. ๒๗๒; อ. นิ. ๒.๓๕-๓๖; ม. นิ. ๓.๔๔
    16. pari. 272; a. ni. 2.35-36; ma. ni. 3.44
    17. ปริ.๒๗๒
    18. pari.272
    19. ปริ. ๒๗๒
    20. pari. 272
    21. กตโม จ กาโย (สฺยา. กํ.)
    22. katamo ca kāyo (syā. kaṃ.)
    23. อิทํ ปทํ เกสุจิ นตฺถิ
    24. idaṃ padaṃ kesuci natthi
    25. ปริ. ๓๕๕
    26. pari. 355
    27. ปริ. ๓๕๖
    28. pari. 356
    29. ปริ. ๓๕๗
    30. pari. 357
    31. ปริ. ๓๕๘
    32. pari. 358



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อธิกรณกถา • Adhikaraṇakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๘. อธิกรณกถา • 8. Adhikaraṇakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact