Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. อธิกรณสมถสุตฺตวณฺณนา
10. Adhikaraṇasamathasuttavaṇṇanā
๘๔. ทสเม อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิฯ เก อธิกรียนฺติ? สมถาฯ กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสนฯ ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิฯ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนานนฺติ อุฎฺฐิตานํ อุฎฺฐิตานํฯ สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํฯ ทีฆนิกาเย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายมฺปิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๓๑) วิตฺถารโตเยวาติ เอตฺถายํ วิตฺถารนโย – อธิกรเณสุ ตาว ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตานํ ภิกฺขูนํ โย วิวาโท, อิทํ วิวาทาธิกรณํ นามฯ สีลวิปตฺติยา วา อาจารทิฎฺฐิอาชีววิปตฺติยา วา อนุวทนฺตานํ โย อนุวาโท อุปวทนา เจว โจทนา จ, อิทํ อนุวาทาธิกรณํ นามฯ มาติกายํ อาคตา ปญฺจ, วิภเงฺค เทฺวติ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา, อิทํ อาปตฺตาธิกรณํ นามฯ ยํ สงฺฆสฺส อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณํ, อิทํ กิจฺจาธิกรณํ นามฯ
84. Dasame adhikarīyanti etthāti adhikaraṇāni. Ke adhikarīyanti? Samathā. Kathaṃ adhikarīyanti? Samanavasena. Tasmā te tesaṃ samanavasena pavattantīti āha ‘‘adhikaraṇāni samentī’’tiādi. Uppannānaṃ uppanānanti uṭṭhitānaṃ uṭṭhitānaṃ. Samathatthanti samanatthaṃ. Dīghanikāye saṅgītisuttavaṇṇanāyampi (dī. ni. aṭṭha. 3.331) vitthāratoyevāti etthāyaṃ vitthāranayo – adhikaraṇesu tāva dhammoti vā adhammoti vā aṭṭhārasahi vatthūhi vivadantānaṃ bhikkhūnaṃ yo vivādo, idaṃ vivādādhikaraṇaṃ nāma. Sīlavipattiyā vā ācāradiṭṭhiājīvavipattiyā vā anuvadantānaṃ yo anuvādo upavadanā ceva codanā ca, idaṃ anuvādādhikaraṇaṃ nāma. Mātikāyaṃ āgatā pañca, vibhaṅge dveti sattapi āpattikkhandhā, idaṃ āpattādhikaraṇaṃ nāma. Yaṃ saṅghassa apalokanādīnaṃ catunnaṃ kammānaṃ karaṇaṃ, idaṃ kiccādhikaraṇaṃ nāma.
ตตฺถ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จฯ สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ ยสฺมิํ วิหาเร อุปฺปนฺนํ ตสฺมิํเยว วา, อญฺญตฺร วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺค วา, ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สเงฺฆน วา, สเงฺฆ วูปสเมตุํ อสโกฺกเนฺต ตเตฺถว อุพฺพาหิกาย สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตํ สมฺมติฯ เอวํ สมฺมมาเน จ ปเนตสฺมิํ ยา สงฺฆสมฺมุขโต ธมฺมสมฺมุขโต วินยสมฺมุขตา ปุคฺคลสมฺมุขตา, อยํ สมฺมุขาวินโย นามฯ ตตฺถ จ การกสงฺฆสฺส สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขิภาโว สงฺฆสมฺมุขตาฯ สเมตพฺพสฺส วตฺถุโน ภูตตฺตา ธมฺมสมฺมุขตาฯ ยถา ตํ สเมตพฺพํ, ตเถวสฺส สมนํ วินยสมฺมุขตาฯ โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, เตสํ อุภินฺนํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ อุพฺพาหิกาย วูปสเม ปเนตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติฯ เอวํ ตาว สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมติฯ
Tattha vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca. Sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yasmiṃ vihāre uppannaṃ tasmiṃyeva vā, aññatra vūpasametuṃ gacchantānaṃ antarāmagge vā, yattha gantvā saṅghassa niyyātitaṃ, tattha saṅghena vā, saṅghe vūpasametuṃ asakkonte tattheva ubbāhikāya sammatapuggalehi vā vinicchitaṃ sammati. Evaṃ sammamāne ca panetasmiṃ yā saṅghasammukhato dhammasammukhato vinayasammukhatā puggalasammukhatā, ayaṃ sammukhāvinayo nāma. Tattha ca kārakasaṅghassa saṅghasāmaggivasena sammukhibhāvo saṅghasammukhatā. Sametabbassa vatthuno bhūtattā dhammasammukhatā. Yathā taṃ sametabbaṃ, tathevassa samanaṃ vinayasammukhatā. Yo ca vivadati, yena ca vivadati, tesaṃ ubhinnaṃ atthapaccatthikānaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā. Ubbāhikāya vūpasame panettha saṅghasammukhatā parihāyati. Evaṃ tāva sammukhāvinayeneva sammati.
สเจ ปเนวมฺปิ น สมฺมติ, อถ นํ อุพฺพาหิกาย สมฺมตา ภิกฺขู ‘‘น มยํ สโกฺกม วูปสเมตุ’’นฺติ สงฺฆเสฺสว นิยฺยาเตนฺติฯ ตโต สโงฺฆ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ สลากคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ, เตน คุฬฺหกวิวฎกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาหเกสุ อญฺญตรวเสน สลากํ คาหาเปตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย ยถา เต ธมฺมวาทิโน วทนฺติ, เอวํ วูปสนฺตํ อธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินโย วุตฺตนโย เอวฯ ยํ ปน เยภุยฺยสิกากมฺมสฺส กรณํ, อยํ เยภุยฺยสิกา นามฯ เอวํ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ
Sace panevampi na sammati, atha naṃ ubbāhikāya sammatā bhikkhū ‘‘na mayaṃ sakkoma vūpasametu’’nti saṅghasseva niyyātenti. Tato saṅgho pañcaṅgasamannāgataṃ bhikkhuṃ salākaggāhāpakaṃ sammannati, tena guḷhakavivaṭakasakaṇṇajappakesu tīsu salākaggāhakesu aññataravasena salākaṃ gāhāpetvā sannipatitāya parisāya dhammavādīnaṃ yebhuyyatāya yathā te dhammavādino vadanti, evaṃ vūpasantaṃ adhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca yebhuyyasikāya ca vūpasantaṃ hoti. Tattha sammukhāvinayo vuttanayo eva. Yaṃ pana yebhuyyasikākammassa karaṇaṃ, ayaṃ yebhuyyasikā nāma. Evaṃ vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati.
อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จฯ สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ โย จ อนุวทติ, ยญฺจ อนุวทติ, เตสํ วจนํ สุตฺวา สเจ กาจิ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, สเจ อตฺถิ อยํ นาเมตฺถ อาปตฺตีติ เอวํ วินิจฺฉิตํ วูปสมฺมติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินยลกฺขณํ วุตฺตนยเมวฯ
Anuvādādhikaraṇaṃ catūhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca sativinayena ca amūḷhavinayena ca tassapāpiyasikāya ca. Sammukhāvinayeneva sammamānaṃ yo ca anuvadati, yañca anuvadati, tesaṃ vacanaṃ sutvā sace kāci āpatti natthi, ubho khamāpetvā, sace atthi ayaṃ nāmettha āpattīti evaṃ vinicchitaṃ vūpasammati. Tattha sammukhāvinayalakkhaṇaṃ vuttanayameva.
ยทา ปน ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตสฺส สติวินยํ ยาจมานสฺส สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน สติวินยํ เทติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติฯ ทิเนฺน ปน สติวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ อนุวาโท น รุหติฯ ยทา อุมฺมตฺตโก ภิกฺขุ อุมฺมาทวเสน กเต อสฺสามณเก อชฺฌาจาเร ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ อาปตฺติ’’นฺติ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโน ‘‘อุมฺมตฺตเกน เม, อาวุโส, เอตํ กตํ, นาหํ ตํ สรามี’’ติ ภณโนฺตปิ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโนว ปุน อโจทนตฺถาย อมูฬฺหวินยํ ยาจติ, สโงฺฆ จสฺส ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อมูฬฺหวินยํ เทติฯ ตทา สมฺมุขาวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติฯ ทิเนฺน ปน อมูฬฺหวินเย ปุน ตสฺมิํ ปุคฺคเล กสฺสจิ ตปฺปจฺจยา อนุวาโท น รุหติฯ ยทา ปน ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา โจทิยมานสฺส อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรโต ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘สจายํ อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสติ, สมฺมา วตฺติตฺวา โอสารณํ ลภิสฺสติฯ สเจ ฉินฺนมูโล, อยเมวสฺส นาสนา ภวิสฺสตี’’ติ มญฺญมาโน สโงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน ตสฺสปาปิยสิกํ กโรติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหตีติฯ เอวํ อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติฯ
Yadā pana khīṇāsavassa bhikkhuno amūlikāya sīlavipattiyā anuddhaṃsitassa sativinayaṃ yācamānassa saṅgho ñatticatutthena kammena sativinayaṃ deti, tadā sammukhāvinayena ca sativinayena ca vūpasantaṃ hoti. Dinne pana sativinaye puna tasmiṃ puggale kassaci anuvādo na ruhati. Yadā ummattako bhikkhu ummādavasena kate assāmaṇake ajjhācāre ‘‘saratāyasmā evarūpiṃ āpatti’’nti bhikkhūhi codiyamāno ‘‘ummattakena me, āvuso, etaṃ kataṃ, nāhaṃ taṃ sarāmī’’ti bhaṇantopi bhikkhūhi codiyamānova puna acodanatthāya amūḷhavinayaṃ yācati, saṅgho cassa ñatticatutthena kammena amūḷhavinayaṃ deti. Tadā sammukhāvinayena ca amūḷhavinayena ca vūpasantaṃ hoti. Dinne pana amūḷhavinaye puna tasmiṃ puggale kassaci tappaccayā anuvādo na ruhati. Yadā pana pārājikena vā pārājikasāmantena vā codiyamānassa aññenaññaṃ paṭicarato pāpussannatāya pāpiyassa puggalassa ‘‘sacāyaṃ acchinnamūlo bhavissati, sammā vattitvā osāraṇaṃ labhissati. Sace chinnamūlo, ayamevassa nāsanā bhavissatī’’ti maññamāno saṅgho ñatticatutthena kammena tassapāpiyasikaṃ karoti, tadā sammukhāvinayena ca tassapāpiyasikāya ca vūpasantaṃ hotīti. Evaṃ anuvādādhikaraṇaṃ catūhi samathehi sammati.
อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ ติณวตฺถารเกน จฯ ตสฺส สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิฯ ยทา ปน เอกสฺส วา ภิกฺขุโน สนฺติเก สงฺฆคณมเชฺฌสุ วา ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺติํ เทเสติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ วูปสมฺมติฯ ตตฺถ สมฺมุขาวินเย ตาว โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, เตสํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขโตฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca tiṇavatthārakena ca. Tassa sammukhāvinayeneva vūpasamo natthi. Yadā pana ekassa vā bhikkhuno santike saṅghagaṇamajjhesu vā bhikkhu lahukaṃ āpattiṃ deseti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca vūpasammati. Tattha sammukhāvinaye tāva yo ca deseti, yassa ca deseti, tesaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhato. Sesaṃ vuttanayameva.
ปุคฺคลสฺส จ คณสฺส จ เทสนากาเล สงฺฆสมฺมุขโต ปริหายติฯ ยํ ปเนตฺถ ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติ จ ‘‘ปสฺสสี’’ติ จ ‘‘อาม, ปสฺสามี’’ติ จ ปฎิญฺญาตาย ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ กรณํ, ตํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ สงฺฆาทิเสเส ปริวาสาทิยาจนา ปฎิญฺญา, ปริวาสาทีนํ ทานํ ปฎิญฺญาตกรณํ นามฯ
Puggalassa ca gaṇassa ca desanākāle saṅghasammukhato parihāyati. Yaṃ panettha ‘‘ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno’’ti ca ‘‘passasī’’ti ca ‘‘āma, passāmī’’ti ca paṭiññātāya ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti karaṇaṃ, taṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma. Saṅghādisese parivāsādiyācanā paṭiññā, parivāsādīnaṃ dānaṃ paṭiññātakaraṇaṃ nāma.
เทฺวปกฺขชาตา ปน ภณฺฑนการกา ภิกฺขู พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจารํ จริตฺวา ปุน ลชฺชิธเมฺม อุปฺปเนฺน ‘‘สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย สํวเตฺตยฺยา’’ติ อญฺญมญฺญํ อาปตฺติยา การาปเน โทสํ ทิสฺวา ยทา ภิกฺขู ติณวตฺถารกกมฺมํ กโรนฺติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จ สมฺมติฯ ตตฺร หิ ยตฺตกา หตฺถปาสูปคตา ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ อกตฺวา ‘‘ทุกฺกฎํ กมฺมํ ปุน กาตพฺพํ กมฺม’’นฺติ น อุโกฺกเฎนฺติ, นิทฺทมฺปิ โอกฺกนฺตา โหนฺติ, สเพฺพสํ ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชญฺจ คิหิปฎิสํยุตฺตญฺจ สพฺพาปตฺติโย วุฎฺฐหนฺติฯ เอวํ อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ
Dvepakkhajātā pana bhaṇḍanakārakā bhikkhū bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhācāraṃ caritvā puna lajjidhamme uppanne ‘‘sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya saṃvatteyyā’’ti aññamaññaṃ āpattiyā kārāpane dosaṃ disvā yadā bhikkhū tiṇavatthārakakammaṃ karonti, tadā āpattādhikaraṇaṃ sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca sammati. Tatra hi yattakā hatthapāsūpagatā ‘‘na metaṃ khamatī’’ti evaṃ diṭṭhāvikammaṃ akatvā ‘‘dukkaṭaṃ kammaṃ puna kātabbaṃ kamma’’nti na ukkoṭenti, niddampi okkantā honti, sabbesaṃ ṭhapetvā thullavajjañca gihipaṭisaṃyuttañca sabbāpattiyo vuṭṭhahanti. Evaṃ āpattādhikaraṇaṃ tīhi samathehi sammati.
กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ สมฺมุขาวินเยเนวฯ อิติ อิมานิ จตฺตาริ อธิกรณานิ ยถานุรูปํ อิเมหิ สตฺตหิ สมเถหิ สมฺมนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ…เป.… ติณวตฺถารโก’’ติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Kiccādhikaraṇaṃ ekena samathena sammati sammukhāvinayeneva. Iti imāni cattāri adhikaraṇāni yathānurūpaṃ imehi sattahi samathehi sammanti. Tena vuttaṃ – ‘‘uppannuppannānaṃ adhikaraṇānaṃ samathāya vūpasamāya sammukhāvinayo dātabbo…pe… tiṇavatthārako’’ti. Sesaṃ sabbattha uttānameva.
อธิกรณสมถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Adhikaraṇasamathasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
วินยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vinayavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฎฺฐกถาย
Iti manorathapūraṇiyā aṅguttaranikāya-aṭṭhakathāya
สตฺตกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตาฯ
Sattakanipātavaṇṇanāya anuttānatthadīpanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. อธิกรณสมถสุตฺตํ • 10. Adhikaraṇasamathasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อธิกรณสมถสุตฺตวณฺณนา • 10. Adhikaraṇasamathasuttavaṇṇanā