Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๒. อธิกรณวคฺควณฺณนา

    2. Adhikaraṇavaggavaṇṇanā

    ๑๑. ทุติยวคฺคสฺส ปฐเม อปฺปฎิสงฺขาเน น กมฺปตีติ ปฎิสงฺขานพลํ, อุปปริกฺขนปญฺญาเยตํ นามํฯ วีริยสีเสน สตฺต โพชฺฌเงฺค ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พลํ ภาวนาพลํฯ วีริยุปตฺถเมฺภน หิ กุสลภาวนา พลวตี ถิรา อุปฺปชฺชติ, ตถา อุปฺปนฺนา พลวตี กุสลภาวนา พลวโนฺต สตฺต โพชฺฌงฺคาติปิ วุจฺจนฺติฯ อตฺถโต วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ ภาวนาพลํ? ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ, อิทํ วุจฺจติ ภาวนาพลํฯ สตฺตปิ โพชฺฌงฺคา ภาวนาพล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๖๑)ฯ

    11. Dutiyavaggassa paṭhame appaṭisaṅkhāne na kampatīti paṭisaṅkhānabalaṃ, upaparikkhanapaññāyetaṃ nāmaṃ. Vīriyasīsena satta bojjhaṅge bhāventassa uppannaṃ balaṃ bhāvanābalaṃ. Vīriyupatthambhena hi kusalabhāvanā balavatī thirā uppajjati, tathā uppannā balavatī kusalabhāvanā balavanto satta bojjhaṅgātipi vuccanti. Atthato vīriyasambojjhaṅgasīsena satta bojjhaṅgā honti. Vuttampi cetaṃ – ‘‘tattha katamaṃ bhāvanābalaṃ? Yā kusalānaṃ dhammānaṃ āsevanā bhāvanā bahulīkammaṃ, idaṃ vuccati bhāvanābalaṃ. Sattapi bojjhaṅgā bhāvanābala’’nti (dha. sa. 1361).

    อกมฺปิยเฎฺฐนาติ ปฎิปเกฺขหิ อกมฺปนียเฎฺฐนฯ ทุรภิภวนเฎฺฐนาติ ทุรภิภวนียเฎฺฐนฯ อนโชฺฌมทฺทนเฎฺฐนาติ อธิภวิตฺวา อนวมทฺทนเฎฺฐนฯ เอตานีติ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ เทฺวปิ พลานิฯ เอตทคฺคํ นาคตนฺติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ พลานํ ยทิทํ ภาวนาพล’’นฺติ เอวเมตฺถ เอตทคฺคํ นาคตนฺติ อโตฺถฯ

    Akampiyaṭṭhenāti paṭipakkhehi akampanīyaṭṭhena. Durabhibhavanaṭṭhenāti durabhibhavanīyaṭṭhena. Anajjhomaddanaṭṭhenāti adhibhavitvā anavamaddanaṭṭhena. Etānīti etāni yathāvuttāni dvepi balāni. Etadaggaṃ nāgatanti ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, dvinnaṃ balānaṃ yadidaṃ bhāvanābala’’nti evamettha etadaggaṃ nāgatanti attho.

    ๑๒. ทุติเย วิเวกํ นิสฺสิตนฺติ วิเวกนิสฺสิตํ, ยถา วา วิเวกวเสน ปวตฺตํ ฌานํ ‘‘วิเวกช’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วิเวกวเสน ปวโตฺต สติสโมฺพชฺฌโงฺค ‘‘วิเวกนิสฺสิโต’’ติ ทฎฺฐโพฺพฯ นิสฺสยโฎฺฐ จ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน มคฺคผลานํ เวทิตโพฺพ, อสติปิ วา ปุพฺพาปรภาเว ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ ปจฺจเยน สมุปฺปาทนํ วิย อวินาภาวิธมฺมพฺยาปารา นิสฺสยนภาวนา สมฺภวนฺตีติฯ ‘‘ตทงฺคสมุเจฺฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วตฺวา ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตสฺส อวจนํ ‘‘สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา อิธ ภาเวตพฺพานํ สโมฺพชฺฌงฺคานํ วุตฺตตฺตาฯ ภาวิตโพชฺฌงฺคสฺส หิ สจฺฉิกาตพฺพา พลโพชฺฌงฺคา, เตสํ กิจฺจํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวโกฯ อชฺฌาสยโตติ ‘‘นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ ปวตฺตอชฺฌาสยโตฯ ยทิปิ หิ วิปสฺสนากฺขเณ สงฺขารารมฺมณํ จิตฺตํ, สงฺขาเรสุ ปน อาทีนวํ ทิสฺวา ตปฺปฎิปเกฺข นิพฺพาเน นินฺนตาย อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิโต โหติ อุณฺหาภิภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สีตนินฺนจิตฺตตา วิยฯ

    12. Dutiye vivekaṃ nissitanti vivekanissitaṃ, yathā vā vivekavasena pavattaṃ jhānaṃ ‘‘vivekaja’’nti vuttaṃ, evaṃ vivekavasena pavatto satisambojjhaṅgo ‘‘vivekanissito’’ti daṭṭhabbo. Nissayaṭṭho ca vipassanāmaggānaṃ vasena maggaphalānaṃ veditabbo, asatipi vā pubbāparabhāve ‘‘paṭiccasamuppādo’’ti ettha paccayena samuppādanaṃ viya avinābhāvidhammabyāpārā nissayanabhāvanā sambhavantīti. ‘‘Tadaṅgasamucchedanissaraṇavivekanissita’’nti vatvā paṭippassaddhivivekanissitassa avacanaṃ ‘‘satisambojjhaṅgaṃ bhāvetī’’tiādinā idha bhāvetabbānaṃ sambojjhaṅgānaṃ vuttattā. Bhāvitabojjhaṅgassa hi sacchikātabbā balabojjhaṅgā, tesaṃ kiccaṃ paṭippassaddhiviveko. Ajjhāsayatoti ‘‘nibbānaṃ sacchikarissāmī’’ti pavattaajjhāsayato. Yadipi hi vipassanākkhaṇe saṅkhārārammaṇaṃ cittaṃ, saṅkhāresu pana ādīnavaṃ disvā tappaṭipakkhe nibbāne ninnatāya ajjhāsayato nissaraṇavivekanissito hoti uṇhābhibhūtassa puggalassa sītaninnacittatā viya.

    ‘‘ปญฺจวิธวิเวกนิสฺสิตมฺปีติ เอเก’’ติ วตฺวา ตตฺถ ยถาวุตฺตวิเวกตฺตยโต อญฺญํ วิเวกทฺวยํ อุทฺธริตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เต หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ฌานกฺขเณ ตาว กิจฺจโต วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ, วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตํ ภาเวตีติ วตฺตพฺพํ ‘‘เอวาหํ อนุตฺตรํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ ตตฺถ นินฺนชฺฌาสยตายฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา เตสํ มเตนา’’ติอาทิฯ เหฎฺฐา กสิณชฺฌานคฺคหเณน อารุปฺปานมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ, ตสฺมา ‘‘เอเตสํ ฌานาน’’นฺติ อิมินาปิ เตสํ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา ปหานวินโย วิย วิราคนิโรธาปิ อิธาธิเปฺปตวิเวเกน อตฺถโต นิพฺพิสิฎฺฐา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอส นโย วิราคนิสฺสิตนฺติอาทีสู’’ติฯ เตนาห ‘‘วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย’’ติฯ

    ‘‘Pañcavidhavivekanissitampīti eke’’ti vatvā tattha yathāvuttavivekattayato aññaṃ vivekadvayaṃ uddharitvā dassetuṃ ‘‘te hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha jhānakkhaṇe tāva kiccato vikkhambhanavivekanissitaṃ, vipassanākkhaṇe ajjhāsayato paṭippassaddhivivekanissitaṃ bhāvetīti vattabbaṃ ‘‘evāhaṃ anuttaraṃ vimokkhaṃ upasampajja viharissāmī’’ti tattha ninnajjhāsayatāya. Tenāha ‘‘tasmā tesaṃ matenā’’tiādi. Heṭṭhā kasiṇajjhānaggahaṇena āruppānampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ, tasmā ‘‘etesaṃ jhānāna’’nti imināpi tesaṃ saṅgaho veditabbo. Yasmā pahānavinayo viya virāganirodhāpi idhādhippetavivekena atthato nibbisiṭṭhā, tasmā vuttaṃ ‘‘esa nayo virāganissitantiādīsū’’ti. Tenāha ‘‘vivekatthā eva hi virāgādayo’’ti.

    โวสฺสคฺค-สโทฺท ปริจฺจาคโตฺถ ปกฺขนฺทนโตฺถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตาฯ โวสฺสชฺชนญฺหิ ปหานํ วิสฺสฎฺฐภาเวน นิโรธนปกฺขนฺทนมฺปิ จ ฯ ตสฺมา วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน มคฺคกฺขเณ สมุเจฺฉทวเสน ปฎิปกฺขสฺส ปหานํ โวสฺสโคฺค, ตถา วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรเณน วิสฺสฎฺฐสภาวตา โวสฺสโคฺคติ เวทิตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค’’ติอาทิฯ อยํ สติสโมฺพชฺฌโงฺคติ อยํ มิสฺสกวเสน วุโตฺต สติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ยถาวุเตฺตน ปกาเรนาติ ตทงฺคปฺปหานสมุเจฺฉทปฺปหานปฺปกาเรน ตนฺนินฺนตทารมฺมณปฺปกาเรน จฯ ปุเพฺพ โวสฺสคฺควจนเสฺสว อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สกเลน วจเนนา’’ติฯ ปริณมนฺตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺคตนฺนินฺนปฺปกาเรน ปริณมนฺตํฯ ปริณตนฺติ มคฺคกฺขเณ สมุเจฺฉทตทารมฺมณปฺปกาเรน ปริณตํฯ ปริณาโม นาม อิธ ปริปาโกติ อาห ‘‘ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกญฺจา’’ติฯ ปริปาโก จ อาเสวนลาเภน ลทฺธสามตฺถิยสฺส กิเลเส ปริจฺจชิตุํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทิตุํ ติกฺขวิสทภาโวฯ เตนาห ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิฯ เอส นโยติ ยฺวายํ นโย ‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา สติสโมฺพชฺฌเงฺค วุโตฺต, เสเสสุ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอเสว นโย, เอวํ ตตฺถ เนตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    Vossagga-saddo pariccāgattho pakkhandanattho cāti vossaggassa duvidhatā vuttā. Vossajjanañhi pahānaṃ vissaṭṭhabhāvena nirodhanapakkhandanampi ca . Tasmā vipassanākkhaṇe tadaṅgavasena maggakkhaṇe samucchedavasena paṭipakkhassa pahānaṃ vossaggo, tathā vipassanākkhaṇe tanninnabhāvena, maggakkhaṇe ārammaṇakaraṇena vissaṭṭhasabhāvatā vossaggoti veditabbaṃ. Tenevāha ‘‘tattha pariccāgavossaggo’’tiādi. Ayaṃ satisambojjhaṅgoti ayaṃ missakavasena vutto satisambojjhaṅgo. Yathāvuttena pakārenāti tadaṅgappahānasamucchedappahānappakārena tanninnatadārammaṇappakārena ca. Pubbe vossaggavacanasseva atthassa vuttattā āha ‘‘sakalena vacanenā’’ti. Pariṇamantanti vipassanākkhaṇe tadaṅgatanninnappakārena pariṇamantaṃ. Pariṇatanti maggakkhaṇe samucchedatadārammaṇappakārena pariṇataṃ. Pariṇāmo nāma idha paripākoti āha ‘‘paripaccantaṃ paripakkañcā’’ti. Paripāko ca āsevanalābhena laddhasāmatthiyassa kilese pariccajituṃ nibbānaṃ pakkhandituṃ tikkhavisadabhāvo. Tenāha ‘‘ayañhī’’tiādi. Esa nayoti yvāyaṃ nayo ‘‘vivekanissita’’ntiādinā satisambojjhaṅge vutto, sesesu dhammavicayasambojjhaṅgādīsupi eseva nayo, evaṃ tattha netabbanti attho.

    ‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทีสุ ลพฺภมานมตฺถํ สามญฺญโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ อิธาธิเปฺปตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพสงฺขเตหีติ สเพฺพหิ ปจฺจยสมุปฺปนฺนธเมฺมหิฯ สเพฺพสนฺติ สงฺขตธมฺมานํฯ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวาติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวาฯ ตญฺจ โขติ ตเทว สติสโมฺพชฺฌงฺคํฯ

    ‘‘Vivekanissita’’ntiādīsu labbhamānamatthaṃ sāmaññato dassetvā idāni idhādhippetamatthaṃ dassento ‘‘idha panā’’tiādimāha. Tattha sabbasaṅkhatehīti sabbehi paccayasamuppannadhammehi. Sabbesanti saṅkhatadhammānaṃ. Vivekaṃ ārammaṇaṃ katvāti nibbānasaṅkhātaṃ vivekaṃ ārammaṇaṃ katvā. Tañca khoti tadeva satisambojjhaṅgaṃ.

    ๑๓. ตติเย จิเตฺตกคฺคตฺถายาติ จิตฺตสมาธานตฺถาย, ทิฎฺฐธเมฺม สุขวิหารายาติ อโตฺถฯ จิเตฺตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร วุโตฺตฯ สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวานํ วเสน เหตํ วุตฺตํฯ เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ อิเจฺจว กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตนฺติฯ วิปสฺสนาปาทกตฺถายาติอาทีสุ ปน เสกฺขปุถุชฺชนา ‘‘สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย สมาหิเตน จิเตฺตน วิปสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺตา วิปสฺสนาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติฯ

    13. Tatiye cittekaggatthāyāti cittasamādhānatthāya, diṭṭhadhamme sukhavihārāyāti attho. Cittekaggatāsīsena hi diṭṭhadhammasukhavihāro vutto. Sukkhavipassakakhīṇāsavānaṃ vasena hetaṃ vuttaṃ. Te hi samāpajjitvā ‘‘ekaggacittā sukhaṃ divasaṃ viharissāmā’’ti icceva kasiṇaparikammaṃ katvā aṭṭha samāpattiyo nibbattenti. Vipassanāpādakatthāyātiādīsu pana sekkhaputhujjanā ‘‘samāpattito vuṭṭhāya samāhitena cittena vipassāmā’’ti nibbattentā vipassanāpādakatthāya bhāventi.

    เย ปน อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔, ๘๔๒) วุตฺตนยา อภิญฺญาโย ปเตฺถนฺตา นิพฺพเตฺตนฺติ, เต อภิญฺญาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติฯ เย อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘สตฺตาหํ อจิตฺตา หุตฺวา ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺติ, เต นิโรธปาทกตฺถาย ภาเวนฺติฯ เย ปน อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพเตฺตนฺติ, เต ภววิเสสตฺถาย ภาเวนฺติฯ

    Ye pana aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā abhiññāpādakajjhānaṃ samāpajjitvā samāpattito vuṭṭhāya ‘‘ekopi hutvā bahudhā hotī’’ti (dī. ni. 1.238; ma. ni. 1.147; saṃ. ni. 2.70; 5.834, 842) vuttanayā abhiññāyo patthentā nibbattenti, te abhiññāpādakatthāya bhāventi. Ye aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā nirodhasamāpattiṃ samāpajjitvā ‘‘sattāhaṃ acittā hutvā diṭṭheva dhamme nirodhaṃ nibbānaṃ patvā sukhaṃ viharissāmā’’ti nibbattenti, te nirodhapādakatthāya bhāventi. Ye pana aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā ‘‘aparihīnajjhānā brahmaloke uppajjissāmā’’ti nibbattenti, te bhavavisesatthāya bhāventi.

    ยุตฺตํ ตาว จิเตฺตกคฺคตาย ภววิเสสตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตฺถตาปิ จตุกฺกชฺฌานสาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิญฺญาปาทกตฺถตา ปน นิโรธปาทกตฺถตา จ จตุตฺถเสฺสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุกฺกชฺฌานสาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฎฺฐานภาวโตฯ ปทฎฺฐานปทฎฺฐานมฺปิ หิ ปทฎฺฐานนฺติ วุจฺจติ การณการณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติฯ

    Yuttaṃ tāva cittekaggatāya bhavavisesatthatā viya vipassanāpādakatthatāpi catukkajjhānasādhāraṇāti tesaṃ vasena ‘‘cattāri jhānānī’’ti vacanaṃ, abhiññāpādakatthatā pana nirodhapādakatthatā ca catutthasseva jhānassa āveṇikā, sā kathaṃ catukkajjhānasādhāraṇā vuttāti? Paramparādhiṭṭhānabhāvato. Padaṭṭhānapadaṭṭhānampi hi padaṭṭhānanti vuccati kāraṇakāraṇanti yathā ‘‘tiṇehi bhattaṃ siddha’’nti.

    ๑๔. จตุเตฺถ สสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหตีติ ปถวิชิคุจฺฉนสสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหติฯ ตตฺถายํ อตฺถสลฺลาปิกา อุปมา – ปถวี กิร สสกํ อาห – ‘‘เห สสกา’’ติฯ สสโก อาห – ‘‘โก เอโส’’ติฯ กสฺมา มเมว อุปริ สพฺพอิริยาปเถ กเปฺปโนฺต อุจฺจารปสฺสาวํ กโรโนฺต มํ น ชานาสีติ? สุฎฺฐุ ตยา อหํ ทิโฎฺฐ, มยา อกฺกนฺตฎฺฐานญฺหิ องฺคุลเคฺคหิ ผุฎฺฐฎฺฐานํ วิย โหติ, วิสฺสฎฺฐอุทกํ อปฺปมตฺตกํ, กรีสํ กฎกผลมตฺตํ, หตฺถิอสฺสาทีหิ ปน อกฺกนฺตฎฺฐานมฺปิ มหนฺตํ, ปสฺสาโวปิ เนสํ ฆฎมโตฺต, อุจฺจาโรปิ ปจฺฉิมโตฺต โหติ, อลํ มยฺหํ ตยาติ อุปฺปติตฺวา อญฺญสฺมิํ ฐาเน ปติโตฯ ตโต นํ ปถวี อาห – ‘‘อโห ทูรํ คโตปิ นนุ มยฺหํเยว อุปริ ปติโตสี’’ติ? โส ปุน ตํ ชิคุจฺฉโนฺต อุปฺปติตฺวา อญฺญตฺถ ปติโตฯ เอวํ วสฺสสหสฺสมฺปิ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา ปตมาโน สสโก เนว ปถวิยา อนฺตํ ปาปุณิตุํ สโกฺกติฯ น โกฎินฺติ น ปุพฺพโกฎิํฯ อิตเรสนฺติ วิปญฺจิตญฺญุเนยฺยปทปรมานํฯ

    14. Catutthe sasakassa uppatanaṃ viya hotīti pathavijigucchanasasakassa uppatanaṃ viya hoti. Tatthāyaṃ atthasallāpikā upamā – pathavī kira sasakaṃ āha – ‘‘he sasakā’’ti. Sasako āha – ‘‘ko eso’’ti. Kasmā mameva upari sabbairiyāpathe kappento uccārapassāvaṃ karonto maṃ na jānāsīti? Suṭṭhu tayā ahaṃ diṭṭho, mayā akkantaṭṭhānañhi aṅgulaggehi phuṭṭhaṭṭhānaṃ viya hoti, vissaṭṭhaudakaṃ appamattakaṃ, karīsaṃ kaṭakaphalamattaṃ, hatthiassādīhi pana akkantaṭṭhānampi mahantaṃ, passāvopi nesaṃ ghaṭamatto, uccāropi pacchimatto hoti, alaṃ mayhaṃ tayāti uppatitvā aññasmiṃ ṭhāne patito. Tato naṃ pathavī āha – ‘‘aho dūraṃ gatopi nanu mayhaṃyeva upari patitosī’’ti? So puna taṃ jigucchanto uppatitvā aññattha patito. Evaṃ vassasahassampi uppatitvā uppatitvā patamāno sasako neva pathaviyā antaṃ pāpuṇituṃ sakkoti. Na koṭinti na pubbakoṭiṃ. Itaresanti vipañcitaññuneyyapadaparamānaṃ.

    ๑๕. ปญฺจเม สมเถหิ อธิกรียติ วูปสมฺมตีติ อธิกรณํ, อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน วิวาโทเยว วิวาทาธิกรณํฯ ‘‘อิธ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ สีลวิปตฺติยา วา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๑๕) จตโสฺส วิปตฺติโย นิสฺสาย อุปฺปโนฺน อนุวาโทเยว อนุวาทาธิกรณํฯ ปญฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํฯ ‘‘สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) วจนโต อาปตฺติเยว อาปตฺตาธิกรณํฯ ‘‘ยา สงฺฆสฺส กิจฺจยตา กรณียตา อปโลกนกมฺมํ ญตฺติกมฺมํ ญตฺติทุติยกมฺมํ ญตฺติจตุตฺถกมฺม’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) เอวมาคตํ จตุพฺพิธํ สงฺฆกิจฺจํ กิจฺจาธิกรณนฺติ เวทิตพฺพํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    15. Pañcame samathehi adhikarīyati vūpasammatīti adhikaraṇaṃ, aṭṭhārasa bhedakaravatthūni nissāya uppanno vivādoyeva vivādādhikaraṇaṃ. ‘‘Idha bhikkhū bhikkhuṃ anuvadanti sīlavipattiyā vā’’tiādinā (cūḷava. 215) catasso vipattiyo nissāya uppanno anuvādoyeva anuvādādhikaraṇaṃ. Pañcapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇaṃ. ‘‘Sattapi āpattikkhandhā āpattādhikaraṇa’’nti (cūḷava. 215) vacanato āpattiyeva āpattādhikaraṇaṃ. ‘‘Yā saṅghassa kiccayatā karaṇīyatā apalokanakammaṃ ñattikammaṃ ñattidutiyakammaṃ ñatticatutthakamma’’nti (cūḷava. 215) evamāgataṃ catubbidhaṃ saṅghakiccaṃ kiccādhikaraṇanti veditabbaṃ. Sesamettha uttānameva.

    ๑๖. ฉเฎฺฐ อปากฎนาโมติ ‘‘เสโล, กูฎทโนฺต’’ติอาทินา อนภิญฺญาโตฯ เยน วา การเณนาติ เหตุมฺหิ อิทํ กรณวจนํฯ เหตุอโตฺถ หิ กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยโตฺถ, ตสฺมา นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมตฺถา อิธ อุปสงฺกมนกิริยาติ ‘‘อเนฺนน วสติ, อเชฺฌเนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺถเมเวตํ กรณวจนํ ยุตฺตํ, น กรณตฺถํ ตสฺส อยุชฺชมานตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เยน วา การเณนา’’ติฯ อวิภาคโต สตตํ ปวตฺติตนิรติสยสาทุวิปุลามตรสสทฺธมฺมผลตาย สาทุผลนิจฺจผลิตมหารุเกฺขน ภควา อุปมิโตฯ สาทุผลูปโภคาธิปฺปายคฺคหเณเนว หิ รุกฺขสฺส สาทุผลตา คหิตาติฯ อุปสงฺกมีติ อุปสงฺกโนฺตฯ สมฺปตฺตกามตาย หิ กิญฺจิ ฐานํ คจฺฉโนฺต ตํตํปเทสาติกฺกมเนน อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกโนฺตติ จ วตฺตพฺพตํ ลภติฯ เตนาห ‘‘คโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, อุปคโตติ อโตฺถฯ อุปสงฺกมิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิเทฺทโสติ อาห ‘‘อุปสงฺกมนปริโยสานทีปน’’นฺติฯ ตโตติ ยํ ฐานํ ปโตฺต ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วุโตฺต, ตโต อุปคตฎฺฐานโตฯ

    16. Chaṭṭhe apākaṭanāmoti ‘‘selo, kūṭadanto’’tiādinā anabhiññāto. Yena vā kāraṇenāti hetumhi idaṃ karaṇavacanaṃ. Hetuattho hi kiriyākāraṇaṃ, na karaṇaṃ viya kiriyattho, tasmā nānappakāraguṇavisesādhigamatthā idha upasaṅkamanakiriyāti ‘‘annena vasati, ajjhenena vasatī’’tiādīsu viya hetuatthamevetaṃ karaṇavacanaṃ yuttaṃ, na karaṇatthaṃ tassa ayujjamānattāti vuttaṃ ‘‘yena vā kāraṇenā’’ti. Avibhāgato satataṃ pavattitaniratisayasāduvipulāmatarasasaddhammaphalatāya sāduphalaniccaphalitamahārukkhena bhagavā upamito. Sāduphalūpabhogādhippāyaggahaṇeneva hi rukkhassa sāduphalatā gahitāti. Upasaṅkamīti upasaṅkanto. Sampattakāmatāya hi kiñci ṭhānaṃ gacchanto taṃtaṃpadesātikkamanena upasaṅkami, upasaṅkantoti ca vattabbataṃ labhati. Tenāha ‘‘gatoti vuttaṃ hotī’’ti, upagatoti attho. Upasaṅkamitvāti pubbakālakiriyāniddesoti āha ‘‘upasaṅkamanapariyosānadīpana’’nti. Tatoti yaṃ ṭhānaṃ patto ‘‘upasaṅkamī’’ti vutto, tato upagataṭṭhānato.

    ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉโนฺตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต, พฺราหฺมณ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉโนฺต เตน พฺราหฺมเณน สทฺธิํ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย, เอวํ โสปิ พฺราหฺมโณ ตทนุกรเณน ภควตา สทฺธิํ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนาฯ ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทเสฺสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สโมฺมทิตนฺติ สํสนฺทิตํฯ เอกีภาวนฺติ สโมฺมทนกิริยาย สมานตํฯ ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉติฯ ยาปนียนฺติ อาหาราทิปฺปฎิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํฯ สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํฯ ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํฯ ตํตํกิจฺจกรเณ อุฎฺฐานสุขตาย กจฺจิ ลหุฎฺฐานํฯ ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ ฯ สุขวิหารสมฺภเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Yathā khamanīyādīni pucchantoti yathā bhagavā ‘‘kacci te, brāhmaṇa, khamanīyaṃ, kacci yāpanīya’’ntiādinā khamanīyādīni pucchanto tena brāhmaṇena saddhiṃ samappavattamodo ahosi pubbabhāsitāya, evaṃ sopi brāhmaṇo tadanukaraṇena bhagavatā saddhiṃ samappavattamodo ahosīti yojanā. Taṃ pana samappavattamodataṃ upamāya dassetuṃ ‘‘sītodakaṃ viyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sammoditanti saṃsanditaṃ. Ekībhāvanti sammodanakiriyāya samānataṃ. Khamanīyanti ‘‘idaṃ catucakkaṃ navadvāraṃ sarīrayantaṃ dukkhabahulatāya sabhāvato dussahaṃ, kacci khamituṃ sakkuṇeyya’’nti pucchati. Yāpanīyanti āhārādippaṭibaddhavuttikaṃ cirappabandhasaṅkhātāya yāpanāya kacci yāpetuṃ sakkuṇeyyaṃ. Sīsarogādiābādhābhāvena kacci appābādhaṃ. Dukkhajīvikābhāvena kacci appātaṅkaṃ. Taṃtaṃkiccakaraṇe uṭṭhānasukhatāya kacci lahuṭṭhānaṃ. Tadanurūpabalayogato kacci balaṃ. Sukhavihārasambhavena kacci phāsuvihāro atthīti sabbattha kacci-saddaṃ yojetvā attho veditabbo.

    พลปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยวฯ ตรุณปีติ ปาโมชฺชํฯ สโมฺมทํ ชเนติ กโรตีติ สโมฺมทนีกํ, ตเทว สโมฺมทนียํฯ สโมฺมทิตพฺพโต สโมฺมทนียนฺติ อิมํ ปน อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘สโมฺมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาหฯ สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโตฯ ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตเพฺพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํฯ สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถคตมธุรตํ อาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํฯ พฺยญฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาหฯ อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํฯ อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิฯ

    Balappattā pīti pītiyeva. Taruṇapīti pāmojjaṃ. Sammodaṃ janeti karotīti sammodanīkaṃ, tadeva sammodanīyaṃ. Sammoditabbato sammodanīyanti imaṃ pana atthaṃ dassetuṃ ‘‘sammodituṃ yuttabhāvato’’ti āha. Saritabbabhāvatoti anussaritabbabhāvato. ‘‘Saraṇīya’’nti vattabbe dīghaṃ katvā ‘‘sāraṇīya’’nti vuttaṃ. Suyyamānasukhatoti āpāthagatamadhurataṃ āha, anussariyamānasukhatoti vimaddaramaṇīyataṃ. Byañjanaparisuddhatāyāti sabhāvaniruttibhāvena tassā kathāya vacanacāturiyamāha. Atthaparisuddhatāyāti atthassa nirupakkilesataṃ. Anekehi pariyāyehīti anekehi kāraṇehi.

    อติทูรอจฺจาสนฺนปฺปฎิเกฺขเปน นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถาสงฺฆฎฺฎเนน ทฎฺฐพฺพํฯ คีวํ ปสาเรตฺวาติ คีวํ ปริวฎฺฎนวเสน ปสาเรตฺวาฯ

    Atidūraaccāsannappaṭikkhepena nātidūraṃ naccāsannaṃ nāma gahitaṃ, taṃ pana avakaṃsato ubhinnaṃ pasāritahatthāsaṅghaṭṭanena daṭṭhabbaṃ. Gīvaṃ pasāretvāti gīvaṃ parivaṭṭanavasena pasāretvā.

    เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตู’’ติอาทิปุจฺฉาวจนํ อโวจฯ เตเนว ‘‘เอตทโวจา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ทุวิธา หิ ปุจฺฉาติอาทินา ปุจฺฉาวิภาคํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อคาเร นิยุโตฺต อคาริโก, ตสฺส ปุจฺฉา อคาริกปุจฺฉาฯ อคาริกโต อโญฺญ อนคาริโก ปพฺพชฺชูปคโต, ตสฺส ปุจฺฉา อนคาริกปุจฺฉาฯ กิญฺจาปิ อญฺญตฺถ ‘‘ชนโก เหตุ, ปคฺคาหโก ปจฺจโยฯ อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยฯ สภาโค เหตุ, อสภาโค ปจฺจโยฯ ปุพฺพกาลิโก เหตุ, สหปวโตฺต ปจฺจโย’’ติอาทินา เหตุปจฺจยา วิภชฺช วุจฺจนฺติฯ อิธ ปน ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขเว, มหาภูตา เหตุ จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) วิย เหตุปจฺจยสทฺทา สมานตฺถาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุภยเมฺปตํ การณเววจนเมวา’’ติ อาหฯ วิสมจริยาติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสฯ

    Etadavocāti etaṃ ‘‘ko nu kho, bhante, hetū’’tiādipucchāvacanaṃ avoca. Teneva ‘‘etadavocā’’ti padaṃ uddharitvā duvidhā hi pucchātiādinā pucchāvibhāgaṃ dasseti. Tattha agāre niyutto agāriko, tassa pucchā agārikapucchā. Agārikato añño anagāriko pabbajjūpagato, tassa pucchā anagārikapucchā. Kiñcāpi aññattha ‘‘janako hetu, paggāhako paccayo. Asādhāraṇo hetu, sādhāraṇo paccayo. Sabhāgo hetu, asabhāgo paccayo. Pubbakāliko hetu, sahapavatto paccayo’’tiādinā hetupaccayā vibhajja vuccanti. Idha pana ‘‘cattāro kho, bhikkhave, mahābhūtā hetu cattāro mahābhūtā paccayo rūpakkhandhassa paññāpanāyā’’tiādīsu (ma. ni. 3.86) viya hetupaccayasaddā samānatthāti dassento ‘‘ubhayampetaṃ kāraṇavevacanamevā’’ti āha. Visamacariyāti bhāvanapuṃsakaniddeso.

    อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อโตฺถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติฯ ตถา หิ ‘‘นิกฺขโนฺต ปฐโม ยาโม’’ติ อุปริ วุตฺตํฯ อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติฯ โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม? เมติ มมฯ ปาทานีติ ปาเทฯ อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยาฯ ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน ปริเจฺฉเทน จฯ ชลนฺติ วิโชฺชตมาโนฯ อภิกฺกเนฺตนาติ อติวิย กเนฺตน กมนีเยน อภิรูเปนฯ วเณฺณนาติ ฉวิวเณฺณน สรีรวณฺณนิภายฯ สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทส ทิสา ปภาเสโนฺต, จโนฺท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรโนฺตติ คาถาย อโตฺถฯ อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเปฯ

    Abhikkantāti atikkantā, vigatāti atthoti āha ‘‘khaye dissatī’’ti. Tathā hi ‘‘nikkhanto paṭhamo yāmo’’ti upari vuttaṃ. Abhikkantataroti ativiya kantataro manoramo, tādiso ca sundaro bhaddako nāma hotīti āha ‘‘sundare dissatī’’ti. Koti devanāgayakkhagandhabbādīsu ko katamo? Meti mama. Pādānīti pāde. Iddhiyāti imāya evarūpāya deviddhiyā. Yasasāti iminā edisena parivārena paricchedena ca. Jalanti vijjotamāno. Abhikkantenāti ativiya kantena kamanīyena abhirūpena. Vaṇṇenāti chavivaṇṇena sarīravaṇṇanibhāya. Sabbā obhāsayaṃ disāti dasa disā pabhāsento, cando viya sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekālokaṃ karontoti gāthāya attho. Abhirūpeti uḷārarūpe sampannarūpe.

    ‘‘โจโร, โจโร; สโปฺป, สโปฺป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํฯ ‘‘วิชฺฌ, วิชฺฌ; ปหร, ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธฯ ‘‘สาธุ, สาธู’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓๒๗.สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํฯ ‘‘คจฺฉ, คจฺฉ; ลุนาหิ, ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเตฯ ‘‘อาคจฺฉ, อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเลฯ ‘‘พุโทฺธ, พุโทฺธติ จิเนฺตโนฺต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเรฯ ‘‘อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, อภิกฺกมถายสฺมโนฺต’’ติอาทีสุ หาเสฯ ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๕๓; สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเกฯ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท-สโทฺท อวุตฺตสมุจฺจยโตฺตฯ เตน ครหาอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺถ ‘‘ปาโป, ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํฯ ‘‘อภิรูปก, อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฎฺฐพฺพํฯ

    ‘‘Coro, coro; sappo, sappo’’tiādīsu bhaye āmeḍitaṃ. ‘‘Vijjha, vijjha; pahara, paharā’’tiādīsu kodhe. ‘‘Sādhu, sādhū’’tiādīsu (ma. ni. 327.saṃ. ni. 2.127; 3.35; 5.1085) pasaṃsāyaṃ. ‘‘Gaccha, gaccha; lunāhi, lunāhī’’tiādīsu turite. ‘‘Āgaccha, āgacchā’’tiādīsu kotūhale. ‘‘Buddho, buddhoti cintento’’tiādīsu (bu. vaṃ. 2.44) acchare. ‘‘Abhikkamathāyasmanto, abhikkamathāyasmanto’’tiādīsu hāse. ‘‘Kahaṃ ekaputtaka, kahaṃ ekaputtakā’’tiādīsu (ma. ni. 2.353; saṃ. ni. 2.63) soke. ‘‘Aho sukhaṃ, aho sukha’’ntiādīsu (udā. 20; dī. ni. 3.305; cūḷava. 332) pasāde. Ca-saddo avuttasamuccayatto. Tena garahāasammānādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tattha ‘‘pāpo, pāpo’’tiādīsu garahāyaṃ. ‘‘Abhirūpaka, abhirūpakā’’tiādīsu asammāne daṭṭhabbaṃ.

    นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกวเสน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ ‘‘โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา’’ติฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสวิธมนโตฯ คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาปนโตฯ เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูเต ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปญฺญาชนนโต’’ติ วุตฺตํฯ สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา, ปญฺญาปมุขา โลกุตฺตรา ฯ

    Nayidaṃ āmeḍitavasena dvikkhattuṃ vuttaṃ, atha kho atthadvayavasenāti dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. ‘‘Abhikkanta’’nti vacanaṃ apekkhitvā napuṃsakavasena vuttaṃ, taṃ pana bhagavato vacanaṃ dhammassa desanāti katvā tathā vuttaṃ ‘‘bhoto gotamassa dhammadesanā’’ti. Dutiyapadepi eseva nayo. Dosanāsanatoti rāgādikilesavidhamanato. Guṇādhigamanatoti sīlādiguṇānaṃ sampāpanato. Ye guṇe desanā adhigameti, tesu padhānabhūte tāva dassetuṃ ‘‘saddhājananato paññājananato’’ti vuttaṃ. Saddhāpamukhā hi lokiyā guṇā, paññāpamukhā lokuttarā .

    สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต, สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนโตฯ สุวิเญฺญยฺยสทฺทปฺปโยคตาย อุตฺตานปทโต, สณฺหสุขุมภาเวน ทุวิเญฺญยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโตฯ สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปฺปโยคตาย กณฺณสุขโต, วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโตฯ มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต, ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโตฯ หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต, กิเลสนฺธการวิธมเนน ปญฺญาวทาตโตฯ กรวีกรุตมญฺชุตาย อาปาถรมณียโต, ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตฺถตาย วิมทฺทกฺขมโตฯ อาปาถรมณียตาย เอวํ สุยฺยมานสุขโต, วิมทฺทกฺขมตาย หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตตาย จ วีมํสิยมานหิตโตเอวมาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิคมนโต, สมฺมาวาทปติฎฺฐาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต, สคฺคโมกฺขทฺวารวิวรณโต, ปริยุฎฺฐานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาตนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ

    Sīlādiatthasampattiyā sātthato, sabhāvaniruttisampattiyā sabyañjanato. Suviññeyyasaddappayogatāya uttānapadato, saṇhasukhumabhāvena duviññeyyatthatāya gambhīratthato. Siniddhamudumadhurasaddappayogatāya kaṇṇasukhato, vipulavisuddhapemanīyatthatāya hadayaṅgamato. Mānātimānavidhamanena anattukkaṃsanato, thambhasārambhanimmaddanena aparavambhanato. Hitādhippāyappavattiyā paresaṃ rāgapariḷāhādivūpasamanena karuṇāsītalato, kilesandhakāravidhamanena paññāvadātato. Karavīkarutamañjutāya āpātharamaṇīyato, pubbāparāviruddhasuvisuddhatthatāya vimaddakkhamato. Āpātharamaṇīyatāya evaṃ suyyamānasukhato, vimaddakkhamatāya hitajjhāsayappavattitatāya ca vīmaṃsiyamānahitato. Evamādīhīti ādi-saddena saṃsāracakkanivattanato, saddhammacakkappavattanato, micchāvādavigamanato, sammāvādapatiṭṭhāpanato, akusalamūlasamuddharaṇato, kusalamūlasaṃropanato, apāyadvārapidhānato, saggamokkhadvāravivaraṇato, pariyuṭṭhānavūpasamanato, anusayasamugghātanatoti evamādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo.

    อโธมุขฎฺฐปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ฐปิตํฯ เหฎฺฐามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฎฺฐามุขชาตํฯ อุปริมุขนฺติ อุทฺธํมุขํฯ อุคฺฆาเฎยฺยาติ วิวฎํ กเรยฺยฯ หเตฺถ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘นิสฺสเนฺทหํ เอส มโคฺค, เอวํ คเจฺฉยฺยา’’ติ วเทยฺยฯ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปเกฺข จาตุทฺทสีฯ

    Adhomukhaṭṭhapitanti kenaci adhomukhaṃ ṭhapitaṃ. Heṭṭhāmukhajātanti sabhāveneva heṭṭhāmukhajātaṃ. Uparimukhanti uddhaṃmukhaṃ. Ugghāṭeyyāti vivaṭaṃ kareyya. Hatthe gahetvāti ‘‘puratthābhimukho uttarābhimukho vā gacchā’’tiādīni avatvā hatthe gahetvā ‘‘nissandehaṃ esa maggo, evaṃ gaccheyyā’’ti vadeyya. Kāḷapakkhacātuddasīti kāḷapakkhe cātuddasī.

    นิกฺกุชฺชิตํ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุเชฺชยฺยฯ เหฎฺฐามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ, อโธมุขฐปิตตาย อสทฺธเมฺม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํฯ กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฎิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ ปน สวิเสสํ ปฎิจฺฉาทิกา สเตฺต มิจฺฉาภินิเวสนวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิคหนปฎิจฺฉนฺน’’นฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐)ฯ สโพฺพ อปายคามิมโคฺค กุมฺมโคฺค ‘‘กุจฺฉิโต มโคฺค’’ติ กตฺวาฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ อุชุปฎิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย อฎฺฐ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามโคฺคฯ เตเนว หิ ตทุภยปฺปฎิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรเนฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปโชฺชตคฺคหณํฯ เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฺปฎิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพากาเรหิฯ

    Nikkujjitaṃ ādheyyassa anādhārabhūtaṃ bhājanaṃ ādhārabhāvāpādanavasena ukkujjeyya. Heṭṭhāmukhajātatāya saddhammavimukhaṃ, adhomukhaṭhapitatāya asaddhamme patitanti evaṃ padadvayaṃ yathārahaṃ yojetabbaṃ, na yathāsaṅkhyaṃ. Kāmaṃ kāmacchandādayopi paṭicchādakā nīvaraṇabhāvato, micchādiṭṭhi pana savisesaṃ paṭicchādikā satte micchābhinivesanavasenāti āha ‘‘micchādiṭṭhigahanapaṭicchanna’’nti. Tenāha bhagavā ‘‘micchādiṭṭhiparamāhaṃ, bhikkhave, vajjaṃ vadāmī’’ti (a. ni. 1.310). Sabbo apāyagāmimaggo kummaggo ‘‘kucchito maggo’’ti katvā. Sammādiṭṭhiādīnaṃ ujupaṭipakkhatāya micchādiṭṭhiādayo aṭṭha micchattadhammā micchāmaggo. Teneva hi tadubhayappaṭipakkhataṃ sandhāya ‘‘saggamokkhamaggaṃ āvikarontenā’’ti vuttaṃ. Sappiādisannissayo padīpo na tathā ujjalo, yathā telasannissayoti telapajjotaggahaṇaṃ.Etehi pariyāyehīti etehi nikkujjitukkujjanappaṭicchannavivaraṇādiupamopamitabbākārehi.

    ปสนฺนการนฺติ ปสเนฺนหิ กาตพฺพํ สกฺการํฯ สรณนฺติ ปฎิสรณํฯ เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติฯ ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฎิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส, ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติฯ อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อโตฺถ ยุโตฺตฯ นิสฺสเกฺก เจตํ สามิวจนํฯ เอตฺถ จ นายํ คมิ-สโทฺท นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาฯ ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํฯ อิติ-สโทฺท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐฯ ตสฺส จายมโตฺถ – คมนญฺจ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ชานนํ วาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภชามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํฯ ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํฯ เสวนํ สนฺติกาวจรตาฯ ปยิรุปาสนํ วตฺตปฺปฎิวตฺตกรเณน อุปฎฺฐานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนญฺญสรณตํเยว ทีเปติฯ ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส พุชฺฌามีติ อยมโตฺถ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิฯ

    Pasannakāranti pasannehi kātabbaṃ sakkāraṃ. Saraṇanti paṭisaraṇaṃ. Tenāha ‘‘parāyaṇa’’nti. Parāyaṇabhāvo ca anatthanisedhanena atthasampaṭipādanena ca hotīti āha ‘‘aghassa, tātā, hitassa ca vidhātā’’ti. Aghassāti dukkhatoti vadanti, pāpatoti pana attho yutto. Nissakke cetaṃ sāmivacanaṃ. Ettha ca nāyaṃ gami-saddo nī-saddādayo viya dvikammako, tasmā yathā ‘‘ajaṃ gāmaṃ netī’’ti vuccati, evaṃ ‘‘bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmī’’ti vattuṃ na sakkā. ‘‘Saraṇanti gacchāmī’’ti pana vattabbaṃ. Iti-saddo cettha luttaniddiṭṭho. Tassa cāyamattho – gamanañca tadadhippāyena bhajanaṃ jānanaṃ vāti dassento ‘‘iti iminā adhippāyenā’’tiādimāha. Tattha bhajāmītiādīsu purimassa purimassa pacchimaṃ pacchimaṃ atthavacanaṃ. Bhajanaṃ vā saraṇādhippāyena upasaṅkamanaṃ. Sevanaṃ santikāvacaratā. Payirupāsanaṃ vattappaṭivattakaraṇena upaṭṭhānanti evaṃ sabbathāpi anaññasaraṇataṃyeva dīpeti. ‘‘Gacchāmī’’ti padassa bujjhāmīti ayamattho kathaṃ labbhatīti āha ‘‘yesaṃ hī’’tiādi.

    อธิคตมเคฺค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฎฺฐา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฎฺฐาติ เต ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จา’’ติ อาหฯ นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิญฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฎฺฐา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนาภาวโตฯ ตถา หิ เต เอว วุตฺตา ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติฯ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโวฯ อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทฺยโตฺถ, ปการโตฺถ วาฯ เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินาฯ เอตฺถ จ อริยมโคฺค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธโมฺมติ วุโตฺตฯ นิพฺพานญฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมโคฺค ตทตฺถสิทฺธิยา สํวตฺตติ, ตถาปิ ยสฺมา อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มเคฺคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จฯ ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานิกธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอวฯ สฺวายมโตฺถ ปาฐารุโฬฺห เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาหฯ

    Adhigatamagge sacchikatanirodheti padadvayenapi phalaṭṭhā eva dassitā, na maggaṭṭhāti te dassento ‘‘yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne cā’’ti āha. Nanu ca kalyāṇaputhujjanopi yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjatīti vuccatīti? Kiñcāpi vuccati, nippariyāyena pana maggaṭṭhā eva tathā vattabbā, na itare sammattaniyāmokkamanābhāvato. Tathā hi te eva vuttā ‘‘apāyesu apatamāne dhāretī’’ti. Sammattaniyāmokkamanena hi apāyavinimuttisambhavo. Akkhāyatīti ettha iti-saddo ādyattho, pakārattho vā. Tena ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34) suttapadaṃ saṅgaṇhāti, ‘‘vitthāro’’ti vā iminā. Ettha ca ariyamaggo niyyānikatāya, nibbānaṃ tassa tadatthasiddhihetutāyāti ubhayameva nippariyāyena dhammoti vutto. Nibbānañhi ārammaṇapaccayabhūtaṃ labhitvā ariyamaggo tadatthasiddhiyā saṃvattati, tathāpi yasmā ariyaphalānaṃ ‘‘tāya saddhāya avūpasantāyā’’tiādivacanato maggena samucchinnānaṃ kilesānaṃ paṭippassaddhippahānakiccatāya niyyānānuguṇatāya niyyānapariyosānatāya ca. Pariyattidhammassa pana niyyānikadhammasamadhigamahetutāyāti iminā pariyāyena vuttanayena dhammabhāvo labbhati eva. Svāyamattho pāṭhāruḷho evāti dassento ‘‘na kevala’’ntiādimāha.

    กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สโพฺพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มโคฺค กถิโตฯ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อโนฺตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํฯ อปฺปฎิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฎฺฐํ ปณีตนฺติ วา อโตฺถฯ ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฎฺฐคุณวิภาวนโต วา ปคุณํฯ สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนาฯ

    Kāmarāgo bhavarāgoti evamādibhedo sabbopi rāgo virajjati pahīyati etenāti rāgavirāgoti maggo kathito. Ejāsaṅkhātāya taṇhāya antonijjhānalakkhaṇassa sokassa ca taduppattiyaṃ sabbaso parikkhīṇattā anejamasokanti phalaṃ kathitaṃ. Appaṭikūlanti avirodhadīpanato kenaci aviruddhaṃ, iṭṭhaṃ paṇītanti vā attho. Paguṇarūpena pavattitattā, pakaṭṭhaguṇavibhāvanato vā paguṇaṃ. Sabbadhammakkhandhā kathitāti yojanā.

    ทิฎฺฐิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๗; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฎฺฐิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) จ เอวํ วุตฺตานํ สีลานญฺจ สํหตภาเวน, ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญนาติ อโตฺถฯ สํหโตติ ฆฎิโต, สเมโตติ อโตฺถฯ อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ฐิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอวฯ อฎฺฐ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เตติ เต ปุริสยุควเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อเฎฺฐว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสาฯ ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิปฎิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิฯ

    Diṭṭhisīlasaṅghātenāti ‘‘yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya, tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324, 357; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12; pari. 274) evaṃ vuttāya diṭṭhiyā, ‘‘yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni, tathārūpehi sīlehi sīlasāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12; pari. 274) ca evaṃ vuttānaṃ sīlānañca saṃhatabhāvena, diṭṭhisīlasāmaññenāti attho. Saṃhatoti ghaṭito, sametoti attho. Ariyapuggalā hi yattha katthaci dūre ṭhitāpi attano guṇasāmaggiyā saṃhatā eva. Aṭṭha ca puggala dhammadasā teti te purisayugavasena cattāropi puggalavasena aṭṭheva ariyadhammassa paccakkhadassāvitāya dhammadasā. Tīṇi vatthūni saraṇanti gamanena tikkhattuṃ gamanena ca tīṇi saraṇagamanāni. Paṭivedesīti attano hadayagataṃ vācāya pavedesi.

    สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุวิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ สรณคมเนสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ‘‘สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนเสฺสว อสมฺภวโตฯ กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณน อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํฯ ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อญฺญาณาทีนิ, เตสํ สเพฺพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานญฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติฯ

    Saraṇagamanassa visayappabhedaphalasaṃkilesabhedānaṃ viya kattuvibhāvanā tattha kosallāya hotīti saraṇagamanesu atthakosallatthaṃ ‘‘saraṇaṃ, saraṇagamanaṃ, yo ca saraṇaṃ gacchati, saraṇagamanappabhedo, saraṇagamanaphalaṃ, saṃkileso, bhedoti ayaṃ vidhi veditabbo’’ti vuttaṃ tena vinā saraṇagamanasseva asambhavato. Kasmā panettha vodānaṃ na gahitaṃ, nanu vodānavibhāvanāpi tattha kosallāya hotīti? Saccametaṃ, taṃ pana saṃkilesaggahaṇena atthato dīpitaṃ hotīti na gahitaṃ. Yāni hi nesaṃ saṃkilesakāraṇāni aññāṇādīni, tesaṃ sabbena sabbaṃ anuppannānaṃ anuppādanena, uppannānañca pahānena vodānaṃ hotīti.

    หิํสตฺถสฺส ธาตุสทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฎฺฐพฺพนฺติ ‘‘หิํสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หิํสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธโนฺต ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภยนฺติ วฎฺฎภยํฯ สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํฯ เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส คหิตตฺตา ทุกฺขนฺติ กายิกํ ทุกฺขํฯ ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํฯ ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถาย อาวิ ภวิสฺสติฯ เอตนฺติ สรณนฺติ ปทํฯ เอวํ อวิเสสโต สรณสทฺทสฺส ปทตฺถํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิเสสโต ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อเตฺถ นิโยชเนนฯ อหิตา นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต นิวตฺตเนนฯ ภยํ หิํสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปฺปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ พุโทฺธฯ ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธโมฺมฯ อิตโร อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หิํสตีติ โยชนาฯ การานนฺติ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํฯ วิปุลผลปฺปฎิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หิํสติ สโงฺฆ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อิมินาปิ ปริยาเยนาติ อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุเตฺตน การเณนฯ

    Hiṃsatthassa dhātusaddassa vasenetaṃ padaṃ daṭṭhabbanti ‘‘hiṃsatīti saraṇa’’nti vatvā taṃ pana hiṃsanaṃ kesaṃ, kathaṃ, kassa vāti codanaṃ sodhento ‘‘saraṇagatāna’’ntiādimāha. Tattha bhayanti vaṭṭabhayaṃ. Santāsanti cittutrāsaṃ. Teneva cetasikadukkhassa gahitattā dukkhanti kāyikaṃ dukkhaṃ. Duggatiparikilesanti duggatipariyāpannaṃ sabbampi dukkhaṃ. Tayidaṃ sabbaṃ parato phalakathāya āvi bhavissati. Etanti saraṇanti padaṃ. Evaṃ avisesato saraṇasaddassa padatthaṃ dassetvā idāni visesato dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Hite pavattanenāti ‘‘sampannasīlā, bhikkhave, viharathā’’tiādinā (ma. ni. 1.64, 69) atthe niyojanena. Ahitā nivattanenāti ‘‘pāṇātipātassa kho pāpako vipāko abhisamparāya’’ntiādinā ādīnavadassanādimukhena anatthato nivattanena. Bhayaṃ hiṃsatīti hitāhitesu appavattippavattihetukaṃ byasanaṃ appavattikaraṇena vināseti buddho. Bhavakantārā uttāraṇena maggasaṅkhāto dhammo. Itaro assāsadānena sattānaṃ bhayaṃ hiṃsatīti yojanā. Kārānanti dānavasena pūjāvasena ca upanītānaṃ sakkārānaṃ. Vipulaphalappaṭilābhakaraṇena sattānaṃ bhayaṃ hiṃsati saṅgho anuttaradakkhiṇeyyabhāvatoti adhippāyo. Imināpi pariyāyenāti imināpi vibhajitvā vuttena kāraṇena.

    ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ เอวํ ปวโตฺต ตตฺถ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตฺตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตพฺภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตาฯ ตาหิ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิฯ วิธุตทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสโมฺมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโสฯ ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ คติ ตาณํ เลณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปฺปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติฯ ตํสมงฺคีติ เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโตฯ เอวํ อุเปตีติ เอวํ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ พุชฺฌตีติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti evaṃ pavatto tattha ratanattaye pasādo tappasādo, tadeva rattanattayaṃ garu etassāti taggaru, tabbhāvo taggarutā, tappasādo ca taggarutā ca tappasādataggarutā. Tāhi tappasādataggarutāhi. Vidhutadiṭṭhivicikicchāsammohaassaddhiyāditāya vihatakileso. Tadeva ratanattayaṃ parāyaṇaṃ gati tāṇaṃ leṇanti evaṃ pavattiyā tapparāyaṇatākārappavatto cittuppādosaraṇagamanaṃ saraṇanti gacchati etenāti. Taṃsamaṅgīti tena yathāvuttacittuppādena samannāgato. Evaṃ upetīti evaṃ bhajati sevati payirupāsati, evaṃ vā jānāti bujjhatīti evamattho veditabbo.

    เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยสรณคมนมาหฯ ตญฺหิ ปสาทปฺปธานํฯ ครุตาคหเณน โลกุตฺตรํฯ อริยา หิ รตนตฺตยคุณาภิญฺญตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ ปิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน วิกฺขมฺภนวเสน วิหตกิเลโส, ตคฺครุตาย สมุเจฺฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺฉินฺทนโตฯ ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อวิเสเสน วา ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อเวจฺจปฺปสาทสฺส อิตรสฺส จ คหณํ, ตถา ครุตาคหเณนาติ อุภเยนปิ อุภยํ สรณคมนํ โยเชตพฺพํฯ

    Ettha ca pasādaggahaṇena lokiyasaraṇagamanamāha. Tañhi pasādappadhānaṃ. Garutāgahaṇena lokuttaraṃ. Ariyā hi ratanattayaguṇābhiññatāya pāsāṇacchattaṃ piya garuṃ katvā passanti, tasmā tappasādena vikkhambhanavasena vihatakileso, taggarutāya samucchedavasenāti yojetabbaṃ agāravakaraṇahetūnaṃ samucchindanato. Tapparāyaṇatā panettha taggatikatāti tāya catubbidhampi vakkhamānaṃ saraṇagamanaṃ gahitanti daṭṭhabbaṃ. Avisesena vā pasādagarutā jotitāti pasādaggahaṇena aveccappasādassa itarassa ca gahaṇaṃ, tathā garutāgahaṇenāti ubhayenapi ubhayaṃ saraṇagamanaṃ yojetabbaṃ.

    มคฺคกฺขเณ อิชฺฌตีติ โยชนาฯ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวาติ เอเตน อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ หิ นิพฺพานธโมฺม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธโมฺม ภาวนาภิสมยวเสน ปฎิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺตํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริญฺญาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณาฯ เตนาห ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติฯ อิชฺฌนฺตญฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฎิปาฎิยา อสโมฺมหปฺปฎิเวเธน ปฎิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตญฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ

    Maggakkhaṇe ijjhatīti yojanā. Nibbānārammaṇaṃ hutvāti etena atthato catusaccādhigamo eva lokuttarasaraṇagamananti dasseti. Tattha hi nibbānadhammo sacchikiriyābhisamayavasena, maggadhammo bhāvanābhisamayavasena paṭivijjhiyamānoyeva saraṇagamanattaṃ sādheti, buddhaguṇā pana sāvakagocarabhūtā pariññābhisamayavasena, tathā ariyasaṅghaguṇā. Tenāha ‘‘kiccato sakalepi ratanattaye ijjhatī’’ti. Ijjhantañca saheva ijjhati, na lokiyaṃ viya paṭipāṭiyā asammohappaṭivedhena paṭividdhattāti adhippāyo. Ye pana vadanti ‘‘na saraṇagamanaṃ nibbānārammaṇaṃ hutvā pavattati, maggassa adhigatattā pana adhigatameva hoti ekaccānaṃ tevijjādīnaṃ lokiyavijjādayo viyā’’ti, tesaṃ lokiyameva saraṇagamanaṃ siyā, na lokuttaraṃ, tañca ayuttaṃ duvidhassapi icchitabbattā.

    นฺติ โลกิยสรณคมนํฯ สทฺธาปฎิลาโภ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติอาทินาฯ สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมาฯ สมฺมาทิฎฺฐิ พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ, สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติญฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว สมฺมา ญาเยน ทสฺสนโตฯ สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฎฺฐีติ เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตลกฺขณา ปญฺญา โลกิยสรณคมนนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ ทิฎฺฐิเยว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุ กรียตีติ กตฺวา , ทิฎฺฐิ วา อุชุ กรียติ เอเตนาติ ทิฎฺฐิชุกมฺมํ, ตถาปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโทฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ อิทญฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมสมฺมาทิฎฺฐิคฺคหณํ ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สทฺธาปฎิลาโภติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย ญาณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ ทเสฺสติ, สมฺมาทิฎฺฐีติ อิมินา ญาณสมฺปยุตฺตํ สรณคมนํฯ

    Tanti lokiyasaraṇagamanaṃ. Saddhāpaṭilābho ‘‘sammāsambuddho bhagavā’’tiādinā. Saddhāmūlikāti yathāvuttasaddhāpubbaṅgamā. Sammādiṭṭhi buddhasubuddhataṃ, dhammasudhammataṃ, saṅghasuppaṭipattiñca lokiyāvabodhavaseneva sammā ñāyena dassanato. Saddhāmūlikā ca sammādiṭṭhīti etena saddhūpanissayā yathāvuttalakkhaṇā paññā lokiyasaraṇagamananti dasseti. Tenāha ‘‘diṭṭhijukammanti vuccatī’’ti. Diṭṭhiyeva attano paccayehi uju karīyatīti katvā , diṭṭhi vā uju karīyati etenāti diṭṭhijukammaṃ, tathāpavatto cittuppādo. Evañca katvā ‘‘tapparāyaṇatākārappavatto cittuppādo’’ti idañca vacanaṃ samatthitaṃ hoti, saddhāpubbaṅgamasammādiṭṭhiggahaṇaṃ pana cittuppādassa tappadhānatāyāti daṭṭhabbaṃ. Saddhāpaṭilābhoti iminā mātādīhi ussāhitadārakādīnaṃ viya ñāṇavippayuttaṃ saraṇagamanaṃ dasseti, sammādiṭṭhīti iminā ñāṇasampayuttaṃ saraṇagamanaṃ.

    ตยิทํ โลกิยํ สรณคมนํฯ อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ ทิฎฺฐิชุกมฺมํฯ ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฎิสรณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ปุคฺคโล จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ยถาวุตฺตํ ทิฎฺฐิชุกมฺมเมวฯ สรณนฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อเนฺตวาสิกภาวํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํฯ สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโตฯ สพฺพตฺถ ยถาวุตฺตทิฎฺฐิชุกมฺมวเสเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อตฺตปริจฺจชนนฺติ สํสารทุกฺขนิสฺสรณตฺถํ อตฺตโน อตฺถภาวสฺส ปริจฺจชนํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตพฺพํฯ เอวญฺหิ ตทญฺญนิวตฺตนํ กตํ โหติฯ

    Tayidaṃ lokiyaṃ saraṇagamanaṃ. Attā sanniyyātīyati appīyati pariccajīyati etenāti attasanniyyātanaṃ, yathāvuttaṃ diṭṭhijukammaṃ. Taṃ ratanattayaṃ parāyaṇaṃ paṭisaraṇaṃ etassāti tapparāyaṇo, puggalo cittuppādo vā, tassa bhāvo tapparāyaṇatā, yathāvuttaṃ diṭṭhijukammameva. Saraṇanti adhippāyena sissabhāvaṃ antevāsikabhāvaṃ upagacchati etenāti sissabhāvūpagamanaṃ. Saraṇagamanādhippāyeneva paṇipatati etenāti paṇipāto. Sabbattha yathāvuttadiṭṭhijukammavaseneva attho veditabbo. Attapariccajananti saṃsāradukkhanissaraṇatthaṃ attano atthabhāvassa pariccajanaṃ. Esa nayo sesesupi. Buddhādīnaṃyevāti avadhāraṇaṃ attasanniyyātanādīsupi tattha tattha vattabbaṃ. Evañhi tadaññanivattanaṃ kataṃ hoti.

    เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทเสฺสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เตน ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตาติ ทเสฺสติฯ อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน สาตาคิริเหมวตาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ นนุ เจเต อาฬวกาทโย มเคฺคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มเคฺคนาคตสรณคมเนหิปิ ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป.… สุธมฺมตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔)ฯ เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป.… สุธมฺมต’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๘๒) จ เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํฯ

    Evaṃ attasanniyyātanādīni ekena pakārena dassetvā idāni aparehipi pakārehi dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi āraddhaṃ. Tena pariyāyantarehipi attasanniyyātanaṃ katameva hoti atthassa abhinnattāti dasseti. Āḷavakādīnanti ādi-saddena sātāgirihemavatādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Nanu cete āḷavakādayo maggeneva āgatasaraṇagamanā, kathaṃ tesaṃ tapparāyaṇatāsaraṇagamanaṃ vuttanti? Maggenāgatasaraṇagamanehipi ‘‘so ahaṃ vicarissāmi…pe… sudhammataṃ (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 194). Te mayaṃ vicarissāma, gāmā gāmaṃ nagā nagaṃ…pe… sudhammata’’nti (su. ni. 182) ca tehi tapparāyaṇatākārassa paveditattā tathā vuttaṃ.

    โส ปเนส ญาติ…เป.… วเสนาติ เอตฺถ ญาติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปเจฺจกํ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ญาติวเสนาติ ญาติภาววเสนฯ เอวํ เสเสสุปิ ฯ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนาติ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปตเนนาติ อโตฺถฯ อิตเรหีติ ญาติภาวาทิวสปฺปวเตฺตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิฯ อิตเรหีติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส ลกฺขณวจนํ ฯ เอวรูปนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกํ สนฺธาย วทติฯ สมฺปรายิกญฺหิ นิยฺยานิกํ วา อนิยฺยานิกํ วา อนุสาสนิํ ปจฺจาสีสโนฺต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรตีติ อธิปฺปาโยฯ สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโคฯ

    So panesa ñāti…pe… vasenāti ettha ñātivasena, bhayavasena, ācariyavasena, dakkhiṇeyyavasenāti paccekaṃ ‘‘vasenā’’ti padaṃ yojetabbaṃ. Tattha ñātivasenāti ñātibhāvavasena. Evaṃ sesesupi . Dakkhiṇeyyapaṇipātenāti dakkhiṇeyyatāhetukena paṇipatanenāti attho. Itarehīti ñātibhāvādivasappavattehi tīhi paṇipātehi. Itarehītiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘tasmā’’tiādi vuttaṃ. Vandatīti paṇipātassa lakkhaṇavacanaṃ . Evarūpanti diṭṭhadhammikaṃ sandhāya vadati. Samparāyikañhi niyyānikaṃ vā aniyyānikaṃ vā anusāsaniṃ paccāsīsanto dakkhiṇeyyapaṇipātameva karotīti adhippāyo. Saraṇagamanappabhedoti saraṇagamanavibhāgo.

    อริยมโคฺค เอว โลกุตฺตรํ สรณคมนนฺติ อาห ‘‘จตฺตาริ สามญฺญผลานิ วิปากผล’’นฺติฯ สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธฯ เอตนฺติ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ อริยสจฺจานํ ทสฺสนํฯ

    Ariyamaggo eva lokuttaraṃ saraṇagamananti āha ‘‘cattāri sāmaññaphalāni vipākaphala’’nti. Sabbadukkhakkhayoti sakalassa vaṭṭadukkhassa anuppādanirodho. Etanti ‘‘cattāri ariyasaccāni, sammappaññāya passatī’’ti (dha. pa. 190) evaṃ vuttaṃ ariyasaccānaṃ dassanaṃ.

    นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ นิจฺจนฺติ อคฺคหณาทิวเสนฯ อฎฺฐานนฺติ เหตุปฺปฎิเกฺขโปฯ อนวกาโสติ ปจฺจยปฺปฎิเกฺขโปฯ อุภเยนปิ การณเมว ปฎิกฺขิปติฯ นฺติ เยน การเณนฯ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺนติ มคฺคทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต โสตาปโนฺนฯ กญฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกสงฺขารมฺปิฯ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺยาติ นิโจฺจติ คเณฺหยฺยฯ สุขโต อุปคเจฺฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖, ๗๙) เอวํ อตฺตทิฎฺฐิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมนตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ อุกฺการภูมิํ กญฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติฯ อตฺตวาเร กสิณาทิปญฺญตฺติสงฺคหตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กญฺจิ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ อิเมสุปิ ฐาเนสุ จตุภูมกวเสเนว ปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพ เตภูมกวเสเนว วาฯ ยํ ยญฺหิ ปุถุชฺชโน คาหวเสน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเฐติฯ

    Niccato anupagamanādivasenāti niccanti aggahaṇādivasena. Aṭṭhānanti hetuppaṭikkhepo. Anavakāsoti paccayappaṭikkhepo. Ubhayenapi kāraṇameva paṭikkhipati. Yanti yena kāraṇena. Diṭṭhisampannoti maggadiṭṭhiyā samannāgato sotāpanno. Kañci saṅkhāranti catubhūmakesu saṅkhatasaṅkhāresu ekasaṅkhārampi. Niccato upagaccheyyāti niccoti gaṇheyya. Sukhato upagaccheyyāti ‘‘ekantasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā’’ti (dī. ni. 1.76, 79) evaṃ attadiṭṭhivasena sukhato gāhaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Diṭṭhivippayuttacittena pana ariyasāvako pariḷāhavūpasamanatthaṃ mattahatthiparitāsito viya cokkhabrāhmaṇo ukkārabhūmiṃ kañci saṅkhāraṃ sukhato upagacchati. Attavāre kasiṇādipaññattisaṅgahatthaṃ ‘‘saṅkhāra’’nti avatvā ‘‘kañci dhamma’’nti vuttaṃ. Imesupi ṭhānesu catubhūmakavaseneva paricchedo veditabbo tebhūmakavaseneva vā. Yaṃ yañhi puthujjano gāhavasena gaṇhāti, tato tato ariyasāvako gāhaṃ viniveṭheti.

    มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิเปฺปโตฯ กิํ ปน อริยสาวโก อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฎฺฐานํ, ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยภาวสฺส จ ผลทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตํฯ ปทุฎฺฐจิโตฺตติ วธกจิเตฺตน ปทุฎฺฐจิโตฺตฯ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยฯ สงฺฆํ ภิเนฺทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ฐิตํ สงฺฆํ ‘‘กเมฺมน อุเทฺทเสน โวหรโนฺต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) เอวํ วุเตฺตหิ ปญฺจหิ การเณหิ ภิเนฺทยฺยฯ อญฺญํ สตฺถารนฺติ อญฺญํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คเณฺหยฺยาติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ อโตฺถฯ

    Mātarantiādīsu janikā mātā, janako pitā, manussabhūto khīṇāsavo arahāti adhippeto. Kiṃ pana ariyasāvako aññaṃ jīvitā voropeyyāti? Etampi aṭṭhānaṃ, puthujjanabhāvassa pana mahāsāvajjabhāvadassanatthaṃ ariyabhāvassa ca phaladassanatthaṃ evaṃ vuttaṃ. Paduṭṭhacittoti vadhakacittena paduṭṭhacitto. Lohitaṃ uppādeyyāti jīvamānakasarīre khuddakamakkhikāya pivanamattampi lohitaṃ uppādeyya. Saṅghaṃ bhindeyyāti samānasaṃvāsakaṃ samānasīmāyaṃ ṭhitaṃ saṅghaṃ ‘‘kammena uddesena voharanto anussāvanena salākaggāhenā’’ti (pari. 458) evaṃ vuttehi pañcahi kāraṇehi bhindeyya. Aññaṃ satthāranti aññaṃ titthakaraṃ ‘‘ayaṃ me satthā’’ti evaṃ gaṇheyyāti netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti attho.

    น เต คมิสฺสนฺติ อปายนฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายํ ปน ปริปูเรสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ทสหิ ฐาเนหีติ ทสหิ การเณหิฯ อธิคณฺหนฺตีติ อธิภวนฺติฯ

    Na tegamissanti apāyanti te buddhaṃ saraṇaṃ gatā tannimittaṃ apāyaṃ na gamissanti, devakāyaṃ pana paripūressantīti attho. Dasahi ṭhānehīti dasahi kāraṇehi. Adhigaṇhantīti adhibhavanti.

    เวลามสุตฺตาทิวเสนาติ เอตฺถ ‘‘กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรญฺญปูรานํ สพฺพาลงฺการปฺปฎิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ, จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กญฺญาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฎิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํฯ ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตร’’นฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตสฺส เวลามสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) วเสนฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยํ, คหปติ, เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เอกํ ทิฎฺฐิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐)ฯ เวลามสุตฺตาทีติ อาทิ-สเทฺทน อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ

    Velāmasuttādivasenāti ettha ‘‘karīsassa catutthabhāgappamāṇānaṃ caturāsītisahassasaṅkhānaṃ suvaṇṇapātirūpiyapātikaṃsapātīnaṃ yathākkamaṃ rūpiyasuvaṇṇahiraññapūrānaṃ sabbālaṅkārappaṭimaṇḍitānaṃ caturāsītiyā hatthisahassānaṃ, caturāsītiyā assasahassānaṃ, caturāsītiyā rathasahassānaṃ, caturāsītiyā dhenusahassānaṃ, caturāsītiyā kaññāsahassānaṃ, caturāsītiyā pallaṅkasahassānaṃ, caturāsītiyā vatthakoṭisahassānaṃ, aparimāṇassa ca khajjabhojjādibhedassa āhārassa pariccajanavasena sattamāsādhikāni satta saṃvaccharāni nirantaraṃ pavattavelāmamahādānato ekassa sotāpannassa dinnadānaṃ mahapphalataraṃ. Tato sataṃ sotāpannānaṃ dinnadānato ekassa sakadāgāmino, tato ekassa anāgāmino, tato ekassa arahato, tato ekassa paccekabuddhassa, tato sammāsambuddhassa, tato buddhappamukhassa saṅghassa dinnadānaṃ mahapphalataraṃ, tato cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissa vihārakaraṇaṃ, tato saraṇagamanaṃ mahapphalatara’’nti imamatthaṃ pakāsentassa velāmasuttassa (a. ni. 9.20) vasena. Vuttañhetaṃ ‘‘yaṃ, gahapati, velāmo brāhmaṇo dānaṃ adāsi mahādānaṃ, yo ekaṃ diṭṭhisampannaṃ bhojeyya, idaṃ tato mahapphalatara’’ntiādi (a. ni. 9.20). Velāmasuttādīti ādi-saddena aggappasādasuttādīnaṃ (a. ni. 4.34; itivu. 90) saṅgaho daṭṭhabbo.

    อญฺญาณํ วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ ตตฺถ สโมฺมโห, ‘‘พุโทฺธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโยฯ มิจฺฉาญาณํ ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโหฯ อาทิ-สเทฺทน อนาทราคารวาทีนํ สงฺคโหฯ น มหาชุติกนฺติ น อุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อโตฺถฯ น มหาวิปฺผารนฺติ อนุฬารํฯ สาวโชฺชติ ทิฎฺฐิตณฺหาทิวเสน สโทโสฯ โลกิยํ สรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคฺคหิตกาลปริเจฺฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโทติ อาห ‘‘อนวโชฺช กาลกิริยายา’’ติฯ โสติ อนวโชฺช สรณคมนเภโทฯ สติปิ อนวชฺชเตฺต อิฎฺฐผโลปิ น โหตีติ อาห ‘‘อผโล’’ติฯ กสฺมา? อวิปากตฺตาฯ น หิ ตํ อกุสลนฺติฯ

    Aññāṇaṃ vatthuttayassa guṇānaṃ ajānanaṃ tattha sammoho, ‘‘buddho nu kho, na nu kho’’tiādinā vicikicchā saṃsayo. Micchāñāṇaṃ tassa guṇānaṃ aguṇabhāvaparikappanena viparītaggāho. Ādi-saddena anādarāgāravādīnaṃ saṅgaho. Na mahājutikanti na ujjalaṃ, aparisuddhaṃ apariyodātanti attho. Na mahāvipphāranti anuḷāraṃ. Sāvajjoti diṭṭhitaṇhādivasena sadoso. Lokiyaṃ saraṇagamanaṃ sikkhāsamādānaṃ viya aggahitakālaparicchedaṃ jīvitapariyantameva hoti, tasmā tassa khandhabhedena bhedoti āha ‘‘anavajjo kālakiriyāyā’’ti. Soti anavajjo saraṇagamanabhedo. Satipi anavajjatte iṭṭhaphalopi na hotīti āha ‘‘aphalo’’ti. Kasmā? Avipākattā. Na hi taṃ akusalanti.

    โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, ตสฺมา ‘‘กิํลกฺขโณ อุปาสโก’’ติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมาติ เหตุปุจฺฉาฯ เตน เกน ปวตฺตินิมิเตฺตน อุปาสกสโทฺท ตสฺมิํ ปุคฺคเล นิรุโฬฺหติ ทเสฺสติ ฯ เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติฯ สทฺทสฺส อภิเธโยฺย ปวตฺตินิมิตฺตํ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํฯ กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปโนฺน นาม โหตีติ อโตฺถฯ โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว? โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียตีติฯ กา วิปตฺตีติ กา สีลสฺส, อาชีวสฺส วา วิปตฺติฯ อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฎิเสโธ วาติฯ กา สมฺปตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Ko upāsakoti sarūpapucchā, tasmā ‘‘kiṃlakkhaṇo upāsako’’ti vuttaṃ hoti. Kasmāti hetupucchā. Tena kena pavattinimittena upāsakasaddo tasmiṃ puggale niruḷhoti dasseti . Tenāha ‘‘kasmā upāsakoti vuccatī’’ti. Saddassa abhidheyyo pavattinimittaṃ tadatthassa tabbhāvakāraṇaṃ. Kimassa sīlanti kīdisaṃ assa upāsakassa sīlaṃ, kittakena sīlenāyaṃ sīlasampanno nāma hotīti attho. Ko ājīvoti ko assa sammāājīvo? So pana micchājīvassa parivajjanena hotīti sopi vibhajīyatīti. Kā vipattīti kā sīlassa, ājīvassa vā vipatti. Anantarassa hi vidhi vā paṭisedho vāti. Kā sampatīti etthāpi eseva nayo.

    โย โกจีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิฯ เตน สรณคมนเมเวตฺถ การณํ, น ชาติอาทิวิเสโสติ ทเสฺสติฯ อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย อาทรคารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโตฯ เวรมณิโยติ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย, ปญฺจ วิรติโย วิรติปฺปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺสฯ เตเนวาห ‘‘ปฎิวิรโต โหตี’’ติฯ

    Yo kocīti khattiyādīsu yo koci. Tena saraṇagamanamevettha kāraṇaṃ, na jātiādivisesoti dasseti. Upāsanatoti teneva saraṇagamanena tattha ca sakkaccakiriyāya ādaragāravabahumānādiyogena payirupāsanato. Veramaṇiyoti veraṃ vuccati pāṇātipātādidussīlyaṃ, tassa maṇanato hananato vināsanato veramaṇiyo, pañca viratiyo viratippadhānattā tassa sīlassa. Tenevāha ‘‘paṭivirato hotī’’ti.

    มิจฺฉาวณิชฺชาติ น สมฺมาวณิชฺชา อยุตฺตวณิชฺชา อสารุปฺปวณิชฺชาฯ ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวาฯ ธเมฺมนาติ ธมฺมโต อนเปเตนฯ เตน อญฺญมฺปิ อธมฺมิกํ ชีวิกํ ปฎิกฺขิปติฯ สเมนาติ อวิสเมนฯ เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วเชฺชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน อาชีวํ ทเสฺสติฯ สตฺถวณิชฺชาติ อายุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ วา ปฎิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโยฯ สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโยฯ มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโยฯ มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิญฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโยฯ วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา วิสํ คเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโยฯ ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตาฯ สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฎฺฐานโตฯ

    Micchāvaṇijjāti na sammāvaṇijjā ayuttavaṇijjā asāruppavaṇijjā. Pahāyāti akaraṇeneva pajahitvā. Dhammenāti dhammato anapetena. Tena aññampi adhammikaṃ jīvikaṃ paṭikkhipati. Samenāti avisamena. Tena kāyavisamādiduccaritaṃ vajjetvā kāyasamādinā sucaritena ājīvaṃ dasseti. Satthavaṇijjāti āyudhabhaṇḍaṃ katvā vā kāretvā vā yathākataṃ vā paṭilabhitvā tassa vikkayo. Sattavaṇijjāti manussavikkayo. Maṃsavaṇijjāti sūnakārādayo viya migasūkarādike posetvā maṃsaṃ sampādetvā vikkayo. Majjavaṇijjāti yaṃ kiñci majjaṃ yojetvā tassa vikkayo. Visavaṇijjāti visaṃ yojetvā visaṃ gahetvā vā tassa vikkayo. Tattha satthavaṇijjā paroparodhanimittatāya akaraṇīyā vuttā. Sattavaṇijjā abhujissabhāvakaraṇato, maṃsavisavaṇijjā vadhahetuto, majjavaṇijjā pamādaṭṭhānato.

    ตเสฺสวาติ ปญฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปญฺจมิจฺฉาวณิชฺชาลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จฯ วิปตฺตีติ เภโท ปโกโป จฯ ยายาติ ยาย ปฎิปตฺติยาฯ จณฺฑาโลติ อุปาสกจณฺฑาโลฯ มลนฺติ อุปาสกมลํฯ ปฎิกุโฎฺฐติ อุปาสกนิหีโนฯ พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมโกฺข, ยถาวุเตฺตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสโทฺธฯ ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโลฯ ‘‘อิมินา ทิฎฺฐาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ – เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฎฺฐสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโกฯ มงฺคลํ ปเจฺจตีติ ทิฎฺฐมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติฯ โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติฯ อิโต พหิทฺธาติ อิโต สพฺพญฺญุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเยฯ ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฎิปนฺนํ ทกฺขิณารหสญฺญี คเวสติฯ ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ ปฐมตรํ กโรติฯ เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปญฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพาฯ

    Tassevāti pañcaveramaṇilakkhaṇassa sīlassa ceva pañcamicchāvaṇijjālakkhaṇassa ājīvassa ca. Vipattīti bhedo pakopo ca. Yāyāti yāya paṭipattiyā. Caṇḍāloti upāsakacaṇḍālo. Malanti upāsakamalaṃ. Paṭikuṭṭhoti upāsakanihīno. Buddhādīsu kammakammaphalesu ca saddhāvipariyāyo assaddhiyaṃ micchādhimokkho, yathāvuttena assaddhiyena samannāgato assaddho. Yathāvuttasīlavipattiājīvavipattivasena dussīlo. ‘‘Iminā diṭṭhādinā idaṃ nāma maṅgalaṃ hotī’’ti – evaṃ bālajanaparikappitakotūhalasaṅkhātena diṭṭhasutamutamaṅgalena samannāgato kotūhalamaṅgaliko. Maṅgalaṃ paccetīti diṭṭhamaṅgalādibhedaṃ maṅgalameva pattiyāyati. No kammanti kammassakataṃ no pattiyāyati. Ito bahiddhāti ito sabbaññubuddhasāsanato bahiddhā bāhirakasamaye. Dakkhiṇeyyaṃ pariyesatīti duppaṭipannaṃ dakkhiṇārahasaññī gavesati. Pubbakāraṃ karotīti dānamānanādikaṃ kusalakiriyaṃ paṭhamataraṃ karoti. Ettha ca dakkhiṇeyyapariyesanapubbakāre ekaṃ katvā pañca dhammā veditabbā.

    วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน สมฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ อยํ ปน วิเสโส – จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนเฎฺฐน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํฯ คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํฯ ตถา อุปาสกปุณฺฑรีโก

    Vipattiyaṃ vuttavipariyāyena sampatti veditabbā. Ayaṃ pana viseso – catunnampi parisānaṃ ratijananaṭṭhena upāsakova ratanaṃ upāsakaratanaṃ. Guṇasobhākittisaddasugandhatāhi upāsakova padumaṃ upāsakapadumaṃ. Tathā upāsakapuṇḍarīko.

    อาทิมฺหีติ อาทิอเตฺถฯ โกฎิยนฺติ ปริยนฺตโกฎิยํฯ วิหารเคฺคนาติ โอวรกโกฎฺฐาเสน, ‘‘อิมสฺมิํ คเพฺภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทีนา ตํ ตํ วสนฎฺฐานโกฎฺฐาเสนาติ อโตฺถฯ อชฺชตนฺติ อชฺช อิเจฺจว อโตฺถฯ

    Ādimhīti ādiatthe. Koṭiyanti pariyantakoṭiyaṃ. Vihāraggenāti ovarakakoṭṭhāsena, ‘‘imasmiṃ gabbhe vasantānaṃ idaṃ nāma phalaṃ pāpuṇātī’’tiādīnā taṃ taṃ vasanaṭṭhānakoṭṭhāsenāti attho. Ajjatanti ajja icceva attho.

    ปาเณหิ อุเปตนฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฎิกตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน ชีวิเตนปิ ตํ วตฺถุตฺตยํ ปฎิปูเชโนฺต สรณคมนํ รกฺขามีติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวโนฺต ‘‘อหญฺหี’’ติอาทิมาหฯ ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํฯ อุเปโนฺต จ น วาจามเตฺตน น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมเตฺตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสนปิ ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Pāṇehiupetanti iminā tassa saraṇagamanassa āpāṇakoṭikataṃ dassento ‘‘yāva me jīvitaṃ pavattatī’’tiādīni vatvā puna jīvitenapi taṃ vatthuttayaṃ paṭipūjento saraṇagamanaṃ rakkhāmīti uppannaṃ tassa brāhmaṇassa adhippāyaṃ vibhāvento ‘‘ahañhī’’tiādimāha. Pāṇehi upetanti hi yāva me pāṇā dharanti, tāva saraṇaṃ upetaṃ. Upento ca na vācāmattena na ekavāraṃ cittuppādamattena, atha kho pāṇānaṃ pariccajanavasenapi yāvajīvaṃ upetanti evamettha attho veditabbo.

    ๑๗-๑๙. สตฺตเม ชาณุโสฺสณีติ เนตํ ตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํ, อปิจ โข ฐานนฺตรปฺปฎิลาภลทฺธนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ชาณุโสฺสณีติ ฐานนฺตรํ กิรา’’ติอาทิฯ เอกํ ฐานนฺตรนฺติ เอกํ ปุโรหิตฎฺฐานํฯ อุณฺหีสอาทิกกุธภเณฺฑหิ สทฺธิํ ลทฺธํ ตถา จสฺส รญฺญา ทินฺนนฺติ วทนฺติฯ เตนาห ‘‘รโญฺญ สนฺติเก จ ลทฺธชาณุโสฺสณิสกฺการตฺตา’’ติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ อฎฺฐมนวเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํฯ

    17-19. Sattame jāṇussoṇīti netaṃ tassa mātāpitūhi kataṃ nāmaṃ, apica kho ṭhānantarappaṭilābhaladdhanti dassento āha ‘‘jāṇussoṇīti ṭhānantaraṃ kirā’’tiādi. Ekaṃ ṭhānantaranti ekaṃ purohitaṭṭhānaṃ. Uṇhīsaādikakudhabhaṇḍehi saddhiṃ laddhaṃ tathā cassa raññā dinnanti vadanti. Tenāha ‘‘rañño santike ca laddhajāṇussoṇisakkārattā’’ti. Sesamettha uttānameva. Aṭṭhamanavamesu natthi vattabbaṃ.

    ๒๐-๒๑. ทสเม ทุนฺนิกฺขิตฺตนฺติ ทุฎฺฐุ นิกฺขิตฺตํ ปทปจฺจาภฎฺฐํ กตฺวา มนสิ ฐปิตํฯ ปชฺชติ ญายติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, อตฺถํ พฺยญฺชยติ ปกาเสตีติ พฺยญฺชนํ, ปทเมวฯ เตเนวาห ‘‘อุปฺปฎิปาฎิยา…เป.… พฺยญฺชนนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ ปทสมุทายพฺยติเรเกน วิสุํ ปาฬิ นาม นตฺถีติ อาห ‘‘อุภยเมตํ ปาฬิยาว นาม’’นฺติฯ ปกฎฺฐานญฺหิ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬิเยว ปาฬีติ วุจฺจติฯ เสสเมตฺถ เอกาทสมญฺจ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    20-21. Dasame dunnikkhittanti duṭṭhu nikkhittaṃ padapaccābhaṭṭhaṃ katvā manasi ṭhapitaṃ. Pajjati ñāyati attho etenāti padaṃ, atthaṃ byañjayati pakāsetīti byañjanaṃ, padameva. Tenevāha ‘‘uppaṭipāṭiyā…pe… byañjananti vuccatī’’ti. Padasamudāyabyatirekena visuṃ pāḷi nāma natthīti āha ‘‘ubhayametaṃ pāḷiyāva nāma’’nti. Pakaṭṭhānañhi vacanappabandhānaṃ āḷiyeva pāḷīti vuccati. Sesamettha ekādasamañca uttānatthameva.

    อธิกรณวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Adhikaraṇavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. อธิกรณวโคฺค • 2. Adhikaraṇavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อธิกรณวคฺควณฺณนา • 2. Adhikaraṇavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact