Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi |
๑๐. อธิกรณวูปสมวโคฺค
10. Adhikaraṇavūpasamavaggo
๔๕๗. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อาปตฺติํ น ชานาติ, อาปตฺติสมุฎฺฐานํ น ชานาติ, อาปตฺติยา ปโยคํ น ชานาติ, อาปตฺติยา วูปสมํ น ชานาติ, อาปตฺติยา น วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อาปตฺติํ ชานาติ, อาปตฺติสมุฎฺฐานํ ชานาติ, อาปตฺติยา ปโยคํ ชานาติ, อาปตฺติยา วูปสมํ ชานาติ, อาปตฺติยา วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
457. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametu’’nti? ‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Āpattiṃ na jānāti, āpattisamuṭṭhānaṃ na jānāti, āpattiyā payogaṃ na jānāti, āpattiyā vūpasamaṃ na jānāti, āpattiyā na vinicchayakusalo hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Āpattiṃ jānāti, āpattisamuṭṭhānaṃ jānāti, āpattiyā payogaṃ jānāti, āpattiyā vūpasamaṃ jānāti, āpattiyā vinicchayakusalo hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อธิกรณํ น ชานาติ, อธิกรณสมุฎฺฐานํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส ปโยคํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส วูปสมํ น ชานาติ, อธิกรณสฺส น วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Adhikaraṇaṃ na jānāti, adhikaraṇasamuṭṭhānaṃ na jānāti, adhikaraṇassa payogaṃ na jānāti, adhikaraṇassa vūpasamaṃ na jānāti, adhikaraṇassa na vinicchayakusalo hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อธิกรณํ ชานาติ, อธิกรณสมุฎฺฐานํ ชานาติ, อธิกรณสฺส ปโยคํ ชานาติ, อธิกรณสฺส วูปสมํ ชานาติ, อธิกรณสฺส วินิจฺฉยกุสโล โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Adhikaraṇaṃ jānāti, adhikaraṇasamuṭṭhānaṃ jānāti, adhikaraṇassa payogaṃ jānāti, adhikaraṇassa vūpasamaṃ jānāti, adhikaraṇassa vinicchayakusalo hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ, อลชฺชี จ โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ, ลชฺชี จ โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Chandāgatiṃ gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati, alajjī ca hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati, lajjī ca hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ , อปฺปสฺสุโต จ โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ, พหุสฺสุโต จ โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Chandāgatiṃ gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati , appassuto ca hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati, bahussuto ca hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ , อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? วตฺถุํ น ชานาติ, นิทานํ น ชานาติ, ปญฺญตฺติํ น ชานาติ, ปทปจฺจาภฎฺฐํ น ชานาติ, อนุสนฺธิวจนปถํ น ชานาติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? วตฺถุํ ชานาติ, นิทานํ ชานาติ, ปญฺญตฺติํ ชานาติ, ปทปจฺจาภฎฺฐํ ชานาติ, อนุสนฺธิวจนปถํ ชานาติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi , upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Vatthuṃ na jānāti, nidānaṃ na jānāti, paññattiṃ na jānāti, padapaccābhaṭṭhaṃ na jānāti, anusandhivacanapathaṃ na jānāti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Vatthuṃ jānāti, nidānaṃ jānāti, paññattiṃ jānāti, padapaccābhaṭṭhaṃ jānāti, anusandhivacanapathaṃ jānāti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ, อกุสโล จ โหติ วินเย – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ, กุสโล จ โหติ วินเย – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Chandāgatiṃ gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati, akusalo ca hoti vinaye – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati, kusalo ca hoti vinaye – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ, ปุคฺคลครุ โหติ โน สงฺฆครุ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ , อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ, สงฺฆครุ โหติ โน ปุคฺคลครุ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Chandāgatiṃ gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati, puggalagaru hoti no saṅghagaru – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli , aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ . Katamehi pañcahi? Na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati, saṅghagaru hoti no puggalagaru – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, โทสาคติํ คจฺฉติ, โมหาคติํ คจฺฉติ, ภยาคติํ คจฺฉติ, อามิสครุ โหติ โน สทฺธมฺมครุ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉติ, สทฺธมฺมครุ โหติ โน อามิสครุ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Chandāgatiṃ gacchati, dosāgatiṃ gacchati, mohāgatiṃ gacchati, bhayāgatiṃ gacchati, āmisagaru hoti no saddhammagaru – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu nālaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Katamehi pañcahi? Na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchati, saddhammagaru hoti no āmisagaru – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgato bhikkhu alaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametu’’nti.
๔๕๘. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อากาเรหิ สโงฺฆ ภิชฺชตี’’ติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อากาเรหิ สโงฺฆ ภิชฺชติฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? กเมฺมน, อุเทฺทเสน, โวหรโนฺต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหน – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหากาเรหิ สโงฺฆ ภิชฺชตี’’ติฯ
458. ‘‘Katihi nu kho, bhante, ākārehi saṅgho bhijjatī’’ti? ‘‘Pañcahupāli, ākārehi saṅgho bhijjati. Katamehi pañcahi? Kammena, uddesena, voharanto, anussāvanena, salākaggāhena – imehi kho, upāli, pañcahākārehi saṅgho bhijjatī’’ti.
‘‘สงฺฆราชิ สงฺฆราชีติ, ภเนฺต, วุจฺจติฯ กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, สงฺฆราชิ โหติ โน จ สงฺฆเภโท? กิตฺตาวตา จ ปน สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จา’’ติ? ‘‘ปญฺญเตฺตตํ, อุปาลิ, มยา อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ อาคนฺตุกวตฺตํฯ เอวํ สุปญฺญเตฺต โข, อุปาลิ, มยา สิกฺขาปเท อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาคนฺตุกวเตฺต น วตฺตนฺติฯ เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ โน จ สงฺฆเภโทฯ ปญฺญเตฺตตํ, อุปาลิ, มยา อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ อาวาสิกวตฺตํฯ เอวํ สุปญฺญเตฺต โข, อุปาลิ, มยา สิกฺขาปเท อาวาสิกา ภิกฺขู อาวาสิกวเตฺต น วตฺตนฺติฯ เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ โน จ สงฺฆเภโทฯ ปญฺญเตฺตตํ อุปาลิ มยา ภิกฺขูนํ ภตฺตเคฺค ภตฺตคฺควตฺตํ – ยถาวุฑฺฒํ ยถารตฺตํ ยถาปติรูปํ อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํฯ เอวํ สุปญฺญเตฺต โข, อุปาลิ, มยา สิกฺขาปเท นวา ภิกฺขู ภตฺตเคฺค เถรานํ ภิกฺขูนํ อาสนํ ปฎิพาหนฺติฯ เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ โน จ สงฺฆเภโทฯ ปญฺญเตฺตตํ, อุปาลิ, มยา ภิกฺขูนํ เสนาสเน เสนาสนวตฺตํ – ยถาวุฑฺฒํ ยถารตฺตํ ยถาปติรูปํฯ เอวํ สุปญฺญเตฺต โข, อุปาลิ, มยา สิกฺขาปเท นวา ภิกฺขู เถรานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนํ ปฎิพาหนฺติฯ เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ โน จ สงฺฆเภโทฯ ปญฺญเตฺตตํ, อุปาลิ, มยา ภิกฺขูนํ อโนฺตสีมาย เอกํ อุโปสถํ เอกํ ปวารณํ เอกํ สงฺฆกมฺมํ เอกํ กมฺมากมฺมํฯ เอวํ สุปญฺญเตฺต โข, อุปาลิ, มยา สิกฺขาปเท ตเตฺถว อโนฺตสีมาย อาเวนิภาวํ 1 กริตฺวา คณํ พนฺธิตฺวา อาเวนิํ 2 อุโปสถํ กโรนฺติ อาเวนิํ ปวารณํ กโรนฺติ อาเวนิํ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ อาเวนิํ กมฺมากมฺมานิ กโรนฺติฯ เอวํ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จา’’ติฯ
‘‘Saṅgharāji saṅgharājīti, bhante, vuccati. Kittāvatā nu kho, bhante, saṅgharāji hoti no ca saṅghabhedo? Kittāvatā ca pana saṅgharāji ceva hoti saṅghabhedo cā’’ti? ‘‘Paññattetaṃ, upāli, mayā āgantukānaṃ bhikkhūnaṃ āgantukavattaṃ. Evaṃ supaññatte kho, upāli, mayā sikkhāpade āgantukā bhikkhū āgantukavatte na vattanti. Evampi kho, upāli, saṅgharāji hoti no ca saṅghabhedo. Paññattetaṃ, upāli, mayā āvāsikānaṃ bhikkhūnaṃ āvāsikavattaṃ. Evaṃ supaññatte kho, upāli, mayā sikkhāpade āvāsikā bhikkhū āvāsikavatte na vattanti. Evampi kho, upāli, saṅgharāji hoti no ca saṅghabhedo. Paññattetaṃ upāli mayā bhikkhūnaṃ bhattagge bhattaggavattaṃ – yathāvuḍḍhaṃ yathārattaṃ yathāpatirūpaṃ aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ. Evaṃ supaññatte kho, upāli, mayā sikkhāpade navā bhikkhū bhattagge therānaṃ bhikkhūnaṃ āsanaṃ paṭibāhanti. Evampi kho, upāli, saṅgharāji hoti no ca saṅghabhedo. Paññattetaṃ, upāli, mayā bhikkhūnaṃ senāsane senāsanavattaṃ – yathāvuḍḍhaṃ yathārattaṃ yathāpatirūpaṃ. Evaṃ supaññatte kho, upāli, mayā sikkhāpade navā bhikkhū therānaṃ bhikkhūnaṃ senāsanaṃ paṭibāhanti. Evampi kho, upāli, saṅgharāji hoti no ca saṅghabhedo. Paññattetaṃ, upāli, mayā bhikkhūnaṃ antosīmāya ekaṃ uposathaṃ ekaṃ pavāraṇaṃ ekaṃ saṅghakammaṃ ekaṃ kammākammaṃ. Evaṃ supaññatte kho, upāli, mayā sikkhāpade tattheva antosīmāya āvenibhāvaṃ 3 karitvā gaṇaṃ bandhitvā āveniṃ 4 uposathaṃ karonti āveniṃ pavāraṇaṃ karonti āveniṃ saṅghakammaṃ karonti āveniṃ kammākammāni karonti. Evaṃ kho, upāli, saṅgharāji ceva hoti saṅghabhedo cā’’ti.
อธิกรณวูปสมวโคฺค นิฎฺฐิโต ทสโมฯ
Adhikaraṇavūpasamavaggo niṭṭhito dasamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อาปตฺติํ อธิกรณํ, ฉนฺทา อปฺปสฺสุเตน จ;
Āpattiṃ adhikaraṇaṃ, chandā appassutena ca;
วตฺถุญฺจ อกุสโล จ, ปุคฺคโล อามิเสน จ;
Vatthuñca akusalo ca, puggalo āmisena ca;
ภิชฺชติ สงฺฆราชิ จ, สงฺฆเภโท ตเถว จาติฯ
Bhijjati saṅgharāji ca, saṅghabhedo tatheva cāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā / อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โวหารวคฺคาทิวณฺณนา • Vohāravaggādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อธิกรณวูปสมวคฺควณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamavaggavaṇṇanā