Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๖. วีสตินิปาโต
16. Vīsatinipāto
๑. อธิมุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา
1. Adhimuttattheragāthāvaṇṇanā
วีสตินิปาเต ยญฺญตฺถํ วาติอาทิกา อายสฺมโต อปรสฺส อธิมุตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปเนฺน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ภิกฺขุสงฺฆํ อุปฎฺฐหโนฺต มหาทานานิ ปวเตฺตสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท อายสฺมโต สํกิจฺจเตฺถรสฺส ภคินิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, อธิมุโตฺตติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต มาตุลเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต สามเณรภูมิยํเยว ฐิโต อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๘๔-๘๘) –
Vīsatinipāte yaññatthaṃ vātiādikā āyasmato aparassa adhimuttattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto atthadassissa bhagavato kāle vibhavasampanne kule nibbattitvā viññutaṃ patto satthari parinibbute bhikkhusaṅghaṃ upaṭṭhahanto mahādānāni pavattesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde āyasmato saṃkiccattherassa bhaginiyā kucchimhi nibbatti, adhimuttotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto mātulattherassa santike pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto sāmaṇerabhūmiyaṃyeva ṭhito arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.4.84-88) –
‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, อตฺถทสฺสีนรุตฺตเม;
‘‘Nibbute lokanāthamhi, atthadassīnaruttame;
อุปฎฺฐหิํ ภิกฺขุสงฺฆํ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Upaṭṭhahiṃ bhikkhusaṅghaṃ, vippasannena cetasā.
‘‘นิมเนฺตตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ, อุชุภูตํ สมาหิตํ;
‘‘Nimantetvā bhikkhusaṅghaṃ, ujubhūtaṃ samāhitaṃ;
อุจฺฉุนา มณฺฑปํ กตฺวา, โภเชสิํ สงฺฆมุตฺตมํฯ
Ucchunā maṇḍapaṃ katvā, bhojesiṃ saṅghamuttamaṃ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถมานุสํ;
‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, devattaṃ athamānusaṃ;
สเพฺพ สเตฺต อภิโภมิ, ปุญฺญกมฺมสฺสิทํ ผลํฯ
Sabbe satte abhibhomi, puññakammassidaṃ phalaṃ.
‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Aṭṭhārase kappasate, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, อุจฺฉุทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, ucchudānassidaṃ phalaṃ.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมโนฺต อุปสมฺปชฺชิตุกาโม ‘‘มาตรํ อาปุจฺฉิสฺสามี’’ติ มาตุ สนฺติกํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เทวตาย พลิกมฺมกรณตฺถํ มํสปริเยสนํ จรเนฺตหิ ปญฺจสเตหิ โจเรหิ สมาคจฺฉิฯ โจรา จ ตํ อคฺคเหสุํ ‘‘เทวตาย พลิ ภวิสฺสตี’’ติฯ โส โจเรหิ คหิโตปิ อภีโต อจฺฉมฺภี วิปฺปสนฺนมุโขว อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา โจรคามณิอจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปสํสโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā samāpattisukhena vītināmento upasampajjitukāmo ‘‘mātaraṃ āpucchissāmī’’ti mātu santikaṃ gacchanto antarāmagge devatāya balikammakaraṇatthaṃ maṃsapariyesanaṃ carantehi pañcasatehi corehi samāgacchi. Corā ca taṃ aggahesuṃ ‘‘devatāya bali bhavissatī’’ti. So corehi gahitopi abhīto acchambhī vippasannamukhova aṭṭhāsi. Taṃ disvā coragāmaṇiacchariyabbhutacittajāto pasaṃsanto –
๗๐๕.
705.
‘‘ยญฺญตฺถํ วา ธนตฺถํ วา, เย หนาม มยํ ปุเร;
‘‘Yaññatthaṃ vā dhanatthaṃ vā, ye hanāma mayaṃ pure;
อวเสสํ ภยํ โหติ, เวธนฺติ วิลปนฺติ จฯ
Avasesaṃ bhayaṃ hoti, vedhanti vilapanti ca.
๗๐๖.
706.
‘‘ตสฺส เต นตฺถิ ภีตตฺตํ, ภิโยฺย วโณฺณ ปสีทติ;
‘‘Tassa te natthi bhītattaṃ, bhiyyo vaṇṇo pasīdati;
กสฺมา น ปริเทเวสิ, เอวรูเป มหพฺภเย’’ติฯ – เทฺว คาถา อภาสิ;
Kasmā na paridevesi, evarūpe mahabbhaye’’ti. – dve gāthā abhāsi;
ตตฺถ ยญฺญตฺถนฺติ ยชนตฺถํ เทวตานํ พลิกมฺมกรณตฺถํ วาฯ วา-สโทฺท วิกปฺปนโตฺถฯ ธนตฺถนฺติ สาปเตยฺยหรณตฺถํฯ เย หนาม มยํ ปุเรติ เย สเตฺต มยํ ปุเพฺพ หนิมฺหฯ อตีตเตฺถ หิ อิทํ วตฺตมานวจนํฯ อวเสติ อวเส อเสริเก กตฺวาฯ ตนฺติ เตสํฯ ‘‘อวเสสนฺติ’’ปิ ปฐนฺติฯ อเมฺหหิ คหิเตสุ ตํ เอกํ ฐเปตฺวา อวเสสานํ; อยเมว วา ปาโฐฯ ภยํ โหตีติ มรณภยํ โหติฯ เยน เต เวธนฺติ วิลปนฺติ,จิตฺตุตฺราเสน เวธนฺติ , ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ อิทญฺจิทญฺจ ทสฺสาม, ทาสา ภวิสฺสามา’’ติอาทิกํ วทนฺตา วิลปนฺติฯ
Tattha yaññatthanti yajanatthaṃ devatānaṃ balikammakaraṇatthaṃ vā. Vā-saddo vikappanattho. Dhanatthanti sāpateyyaharaṇatthaṃ. Ye hanāma mayaṃ pureti ye satte mayaṃ pubbe hanimha. Atītatthe hi idaṃ vattamānavacanaṃ. Avaseti avase aserike katvā. Tanti tesaṃ. ‘‘Avasesanti’’pi paṭhanti. Amhehi gahitesu taṃ ekaṃ ṭhapetvā avasesānaṃ; ayameva vā pāṭho. Bhayaṃ hotīti maraṇabhayaṃ hoti. Yena te vedhanti vilapanti,cittutrāsena vedhanti , ‘‘sāmi, tumhākaṃ idañcidañca dassāma, dāsā bhavissāmā’’tiādikaṃ vadantā vilapanti.
ตสฺส เตติ โย ตฺวํ อเมฺหหิ เทวตาย พลิกมฺมตฺถํ ชีวิตา โวโรเปตุกาเมหิ อุกฺขิตฺตาสิเกหิ สนฺตชฺชิโต, ตสฺส เตฯ ภีตตฺตนฺติ ภีตภาโว, ภยนฺติ อโตฺถฯ ภิโยฺย วโณฺณ ปสีทตีติ ปกติวณฺณโต อุปริปิ เต มุขวโณฺณ วิปฺปสีทติฯ เถรสฺส กิร ตทา ‘‘สเจ อิเม มาเรสฺสนฺติ, อิทาเนวาหํ อนุปาทาย ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ทุกฺขภาโร วิคจฺฉิสฺสตี’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ เอวรูเป มหพฺภเยติ เอทิเส มหติ มรณภเย อุปฎฺฐิเตฯ เหตุอเตฺถ วา เอตํ ภุมฺมวจนํฯ
Tassa teti yo tvaṃ amhehi devatāya balikammatthaṃ jīvitā voropetukāmehi ukkhittāsikehi santajjito, tassa te. Bhītattanti bhītabhāvo, bhayanti attho. Bhiyyo vaṇṇo pasīdatīti pakativaṇṇato uparipi te mukhavaṇṇo vippasīdati. Therassa kira tadā ‘‘sace ime māressanti, idānevāhaṃ anupādāya parinibbāyissāmi, dukkhabhāro vigacchissatī’’ti uḷāraṃ pītisomanassaṃ uppajji. Evarūpe mahabbhayeti edise mahati maraṇabhaye upaṭṭhite. Hetuatthe vā etaṃ bhummavacanaṃ.
อิทานิ เถโร โจรคามณิสฺส ปฎิวจนทานมุเขน ธมฺมํ เทเสโนฺต –
Idāni thero coragāmaṇissa paṭivacanadānamukhena dhammaṃ desento –
๗๐๗.
707.
‘‘นตฺถิ เจตสิกํ ทุกฺขํ, อนเปกฺขสฺส คามณิ;
‘‘Natthi cetasikaṃ dukkhaṃ, anapekkhassa gāmaṇi;
อติกฺกนฺตา ภยา สเพฺพ, ขีณสํโยชนสฺส เวฯ
Atikkantā bhayā sabbe, khīṇasaṃyojanassa ve.
๗๐๘.
708.
‘‘ขีณาย ภวเนตฺติยา, ทิเฎฺฐ ธเมฺม ยถาตเถ;
‘‘Khīṇāya bhavanettiyā, diṭṭhe dhamme yathātathe;
น ภยํ มรเณ โหติ, ภารนิเกฺขปเน ยถาฯ
Na bhayaṃ maraṇe hoti, bhāranikkhepane yathā.
๗๐๙.
709.
‘‘สุจิณฺณํ พฺรหฺมจริยํ เม, มโคฺค จาปิ สุภาวิโต;
‘‘Suciṇṇaṃ brahmacariyaṃ me, maggo cāpi subhāvito;
มรเณ เม ภยํ นตฺถิ, โรคานมิว สงฺขเยฯ
Maraṇe me bhayaṃ natthi, rogānamiva saṅkhaye.
๗๑๐.
710.
‘‘สุจิณฺณํ พฺรหฺมจริยํ เม, มโคฺค จาปิ สุภาวิโต;
‘‘Suciṇṇaṃ brahmacariyaṃ me, maggo cāpi subhāvito;
นิรสฺสาทา ภวา ทิฎฺฐา, วิสํ ปิตฺวาว ฉฑฺฑิตํฯ
Nirassādā bhavā diṭṭhā, visaṃ pitvāva chaḍḍitaṃ.
๗๑๑.
711.
‘‘ปารคู อนุปาทาโน, กตกิโจฺจ อนาสโว;
‘‘Pāragū anupādāno, katakicco anāsavo;
ตุโฎฺฐ อายุกฺขยา โหติ, มุโตฺต อาฆาตนา ยถาฯ
Tuṭṭho āyukkhayā hoti, mutto āghātanā yathā.
๗๑๒.
712.
‘‘อุตฺตมํ ธมฺมตํ ปโตฺต, สพฺพโลเก อนตฺถิโก;
‘‘Uttamaṃ dhammataṃ patto, sabbaloke anatthiko;
อาทิตฺตาว ฆรา มุโตฺต, มรณสฺมิํ น โสจติฯ
Ādittāva gharā mutto, maraṇasmiṃ na socati.
๗๑๓.
713.
‘‘ยทตฺถิ สงฺคตํ กิญฺจิ, ภโว วา ยตฺถ ลพฺภติ;
‘‘Yadatthi saṅgataṃ kiñci, bhavo vā yattha labbhati;
สพฺพํ อนิสฺสรํ เอตํ, อิติ วุตฺตํ มเหสินาฯ
Sabbaṃ anissaraṃ etaṃ, iti vuttaṃ mahesinā.
๗๑๔.
714.
‘‘โย ตํ ตถา ปชานาติ, ยถา พุเทฺธน เทสิตํ;
‘‘Yo taṃ tathā pajānāti, yathā buddhena desitaṃ;
น คณฺหาติ ภวํ กิญฺจิ, สุตตฺตํว อโยคุฬํฯ
Na gaṇhāti bhavaṃ kiñci, sutattaṃva ayoguḷaṃ.
๗๑๕.
715.
‘‘น เม โหติ ‘อโหสิ’นฺติ, ‘ภวิสฺส’นฺติ น โหติ เม;
‘‘Na me hoti ‘ahosi’nti, ‘bhavissa’nti na hoti me;
สงฺขารา วิคมิสฺสนฺติ, ตตฺถ กา ปริเทวนาฯ
Saṅkhārā vigamissanti, tattha kā paridevanā.
๗๑๖.
716.
‘‘สุทฺธํ ธมฺมสมุปฺปาทํ, สุทฺธํ สงฺขารสนฺตติํ;
‘‘Suddhaṃ dhammasamuppādaṃ, suddhaṃ saṅkhārasantatiṃ;
ปสฺสนฺตสฺส ยถาภูตํ, น ภยํ โหติ คามณิฯ
Passantassa yathābhūtaṃ, na bhayaṃ hoti gāmaṇi.
๗๑๗.
717.
‘‘ติณกฎฺฐสมํ โลกํ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ;
‘‘Tiṇakaṭṭhasamaṃ lokaṃ, yadā paññāya passati;
มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ, ‘นตฺถิ เม’ติ น โสจติฯ
Mamattaṃ so asaṃvindaṃ, ‘natthi me’ti na socati.
๗๑๘.
718.
‘‘อุกฺกณฺฐามิ สรีเรน, ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก;
‘‘Ukkaṇṭhāmi sarīrena, bhavenamhi anatthiko;
โสยํ ภิชฺชิสฺสติ กาโย, อโญฺญ จ น ภวิสฺสติฯ
Soyaṃ bhijjissati kāyo, añño ca na bhavissati.
๗๑๙.
719.
‘‘ยํ โว กิจฺจํ สรีเรน, ตํ กโรถ ยทิจฺฉถ;
‘‘Yaṃ vo kiccaṃ sarīrena, taṃ karotha yadicchatha;
น เม ตปฺปจฺจยา ตตฺถ, โทโส เปมญฺจ เหหิตี’’ติฯ –
Na me tappaccayā tattha, doso pemañca hehitī’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
๗๒๐.
720.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;
สตฺถานิ นิกฺขิปิตฺวาน, มาณวา เอตทพฺรวุ’’นฺติฯ –
Satthāni nikkhipitvāna, māṇavā etadabravu’’nti. –
อยํ สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตคาถาฯ อิโต อปรา ติโสฺส โจรานํ, เถรสฺส จ วจนปฎิวจนคาถา –
Ayaṃ saṅgītikārehi vuttagāthā. Ito aparā tisso corānaṃ, therassa ca vacanapaṭivacanagāthā –
๗๒๑.
721.
‘‘กิํ ภทเนฺต กริตฺวาน, โก วา อาจริโย ตว;
‘‘Kiṃ bhadante karitvāna, ko vā ācariyo tava;
กสฺส สาสนมาคมฺม, ลพฺภเต ตํ อโสกตาฯ
Kassa sāsanamāgamma, labbhate taṃ asokatā.
๗๒๒.
722.
‘‘สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี, ชิโน อาจริโย มม;
‘‘Sabbaññū sabbadassāvī, jino ācariyo mama;
มหาการุณิโก สตฺถา, สพฺพโลกติกิจฺฉโกฯ
Mahākāruṇiko satthā, sabbalokatikicchako.
๗๒๓.
723.
‘‘เตนายํ เทสิโต ธโมฺม, ขยคามี อนุตฺตโร;
‘‘Tenāyaṃ desito dhammo, khayagāmī anuttaro;
ตสฺส สาสนมาคมฺม, ลพฺภเต ตํ อโสกตาฯ
Tassa sāsanamāgamma, labbhate taṃ asokatā.
๗๒๔.
724.
‘‘สุตฺวาน โจรา อิสิโน สุภาสิตํ, นิกฺขิปฺป สตฺถานิ จ อาวุธานิ จ;
‘‘Sutvāna corā isino subhāsitaṃ, nikkhippa satthāni ca āvudhāni ca;
ตมฺหา จ กมฺมา วิรมิํสุ เอเก, เอเก จ ปพฺพชฺชมโรจยิํสุฯ
Tamhā ca kammā viramiṃsu eke, eke ca pabbajjamarocayiṃsu.
๗๒๕.
725.
‘‘เต ปพฺพชิตฺวา สุคตสฺส สาสเน, ภาเวตฺว โพชฺฌงฺคพลานิ ปณฺฑิตา;
‘‘Te pabbajitvā sugatassa sāsane, bhāvetva bojjhaṅgabalāni paṇḍitā;
อุทคฺคจิตฺตา สุมนา กตินฺทฺริยา, ผุสิํสุ นิพฺพานปทํ อสงฺขต’’นฺติฯ –
Udaggacittā sumanā katindriyā, phusiṃsu nibbānapadaṃ asaṅkhata’’nti. –
อิมาปิ สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตคาถาฯ
Imāpi saṅgītikārehi vuttagāthā.
ตตฺถ นตฺถิ เจตสิกํ ทุกฺขํ, อนเปกฺขสฺส, คามณีติ คามณิ, อเปกฺขาย, ตณฺหาย, อภาเวน อนเปกฺขสฺส มาทิสสฺส, โลหิตสภาโว ปุโพฺพ วิย, เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ นตฺถิ, โทมนสฺสาภาวาปเทเสน ภยาภาวํ วทติฯ เตนาห ‘‘อติกฺกนฺตา ภยา สเพฺพ’’ติฯ อติกฺกนฺตา ภยา สเพฺพติ ขีณสํโยชนสฺส อรหโต ปญฺจวีสติ มหาภยา, อเญฺญ จ สเพฺพปิ ภยา เอกํเสน อติกฺกนฺตา อตีตา, อปคตาติ อโตฺถฯ
Tattha natthi cetasikaṃ dukkhaṃ, anapekkhassa, gāmaṇīti gāmaṇi, apekkhāya, taṇhāya, abhāvena anapekkhassa mādisassa, lohitasabhāvo pubbo viya, cetasikaṃ dukkhaṃ domanassaṃ natthi, domanassābhāvāpadesena bhayābhāvaṃ vadati. Tenāha ‘‘atikkantā bhayā sabbe’’ti. Atikkantā bhayā sabbeti khīṇasaṃyojanassa arahato pañcavīsati mahābhayā, aññe ca sabbepi bhayā ekaṃsena atikkantā atītā, apagatāti attho.
ทิเฎฺฐ ธเมฺม ยถาตเถติ จตุสจฺจธเมฺม ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน มคฺคปญฺญาย ยถาภูตํ ทิเฎฺฐฯ มรเณติ มรณเหตุฯ ภารนิเกฺขปเน ยถาติ ยถา โกจิ ปุริโส สีเส ฐิเตน มหตา ครุภาเรน สํสีทโนฺต ตสฺส นิเกฺขปเน, อปนยเน น ภายติ, เอวํ สมฺปทมิทนฺติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Diṭṭhe dhamme yathātatheti catusaccadhamme pariññāpahānasacchikiriyabhāvanāvasena maggapaññāya yathābhūtaṃ diṭṭhe. Maraṇeti maraṇahetu. Bhāranikkhepane yathāti yathā koci puriso sīse ṭhitena mahatā garubhārena saṃsīdanto tassa nikkhepane, apanayane na bhāyati, evaṃ sampadamidanti attho. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา, ภารหาโร จ ปุคฺคโล;
‘‘Bhārā have pañcakkhandhā, bhārahāro ca puggalo;
ภาราทานํ ทุขํ โลเก, ภารนิเกฺขปนํ สุข’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๓.๒๒);
Bhārādānaṃ dukhaṃ loke, bhāranikkhepanaṃ sukha’’nti. (saṃ. ni. 3.22);
สุจิณฺณนฺติ สุฎฺฐุ จริตํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ, สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํฯ ตโต เอว มโคฺค จาปิ สุภาวิโต อฎฺฐงฺคิโก อริยมโคฺคปิ สมฺมเทว ภาวิโตฯ โรคานมิว สงฺขเยติ ยถา พหูหิ โรเคหิ อภิภูตสฺส อาตุรสฺส โรคานํ สงฺขเย ปีติโสมนสฺสเมว โหติ, เอวํ ขนฺธโรคสงฺขเย มรเณ มาทิสสฺส ภยํ นตฺถิฯ
Suciṇṇanti suṭṭhu caritaṃ. Brahmacariyanti, sikkhattayasaṅgahaṃ sāsanabrahmacariyaṃ. Tato eva maggo cāpi subhāvito aṭṭhaṅgiko ariyamaggopi sammadeva bhāvito. Rogānamiva saṅkhayeti yathā bahūhi rogehi abhibhūtassa āturassa rogānaṃ saṅkhaye pītisomanassameva hoti, evaṃ khandharogasaṅkhaye maraṇe mādisassa bhayaṃ natthi.
นิรสฺสาทา ภวา ทิฎฺฐาติ ตีหิ ทุกฺขตาหิ อภิภูตา, เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตา, ตโย ภวา นิรสฺสาทา, อสฺสาทรหิตา, มยา ทิฎฺฐาฯ วิสํ ปิตฺวาว ฉฑฺฑิตนฺติ ปมาทวเสน วิสํ ปิวิตฺวา ตาทิเสน ปโยเคน ฉฑฺฑิตํ วิย มรเณ เม ภยํ นตฺถีติ อโตฺถฯ
Nirassādā bhavā diṭṭhāti tīhi dukkhatāhi abhibhūtā, ekādasahi aggīhi ādittā, tayo bhavā nirassādā, assādarahitā, mayā diṭṭhā. Visaṃ pitvāva chaḍḍitanti pamādavasena visaṃ pivitvā tādisena payogena chaḍḍitaṃ viya maraṇe me bhayaṃ natthīti attho.
มุโตฺต อาฆาตนา ยถาติ ยถา โจเรหิ มารณตฺถํ อาฆาตนํ นีโต เกนจิ อุปาเยน ตโต มุโตฺต หฎฺฐตุโฎฺฐ โหติ, เอวํ สํสารปารํ, นิพฺพานํ, คตตฺตา ปารคู, จตูหิปิ อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน, ปริญฺญาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา กตกิโจฺจ กามาสวาทีหิ อนาสโว, อายุกฺขยา อายุกฺขยเหตุ ตุโฎฺฐ โสมนสฺสิโก โหติฯ
Muttoāghātanā yathāti yathā corehi māraṇatthaṃ āghātanaṃ nīto kenaci upāyena tato mutto haṭṭhatuṭṭho hoti, evaṃ saṃsārapāraṃ, nibbānaṃ, gatattā pāragū, catūhipi upādānehi anupādāno, pariññādīnaṃ soḷasannaṃ kiccānaṃ katattā katakicco kāmāsavādīhi anāsavo, āyukkhayā āyukkhayahetu tuṭṭho somanassiko hoti.
อุตฺตมนฺติ เสฎฺฐํฯ ธมฺมตนฺติ, ธมฺมสภาวํฯ อรหเตฺต สิเทฺธ สิชฺฌนเหตุ อิฎฺฐาทีสุ ตาทิภาวํฯ สพฺพโลเกติ สพฺพโลกสฺมิมฺปิ, ทีฆายุกสุขพหุลตาทิวเสน สํยุเตฺตปิ โลเกฯ อนตฺถิโกติ, อนเปโกฺขฯ อาทิตฺตาว ฆรา มุโตฺตติ ยถา โกจิ ปุริโส สมนฺตโต อาทิตฺตโต ปชฺชลิตโต เคหโต นิสฺสโฎ, ตโต นิสฺสรณนิมิตฺตํ น โสจติ, เอวํ ขีณาสโว มรณนิมิตฺตํ น โสจติฯ
Uttamanti seṭṭhaṃ. Dhammatanti, dhammasabhāvaṃ. Arahatte siddhe sijjhanahetu iṭṭhādīsu tādibhāvaṃ. Sabbaloketi sabbalokasmimpi, dīghāyukasukhabahulatādivasena saṃyuttepi loke. Anatthikoti, anapekkho. Ādittāva gharā muttoti yathā koci puriso samantato ādittato pajjalitato gehato nissaṭo, tato nissaraṇanimittaṃ na socati, evaṃ khīṇāsavo maraṇanimittaṃ na socati.
ยทตฺถิ สงฺคตํ กิญฺจีติ ยํกิญฺจิ อิมสฺมิํ โลเก อตฺถิ, วิชฺชติ, อุปลพฺภติ สงฺคตํ, สเตฺตหิ สงฺขาเรหิ วา สมาคโม, สโมธานํฯ ‘‘สงฺขต’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส ยํกิญฺจิ ปจฺจเยหิ สมจฺจ สมฺภุยฺย กตํ, ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อโตฺถฯ ภโว วา ยตฺถ ลพฺภตีติ ยสฺมิํ สตฺตนิกาเย โย อุปปตฺติภโว ลพฺภติฯ สพฺพํ อนิสฺสรํ เอตนฺติ สพฺพเมตํ อิสฺสรรหิตํ, น เอตฺถ เกนจิ ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อิสฺสริยํ วเตฺตตุํ สกฺกาฯ อิติ วุตฺตํ มเหสินาติ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตํ มเหสินา สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ ตสฺมา ‘‘อนิสฺสรํ เอต’’นฺติ ปชานโนฺต มรณสฺมิํ น โสจตีติ โยชนาฯ
Yadatthi saṅgataṃ kiñcīti yaṃkiñci imasmiṃ loke atthi, vijjati, upalabbhati saṅgataṃ, sattehi saṅkhārehi vā samāgamo, samodhānaṃ. ‘‘Saṅkhata’’ntipi pāṭho, tassa yaṃkiñci paccayehi samacca sambhuyya kataṃ, paṭiccasamuppannanti attho. Bhavo vā yattha labbhatīti yasmiṃ sattanikāye yo upapattibhavo labbhati. Sabbaṃ anissaraṃ etanti sabbametaṃ issararahitaṃ, na ettha kenaci ‘‘evaṃ hotū’’ti issariyaṃ vattetuṃ sakkā. Iti vuttaṃ mahesināti ‘‘sabbe dhammā anattā’’ti evaṃ vuttaṃ mahesinā sammāsambuddhena. Tasmā ‘‘anissaraṃ eta’’nti pajānanto maraṇasmiṃ na socatīti yojanā.
น คณฺหาติ ภวํ กิญฺจีติ โย อริยสาวโก ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) ยถา พุเทฺธน ภควตา เทสิตํ, ตถา ตํ ภวตฺตยํ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ปชานาติฯ โส ยถา โกจิ ปุริโส สุขกาโม ทิวสํ สนฺตตฺตํ อโยคุฬํ หเตฺถน น คณฺหาติ, เอวํ กิญฺจิ ขุทฺทกํ วา มหนฺตํ วา ภวํ น คณฺหาติ, น ตตฺถ ตณฺหํ กโรตีติ อโตฺถฯ
Nagaṇhāti bhavaṃ kiñcīti yo ariyasāvako ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā (dha. pa. 277) yathā buddhena bhagavatā desitaṃ, tathā taṃ bhavattayaṃ vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya pajānāti. So yathā koci puriso sukhakāmo divasaṃ santattaṃ ayoguḷaṃ hatthena na gaṇhāti, evaṃ kiñci khuddakaṃ vā mahantaṃ vā bhavaṃ na gaṇhāti, na tattha taṇhaṃ karotīti attho.
น เม โหติ ‘‘อโหสิ’’นฺติ ‘‘อตีตมทฺธานํ อหํ อีทิโส อโหสิ’’นฺติ อตฺตทิฎฺฐิวเสน น เม จิตฺตปฺปวตฺติ อตฺถิ ทิฎฺฐิยา สมฺมเทว อุคฺฆาฎิตตฺตา, ธมฺมสภาวสฺส จ สุทิฎฺฐตฺตาฯ ‘‘ภวิสฺส’’นฺติ น โหติ เมติ ตโต เอว ‘‘อนาคตมทฺธานํ อหํ เอทิโส กถํ นุ โข ภวิสฺสํ ภเวยฺย’’นฺติ เอวมฺปิ เม น โหติฯ สงฺขารา วิคมิสฺสนฺตีติ เอวํ ปน โหติ ‘‘ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานา สงฺขาราว, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา, เต จ โข วิคมิสฺสนฺติ , วินสฺสิสฺสนฺติ, ขเณ ขเณ ภิชฺชิสฺสนฺตี’’ติฯ ตตฺถ กา ปริเทวนาติ เอวํ ปสฺสนฺตสฺส มาทิสสฺส ตตฺถ สงฺขารคเต กา นาม ปริเทวนาฯ
Na me hoti ‘‘ahosi’’nti ‘‘atītamaddhānaṃ ahaṃ īdiso ahosi’’nti attadiṭṭhivasena na me cittappavatti atthi diṭṭhiyā sammadeva ugghāṭitattā, dhammasabhāvassa ca sudiṭṭhattā. ‘‘Bhavissa’’nti na hoti meti tato eva ‘‘anāgatamaddhānaṃ ahaṃ ediso kathaṃ nu kho bhavissaṃ bhaveyya’’nti evampi me na hoti. Saṅkhārā vigamissantīti evaṃ pana hoti ‘‘yathāpaccayaṃ pavattamānā saṅkhārāva, na ettha koci attā vā attaniyaṃ vā, te ca kho vigamissanti , vinassissanti, khaṇe khaṇe bhijjissantī’’ti. Tattha kā paridevanāti evaṃ passantassa mādisassa tattha saṅkhāragate kā nāma paridevanā.
สุทฺธนฺติ เกวลํ, อตฺตสาเรน อสมฺมิสฺสํฯ ธมฺมสมุปฺปาทนฺติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสมุปฺปตฺติํ อวิชฺชาทิปจฺจเยหิ สงฺขาราทิธมฺมมตฺตปฺปวตฺติํฯ สงฺขารสนฺตตินฺติ กิเลสกมฺมวิปากปฺปเภทสงฺขารปพนฺธํฯ ปสฺสนฺตสฺส ยถาภูตนฺติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปญฺญาย ยาถาวโต ชานนฺตสฺสฯ
Suddhanti kevalaṃ, attasārena asammissaṃ. Dhammasamuppādanti paccayapaccayuppannadhammasamuppattiṃ avijjādipaccayehi saṅkhārādidhammamattappavattiṃ. Saṅkhārasantatinti kilesakammavipākappabhedasaṅkhārapabandhaṃ. Passantassa yathābhūtanti saha vipassanāya maggapaññāya yāthāvato jānantassa.
ติณกฎฺฐสมํ โลกนฺติ ยถา อรเญฺญ อปริคฺคเห ติณกเฎฺฐ เกนจิ คยฺหมาเน อปรสฺส ‘‘มยฺหํ สนฺตกํ อยํ คณฺหตี’’ติ น โหติ, เอวํ โส อสามิกตาย ติณกฎฺฐสมํ สงฺขารโลกํ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ, โส ตตฺถ มมตฺตํ อสํวินฺทํ อสํวินฺทโนฺต อลภโนฺต อกโรโนฺตฯ นตฺถิ เมติ ‘‘อหุ วต โสหํ, ตํ เม นตฺถี’’ติ น โสจติฯ
Tiṇakaṭṭhasamaṃ lokanti yathā araññe apariggahe tiṇakaṭṭhe kenaci gayhamāne aparassa ‘‘mayhaṃ santakaṃ ayaṃ gaṇhatī’’ti na hoti, evaṃ so asāmikatāya tiṇakaṭṭhasamaṃ saṅkhāralokaṃ yadā paññāya passati, so tattha mamattaṃ asaṃvindaṃ asaṃvindanto alabhanto akaronto. Natthi meti ‘‘ahu vata sohaṃ, taṃ me natthī’’ti na socati.
อุกฺกณฺฐามิ สรีเรนาติ อสารเกน อภินุเทน ทุเกฺขน อกตญฺญุนา อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกฺกูลสภาเวน อิมินา กาเยน อุกฺกณฺฐามิ อิมํ กายํ นิพฺพินฺทโนฺต เอวํ ติฎฺฐามิฯ ภเวนมฺหิ อนตฺถิโกติ สเพฺพนปิ ภเวน อนตฺถิโก อมฺหิ, น กิญฺจิ ภวํ ปเตฺถมิฯ โสยํ ภิชฺชิสฺสติ กาโยติ อยํ มม กาโย อิทานิ ตุมฺหากํ ปโยเคน อญฺญถา วา อญฺญตฺถ ภิชฺชิสฺสติฯ อโญฺญ จ น ภวิสฺสตีติ อโญฺญ กาโย มยฺหํ อายติํ น ภวิสฺสติ, ปุนพฺภวาภาวโตฯ
Ukkaṇṭhāmi sarīrenāti asārakena abhinudena dukkhena akataññunā asuciduggandhajegucchapaṭikkūlasabhāvena iminā kāyena ukkaṇṭhāmi imaṃ kāyaṃ nibbindanto evaṃ tiṭṭhāmi. Bhavenamhi anatthikoti sabbenapi bhavena anatthiko amhi, na kiñci bhavaṃ patthemi. Soyaṃ bhijjissati kāyoti ayaṃ mama kāyo idāni tumhākaṃ payogena aññathā vā aññattha bhijjissati. Añño ca na bhavissatīti añño kāyo mayhaṃ āyatiṃ na bhavissati, punabbhavābhāvato.
ยํ โว กิจฺจํ สรีเรนาติ ยํ ตุมฺหากํ อิมินา สรีเรน ปโยชนํ, ตํ กโรถ ยทิจฺฉถ, อิจฺฉถ เจฯ น เม ตปฺปจฺจยาติ, ตํ นิมิตฺตํ อิมสฺส สรีรสฺส ตุเมฺหหิ ยถิจฺฉิตกิจฺจสฺส กรณเหตุฯ ตตฺถาติ เตสุ กโรเนฺตสุ จ อกโรเนฺตสุ จฯ โทโส เปมญฺจ เหหิตีติ ยถากฺกมํ ปฎิโฆ อนุนโย น ภวิสฺสติ, อตฺตโน ภเว อเปกฺขาย สพฺพโส ปหีนตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญปจฺจยา อญฺญตฺถ จ ปฎิฆานุนเยสุ อสเนฺตสุปิ ตปฺปจฺจยา, ‘‘ตตฺถา’’ติ วจนํ ยถาธิคตวเสน วุตฺตํฯ
Yaṃ vo kiccaṃ sarīrenāti yaṃ tumhākaṃ iminā sarīrena payojanaṃ, taṃ karotha yadicchatha, icchatha ce. Na me tappaccayāti, taṃ nimittaṃ imassa sarīrassa tumhehi yathicchitakiccassa karaṇahetu. Tatthāti tesu karontesu ca akarontesu ca. Doso pemañca hehitīti yathākkamaṃ paṭigho anunayo na bhavissati, attano bhave apekkhāya sabbaso pahīnattāti adhippāyo. Aññapaccayā aññattha ca paṭighānunayesu asantesupi tappaccayā, ‘‘tatthā’’ti vacanaṃ yathādhigatavasena vuttaṃ.
ตสฺสาติ อธิมุตฺตเตฺถรสฺสฯ ตํ วจนนฺติ ‘‘นตฺถิ เจตสิกํ ทุกฺข’’นฺติอาทิกํ มรเณ ภยาภาวาทิทีปกํ, ตโต เอว อพฺภุตํ โลมหํสนํ วจนํ สุตฺวาฯ มาณวาติ โจราฯ โจรา หิ ‘‘มาณวา’’ติ วุจฺจนฺติ ‘‘มาณเวหิ สห คจฺฉนฺติ กตกเมฺมหิ อกตกเมฺมหิปี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) วิยฯ
Tassāti adhimuttattherassa. Taṃ vacananti ‘‘natthi cetasikaṃ dukkha’’ntiādikaṃ maraṇe bhayābhāvādidīpakaṃ, tato eva abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ vacanaṃ sutvā. Māṇavāti corā. Corā hi ‘‘māṇavā’’ti vuccanti ‘‘māṇavehi saha gacchanti katakammehi akatakammehipī’’tiādīsu (ma. ni. 2.149) viya.
กิํ ภทเนฺต กริตฺวานาติ, ภเนฺต, กิํ นาม ตโปกมฺมํ กตฺวาฯ โก วา ตว อาจริโย กสฺส สาสนํ, โอวาทํ นิสฺสาย อยํ อโสกตา มรณกาเล โสกาภาโว ลพฺภตีติ เอตํ อตฺถํ อพฺรวุํ, ปุจฺฉาวเสน กเถสุํ, ภาสิํสุฯ
Kiṃbhadante karitvānāti, bhante, kiṃ nāma tapokammaṃ katvā. Ko vā tava ācariyo kassa sāsanaṃ, ovādaṃ nissāya ayaṃ asokatā maraṇakāle sokābhāvo labbhatīti etaṃ atthaṃ abravuṃ, pucchāvasena kathesuṃ, bhāsiṃsu.
ตํ สุตฺวา เถโร เตสํ ปฎิวจนํ เทโนฺต ‘‘สพฺพญฺญู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพญฺญูติ ปโรปเทเสน วินา สพฺพปกาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฎิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณญาณสฺส อธิคเมน อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาตีติ, สพฺพญฺญูฯ เตเนว สมนฺตจกฺขุนา สพฺพสฺส ทสฺสนโต สพฺพทสฺสาวีฯ ยมฺหิ อนาวรณญาณํ, ตเทว สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, นเตฺถว อสาธารณญาณปาฬิยา วิโรโธ วิสยุปฺปตฺติมุเขน อเญฺญหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกเสฺสว ญาณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตาฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ (อิติวุ. อฎฺฐ. ๓๘) วิตฺถารโต วุตฺตเมวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ปญฺจนฺนมฺปิ มารานํ วิชยโต ชิโน, หีนาทิวิภาคภิเนฺน สพฺพสฺมิํ สตฺตนิกาเย อธิมุตฺตวุตฺติตาย มหติยา กรุณาย สมนฺนาคตตฺตา มหาการุณิโก, ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ เวเนยฺยานํ อนุสาสนโต สตฺถา, ตโต เอว สพฺพโลกสฺส กิเลสโรคติกิจฺฉนโต สพฺพโลกติกิจฺฉโก, สมฺมาสมฺพุโทฺธ อาจริโย มมาติ โยชนาฯ ขยคามีติ นิพฺพานคามีฯ
Taṃ sutvā thero tesaṃ paṭivacanaṃ dento ‘‘sabbaññū’’tiādimāha. Tattha sabbaññūti paropadesena vinā sabbapakārena sabbadhammāvabodhanasamatthassa ākaṅkhāpaṭibaddhavuttino anāvaraṇañāṇassa adhigamena atītādibhedaṃ sabbaṃ jānātīti, sabbaññū. Teneva samantacakkhunā sabbassa dassanato sabbadassāvī. Yamhi anāvaraṇañāṇaṃ, tadeva sabbaññutaññāṇaṃ, nattheva asādhāraṇañāṇapāḷiyā virodho visayuppattimukhena aññehi asādhāraṇabhāvadassanatthaṃ ekasseva ñāṇassa dvidhā vuttattā. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ itivuttakavaṇṇanāyaṃ (itivu. aṭṭha. 38) vitthārato vuttamevāti tattha vuttanayeneva veditabbaṃ. Pañcannampi mārānaṃ vijayato jino, hīnādivibhāgabhinne sabbasmiṃ sattanikāye adhimuttavuttitāya mahatiyā karuṇāya samannāgatattā mahākāruṇiko, diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ veneyyānaṃ anusāsanato satthā, tato eva sabbalokassa kilesarogatikicchanato sabbalokatikicchako, sammāsambuddho ācariyo mamāti yojanā. Khayagāmīti nibbānagāmī.
เอวํ เถเรน สตฺถุ สาสนสฺส จ คุเณ ปกาสิเต ปฎิลทฺธสทฺธา เอกเจฺจ โจรา ปพฺพชิํสุ, เอกเจฺจ อุปาสกตฺตํ ปเวเทสุํฯ ตมตฺถํ ทีเปโนฺต ธมฺมสงฺคาหกา ‘‘สุตฺวาน โจรา’’ติอาทินา เทฺว คาถา อภาสิํสุฯ ตตฺถ อิสิโนติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ เอสนเฎฺฐน อิสิโน, อธิมุตฺตเตฺถรสฺสฯ นิกฺขิปฺปาติ ปหายฯ สตฺถานิ จ อาวุธานิ จาติ อสิอาทิสตฺถานิ เจว ธนุกลาปาทิอาวุธานิ จฯ ตมฺหา จ กมฺมาติ ตโต โจรกมฺมโตฯ
Evaṃ therena satthu sāsanassa ca guṇe pakāsite paṭiladdhasaddhā ekacce corā pabbajiṃsu, ekacce upāsakattaṃ pavedesuṃ. Tamatthaṃ dīpento dhammasaṅgāhakā ‘‘sutvāna corā’’tiādinā dve gāthā abhāsiṃsu. Tattha isinoti adhisīlasikkhādīnaṃ esanaṭṭhena isino, adhimuttattherassa. Nikkhippāti pahāya. Satthāni ca āvudhāni cāti asiādisatthāni ceva dhanukalāpādiāvudhāni ca. Tamhā ca kammāti tato corakammato.
เต ปพฺพชิตฺวา สุคตสฺส สาสเนติ เต โจรา โสภนคมนตาทีหิ สุคตสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวาฯ ภาวนาวิเสสาธิคตาย โอทคฺยลกฺขณาย ปีติยา สมนฺนาคเมน อุทคฺคจิตฺตาฯ สุมนาติ โสมนสฺสปฺปตฺตาฯ กตินฺทฺริยาติ ภาวิตินฺทฺริยาฯ ผุสิํสูติ อคฺคมคฺคาธิคเมน อสงฺขตํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉิํสุฯ อธิมุโตฺต กิร โจเร นิพฺพิเสวเน กตฺวา, เต ตเตฺถว ฐเปตฺวา, มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา, ปจฺจาคนฺตฺวา เตหิ สทฺธิํ อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปทํ อกาสิฯ อถ เตสํ กมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิ , เต นจิรเสฺสว อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปพฺพชิตฺวา…เป.… อสงฺขต’’นฺติฯ
Te pabbajitvā sugatassa sāsaneti te corā sobhanagamanatādīhi sugatassa bhagavato sāsane pabbajjaṃ upagantvā. Bhāvanāvisesādhigatāya odagyalakkhaṇāya pītiyā samannāgamena udaggacittā. Sumanāti somanassappattā. Katindriyāti bhāvitindriyā. Phusiṃsūti aggamaggādhigamena asaṅkhataṃ nibbānaṃ adhigacchiṃsu. Adhimutto kira core nibbisevane katvā, te tattheva ṭhapetvā, mātu santikaṃ gantvā, mātaraṃ āpucchitvā, paccāgantvā tehi saddhiṃ upajjhāyassa santikaṃ gantvā, pabbājetvā upasampadaṃ akāsi. Atha tesaṃ kammaṭṭhānaṃ ācikkhi , te nacirasseva arahatte patiṭṭhahiṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘pabbajitvā…pe… asaṅkhata’’nti.
อธิมุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Adhimuttattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. อธิมุตฺตเตฺถรคาถา • 1. Adhimuttattheragāthā