Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๑๔. อธิฎฺฐานหารวิภงฺควณฺณนา
14. Adhiṭṭhānahāravibhaṅgavaṇṇanā
๔๖. ตตฺถ กตโม อธิฎฺฐาโน หาโรติ อธิฎฺฐานหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ ตถา ธารยิตพฺพาติ เอกตฺตเวมตฺตตาสงฺขาตสามญฺญวิเสสมตฺตโต ธารยิตพฺพา, น ปน ตตฺถ กิญฺจิ วิกเปฺปตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ อวิกเปฺปตพฺพตาย การณํ นิเทฺทสวารวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ ตํ ตํ ผลํ มคฺคติ คเวสตีติ มโคฺค, ตทตฺถิเกหิ มคฺคียติ คเวสียตีติ วา มโคฺคฯ นิรติยเฎฺฐน นิรสฺสาทเฎฺฐน จ นิรโยฯ อุทฺธํ อนุคนฺตฺวา ติริยํ อญฺจิตาติ ติรจฺฉานาฯ ติรจฺฉานาว ติรจฺฉานโยนิฯ เปตตาย เปตฺติ, อิโต เปจฺจ คตภาโวติ อโตฺถฯ เปตฺติ เอว เปตฺติวิสโยฯ น สุรนฺติ น ภาสนฺติ น ทิพฺพนฺตีติ อสุราฯ อสุรา เอว อสุรโยนิฯ ทิเพฺพหิ รูปาทีหิ สุฎฺฐุ อคฺคาติ สคฺคาฯ มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสาฯ วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, ตํ ตตฺถ นตฺถีติ นิพฺพานํฯ นิรยํ คจฺฉตีติ นิรยคามีฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อสุรโยนิโยติ อสุรโยนิยา หิโต, อสุรชาตินิพฺพตฺตนโกติ อโตฺถฯ สคฺคํ คเมตีติ สคฺคคามิโยฯ มนุสฺสคามีติ มนุสฺสโลกคามีฯ ปฎิสงฺขานิโรโธติ ปฎิสงฺขาย ปฎิปกฺขภาวนาย นิโรโธ, ปฎิปเกฺข วา ตถา อปฺปวเตฺต อุปฺปชฺชนารหสฺส ปฎิปกฺขวุตฺติยา อนุปฺปาโทฯ อปฺปฎิสงฺขานิโรโธติ สงฺขตธมฺมานํ สรสนิโรโธ, ขณิกนิโรโธติ อโตฺถฯ
46.Tatthakatamo adhiṭṭhāno hāroti adhiṭṭhānahāravibhaṅgo. Tattha tathā dhārayitabbāti ekattavemattatāsaṅkhātasāmaññavisesamattato dhārayitabbā, na pana tattha kiñci vikappetabbāti adhippāyo. Avikappetabbatāya kāraṇaṃ niddesavāravaṇṇanāyaṃ vuttameva. Taṃ taṃ phalaṃ maggati gavesatīti maggo, tadatthikehi maggīyati gavesīyatīti vā maggo. Niratiyaṭṭhena nirassādaṭṭhena ca nirayo. Uddhaṃ anugantvā tiriyaṃ añcitāti tiracchānā. Tiracchānāva tiracchānayoni. Petatāya petti, ito pecca gatabhāvoti attho. Petti eva pettivisayo. Na suranti na bhāsanti na dibbantīti asurā. Asurā eva asurayoni. Dibbehi rūpādīhi suṭṭhu aggāti saggā. Manassa ussannatāya manussā. Vānaṃ vuccati taṇhā, taṃ tattha natthīti nibbānaṃ. Nirayaṃ gacchatīti nirayagāmī. Sesapadesupi eseva nayo. Asurayoniyoti asurayoniyā hito, asurajātinibbattanakoti attho. Saggaṃ gametīti saggagāmiyo. Manussagāmīti manussalokagāmī. Paṭisaṅkhānirodhoti paṭisaṅkhāya paṭipakkhabhāvanāya nirodho, paṭipakkhe vā tathā appavatte uppajjanārahassa paṭipakkhavuttiyā anuppādo. Appaṭisaṅkhānirodhoti saṅkhatadhammānaṃ sarasanirodho, khaṇikanirodhoti attho.
๔๗. รูปนฺติ เอกตฺตตาฯ ภูตานํ อุปาทายาติ เวมตฺตตาฯ อุปาทารูปนฺติ เอกตฺตตาฯ จกฺขายตนํ…เป.… กพฬีกาโร อาหาโรติ เวมตฺตตาฯ ตถา ภูตรูปนฺติ เอกตฺตตาฯ ปถวีธาตุ …เป.… วาโยธาตูติ เวมตฺตตาฯ ปถวีธาตูติ เอกตฺตตาฯ วีสติ อาการา เวมตฺตตาฯ อาโปธาตูติ เอกตฺตตาฯ ทฺวาทส อาการา เวมตฺตตาฯ เตโชธาตูติ เอกตฺตตาฯ จตฺตาโร อาการา เวมตฺตตาฯ วาโยธาตูติ เอกตฺตตาฯ ฉ อาการา เวมตฺตตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทฺวีหิ อากาเรหิ ธาตุโย ปริคฺคณฺหาตี’’ติอาทิมาหฯ
47. Rūpanti ekattatā. Bhūtānaṃ upādāyāti vemattatā. Upādārūpanti ekattatā. Cakkhāyatanaṃ…pe… kabaḷīkāro āhāroti vemattatā. Tathā bhūtarūpanti ekattatā. Pathavīdhātu …pe… vāyodhātūti vemattatā. Pathavīdhātūti ekattatā. Vīsati ākārā vemattatā. Āpodhātūti ekattatā. Dvādasa ākārā vemattatā. Tejodhātūti ekattatā. Cattāro ākārā vemattatā. Vāyodhātūti ekattatā. Cha ākārā vemattatāti imamatthaṃ dassento ‘‘dvīhi ākārehi dhātuyo pariggaṇhātī’’tiādimāha.
ตตฺถ เกสาติ เกสา นาม อุปาทินฺนกสรีรฎฺฐกา กกฺขฬลกฺขณา อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก ปถวีธาตุโกฎฺฐาโสฯ โลมา นาม…เป.… มตฺถลุงฺคํ นาม สรีรฎฺฐกํ กกฺขฬลกฺขณํ อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโสติ อยํ เวมตฺตตาฯ อาโปธาตูติอาทิโกฎฺฐาเสสุ ปิตฺตาทีสุ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – เยน จาติ เยน เตโชธาตุนา กุปิเตนฯ สนฺตปฺปตีติ อยํ กาโย สนฺตปฺปติ เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติฯ เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชรียติฯ อินฺทฺริยเวกลฺลตํ พลกฺขยํ วลิตฺตจปลิตาทิญฺจ ปาปุณาติฯ เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปิเตน อยํ กาโย ฑยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ กนฺทโนฺต สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปนํ ตาลวณฺฎวาตญฺจ ปจฺจาสีสติฯ เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิฎฺฐขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปุริมา ตโย เตโชธาตู จตุสมุฎฺฐานาฯ ปจฺฉิโม กมฺมสมุฎฺฐาโนวฯ
Tattha kesāti kesā nāma upādinnakasarīraṭṭhakā kakkhaḷalakkhaṇā imasmiṃ sarīre pāṭiyekko pathavīdhātukoṭṭhāso. Lomā nāma…pe… matthaluṅgaṃ nāma sarīraṭṭhakaṃ kakkhaḷalakkhaṇaṃ imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāsoti ayaṃ vemattatā. Āpodhātūtiādikoṭṭhāsesu pittādīsu eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – yena cāti yena tejodhātunā kupitena. Santappatīti ayaṃ kāyo santappati ekāhikajarādibhāvena usumajāto hoti. Yena ca jīrīyatīti yena ayaṃ kāyo jarīyati. Indriyavekallataṃ balakkhayaṃ valittacapalitādiñca pāpuṇāti. Yena ca pariḍayhatīti yena kupitena ayaṃ kāyo ḍayhati, so ca puggalo ‘‘ḍayhāmi ḍayhāmī’’ti kandanto satadhotasappigosītacandanādilepanaṃ tālavaṇṭavātañca paccāsīsati. Yena ca asitapītakhāyitasāyitaṃ sammā pariṇāmaṃ gacchatīti asitaṃ vā odanādi, pītaṃ vā pānakādi, khāyitaṃ vā piṭṭhakhajjakādi, sāyitaṃ vā ambapakkamadhuphāṇitādi sammā paripākaṃ gacchati, rasādibhāvena vivekaṃ gacchatīti attho. Ettha ca purimā tayo tejodhātū catusamuṭṭhānā. Pacchimo kammasamuṭṭhānova.
อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺการาทิปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตาฯ อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณกา อโธ โอโรหนวาตาฯ กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตาฯ โกฎฺฐาสยา วาตาติ อนฺตานํ อโนฺตวาตาฯ องฺคมงฺคานุสาริโน วาตาติ ธมนิชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฎา สมิญฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกา วาตาฯ อสฺสาโสติ อโนฺตปวิสนนาสิกวาโตฯ ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโตฯ เอตฺถ จ ปุริมา สเพฺพ จตุสมุฎฺฐานาฯ อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฎฺฐานา เอวฯ เอวํ เวมตฺตตาทสฺสนวเสน วิภาเคน อุทาหฎา จตโสฺส ธาตุโย ปฎิกฺกูลมนสิการวเสน อุปสํหรโนฺต ‘‘อิเมหิ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ น คยฺหูปคนฺติ น คหณโยคฺคํฯ สภาวภาวโตติ สภาวลกฺขณโตฯ
Uddhaṅgamā vātāti uggārahikkārādipavattakā uddhaṃ ārohanavātā. Adhogamā vātāti uccārapassāvādinīharaṇakā adho orohanavātā. Kucchisayā vātāti antānaṃ bahivātā. Koṭṭhāsayā vātāti antānaṃ antovātā. Aṅgamaṅgānusārino vātāti dhamanijālānusārena sakalasarīre aṅgamaṅgāni anusaṭā samiñjanapasāraṇādinibbattakā vātā. Assāsoti antopavisananāsikavāto. Passāsoti bahinikkhamananāsikavāto. Ettha ca purimā sabbe catusamuṭṭhānā. Assāsapassāsā cittasamuṭṭhānā eva. Evaṃ vemattatādassanavasena vibhāgena udāhaṭā catasso dhātuyo paṭikkūlamanasikāravasena upasaṃharanto ‘‘imehi dvācattālīsāya ākārehī’’tiādimāha. Tattha na gayhūpaganti na gahaṇayoggaṃ. Sabhāvabhāvatoti sabhāvalakkhaṇato.
เอวํ ปฎิกฺกูลมนสิการํ ทเสฺสตฺวา ปุน ตตฺถ สมฺมสนจารํ ปาฬิวเสเนว ทเสฺสตุํ ‘‘เตนาห ภควา ยา เจว โข ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ สุวิเญฺญยฺยํฯ
Evaṃ paṭikkūlamanasikāraṃ dassetvā puna tattha sammasanacāraṃ pāḷivaseneva dassetuṃ ‘‘tenāha bhagavā yā ceva kho panā’’tiādimāha. Taṃ sabbaṃ suviññeyyaṃ.
๔๘. เอวํ สจฺจมคฺครูปธมฺมวเสน อธิฎฺฐานหารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อวิชฺชาวิชฺชาทีนมฺปิ วเสน ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิชฺชาติ เอกตฺตตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘ทุเกฺข อญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ ยสฺมา อวิชฺชา ทุกฺขสจฺจสฺส ยาถาวสรสลกฺขณํ ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ทุเกฺข อญฺญาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ ตถา ยสฺมา ทุกฺขสมุทยสฺส ทุกฺขนิโรธสฺส ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ยาถาวสรสลกฺขณํ ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อญฺญาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ ปุพฺพโนฺต อตีตทฺธภูตา ขนฺธายตนธาตุโยฯ อปรโนฺต อนาคตทฺธภูตาฯ ปุพฺพนฺตาปรโนฺต ตทุภยํฯ อิทปฺปจฺจยตา สงฺขาราทีนํ การณานิ อวิชฺชาทีนิฯ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา อวิชฺชาทีหิ นิพฺพตฺตา สงฺขาราทิธมฺมาฯ
48. Evaṃ saccamaggarūpadhammavasena adhiṭṭhānahāraṃ dassetvā idāni avijjāvijjādīnampi vasena taṃ dassetuṃ ‘‘avijjāti ekattatā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘dukkhe aññāṇa’’ntiādīsu yasmā avijjā dukkhasaccassa yāthāvasarasalakkhaṇaṃ jānituṃ paṭivijjhituṃ na deti chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘dukkhe aññāṇa’’nti vuccati. Tathā yasmā dukkhasamudayassa dukkhanirodhassa dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya yāthāvasarasalakkhaṇaṃ jānituṃ paṭivijjhituṃ na deti chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya aññāṇa’’nti vuccati. Pubbanto atītaddhabhūtā khandhāyatanadhātuyo. Aparanto anāgataddhabhūtā. Pubbantāparanto tadubhayaṃ. Idappaccayatā saṅkhārādīnaṃ kāraṇāni avijjādīni. Paṭiccasamuppannā dhammā avijjādīhi nibbattā saṅkhārādidhammā.
ตตฺถายํ อวิชฺชา ยสฺมา อตีตานํ ขนฺธาทีนํ ยาว ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ยาถาวสรสลกฺขณํ ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา ‘‘ปุพฺพเนฺต อญฺญาณํ ยาว ปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ อญฺญาณ’’นฺติ วุจฺจติ, เอวายํ อวิชฺชา กิจฺจโต ชาติโตปิ กถิตาฯ อยญฺหิ อิมานิ อฎฺฐ ฐานานิ ชานิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทตีติ กิจฺจโต กถิตาฯ อุปฺปชฺชมานาปิ อิเมสุ อฎฺฐสุ ฐาเนสุ อุปฺปชฺชตีติ ชาติโต กถิตาฯ เอวํ กิจฺจโต ชาติโต จ กถิตาปิ ลกฺขณโต กถิเต เอว สุกถิตา โหตีติ ลกฺขณโต ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Tatthāyaṃ avijjā yasmā atītānaṃ khandhādīnaṃ yāva paṭiccasamuppannānaṃ dhammānaṃ yāthāvasarasalakkhaṇaṃ jānituṃ paṭivijjhituṃ na deti chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhati, tasmā ‘‘pubbante aññāṇaṃ yāva paṭiccasamuppannesu dhammesu aññāṇa’’nti vuccati, evāyaṃ avijjā kiccato jātitopi kathitā. Ayañhi imāni aṭṭha ṭhānāni jānituṃ paṭivijjhituṃ na detīti kiccato kathitā. Uppajjamānāpi imesu aṭṭhasu ṭhānesu uppajjatīti jātito kathitā. Evaṃ kiccato jātito ca kathitāpi lakkhaṇato kathite eva sukathitā hotīti lakkhaṇato dassetuṃ ‘‘aññāṇa’’ntiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ญาณํ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ จตุสจฺจธมฺมํ วิทิตํ ปากฎํ กโรติฯ อยํ ปน อวิชฺชา อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ วิทิตํ ปากฎํ กาตุํ น เทตีติ ญาณปจฺจนีกโต อญฺญาณํฯ ทสฺสนนฺติปิ ปญฺญา, สา หิ ตํ อาการํ ปสฺสติฯ อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ปสฺสิตุํ น เทตีติ อทสฺสนํฯ อภิสมโยติปิ ปญฺญา, สา ตํ อาการํ อภิสเมติฯ อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ อภิสเมตุํ น เทตีติ อนภิสมโยฯ อนุโพโธ สโมฺพโธ ปฎิเวโธติปิ ปญฺญา, สา ตํ อาการํ อนุพุชฺฌติ สมฺพุชฺฌติ ปฎิวิชฺฌติฯ อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ อนุพุชฺฌิตุํ สมฺพุชฺฌิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทตีติ อนนุโพโธ อสโมฺพโธ อปฺปฎิเวโธฯ ตถา สลฺลกฺขณํ อุปลกฺขณํ ปจฺจุปลกฺขณํ สมเปกฺขณนฺติปิ ปญฺญา, สา ตํ อาการํ สลฺลกฺขติ อุปลกฺขติ ปจฺจุปลกฺขติ สมํ สมฺมา จ อเปกฺขติฯ อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ตสฺส ตถา กาตุํ น เทตีติ อสลฺลกฺขณํ อนุปลกฺขณํ อปจฺจุปลกฺขณํ อสมเปกฺขณนฺติ จ วุจฺจติฯ
Tattha ñāṇaṃ atthānatthaṃ kāraṇākāraṇaṃ catusaccadhammaṃ viditaṃ pākaṭaṃ karoti. Ayaṃ pana avijjā uppajjitvā taṃ viditaṃ pākaṭaṃ kātuṃ na detīti ñāṇapaccanīkato aññāṇaṃ. Dassanantipi paññā, sā hi taṃ ākāraṃ passati. Avijjā pana uppajjitvā passituṃ na detīti adassanaṃ. Abhisamayotipi paññā, sā taṃ ākāraṃ abhisameti. Avijjā pana uppajjitvā taṃ abhisametuṃ na detīti anabhisamayo. Anubodho sambodho paṭivedhotipi paññā, sā taṃ ākāraṃ anubujjhati sambujjhati paṭivijjhati. Avijjā pana uppajjitvā taṃ anubujjhituṃ sambujjhituṃ paṭivijjhituṃ na detīti ananubodho asambodho appaṭivedho. Tathā sallakkhaṇaṃ upalakkhaṇaṃ paccupalakkhaṇaṃ samapekkhaṇantipi paññā, sā taṃ ākāraṃ sallakkhati upalakkhati paccupalakkhati samaṃ sammā ca apekkhati. Avijjā pana uppajjitvā tassa tathā kātuṃ na detīti asallakkhaṇaṃ anupalakkhaṇaṃ apaccupalakkhaṇaṃ asamapekkhaṇanti ca vuccati.
นาสฺส กิญฺจิ ปจฺจกฺขกมฺมํ อตฺถิ, สยญฺจ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา กตกมฺมนฺติ อปฺปจฺจกฺขกมฺมํฯ ทุเมฺมธานํ ภาโว ทุเมฺมชฺฌํฯ พาลานํ ภาโว พาลฺยํฯ สมฺปชญฺญนฺติ ปญฺญา, สา อตฺถานตฺถํ การณาการณํ จตุสจฺจธมฺมํ สมฺปชานาติฯ อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ การณํ ปชานิตุํ น เทตีติ อสมฺปชญฺญํฯ โมหนวเสน โมโหฯ ปโมหนวเสน ปโมโหฯ สโมฺมหนวเสน สโมฺมโหฯ อวินฺทิยํ วินฺทติ, วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชาฯ วฎฺฎสฺมิํ โอหนติ โอตรตีติ อวิโชฺชโฆฯ วฎฺฎสฺมิํ โยเชตีติ อวิชฺชาโยโคฯ อปฺปหีนเฎฺฐน เจว ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต จ อวิชฺชานุสโยฯ มเคฺค ปริยุฎฺฐิตโจรา วิย อทฺธิเก กุสลจิตฺตํ ปริยุฎฺฐาติ วิลุปฺปตีติ อวิชฺชาปริยุฎฺฐานํฯ ยถา นครทฺวาเร ปลิฆสงฺขาตาย ลงฺคิยา ปติตาย มนุสฺสานํ นครปฺปเวโส ปจฺฉิชฺชติ, เอวเมว ยสฺส สกฺกายนคเร อยํ ปติตา, ตสฺส นิพฺพานสมฺปาปกํ ญาณคมนํ ปจฺฉิชฺชตีติ อวิชฺชาลงฺคี นาม โหติฯ อกุสลญฺจ ตํ มูลญฺจ, อกุสลานํ วา มูลนฺติ อกุสลมูลํฯ ตํ ปน น อญฺญํ, อิธาธิเปฺปโต โมโหติ โมโห อกุสลมูลนฺติ อยํ เอกปทิโก อวิชฺชาย อตฺถุทฺธาโรฯ อยํ เวมตฺตตาติ อยํ อวิชฺชาย เวมตฺตตาฯ
Nāssa kiñci paccakkhakammaṃ atthi, sayañca appaccavekkhitvā katakammanti appaccakkhakammaṃ. Dummedhānaṃ bhāvo dummejjhaṃ. Bālānaṃ bhāvo bālyaṃ. Sampajaññanti paññā, sā atthānatthaṃ kāraṇākāraṇaṃ catusaccadhammaṃ sampajānāti. Avijjā pana uppajjitvā taṃ kāraṇaṃ pajānituṃ na detīti asampajaññaṃ. Mohanavasena moho. Pamohanavasena pamoho. Sammohanavasena sammoho. Avindiyaṃ vindati, vindiyaṃ na vindatīti avijjā. Vaṭṭasmiṃ ohanati otaratīti avijjogho. Vaṭṭasmiṃ yojetīti avijjāyogo. Appahīnaṭṭhena ceva punappunaṃ uppajjanato ca avijjānusayo. Magge pariyuṭṭhitacorā viya addhike kusalacittaṃ pariyuṭṭhāti viluppatīti avijjāpariyuṭṭhānaṃ. Yathā nagaradvāre palighasaṅkhātāya laṅgiyā patitāya manussānaṃ nagarappaveso pacchijjati, evameva yassa sakkāyanagare ayaṃ patitā, tassa nibbānasampāpakaṃ ñāṇagamanaṃ pacchijjatīti avijjālaṅgī nāma hoti. Akusalañca taṃ mūlañca, akusalānaṃ vā mūlanti akusalamūlaṃ. Taṃ pana na aññaṃ, idhādhippeto mohoti moho akusalamūlanti ayaṃ ekapadiko avijjāya atthuddhāro. Ayaṃ vemattatāti ayaṃ avijjāya vemattatā.
วิชฺชาติ วินฺทิยํ วินฺทตีติ วิชฺชา, วิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชา, วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชาฯ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทีสุ ทุกฺขสจฺจสฺส ยาถาวสรสลกฺขณํ ชานาติ ปสฺสติ ปฎิวิชฺฌตีติ ทุเกฺข อริยสเจฺจ วิสยภูเต ญาณํ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปญฺญาติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ปากฎกรณสงฺขาเตน ปญฺญาปนเฎฺฐน ปญฺญา, เตน เตน วา อนิจฺจาทินา ปกาเรน ธเมฺม ชานาตีติ ปญฺญาฯ ปชานนากาโร ปชานนาฯ อนิจฺจาทีนิ วิจินตีติ วิจโยฯ ปกาเรหิ วิจินตีติ ปวิจโยฯ จตุสจฺจธเมฺม วิจินตีติ ธมฺมวิจโยฯ อนิจฺจาทีนํ สลฺลกฺขณวเสน สลฺลกฺขณาฯ เตสํเยว ปติ ปติ อุปลกฺขณวเสน ปจฺจุปลกฺขณาฯ ปณฺฑิตภาโว ปณฺฑิจฺจํฯ กุสลภาโว โกสลฺลํฯ นิปุณภาโว เนปุญฺญํฯ อนิจฺจาทีนํ วิภาวนวเสน เวภพฺยาฯ เตสํเยว จินฺตนวเสน จินฺตาฯ อนิจฺจาทีนิ อุปปริกฺขตีติ อุปปริกฺขาฯ ภูรีติ ปถวิยา นามํ, อยมฺปิ สณฺหเฎฺฐน วิตฺถตเฎฺฐน จ ภูรี วิยาติ ภูรีฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ภูรี วุจฺจติ ปถวี, ตาย ปถวิสมาย วิตฺถตาย ปญฺญาย สมนฺนาคโตติ ภูริปโญฺญ’’ติ (มหานิ. ๒๗)ฯ อปิ จ ภูรีติ ปญฺญาเยเวตํ อธิวจนํฯ ภูเต อเตฺถ รมตีติ ภูรีฯ
Vijjāti vindiyaṃ vindatīti vijjā, vijjhanaṭṭhena vijjā, viditakaraṇaṭṭhena vijjā. ‘‘Dukkhe ñāṇa’’ntiādīsu dukkhasaccassa yāthāvasarasalakkhaṇaṃ jānāti passati paṭivijjhatīti dukkhe ariyasacce visayabhūte ñāṇaṃ ‘‘dukkhe ñāṇa’’nti vuttaṃ. Esa nayo sesesupi. Paññāti tassa tassa atthassa pākaṭakaraṇasaṅkhātena paññāpanaṭṭhena paññā, tena tena vā aniccādinā pakārena dhamme jānātīti paññā. Pajānanākāro pajānanā. Aniccādīni vicinatīti vicayo. Pakārehi vicinatīti pavicayo. Catusaccadhamme vicinatīti dhammavicayo. Aniccādīnaṃ sallakkhaṇavasena sallakkhaṇā. Tesaṃyeva pati pati upalakkhaṇavasena paccupalakkhaṇā. Paṇḍitabhāvo paṇḍiccaṃ. Kusalabhāvo kosallaṃ. Nipuṇabhāvo nepuññaṃ. Aniccādīnaṃ vibhāvanavasena vebhabyā. Tesaṃyeva cintanavasena cintā. Aniccādīni upaparikkhatīti upaparikkhā. Bhūrīti pathaviyā nāmaṃ, ayampi saṇhaṭṭhena vitthataṭṭhena ca bhūrī viyāti bhūrī. Tena vuttaṃ – ‘‘bhūrī vuccati pathavī, tāya pathavisamāya vitthatāya paññāya samannāgatoti bhūripañño’’ti (mahāni. 27). Api ca bhūrīti paññāyevetaṃ adhivacanaṃ. Bhūte atthe ramatīti bhūrī.
กิเลเส เมธติ หิํสตีติ เมธา, ขิปฺปํ คหณธารณเฎฺฐน วา เมธาฯ ยสฺสุปฺปชฺชติ, ตํ สตฺตํ หิตปฎิปตฺติยํ สมฺปยุตฺตํ วา ยาถาวลกฺขณปฎิเวเธ ปริเณตีติ ปริณายิกาฯ อนิจฺจาทิวเสน ธเมฺม วิปสฺสตีติ วิปสฺสนาฯ สมฺมา ปกาเรหิ อนิจฺจาทีนิ ชานาตีติ สมฺปชญฺญํฯ อุปฺปถปฎิปเนฺน สินฺธเว วีถิอาโรปนตฺถํ ปโตโท วิย อุปฺปเถ ธาวนกูฎจิตฺตํ วีถิอาโรปนตฺถํ วิชฺฌตีติ ปโตโท วิยาติ ปโตโทฯ ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ อินฺทฺริยํ, ปญฺญาสงฺขาตํ อินฺทฺริยํ ปญฺญินฺทฺริยํฯ อวิชฺชาย น กมฺปตีติ ปญฺญาพลํฯ กิเลสเจฺฉทนเฎฺฐน ปญฺญาว สตฺถํ ปญฺญาสตฺถํฯ อจฺจุคฺคตเฎฺฐน ปญฺญาว ปาสาโท ปญฺญาปาสาโทฯ อาโลกนเฎฺฐน ปญฺญาว อาโลโก ปญฺญาอาโลโกฯ
Kilese medhati hiṃsatīti medhā, khippaṃ gahaṇadhāraṇaṭṭhena vā medhā. Yassuppajjati, taṃ sattaṃ hitapaṭipattiyaṃ sampayuttaṃ vā yāthāvalakkhaṇapaṭivedhe pariṇetīti pariṇāyikā. Aniccādivasena dhamme vipassatīti vipassanā. Sammā pakārehi aniccādīni jānātīti sampajaññaṃ. Uppathapaṭipanne sindhave vīthiāropanatthaṃ patodo viya uppathe dhāvanakūṭacittaṃ vīthiāropanatthaṃ vijjhatīti patodo viyāti patodo. Dassanalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti indriyaṃ, paññāsaṅkhātaṃ indriyaṃ paññindriyaṃ. Avijjāya na kampatīti paññābalaṃ. Kilesacchedanaṭṭhena paññāva satthaṃ paññāsatthaṃ. Accuggataṭṭhena paññāva pāsādo paññāpāsādo. Ālokanaṭṭhena paññāva āloko paññāāloko.
โอภาสนเฎฺฐน ปญฺญาว โอภาโส ปญฺญาโอภาโสฯ ปโชฺชตนเฎฺฐน ปญฺญาว ปโชฺชโต ปญฺญาปโชฺชโตฯ รติกรณเฎฺฐน รติทายกเฎฺฐน รติชนกเฎฺฐน จิตฺตีกตเฎฺฐน ทุลฺลภปาตุภาวเฎฺฐน อตุลเฎฺฐน อโนมสตฺตปริโภคเฎฺฐน จ ปญฺญาว รตนํ ปญฺญารตนํฯ น เตน สตฺตา มุยฺหนฺติ, สยํ วา อารมฺมเณ น มุยฺหตีติ อโมโหฯ ธมฺมวิจยปทํ วุตฺตตฺถเมวฯ กสฺมา ปเนตํ ปุน วุตฺตนฺติ? อโมหสฺส โมหปฎิปกฺขภาวทีปนตฺถํฯ เตเนตํ ทีเปติ – ยฺวายํ อโมโห, โส น เกวลํ โมหโต อโญฺญ ธโมฺม, โมหสฺส ปฎิปโกฺข ธมฺมวิจยสงฺขาโต อโมโหว อิธาธิเปฺปโตติฯ สมฺมาทิฎฺฐีติ ยาถาวนิยฺยานิกกุสลทิฎฺฐิฯ ธมฺมวิจยสงฺขาโต ปสโตฺถ สุนฺทโร วา โพชฺฌโงฺคติ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺคฯ มคฺคงฺคนฺติ อริยมคฺคสฺส องฺคํ การณนฺติ มคฺคงฺคํฯ อริยมคฺคสฺส อโนฺตคธตฺตา มคฺคปริยาปนฺนนฺติฯ
Obhāsanaṭṭhena paññāva obhāso paññāobhāso. Pajjotanaṭṭhena paññāva pajjoto paññāpajjoto. Ratikaraṇaṭṭhena ratidāyakaṭṭhena ratijanakaṭṭhena cittīkataṭṭhena dullabhapātubhāvaṭṭhena atulaṭṭhena anomasattaparibhogaṭṭhena ca paññāva ratanaṃ paññāratanaṃ. Na tena sattā muyhanti, sayaṃ vā ārammaṇe na muyhatīti amoho. Dhammavicayapadaṃ vuttatthameva. Kasmā panetaṃ puna vuttanti? Amohassa mohapaṭipakkhabhāvadīpanatthaṃ. Tenetaṃ dīpeti – yvāyaṃ amoho, so na kevalaṃ mohato añño dhammo, mohassa paṭipakkho dhammavicayasaṅkhāto amohova idhādhippetoti. Sammādiṭṭhīti yāthāvaniyyānikakusaladiṭṭhi. Dhammavicayasaṅkhāto pasattho sundaro vā bojjhaṅgoti dhammavicayasambojjhaṅgo. Maggaṅganti ariyamaggassa aṅgaṃ kāraṇanti maggaṅgaṃ. Ariyamaggassa antogadhattā maggapariyāpannanti.
อสญฺญาสมาปตฺตีติ สญฺญาวิราคภาวนาวเสน ปวตฺติตา อสญฺญภวูปปตฺตินิพฺพตฺตนสมาปตฺติฯ อนุปฺปเนฺน หิ พุเทฺธ เอกเจฺจ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตฺวา วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานา วุฎฺฐาย สญฺญาย โทสํ ปสฺสนฺติ, สญฺญาย สติ หตฺถเจฺฉทาทิทุกฺขเญฺจว สพฺพภยานิ จ โหนฺติ, ‘‘อลํ อิมาย สญฺญาย, สญฺญาภาโว สโนฺต’’ติ เอวํ สญฺญาย โทสํ ปสฺสิตฺวา สญฺญาวิราควเสน จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา อสญฺญีสุ นิพฺพตฺตนฺติฯ จิตฺตํ เนสํ จุติจิตฺตนิโรเธเนว อิธ นิวตฺตติ, รูปกฺขนฺธมตฺตเมว ตตฺถ นิพฺพตฺตติฯ
Asaññāsamāpattīti saññāvirāgabhāvanāvasena pavattitā asaññabhavūpapattinibbattanasamāpatti. Anuppanne hi buddhe ekacce titthāyatane pabbajitvā vāyokasiṇe parikammaṃ katvā catutthajjhānaṃ nibbattetvā jhānā vuṭṭhāya saññāya dosaṃ passanti, saññāya sati hatthacchedādidukkhañceva sabbabhayāni ca honti, ‘‘alaṃ imāya saññāya, saññābhāvo santo’’ti evaṃ saññāya dosaṃ passitvā saññāvirāgavasena catutthajjhānaṃ nibbattetvā aparihīnajjhānā kālaṃ katvā asaññīsu nibbattanti. Cittaṃ nesaṃ cuticittanirodheneva idha nivattati, rūpakkhandhamattameva tattha nibbattati.
เต ยถา นาม ชิยาเวคุกฺขิโตฺต สโร ยตฺตโก ชิยาเวโค, ตตฺตกเมว อากาเส คจฺฉติ, เอวเมวํ ฌานเวคุกฺขิตฺตา อุปปชฺชิตฺวา ยตฺตโก ฌานเวโค, ตตฺตกเมว กาลํ ติฎฺฐนฺติฯ ฌานเวเค ปน ปริกฺขีเณ ตตฺถ รูปกฺขโนฺธ อนฺตรธายติ, อิธ ปฎิสนฺธิสญฺญา อุปฺปชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อสญฺญภวูปปตฺตินิพฺพตฺตนสมาปตฺตี’’ติฯ วิภูตสญฺญาสมาปตฺตีติ วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติฯ สา หิ ปฐมารุปฺปวิญฺญาณสฺส ปฐมารุปฺปสญฺญายปิ วิภาวนโต ‘‘วิภูตสญฺญา’’ติ วุจฺจติฯ เกจิ ‘‘วิภูตรูปสญฺญา’’ติ ปฐนฺติ, เตสํ มเตน วิภูตรูปสมาปตฺติ นาม เสสารุปฺปสมาปตฺติโยฯ เสสา สมาปตฺติโย สุวิเญฺญยฺยาวฯ
Te yathā nāma jiyāvegukkhitto saro yattako jiyāvego, tattakameva ākāse gacchati, evamevaṃ jhānavegukkhittā upapajjitvā yattako jhānavego, tattakameva kālaṃ tiṭṭhanti. Jhānavege pana parikkhīṇe tattha rūpakkhandho antaradhāyati, idha paṭisandhisaññā uppajjati, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘asaññabhavūpapattinibbattanasamāpattī’’ti. Vibhūtasaññāsamāpattīti viññāṇañcāyatanasamāpatti. Sā hi paṭhamāruppaviññāṇassa paṭhamāruppasaññāyapi vibhāvanato ‘‘vibhūtasaññā’’ti vuccati. Keci ‘‘vibhūtarūpasaññā’’ti paṭhanti, tesaṃ matena vibhūtarūpasamāpatti nāma sesāruppasamāpattiyo. Sesā samāpattiyo suviññeyyāva.
เนวเสกฺขนาเสโกฺข ฌายีติ ฌานลาภี ปุถุชฺชโนฯ อาชานิโย ฌายีติ อรหา, สเพฺพปิ วา อริยปุคฺคลาฯ อสฺสขลุโงฺก ฌายีติ ขลุงฺกสฺสสทิโส ฌายีฯ ตถา หิ ขลุโงฺก อโสฺส ทมถํ น อุเปติ อิโต จิโต จ ยถารุจิ ธาวติ, เอวเมวํ โย ปุถุชฺชโน อภิญฺญาลาภี, โส อภิญฺญา อสฺสาเทตฺวา ‘‘อลเมตฺตาวตา, กตเมตฺตาวตา’’ติ อุตฺตริทมถาย อปริสกฺกโนฺต อภิญฺญาจิตฺตวเสน อิโต จิโต จ ธาวติ ปวตฺตติ, โส ‘‘อสฺสขลุโงฺก ฌายี’’ติ วุโตฺตฯ ทิฎฺฐุตฺตโร ฌายีติ ฌานลาภี ทิฎฺฐิคติโกฯ ปญฺญุตฺตโร ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายี, สโพฺพ เอว วา ปญฺญาธิโก ฌายีฯ
Nevasekkhanāsekkho jhāyīti jhānalābhī puthujjano. Ājāniyo jhāyīti arahā, sabbepi vā ariyapuggalā. Assakhaluṅko jhāyīti khaluṅkassasadiso jhāyī. Tathā hi khaluṅko asso damathaṃ na upeti ito cito ca yathāruci dhāvati, evamevaṃ yo puthujjano abhiññālābhī, so abhiññā assādetvā ‘‘alamettāvatā, katamettāvatā’’ti uttaridamathāya aparisakkanto abhiññācittavasena ito cito ca dhāvati pavattati, so ‘‘assakhaluṅko jhāyī’’ti vutto. Diṭṭhuttaro jhāyīti jhānalābhī diṭṭhigatiko. Paññuttaro jhāyīti lakkhaṇūpanijjhānena jhāyī, sabbo eva vā paññādhiko jhāyī.
สรโณ สมาธีติ อกุสลจิเตฺตกคฺคตา, สโพฺพปิ วา สาสโว สมาธิฯ อรโณ สมาธีติ สโพฺพ กุสลาพฺยากโต สมาธิ, โลกุตฺตโร เอว วาฯ สเวโร สมาธีติ ปฎิฆจิเตฺตสุ เอกคฺคตาฯ อเวโร สมาธีติ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติฯ อนนฺตรทุเกปิ เอเสว นโยฯ สามิโส สมาธีติ โลกิยสมาธิฯ โส หิ อนติกฺกนฺตวฎฺฎามิสโลกามิสตาย สามิโสฯ นิรามิโส สมาธีติ โลกุตฺตโร สมาธิฯ สสงฺขาโร สมาธีติ ทุกฺขาปฎิปโท ทนฺธาภิโญฺญ สุขาปฎิปโท จ ทนฺธาภิโญฺญฯ โส หิ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน จิเตฺตน ปจฺจนีกธเมฺม กิเจฺฉน กสิเรน นิคฺคเหตฺวา อธิคนฺตโพฺพฯ อิตโร อสงฺขาโร สมาธิฯ เอกํสภาวิโต สมาธีติ สุกฺขวิปสฺสกสฺส สมาธิฯ อุภยํสภาวิโต สมาธีติ สมถยานิกสฺส สมาธิฯ อุภยโต ภาวิตภาวโน สมาธีติ กายสกฺขิโน อุภโตภาควิมุตฺตสฺส จ สมาธิฯ โส หิ อุภยโต ภาเคหิ อุภยโต ภาวิตภาวโนฯ
Saraṇo samādhīti akusalacittekaggatā, sabbopi vā sāsavo samādhi. Araṇo samādhīti sabbo kusalābyākato samādhi, lokuttaro eva vā. Savero samādhīti paṭighacittesu ekaggatā. Avero samādhīti mettācetovimutti. Anantaradukepi eseva nayo. Sāmiso samādhīti lokiyasamādhi. So hi anatikkantavaṭṭāmisalokāmisatāya sāmiso. Nirāmiso samādhīti lokuttaro samādhi. Sasaṅkhāro samādhīti dukkhāpaṭipado dandhābhiñño sukhāpaṭipado ca dandhābhiñño. So hi sasaṅkhārena sappayogena cittena paccanīkadhamme kicchena kasirena niggahetvā adhigantabbo. Itaro asaṅkhāro samādhi. Ekaṃsabhāvito samādhīti sukkhavipassakassa samādhi. Ubhayaṃsabhāvito samādhīti samathayānikassa samādhi. Ubhayato bhāvitabhāvano samādhīti kāyasakkhino ubhatobhāgavimuttassa ca samādhi. So hi ubhayato bhāgehi ubhayato bhāvitabhāvano.
อาคาฬฺหปฎิปทาติ กามานํ โอโรหนปฎิปตฺติ, กามสุขานุโยโคติ อโตฺถฯ นิชฺฌามปฎิปทาติ กามสฺส นิชฺฌาปนวเสน เขทนวเสน ปวตฺตา ปฎิปตฺติ, อตฺตกิลมถานุโยโคติ อโตฺถฯ อกฺขมา ปฎิปทาติอาทีสุ ปธานกรณกาเล สีตาทีนิ อสหนฺตสฺส ปฎิปทา, ตานิ นกฺขมตีติ อกฺขมาฯ สหนฺตสฺส ปน ตานิ ขมตีติ ขมาฯ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔; ๖.๕๘) นเยน มิจฺฉาวิตเกฺก สเมตีติ สมาฯ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ ทเมตีติ ทมา ปฎิปทาฯ
Āgāḷhapaṭipadāti kāmānaṃ orohanapaṭipatti, kāmasukhānuyogoti attho. Nijjhāmapaṭipadāti kāmassa nijjhāpanavasena khedanavasena pavattā paṭipatti, attakilamathānuyogoti attho. Akkhamā paṭipadātiādīsu padhānakaraṇakāle sītādīni asahantassa paṭipadā, tāni nakkhamatīti akkhamā. Sahantassa pana tāni khamatīti khamā. ‘‘Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā (ma. ni. 1.26; a. ni. 4.14; 6.58) nayena micchāvitakke sametīti samā. Manacchaṭṭhāni indriyāni dametīti damā paṭipadā.
เอวนฺติ อิมินา วุตฺตนเยนฯ โย ธโมฺมติ โย โกจิ ชาติอาทิธโมฺมฯ ยสฺส ธมฺมสฺสาติ ตโต อญฺญสฺส ชราทิธมฺมสฺสฯ สมานภาโวติ ทุกฺขาทิภาเวน สมานภาโวฯ เอกตฺตตายาติ สมานตาย ทุกฺขาทิภาวานํ เอกีภาเวนฯ เอกี ภวตีติ อเนโกปิ ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทินา เอกสทฺทาภิเธยฺยตาย เอกี ภวติฯ เอเตน เอกตฺตตาย ลกฺขณมาหฯ เยน เยน วา ปน วิลกฺขโณติ โย ธโมฺม ยสฺส ธมฺมสฺส เยน เยน ภาเวน วิสทิโสฯ เตน เตน เวมตฺตํ คจฺฉตีติ เตน เตน ภาเวน โส ธโมฺม ตสฺส ธมฺมสฺส เวมตฺตตํ วิสทิสตฺตํ คจฺฉติ, ทุกฺขภาเวน สมาโนปิ ชาติอาทิโก อภินิพฺพตฺติอาทิภาเวน ชราทิกสฺส วิสิฎฺฐตํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ อิมินา เวมตฺตตาย ลกฺขณมาหฯ
Evanti iminā vuttanayena. Yo dhammoti yo koci jātiādidhammo. Yassa dhammassāti tato aññassa jarādidhammassa. Samānabhāvoti dukkhādibhāvena samānabhāvo. Ekattatāyāti samānatāya dukkhādibhāvānaṃ ekībhāvena. Ekī bhavatīti anekopi ‘‘dukkha’’ntiādinā ekasaddābhidheyyatāya ekī bhavati. Etena ekattatāya lakkhaṇamāha. Yena yena vā pana vilakkhaṇoti yo dhammo yassa dhammassa yena yena bhāvena visadiso. Tena tena vemattaṃ gacchatīti tena tena bhāvena so dhammo tassa dhammassa vemattataṃ visadisattaṃ gacchati, dukkhabhāvena samānopi jātiādiko abhinibbattiādibhāvena jarādikassa visiṭṭhataṃ gacchatīti attho. Iminā vemattatāya lakkhaṇamāha.
อิทานิ ตาว เอกตฺตเวมตฺตตาวิสเย นิโยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สุเตฺต วา เวยฺยากรเณ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุจฺฉิตนฺติ ปุจฺฉาวเสน เทสิตสุตฺตวเสน วุตฺตํ, น ปน อธิฎฺฐานหารสฺส ปุจฺฉาวิสยตายฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
Idāni tāva ekattavemattatāvisaye niyojetvā dassetuṃ ‘‘sutte vā veyyākaraṇe vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha pucchitanti pucchāvasena desitasuttavasena vuttaṃ, na pana adhiṭṭhānahārassa pucchāvisayatāya. Sesaṃ uttānameva.
อธิฎฺฐานหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Adhiṭṭhānahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑๔. อธิฎฺฐานหารวิภโงฺค • 14. Adhiṭṭhānahāravibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๔. อธิฎฺฐานหารวิภงฺควณฺณนา • 14. Adhiṭṭhānahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑๔. อธิฎฺฐานหารวิภงฺควิภาวนา • 14. Adhiṭṭhānahāravibhaṅgavibhāvanā