Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๘. วตฺตกฺขนฺธกํ
8. Vattakkhandhakaṃ
๑. อาคนฺตุกวตฺตกถา
1. Āgantukavattakathā
๓๕๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อาคนฺตุกา ภิกฺขู สอุปาหนาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, ฉตฺตปคฺคหิตาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, โอคุณฺฐิตาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, สีเสปิ จีวรํ กริตฺวา อารามํ ปวิสนฺติ, ปานีเยนปิ ปาเท โธวนฺติ, วุฑฺฒตเรปิ อาวาสิเก ภิกฺขู น อภิวาเทนฺติ, นปิ เสนาสนํ ปุจฺฉนฺติฯ อญฺญตโรปิ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ อนชฺฌาวุฎฺฐํ วิหารํ ฆฎิกํ อุคฺฆาเฎตฺวา กวาฎํ ปณาเมตฺวา สหสา ปาวิสิฯ ตสฺส อุปริปิฎฺฐิโต 1 อหิ ขเนฺธ ปปติฯ โส ภีโต วิสฺสรมกาสิฯ ภิกฺขู อุปธาวิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, อาวุโส, วิสฺสรมกาสี’’ติ? อถ โข โส ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อาคนฺตุกา ภิกฺขู สอุปาหนาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, ฉตฺตปคฺคหิตาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, โอคุณฺฐิตาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, สีเสปิ จีวรํ กริตฺวา อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, ปานีเยนปิ ปาเท โธวิสฺสนฺติ, วุฑฺฒตเรปิ อาวาสิเก ภิกฺขู น อภิวาเทสฺสนฺติ, นปิ เสนาสนํ ปุจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ‘‘อาคนฺตุกา ภิกฺขู สอุปาหนาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, ฉตฺตปคฺคหิตาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, โอคุณฺฐิตาปิ อารามํ ปวิสนฺติ, สีเสปิ จีวรํ กริตฺวา อารามํ ปวิสนฺติ, ปานีเยนิปิ ปาเท โธวนฺติ, วุฑฺฒตเรปิ อาวาสิเก ภิกฺขู น อภิวาเทนฺติ, นปิ เสนาสนํ ปุจฺฉนฺตีติฯ สจฺจํ ภควาติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ภิกฺขเว อาคนฺตุกา ภิกฺขู สอุปาหนาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, ฉตฺตปคฺคหิตาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, โอคุณฺฐิตาปิ อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, สีเสปิ จีวรํ กริตฺวา อารามํ ปวิสิสฺสนฺติ, ปานีเยนปิ ปาเท โธวิสฺสนฺติ, วุฑฺฒตเรปิ อาวาสิเก ภิกฺขู น อภิวาเทสฺสนฺติ, นปิ เสนาสนํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เนตํ ภิกฺขเว อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
356. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āgantukā bhikkhū saupāhanāpi ārāmaṃ pavisanti, chattapaggahitāpi ārāmaṃ pavisanti, oguṇṭhitāpi ārāmaṃ pavisanti, sīsepi cīvaraṃ karitvā ārāmaṃ pavisanti, pānīyenapi pāde dhovanti, vuḍḍhatarepi āvāsike bhikkhū na abhivādenti, napi senāsanaṃ pucchanti. Aññataropi āgantuko bhikkhu anajjhāvuṭṭhaṃ vihāraṃ ghaṭikaṃ ugghāṭetvā kavāṭaṃ paṇāmetvā sahasā pāvisi. Tassa uparipiṭṭhito 2 ahi khandhe papati. So bhīto vissaramakāsi. Bhikkhū upadhāvitvā taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘‘kissa tvaṃ, āvuso, vissaramakāsī’’ti? Atha kho so bhikkhu bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āgantukā bhikkhū saupāhanāpi ārāmaṃ pavisissanti, chattapaggahitāpi ārāmaṃ pavisissanti, oguṇṭhitāpi ārāmaṃ pavisissanti, sīsepi cīvaraṃ karitvā ārāmaṃ pavisissanti, pānīyenapi pāde dhovissanti, vuḍḍhatarepi āvāsike bhikkhū na abhivādessanti, napi senāsanaṃ pucchissantī’’ti! Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, ‘‘āgantukā bhikkhū saupāhanāpi ārāmaṃ pavisanti, chattapaggahitāpi ārāmaṃ pavisanti, oguṇṭhitāpi ārāmaṃ pavisanti, sīsepi cīvaraṃ karitvā ārāmaṃ pavisanti, pānīyenipi pāde dhovanti, vuḍḍhatarepi āvāsike bhikkhū na abhivādenti, napi senāsanaṃ pucchantīti. Saccaṃ bhagavāti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma bhikkhave āgantukā bhikkhū saupāhanāpi ārāmaṃ pavisissanti, chattapaggahitāpi ārāmaṃ pavisissanti, oguṇṭhitāpi ārāmaṃ pavisissanti, sīsepi cīvaraṃ karitvā ārāmaṃ pavisissanti, pānīyenapi pāde dhovissanti, vuḍḍhatarepi āvāsike bhikkhū na abhivādessanti, napi senāsanaṃ pucchissanti, netaṃ bhikkhave appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –
๓๕๗. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปญฺญเปสฺสามิ ยถา อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ อาคนฺตุเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ‘อิทานิ อารามํ ปวิสิสฺสามี’ติ อุปาหนา โอมุญฺจิตฺวา นีจํ กตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา คเหตฺวา ฉตฺตํ อปนาเมตฺวา สีสํ วิวริตฺวา สีเส จีวรํ 3 ขเนฺธ กตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน อาราโม ปวิสิตโพฺพฯ อารามํ ปวิสเนฺตน สลฺลเกฺขตพฺพํ – ‘กตฺถ อาวาสิกา ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺตี’ติ? ยตฺถ อาวาสิกา ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺติ – อุปฎฺฐานสาลาย วา มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา – ตตฺถ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพ; เอกมนฺตํ จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ; ปติรูปํ อาสนํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํ; ปานียํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปริโภชนียํ ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘กตมํ ปานียํ, กตมํ ปริโภชนีย’นฺติ? สเจ ปานีเยน อโตฺถ โหติ, ปานียํ คเหตฺวา ปาตพฺพํฯ สเจ ปริโภชนีเยน อโตฺถ โหติ, ปริโภชนียํ คเหตฺวา ปาทา โธวิตพฺพาฯ ปาเท โธวเนฺตน เอเกน หเตฺถน อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ, เอเกน หเตฺถน ปาทา โธวิตพฺพาฯ เตเนว อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ 4 น เตเนว หเตฺถน ปาทา โธวิตพฺพาฯ อุปาหนปุญฺฉนโจฬกํ ปุจฺฉิตฺวา อุปาหนา ปุญฺฉิตพฺพาฯ อุปาหนา ปุญฺฉเนฺตน ปฐมํ สุเกฺขน โจฬเกน ปุญฺฉิตพฺพา, ปจฺฉา อเลฺลนฯ อุปาหนาปุญฺฉนโจฬกํ โธวิตฺวา 5 เอกมนฺตํ วิสฺสเชฺชตพฺพํฯ
357. ‘‘Tena hi, bhikkhave, āgantukānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ paññapessāmi yathā āgantukehi bhikkhūhi sammā vattitabbaṃ. Āgantukena, bhikkhave, bhikkhunā ‘idāni ārāmaṃ pavisissāmī’ti upāhanā omuñcitvā nīcaṃ katvā papphoṭetvā gahetvā chattaṃ apanāmetvā sīsaṃ vivaritvā sīse cīvaraṃ 6 khandhe katvā sādhukaṃ ataramānena ārāmo pavisitabbo. Ārāmaṃ pavisantena sallakkhetabbaṃ – ‘kattha āvāsikā bhikkhū paṭikkamantī’ti? Yattha āvāsikā bhikkhū paṭikkamanti – upaṭṭhānasālāya vā maṇḍape vā rukkhamūle vā – tattha gantvā ekamantaṃ patto nikkhipitabbo; ekamantaṃ cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ; patirūpaṃ āsanaṃ gahetvā nisīditabbaṃ; pānīyaṃ pucchitabbaṃ, paribhojanīyaṃ pucchitabbaṃ – ‘katamaṃ pānīyaṃ, katamaṃ paribhojanīya’nti? Sace pānīyena attho hoti, pānīyaṃ gahetvā pātabbaṃ. Sace paribhojanīyena attho hoti, paribhojanīyaṃ gahetvā pādā dhovitabbā. Pāde dhovantena ekena hatthena udakaṃ āsiñcitabbaṃ, ekena hatthena pādā dhovitabbā. Teneva udakaṃ āsiñcitabbaṃ 7 na teneva hatthena pādā dhovitabbā. Upāhanapuñchanacoḷakaṃ pucchitvā upāhanā puñchitabbā. Upāhanā puñchantena paṭhamaṃ sukkhena coḷakena puñchitabbā, pacchā allena. Upāhanāpuñchanacoḷakaṃ dhovitvā 8 ekamantaṃ vissajjetabbaṃ.
‘‘สเจ อาวาสิโก ภิกฺขุ วุโฑฺฒ โหติ, อภิวาเทตโพฺพฯ สเจ นวโก โหติ, อภิวาทาเปตโพฺพฯ เสนาสนํ ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘กตมํ เม เสนาสนํ ปาปุณาตี’ติ? อชฺฌาวุฎฺฐํ วา อนชฺฌาวุฎฺฐํ วา ปุจฺฉิตพฺพํ, โคจโร ปุจฺฉิตโพฺพ, อโคจโร ปุจฺฉิตโพฺพ, เสกฺขสมฺมตานิ 9 กุลานิ ปุจฺฉิตพฺพานิ , วจฺจฎฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปสฺสาวฎฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปานียํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปริโภชนียํ ปุจฺฉิตพฺพํ, กตฺตรทโณฺฑ ปุจฺฉิตโพฺพ, สงฺฆสฺส กติกสณฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘กํ กาลํ ปวิสิตพฺพํ, กํ กาลํ นิกฺขมิตพฺพ’นฺติ? สเจ วิหาโร อนชฺฌาวุโฎฺฐ โหติ, กวาฎํ อาโกเฎตฺวา มุหุตฺตํ อาคเมตฺวา ฆฎิกํ อุคฺฆาเฎตฺวา กวาฎํ ปณาเมตฺวา พหิ ฐิเตน นิโลฺลเกตโพฺพฯ
‘‘Sace āvāsiko bhikkhu vuḍḍho hoti, abhivādetabbo. Sace navako hoti, abhivādāpetabbo. Senāsanaṃ pucchitabbaṃ – ‘katamaṃ me senāsanaṃ pāpuṇātī’ti? Ajjhāvuṭṭhaṃ vā anajjhāvuṭṭhaṃ vā pucchitabbaṃ, gocaro pucchitabbo, agocaro pucchitabbo, sekkhasammatāni 10 kulāni pucchitabbāni , vaccaṭṭhānaṃ pucchitabbaṃ, passāvaṭṭhānaṃ pucchitabbaṃ, pānīyaṃ pucchitabbaṃ, paribhojanīyaṃ pucchitabbaṃ, kattaradaṇḍo pucchitabbo, saṅghassa katikasaṇṭhānaṃ pucchitabbaṃ – ‘kaṃ kālaṃ pavisitabbaṃ, kaṃ kālaṃ nikkhamitabba’nti? Sace vihāro anajjhāvuṭṭho hoti, kavāṭaṃ ākoṭetvā muhuttaṃ āgametvā ghaṭikaṃ ugghāṭetvā kavāṭaṃ paṇāmetvā bahi ṭhitena nilloketabbo.
‘‘สเจ วิหาโร อุกฺลาโป โหติ, มเญฺจ วา มโญฺจ อาโรปิโต โหติ, ปีเฐ วา ปีฐํ อาโรปิตํ โหติ, เสนาสนํ อุปริ ปุญฺชีกตํ 11 โหติ, สเจ อุสฺสหติ, โสเธตโพฺพฯ 12 วิหารํ โสเธเนฺตน ปฐมํ ภูมตฺถรณํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ; มญฺจปฎิปาทกา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพา; ภิสิพิโพฺพหนํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ; นิสีทนปจฺจตฺถรณํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ; มโญฺจ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน, อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปิฎฺฐํ, นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ; ปีฐํ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน, อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปิฎฺฐํ, นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ; เขฬมลฺลโก นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ; อปเสฺสนผลกํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ วิหาเร สนฺตานกํ โหติ, อุโลฺลกา ปฐมํ โอหาเรตพฺพํ, อาโลกสนฺธิกณฺณภาคา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ เครุกปริกมฺมกตา ภิตฺติ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ กาฬวณฺณกตา ภูมิ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ อกตา โหติ ภูมิ, อุทเกน ปริโปฺผสิตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพา – มา วิหาโร รเชน อุหญฺญีติ 13ฯ สงฺการํ วิจินิตฺวา เอกมนฺตํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ
‘‘Sace vihāro uklāpo hoti, mañce vā mañco āropito hoti, pīṭhe vā pīṭhaṃ āropitaṃ hoti, senāsanaṃ upari puñjīkataṃ 14 hoti, sace ussahati, sodhetabbo. 15 Vihāraṃ sodhentena paṭhamaṃ bhūmattharaṇaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ; mañcapaṭipādakā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbā; bhisibibbohanaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ; nisīdanapaccattharaṇaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ; mañco nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena, asaṅghaṭṭentena kavāṭapiṭṭhaṃ, nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo; pīṭhaṃ nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena, asaṅghaṭṭentena kavāṭapiṭṭhaṃ, nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ; kheḷamallako nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo; apassenaphalakaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ. Sace vihāre santānakaṃ hoti, ullokā paṭhamaṃ ohāretabbaṃ, ālokasandhikaṇṇabhāgā pamajjitabbā. Sace gerukaparikammakatā bhitti kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace kāḷavaṇṇakatā bhūmi kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace akatā hoti bhūmi, udakena paripphositvā sammajjitabbā – mā vihāro rajena uhaññīti 16. Saṅkāraṃ vicinitvā ekamantaṃ chaḍḍetabbaṃ.
‘‘ภูมตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน 17 ปญฺญเปตพฺพํฯ มญฺจปฎิปาทกา โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน 18 ฐเปตพฺพาฯ มโญฺจ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน, อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปิฎฺฐํ, อติหริตฺวา ยถาฐาเน 19 ปญฺญเปตโพฺพฯ ปีฐํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน, อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปิฎฺฐํ, อติหริตฺวา ยถาฐาเน 20 ปญฺญเปตพฺพํฯ ภิสิพิโพฺพหนํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาภาคํ ปญฺญเปตพฺพํฯ นิสีทนปจฺจตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาภาคํ ปญฺญเปตพฺพํฯ เขฬมลฺลโก โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาภาคํ ฐเปตโพฺพฯ อปเสฺสนผลกํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาภาคํ ฐเปตพฺพํฯ ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ ปตฺตํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน เหฎฺฐามญฺจํ วา เหฎฺฐาปีฐํ วา ปรามสิตฺวา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพฯ น จ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพฯ จีวรํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ
‘‘Bhūmattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāṭhāne 21 paññapetabbaṃ. Mañcapaṭipādakā otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathāṭhāne 22 ṭhapetabbā. Mañco otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena, asaṅghaṭṭentena kavāṭapiṭṭhaṃ, atiharitvā yathāṭhāne 23 paññapetabbo. Pīṭhaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena, asaṅghaṭṭentena kavāṭapiṭṭhaṃ, atiharitvā yathāṭhāne 24 paññapetabbaṃ. Bhisibibbohanaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathābhāgaṃ paññapetabbaṃ. Nisīdanapaccattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathābhāgaṃ paññapetabbaṃ. Kheḷamallako otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathābhāgaṃ ṭhapetabbo. Apassenaphalakaṃ otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathābhāgaṃ ṭhapetabbaṃ. Pattacīvaraṃ nikkhipitabbaṃ. Pattaṃ nikkhipantena ekena hatthena pattaṃ gahetvā ekena hatthena heṭṭhāmañcaṃ vā heṭṭhāpīṭhaṃ vā parāmasitvā patto nikkhipitabbo. Na ca anantarahitāya bhūmiyā patto nikkhipitabbo. Cīvaraṃ nikkhipantena ekena hatthena cīvaraṃ gahetvā ekena hatthena cīvaravaṃsaṃ vā cīvararajjuṃ vā pamajjitvā pārato antaṃ orato bhogaṃ katvā cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ.
‘‘สเจ ปุรตฺถิมา สรชา วาตา วายนฺติ, ปุรตฺถิมา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ ปจฺฉิมา สรชา วาตา วายนฺติ, ปจฺฉิมา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ อุตฺตรา สรชา วาตา วายนฺติ, อุตฺตรา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ ทกฺขิณา สรชา วาตา วายนฺติ, ทกฺขิณา วาตปานา ถเกตพฺพา ฯ สเจ สีตกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา วิวริตพฺพา, รตฺติํ ถเกตพฺพาฯ สเจ อุณฺหกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา ถเกตพฺพา, รตฺติํ วิวริตพฺพาฯ
‘‘Sace puratthimā sarajā vātā vāyanti, puratthimā vātapānā thaketabbā. Sace pacchimā sarajā vātā vāyanti, pacchimā vātapānā thaketabbā. Sace uttarā sarajā vātā vāyanti, uttarā vātapānā thaketabbā. Sace dakkhiṇā sarajā vātā vāyanti, dakkhiṇā vātapānā thaketabbā . Sace sītakālo hoti, divā vātapānā vivaritabbā, rattiṃ thaketabbā. Sace uṇhakālo hoti, divā vātapānā thaketabbā, rattiṃ vivaritabbā.
‘‘สเจ ปริเวณํ อุกฺลาปํ โหติ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํฯ สเจ โกฎฺฐโก อุกฺลาโป โหติ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพฯ สเจ อุปฎฺฐานสาลา อุกฺลาปา โหติ, อุปฎฺฐานสาลา สมฺมชฺชิตพฺพาฯ สเจ อคฺคิสาลา อุกฺลาปา โหติ, อคฺคิสาลา สมฺมชฺชิตพฺพาฯ สเจ วจฺจกุฎิ อุกฺลาปา โหติ, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพาฯ สเจ ปานียํ น โหติ, ปานียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ ปริโภชนียํ น โหติ, ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ น โหติ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ยถา อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สมฺมา วตฺติตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Sace pariveṇaṃ uklāpaṃ hoti, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ. Sace koṭṭhako uklāpo hoti, koṭṭhako sammajjitabbo. Sace upaṭṭhānasālā uklāpā hoti, upaṭṭhānasālā sammajjitabbā. Sace aggisālā uklāpā hoti, aggisālā sammajjitabbā. Sace vaccakuṭi uklāpā hoti, vaccakuṭi sammajjitabbā. Sace pānīyaṃ na hoti, pānīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace paribhojanīyaṃ na hoti, paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace ācamanakumbhiyā udakaṃ na hoti, ācamanakumbhiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ. Idaṃ kho, bhikkhave, āgantukānaṃ bhikkhūnaṃ vattaṃ yathā āgantukehi bhikkhūhi sammā vattitabba’’nti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อาคนฺตุกวตฺตกถา • Āgantukavattakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา • Āgantukavattakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา • Āgantukavattakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อาคนฺตุกวตฺตกถาวณฺณนา • Āgantukavattakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. อาคนฺตุกวตฺตกถา • 1. Āgantukavattakathā