Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๔. อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนา
4. Aggaññasuttavaṇṇanā
วาเสฎฺฐภารทฺวาชวณฺณนา
Vāseṭṭhabhāradvājavaṇṇanā
๑๑๑. เอวํ เม สุตนฺติ อคฺคญฺญสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพิกถาฯ อตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกา อุปาสิกา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทานํ ทตฺวา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส อคฺคุปฎฺฐายิกา โหมี’’ติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ เจว มนุเสฺสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฎฺฐิปุตฺตสฺส ธนญฺจยเสฎฺฐิโน เคเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ชาตกาเล ตสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุฯ สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อาคมาสิ, ตทา ปญฺจทาสิสเตหิ สทฺธิํ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฐมทสฺสนมฺหิเยว โสตาปนฺนา อโหสิฯ
111.Evaṃme sutanti aggaññasuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā – pubbārāme migāramātupāsādeti ettha ayaṃ anupubbikathā. Atīte satasahassakappamatthake ekā upāsikā padumuttaraṃ bhagavantaṃ nimantetvā buddhappamukhassa bhikkhusatasahassassa dānaṃ datvā bhagavato pādamūle nipajjitvā ‘‘anāgate tumhādisassa buddhassa aggupaṭṭhāyikā homī’’ti patthanaṃ akāsi. Sā kappasatasahassaṃ devesu ceva manussesu ca saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle bhaddiyanagare meṇḍakaseṭṭhiputtassa dhanañcayaseṭṭhino gehe sumanadeviyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Jātakāle tassā visākhāti nāmaṃ akaṃsu. Sā yadā bhagavā bhaddiyanagaraṃ āgamāsi, tadā pañcadāsisatehi saddhiṃ bhagavato paccuggamanaṃ katvā paṭhamadassanamhiyeva sotāpannā ahosi.
อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฎฺฐิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตาฯ ตตฺถ นํ มิคารเสฎฺฐิ มาตุฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติฯ ปติกุลํ คจฺฉนฺติยา จสฺสา ปิตา มหาลตาปิฬนฺธนํ นาม การาเปสิฯ ตสฺมิํ ปิฬนฺธเน จตโสฺส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ, มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส ทฺวาวีสติ นาฬิโย, มณีนํ เตตฺติํส นาฬิโยฯ อิติ เอเตหิ จ อเญฺญหิ จ สตฺตหิ รตเนหิ นิฎฺฐานํ อคมาสิฯ ตํ สีเส ปฎิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฎฺฐิยา ภสฺสติฯ ปญฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธารยมานาว นํ อิตฺถี ธาเรตุํ สโกฺกติฯ สา อปรภาเค ทสพลสฺส อคฺคุปฎฺฐายิกา หุตฺวา ตํ ปสาธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา นวหิ โกฎีหิ ภควโต วิหารํ การยมานา กรีสมเตฺต ภูมิภาเค ปาสาทํ กาเรสิ ฯ ตสฺส อุปริภูมิยํ ปญฺจ คพฺภสตานิ โหนฺติ, เหฎฺฐิมภูมิยํ ปญฺจาติ คพฺภสหสฺสปฺปฎิมณฺฑิโต อโหสิฯ สา ‘‘สุทฺธปาสาโทว น โสภตี’’ติ ตํ ปริวาเรตฺวา ปญฺจ ทุวฑฺฒเคหสตานิ, ปญฺจ จูฬปาสาทสตานิ , ปญฺจ ทีฆสาลสตานิ จ การาเปสิฯ วิหารมโห จตูหิ มาเสหิ นิฎฺฐานํ อคมาสิฯ
Aparabhāge sāvatthiyaṃ migāraseṭṭhiputtassa puṇṇavaḍḍhanakumārassa gehaṃ gatā. Tattha naṃ migāraseṭṭhi mātuṭṭhāne ṭhapesi. Tasmā migāramātāti vuccati. Patikulaṃ gacchantiyā cassā pitā mahālatāpiḷandhanaṃ nāma kārāpesi. Tasmiṃ piḷandhane catasso vajiranāḷiyo upayogaṃ agamaṃsu, muttānaṃ ekādasa nāḷiyo, pavāḷassa dvāvīsati nāḷiyo, maṇīnaṃ tettiṃsa nāḷiyo. Iti etehi ca aññehi ca sattahi ratanehi niṭṭhānaṃ agamāsi. Taṃ sīse paṭimukkaṃ yāva pādapiṭṭhiyā bhassati. Pañcannaṃ hatthīnaṃ balaṃ dhārayamānāva naṃ itthī dhāretuṃ sakkoti. Sā aparabhāge dasabalassa aggupaṭṭhāyikā hutvā taṃ pasādhanaṃ vissajjetvā navahi koṭīhi bhagavato vihāraṃ kārayamānā karīsamatte bhūmibhāge pāsādaṃ kāresi . Tassa uparibhūmiyaṃ pañca gabbhasatāni honti, heṭṭhimabhūmiyaṃ pañcāti gabbhasahassappaṭimaṇḍito ahosi. Sā ‘‘suddhapāsādova na sobhatī’’ti taṃ parivāretvā pañca duvaḍḍhagehasatāni, pañca cūḷapāsādasatāni , pañca dīghasālasatāni ca kārāpesi. Vihāramaho catūhi māsehi niṭṭhānaṃ agamāsi.
มาตุคามตฺตภาเว ฐิตาย วิสาขาย วิย อญฺญิสฺสา พุทฺธสาสเน ธนปริจฺจาโค นาม นตฺถิ, ปุริสตฺตภาเว ฐิตสฺส อนาถปิณฺฑิกสฺส วิย อญฺญสฺสาติฯ โส หิ จตุปณฺณาสโกฎิโย วิสฺสเชฺชตฺวา สาวตฺถิยา ทกฺขิณภาเค อนุราธปุรสฺส มหาวิหารสทิเส ฐาเน เชตวนมหาวิหารํ นาม กาเรสิฯ วิสาขา สาวตฺถิยา ปาจีนภาเค อุตฺตรเทวิยา วิหารสทิเส ฐาเน ปุพฺพารามํ นาม กาเรสิฯ ภควา อิเมสํ ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุกมฺปาย สาวตฺถิํ นิสฺสาย วิหรโนฺต อิเมสุ ทฺวีสุ วิหาเรสุ นิพทฺธวาสํ วสิฯ เอกํ อโนฺตวสฺสํ เชตวเน วสติ, เอกํ ปุพฺพาราเมฯ ตสฺมิํ สมเย ปน ภควา ปุพฺพาราเม วิหรติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท’’ติฯ
Mātugāmattabhāve ṭhitāya visākhāya viya aññissā buddhasāsane dhanapariccāgo nāma natthi, purisattabhāve ṭhitassa anāthapiṇḍikassa viya aññassāti. So hi catupaṇṇāsakoṭiyo vissajjetvā sāvatthiyā dakkhiṇabhāge anurādhapurassa mahāvihārasadise ṭhāne jetavanamahāvihāraṃ nāma kāresi. Visākhā sāvatthiyā pācīnabhāge uttaradeviyā vihārasadise ṭhāne pubbārāmaṃ nāma kāresi. Bhagavā imesaṃ dvinnaṃ kulānaṃ anukampāya sāvatthiṃ nissāya viharanto imesu dvīsu vihāresu nibaddhavāsaṃ vasi. Ekaṃ antovassaṃ jetavane vasati, ekaṃ pubbārāme. Tasmiṃ samaye pana bhagavā pubbārāme viharati. Tena vuttaṃ ‘‘pubbārāme migāramātupāsāde’’ti.
วาเสฎฺฐภารทฺวาชาติ วาเสโฎฺฐ จ สามเณโร ภารทฺวาโช จฯ ภิกฺขูสุ ปริวสนฺตีติ เต เนว ติตฺถิยปริวาสํ วสนฺติ, น อาปตฺติปริวาสํฯ อปริปุณฺณวสฺสตฺตา ปน ภิกฺขุภาวํ ปตฺถยมานา วสนฺติฯ เตเนวาห ‘‘ภิกฺขุภาวํ อากงฺขมานา’’ติฯ อุโภปิ เหเต อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺตา, จตฺตาลีส จตฺตาลีส โกฎิวิภวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู มชฺฌิมนิกาเย วาเสฎฺฐสุตฺตํ สุตฺวา สรณํ คตา, เตวิชฺชสุตฺตํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อิมสฺมิํ กาเล ภิกฺขุภาวํ อากงฺขมานา ปริวสนฺติฯ อโพฺภกาเส จงฺกมตีติ อุตฺตรทกฺขิเณน อายตสฺส ปาสาทสฺส ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปาสาทจฺฉายายํ ยนฺตรชฺชูหิ อากฑฺฒิยมานํ รตนสตุเพฺพธํ สุวณฺณอคฺฆิกํ วิย อนิลปเถ วิธาวนฺตีหิ ฉพฺพณฺณาหิ พุทฺธรสฺมีหิ โสภมาโน อปราปรํ จงฺกมติฯ
Vāseṭṭhabhāradvājāti vāseṭṭho ca sāmaṇero bhāradvājo ca. Bhikkhūsu parivasantīti te neva titthiyaparivāsaṃ vasanti, na āpattiparivāsaṃ. Aparipuṇṇavassattā pana bhikkhubhāvaṃ patthayamānā vasanti. Tenevāha ‘‘bhikkhubhāvaṃ ākaṅkhamānā’’ti. Ubhopi hete udiccabrāhmaṇamahāsālakule nibbattā, cattālīsa cattālīsa koṭivibhavā tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū majjhimanikāye vāseṭṭhasuttaṃ sutvā saraṇaṃ gatā, tevijjasuttaṃ sutvā pabbajitvā imasmiṃ kāle bhikkhubhāvaṃ ākaṅkhamānā parivasanti. Abbhokāse caṅkamatīti uttaradakkhiṇena āyatassa pāsādassa puratthimadisābhāge pāsādacchāyāyaṃ yantarajjūhi ākaḍḍhiyamānaṃ ratanasatubbedhaṃ suvaṇṇaagghikaṃ viya anilapathe vidhāvantīhi chabbaṇṇāhi buddharasmīhi sobhamāno aparāparaṃ caṅkamati.
๑๑๓. อนุจงฺกมิํสูติ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห โอนตสรีรา หุตฺวา อนุวตฺตมานา จงฺกมิํสุฯ วาเสฎฺฐํ อามเนฺตสีติ โส เตสํ ปณฺฑิตตโร คเหตพฺพํ วิสฺสเชฺชตพฺพญฺจ ชานาติ, ตสฺมา ตํ อามเนฺตสิฯ ตุเมฺห ขฺวตฺถาติ ตุเมฺห โข อตฺถฯ พฺราหฺมณชจฺจาติ, พฺราหฺมณชาติกาฯ พฺราหฺมณกุลีนาติ พฺราหฺมเณสุ กุลีนา กุลสมฺปนฺนาฯ พฺราหฺมณกุลาติ พฺราหฺมณกุลโต, โภคาทิสมฺปนฺนํ พฺราหฺมณกุลํ ปหายาติ อโตฺถฯ น อโกฺกสนฺตีติ ทสวิเธน อโกฺกสวตฺถุนา น อโกฺกสนฺติฯ น ปริภาสนฺตีติ นานาวิธาย ปริภวกถาย น ปริภาสนฺตีติ อโตฺถฯ อิติ ภควา ‘‘พฺราหฺมณา อิเม สามเณเร อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺตี’’ติ ชานมาโนว ปุจฺฉติฯ กสฺมา? อิเม มยา อปุจฺฉิตา ปฐมตรํ น กเถสฺสนฺติ, อกถิเต กถา น สมุฎฺฐาตีติ กถาสมุฎฺฐาปนตฺถายฯ ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโต, เอกํเสเนว โน, ภเนฺต, พฺราหฺมณา อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ อตฺตรูปายาติ อตฺตโน อนุรูปายฯ ปริปุณฺณายาติ ยถารุจิ ปทพฺยญฺชนานิ อาโรเปตฺวา อาโรเปตฺวา ปริปูริตายฯ โน อปริปุณฺณายาติ อนฺตรา อฎฺฐปิตาย นิรนฺตรํ ปวตฺตายฯ
113.Anucaṅkamiṃsūti añjaliṃ paggayha onatasarīrā hutvā anuvattamānā caṅkamiṃsu. Vāseṭṭhaṃ āmantesīti so tesaṃ paṇḍitataro gahetabbaṃ vissajjetabbañca jānāti, tasmā taṃ āmantesi. Tumhe khvatthāti tumhe kho attha. Brāhmaṇajaccāti, brāhmaṇajātikā. Brāhmaṇakulīnāti brāhmaṇesu kulīnā kulasampannā. Brāhmaṇakulāti brāhmaṇakulato, bhogādisampannaṃ brāhmaṇakulaṃ pahāyāti attho. Na akkosantīti dasavidhena akkosavatthunā na akkosanti. Na paribhāsantīti nānāvidhāya paribhavakathāya na paribhāsantīti attho. Iti bhagavā ‘‘brāhmaṇā ime sāmaṇere akkosanti paribhāsantī’’ti jānamānova pucchati. Kasmā? Ime mayā apucchitā paṭhamataraṃ na kathessanti, akathite kathā na samuṭṭhātīti kathāsamuṭṭhāpanatthāya. Tagghāti ekaṃsavacane nipāto, ekaṃseneva no, bhante, brāhmaṇā akkosanti paribhāsantīti vuttaṃ hoti. Attarūpāyāti attano anurūpāya. Paripuṇṇāyāti yathāruci padabyañjanāni āropetvā āropetvā paripūritāya. No aparipuṇṇāyāti antarā aṭṭhapitāya nirantaraṃ pavattāya.
กสฺมา ปน พฺราหฺมณา อิเม สามเณเร อโกฺกสนฺตีติ? อปฺปติฎฺฐตายฯ อิเม หิ สามเณรา อคฺคพฺราหฺมณานํ ปุตฺตา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ชมฺพุทีเป พฺราหฺมณานํ อนฺตเร ปากฎา สมฺภาวิตา เตสํ ปพฺพชิตตฺตา อเญฺญ พฺราหฺมณปุตฺตา ปพฺพชิํสุฯ อถ โข พฺราหฺมณา ‘‘อปติฎฺฐา มยํ ชาตา’’ติ อิมาย อปฺปติฎฺฐตาย คามทฺวาเรปิ อโนฺตคาเมปิ เต ทิสฺวา ‘‘ตุเมฺหหิ พฺราหฺมณสมโย ภิโนฺน, มุณฺฑสมณกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต รสคิทฺธา หุตฺวา วิจรถา’’ติอาทีนิ เจว ปาฬิยํ อาคตานิ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ’’ติอาทีนิ จ วตฺวา อโกฺกสนฺติฯ สามเณรา เตสุ อโกฺกสเนฺตสุปิ โกปํ วา อาฆาตํ วา อกตฺวา เกวลํ ภควตา ปุฎฺฐา ‘‘ตคฺฆ โน, ภเนฺต, พฺราหฺมณา อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺตี’’ติ อาโรเจสุํฯ อถ เน ภควา อโกฺกสนาการํ ปุจฺฉโนฺต ยถา กถํ ปน โวติ ปุจฺฉติฯ เต อาจิกฺขนฺตา พฺราหฺมณา ภเนฺตติอาทิมาหํสุฯ
Kasmā pana brāhmaṇā ime sāmaṇere akkosantīti? Appatiṭṭhatāya. Ime hi sāmaṇerā aggabrāhmaṇānaṃ puttā tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū jambudīpe brāhmaṇānaṃ antare pākaṭā sambhāvitā tesaṃ pabbajitattā aññe brāhmaṇaputtā pabbajiṃsu. Atha kho brāhmaṇā ‘‘apatiṭṭhā mayaṃ jātā’’ti imāya appatiṭṭhatāya gāmadvārepi antogāmepi te disvā ‘‘tumhehi brāhmaṇasamayo bhinno, muṇḍasamaṇakassa pacchato pacchato rasagiddhā hutvā vicarathā’’tiādīni ceva pāḷiyaṃ āgatāni ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo’’tiādīni ca vatvā akkosanti. Sāmaṇerā tesu akkosantesupi kopaṃ vā āghātaṃ vā akatvā kevalaṃ bhagavatā puṭṭhā ‘‘taggha no, bhante, brāhmaṇā akkosanti paribhāsantī’’ti ārocesuṃ. Atha ne bhagavā akkosanākāraṃ pucchanto yathā kathaṃ pana voti pucchati. Te ācikkhantā brāhmaṇā bhantetiādimāhaṃsu.
ตตฺถ เสโฎฺฐ วโณฺณติ ชาติโคตฺตาทีนํ ปญฺญาปนฎฺฐาเน พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐติ ทเสฺสนฺติฯ หีนา อเญฺญ วณฺณาติ อิตเร ตโย วณฺณา หีนา ลามกาติ วทนฺติฯ สุโกฺกติ ปณฺฑโรฯ กโณฺหติ กาฬโกฯ สุชฺฌนฺตีติ ชาติโคตฺตาทีนํ ปญฺญาปนฎฺฐาเน สุชฺฌนฺติฯ พฺรหฺมุโน ปุตฺตาติ มหาพฺรหฺมุโน ปุตฺตาฯ โอรสา มุขโต ชาตาติ อุเร วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตา, อุเร กตฺวา สํวฑฺฒิตาติ วา โอรสาฯ พฺรหฺมชาติ พฺรหฺมโต นิพฺพตฺตาฯ พฺรหฺมนิมฺมิตาติ พฺรหฺมุนา นิมฺมิตาฯ พฺรหฺมทายาทาติ พฺรหฺมุโน ทายาทาฯ หีนมตฺถ วณฺณํ อชฺฌุปคตาติ หีนํ วณฺณํ อชฺฌุปคตา อตฺถฯ มุณฺฑเก สมณเกติ นินฺทนฺตา ชิคุจฺฉนฺตา วทนฺติ, น มุณฺฑกมตฺตเญฺจว สมณมตฺตญฺจ สนฺธายฯ อิเพฺภติ คหปติเกฯ กเณฺหติ กาฬเกฯ พนฺธูติ มารสฺส พนฺธุภูเต มารปกฺขิเกฯ ปาทาปเจฺจติ มหาพฺรหฺมุโน ปาทานํ อปจฺจภูเต ปาทโต ชาเตติ อธิปฺปาโยฯ
Tattha seṭṭho vaṇṇoti jātigottādīnaṃ paññāpanaṭṭhāne brāhmaṇova seṭṭhoti dassenti. Hīnā aññe vaṇṇāti itare tayo vaṇṇā hīnā lāmakāti vadanti. Sukkoti paṇḍaro. Kaṇhoti kāḷako. Sujjhantīti jātigottādīnaṃ paññāpanaṭṭhāne sujjhanti. Brahmuno puttāti mahābrahmuno puttā. Orasā mukhato jātāti ure vasitvā mukhato nikkhantā, ure katvā saṃvaḍḍhitāti vā orasā. Brahmajāti brahmato nibbattā. Brahmanimmitāti brahmunā nimmitā. Brahmadāyādāti brahmuno dāyādā. Hīnamattha vaṇṇaṃ ajjhupagatāti hīnaṃ vaṇṇaṃ ajjhupagatā attha. Muṇḍakesamaṇaketi nindantā jigucchantā vadanti, na muṇḍakamattañceva samaṇamattañca sandhāya. Ibbheti gahapatike. Kaṇheti kāḷake. Bandhūti mārassa bandhubhūte mārapakkhike. Pādāpacceti mahābrahmuno pādānaṃ apaccabhūte pādato jāteti adhippāyo.
๑๑๔. ‘‘ตคฺฆ โว, วาเสฎฺฐ, พฺราหฺมณา โปราณํ อสฺสรนฺตา เอวมาหํสู’’ติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ, สามิวจนํ วา, ตุมฺหากํ พฺราหฺมณาติ อโตฺถฯ โปราณนฺติ โปราณกํ อคฺคญฺญํ โลกุปฺปตฺติจริยวํสํฯ อสฺสรนฺตาติ อสฺสรมานาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, เอกํเสน โว, วาเสฎฺฐ, พฺราหฺมณา โปราณํ โลกุปฺปตฺติํ อนนุสฺสรนฺตา อชานนฺตา เอวํ วทนฺตีติฯ ‘‘ทิสฺสนฺติ โข ปนา’’ติ เอวมาทิ เตสํ ลทฺธิภินฺทนตฺถาย วุตฺตํฯ ตตฺถ พฺราหฺมณิโยติ พฺราหฺมณานํ ปุตฺตปฺปฎิลาภตฺถาย อาวาหวิวาหวเสน กุลํ อานีตา พฺราหฺมณิโย ทิสฺสนฺติฯ ตา โข ปเนตา อปเรน สมเยน อุตุนิโยปิ โหนฺติ, สญฺชาตปุปฺผาติ อโตฺถฯ คพฺภินิโยติ สญฺชาตคพฺภาฯ วิชายมานาติ ปุตฺตธีตโร ชนยมานาฯ ปายมานาติ ทารเก ถญฺญํ ปายนฺติโยฯ โยนิชาว สมานาติ พฺราหฺมณีนํ ปสฺสาวมเคฺคน ชาตา สมานาฯ เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติฯ กถํ? ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ…เป.… พฺรหฺมทายาทา’’ติฯ ยทิ ปน เนสํ ตํ สจฺจวจนํ สิยา, พฺราหฺมณีนํ กุจฺฉิ มหาพฺรหฺมสฺส อุโร ภเวยฺย, พฺราหฺมณีนํ ปสฺสาวมโคฺค มหาพฺรหฺมุโน มุขํ ภเวยฺย, น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘เต จ พฺรหฺมูนเญฺจว อพฺภาจิกฺขนฺตี’’ติอาทิฯ
114. ‘‘Taggha vo, vāseṭṭha, brāhmaṇā porāṇaṃ assarantā evamāhaṃsū’’ti ettha voti nipātamattaṃ, sāmivacanaṃ vā, tumhākaṃ brāhmaṇāti attho. Porāṇanti porāṇakaṃ aggaññaṃ lokuppatticariyavaṃsaṃ. Assarantāti assaramānā. Idaṃ vuttaṃ hoti, ekaṃsena vo, vāseṭṭha, brāhmaṇā porāṇaṃ lokuppattiṃ ananussarantā ajānantā evaṃ vadantīti. ‘‘Dissanti kho panā’’ti evamādi tesaṃ laddhibhindanatthāya vuttaṃ. Tattha brāhmaṇiyoti brāhmaṇānaṃ puttappaṭilābhatthāya āvāhavivāhavasena kulaṃ ānītā brāhmaṇiyo dissanti. Tā kho panetā aparena samayena utuniyopi honti, sañjātapupphāti attho. Gabbhiniyoti sañjātagabbhā. Vijāyamānāti puttadhītaro janayamānā. Pāyamānāti dārake thaññaṃ pāyantiyo. Yonijāva samānāti brāhmaṇīnaṃ passāvamaggena jātā samānā. Evamāhaṃsūti evaṃ vadanti. Kathaṃ? ‘‘Brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo…pe… brahmadāyādā’’ti. Yadi pana nesaṃ taṃ saccavacanaṃ siyā, brāhmaṇīnaṃ kucchi mahābrahmassa uro bhaveyya, brāhmaṇīnaṃ passāvamaggo mahābrahmuno mukhaṃ bhaveyya, na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘te ca brahmūnañceva abbhācikkhantī’’tiādi.
จตุวณฺณสุทฺธิวณฺณนา
Catuvaṇṇasuddhivaṇṇanā
เอตฺตาวตา ‘‘มยํ มหาพฺรหฺมุโน อุเร วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตาติ วตฺตุํ มา ลภนฺตู’’ติ อิมํ มุขเจฺฉทกวาทํ วตฺวา ปุน จตฺตาโรปิ วณฺณา กุสเล ธเมฺม สมาทาย วตฺตนฺตาว สุชฺฌนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ จตฺตาโรเม, วาเสฎฺฐ, วณฺณาติอาทิมาหฯ อกุสลสงฺขาตาติ อกุสลาติ สงฺขาตา อกุสลโกฎฺฐาสภูตา วาฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ น อลมริยาติ อริยภาเว อสมตฺถาฯ กณฺหาติ ปกติกาฬกาฯ กณฺหวิปากาติ วิปาโกปิ เนสํ กโณฺห ทุโกฺขติ อโตฺถฯ ขตฺติเยปิ เตติ ขตฺติยมฺหิปิ เตฯ เอกเจฺจติ เอกสฺมิํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ
Ettāvatā ‘‘mayaṃ mahābrahmuno ure vasitvā mukhato nikkhantāti vattuṃ mā labhantū’’ti imaṃ mukhacchedakavādaṃ vatvā puna cattāropi vaṇṇā kusale dhamme samādāya vattantāva sujjhantīti dassanatthaṃ cattārome, vāseṭṭha, vaṇṇātiādimāha. Akusalasaṅkhātāti akusalāti saṅkhātā akusalakoṭṭhāsabhūtā vā. Esa nayo sabbattha. Na alamariyāti ariyabhāve asamatthā. Kaṇhāti pakatikāḷakā. Kaṇhavipākāti vipākopi nesaṃ kaṇho dukkhoti attho. Khattiyepi teti khattiyamhipi te. Ekacceti ekasmiṃ. Esa nayo sabbattha.
สุกฺกาติ นิกฺกิเลสภาเวน ปณฺฑราฯ สุกฺกวิปากาติ วิปาโกปิ เนสํ สุโกฺก สุโขติ อโตฺถฯ
Sukkāti nikkilesabhāvena paṇḍarā. Sukkavipākāti vipākopi nesaṃ sukko sukhoti attho.
๑๑๖. อุภยโวกิเณฺณสุ วตฺตมาเนสูติ อุภเยสุ โวกิเณฺณสุ มิสฺสีภูเตสุ หุตฺวา วตฺตมาเนสุฯ กตเมสุ อุภเยสูติ? กณฺหสุเกฺกสุ ธเมฺมสุ วิญฺญุครหิเตสุ เจว วิญฺญุปฺปสเตฺถสุ จฯ ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสูติ เอตฺถ เอเตสุ กณฺหสุกฺกธเมฺมสุ วตฺตมานาปิ พฺราหฺมณา ยเทตํ เอวํ วทนฺติ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ’’ติอาทิฯ ตํ เนสํ วิญฺญู นานุชานนฺตีติ เย โลเก ปณฺฑิตา, เต นานุโมทนฺติ, น ปสํสนฺตีติ อโตฺถฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อิเมสญฺหิ วาเสฎฺฐาติอาทิมฺหิ อยํ สเงฺขปโตฺถฯ ยํ วุตฺตํ นานุชานนฺตีติ, ตํ กสฺมาติ เจ? ยสฺมา อิเมสํ จตุนฺนํ วณฺณานํ โย ภิกฺขุ อรหํ…เป.… สมฺมทญฺญา วิมุโตฺต, โส เตสํ อคฺคมกฺขายติ, เต จ น เอวรูปาฯ ตสฺมา เนสํ วิญฺญู นานุชานนฺติฯ
116.Ubhayavokiṇṇesu vattamānesūti ubhayesu vokiṇṇesu missībhūtesu hutvā vattamānesu. Katamesu ubhayesūti? Kaṇhasukkesu dhammesu viññugarahitesu ceva viññuppasatthesu ca. Yadettha brāhmaṇā evamāhaṃsūti ettha etesu kaṇhasukkadhammesu vattamānāpi brāhmaṇā yadetaṃ evaṃ vadanti ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo’’tiādi. Taṃ nesaṃ viññū nānujānantīti ye loke paṇḍitā, te nānumodanti, na pasaṃsantīti attho. Taṃ kissa hetu? Imesañhi vāseṭṭhātiādimhi ayaṃ saṅkhepattho. Yaṃ vuttaṃ nānujānantīti, taṃ kasmāti ce? Yasmā imesaṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ yo bhikkhu arahaṃ…pe… sammadaññā vimutto, so tesaṃ aggamakkhāyati, te ca na evarūpā. Tasmā nesaṃ viññū nānujānanti.
อรหนฺติอาทิปเทสุ เจตฺถ กิเลสานํ อารกตฺตาทีหิ การเณหิ อรหํฯ อาสวานํ ขีณตฺตา ขีณาสโว ฯ สตฺต เสกฺขา ปุถุชฺชนกลฺยาณกา จ พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นามฯ อยํ ปน วุตฺถวาโสติ วุสิตวาฯ จตูหิ มเคฺคหิ จตูสุ สเจฺจสุ ปริชานนาทิกรณียํ กตํ อสฺสาติ กตกรณีโยฯ กิเลสภาโร จ ขนฺธภาโร จ โอหิโต อสฺสาติ โอหิตภาโรฯ โอหิโตติ โอหาริโตฯ สุนฺทโร อโตฺถ, สโก วา อโตฺถ สทโตฺถ, อนุปฺปโตฺต สทโตฺถ เอเตนาติ อนุปฺปตฺตสทโตฺถฯ ภวสํโยชนํ วุจฺจติ ตณฺหา, สา ปริกฺขีณา อสฺสาติ ปริกฺขีณภวสํโยชโนฯ สมฺมทญฺญา วิมุโตฺตติ สมฺมา เหตุนา การเณน ชานิตฺวา วิมุโตฺตฯ ชเนตสฺมินฺติ ชเน เอตสฺมิํ, อิมสฺมิํ โลเกติ อโตฺถฯ ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปรายญฺจาติ อิธตฺตภาเว จ ปรตฺตภาเวฯ
Arahantiādipadesu cettha kilesānaṃ ārakattādīhi kāraṇehi arahaṃ. Āsavānaṃ khīṇattā khīṇāsavo. Satta sekkhā puthujjanakalyāṇakā ca brahmacariyavāsaṃ vasanti nāma. Ayaṃ pana vutthavāsoti vusitavā. Catūhi maggehi catūsu saccesu parijānanādikaraṇīyaṃ kataṃ assāti katakaraṇīyo. Kilesabhāro ca khandhabhāro ca ohito assāti ohitabhāro. Ohitoti ohārito. Sundaro attho, sako vā attho sadattho, anuppatto sadattho etenāti anuppattasadattho. Bhavasaṃyojanaṃ vuccati taṇhā, sā parikkhīṇā assāti parikkhīṇabhavasaṃyojano. Sammadaññā vimuttoti sammā hetunā kāraṇena jānitvā vimutto. Janetasminti jane etasmiṃ, imasmiṃ loketi attho. Diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāyañcāti idhattabhāve ca parattabhāve.
๑๑๗. อนนฺตราติ อนฺตรวิรหิตา, อตฺตโน กุเลน สทิสาติ อโตฺถฯ อนุยุตฺตาติ วสวตฺติโนฯ นิปจฺจการนฺติ มหลฺลกตรา นิปจฺจการํ ทเสฺสนฺติฯ ทหรตรา อภิวาทนาทีนิ กโรนฺติฯ ตตฺถ สามีจิกมฺมนฺติ ตํตํวตฺตกรณาทิ อนุจฺฉวิกกมฺมํฯ
117.Anantarāti antaravirahitā, attano kulena sadisāti attho. Anuyuttāti vasavattino. Nipaccakāranti mahallakatarā nipaccakāraṃ dassenti. Daharatarā abhivādanādīni karonti. Tattha sāmīcikammanti taṃtaṃvattakaraṇādi anucchavikakammaṃ.
๑๑๘. นิวิฎฺฐาติ อภินิวิฎฺฐา อจลฎฺฐิตาฯ กสฺส ปน เอวรูปา สทฺธา โหตีติ? โสตาปนฺนสฺสฯ โส หิ นิวิฎฺฐสโทฺธ อสินา สีเส เฉชฺชมาเนปิ พุโทฺธ อพุโทฺธติ วา, ธโมฺม อธโมฺมติ วา, สโงฺฆ อสโงฺฆติ วา น วทติฯ ปติฎฺฐิตสโทฺธ โหติ สูรมฺพโฎฺฐ วิยฯ
118.Niviṭṭhāti abhiniviṭṭhā acalaṭṭhitā. Kassa pana evarūpā saddhā hotīti? Sotāpannassa. So hi niviṭṭhasaddho asinā sīse chejjamānepi buddho abuddhoti vā, dhammo adhammoti vā, saṅgho asaṅghoti vā na vadati. Patiṭṭhitasaddho hoti sūrambaṭṭho viya.
โส กิร สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปโนฺน หุตฺวา เคหํ อคมาสิฯ อถ มาโร ทฺวตฺติํสวรลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิตํ พุทฺธรูปํ มาเปตฺวา ตสฺส ฆรทฺวาเร ฐตฺวา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สาสนํ ปหิณิฯ สูรมฺพโฎฺฐ จิเนฺตสิ ‘‘อหํ อิทาเนว สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อาคโต, กิํ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุสญฺญาย วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ มาโร อาห – ‘‘อมฺพฎฺฐ, ยํ เต มยา ‘รูปํ อนิจฺจํ…เป.… วิญฺญาณํ อนิจฺจนฺติ กถิตํ, ตํ ทุกฺกถิตํฯ อนุปธาเรตฺวาว หิ มยา เอวํ วุตฺตํฯ ตสฺมา ตฺวํ ‘รูปํ นิจฺจํ…เป.… วิญฺญาณํ นิจฺจ’นฺติ คณฺหาหี’’ติฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ ยํ พุทฺธา อนุปธาเรตฺวา อปจฺจกฺขํ กตฺวา กิญฺจิ กเถยฺยุํ, อทฺธา อยํ มยฺหํ วิจฺฉินฺทชนนตฺถํ มาโร อาคโต’’ติฯ ตโต นํ ‘‘ตฺวํ มาโรสี’’ติ อาหฯ โส มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขิฯ ‘‘อาม มาโรสฺมี’’ติ ปฎิชานาติฯ ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ตว สทฺธาจาลนตฺถนฺติ อาหฯ ‘‘กณฺห ปาปิม, ตฺวํ ตาว เอโก ติฎฺฐ, ตาทิสานํ มารานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ มม สทฺธํ จาเลตุํ อสมตฺถํ, มเคฺคน อาคตสทฺธา นาม ถิรา สิลาปถวิยํ ปติฎฺฐิตสิเนรุ วิย อจลา โหติ, กิํ ตฺวํ เอตฺถา’’ติ อจฺฉรํ ปหริฯ โส ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ เอวรูปํ สทฺธํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘นิวิฎฺฐา’’ติฯ
So kira satthu dhammadesanaṃ sutvā sotāpanno hutvā gehaṃ agamāsi. Atha māro dvattiṃsavaralakkhaṇappaṭimaṇḍitaṃ buddharūpaṃ māpetvā tassa gharadvāre ṭhatvā ‘‘satthā āgato’’ti sāsanaṃ pahiṇi. Sūrambaṭṭho cintesi ‘‘ahaṃ idāneva satthu santike dhammaṃ sutvā āgato, kiṃ nu kho bhavissatī’’ti upasaṅkamitvā satthusaññāya vanditvā aṭṭhāsi. Māro āha – ‘‘ambaṭṭha, yaṃ te mayā ‘rūpaṃ aniccaṃ…pe… viññāṇaṃ aniccanti kathitaṃ, taṃ dukkathitaṃ. Anupadhāretvāva hi mayā evaṃ vuttaṃ. Tasmā tvaṃ ‘rūpaṃ niccaṃ…pe… viññāṇaṃ nicca’nti gaṇhāhī’’ti. So cintesi – ‘‘aṭṭhānametaṃ yaṃ buddhā anupadhāretvā apaccakkhaṃ katvā kiñci katheyyuṃ, addhā ayaṃ mayhaṃ vicchindajananatthaṃ māro āgato’’ti. Tato naṃ ‘‘tvaṃ mārosī’’ti āha. So musāvādaṃ kātuṃ nāsakkhi. ‘‘Āma mārosmī’’ti paṭijānāti. ‘‘Kasmā āgatosī’’ti? Tava saddhācālanatthanti āha. ‘‘Kaṇha pāpima, tvaṃ tāva eko tiṭṭha, tādisānaṃ mārānaṃ satampi sahassampi satasahassampi mama saddhaṃ cāletuṃ asamatthaṃ, maggena āgatasaddhā nāma thirā silāpathaviyaṃ patiṭṭhitasineru viya acalā hoti, kiṃ tvaṃ etthā’’ti accharaṃ pahari. So ṭhātuṃ asakkonto tattheva antaradhāyi. Evarūpaṃ saddhaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘niviṭṭhā’’ti.
มูลชาตา ปติฎฺฐิตาติ มคฺคมูลสฺส สญฺชาตตฺตา เตน มคฺคมูเลน ปติฎฺฐิตาฯ ทฬฺหาติ ถิราฯ อสํหาริยาติ สุนิขาตอินฺทขีโล วิย เกนจิ จาเลตุํ อสกฺกุเณยฺยาฯ ตเสฺสตํ กลฺลํ วจนายาติ ตสฺส อริยสาวกสฺส ยุตฺตเมตํ วตฺตุํฯ กินฺติ? ‘‘ภควโตมฺหิ ปุโตฺต โอรโส’’ติ เอวมาทิฯ โส หิ ภควนฺตํ นิสฺสาย อริยภูมิยํ ชาโตติ ภควโต ปุโตฺตฯ อุเร วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตธมฺมโฆสวเสน มคฺคผเลสุ ปติฎฺฐิตตฺตา โอรโส มุขโต ชาโตฯ อริยธมฺมโต ชาตตฺตา อริยธเมฺมน จ นิมฺมิตตฺตา ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโตฯ นวโลกุตฺตรธมฺมทายชฺชํ อรหตีติ ธมฺมทายาโทฯ ตํ กิสฺส เหตูติ ยเทตํ ‘‘ภควโตมฺหิ ปุโตฺต’’ติ วตฺวา ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุตฺตํ, ตํ กสฺมาติ เจ? อิทานิสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ตถาคตสฺส เหตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ กสฺมา ตถาคโต ‘‘ธมฺมกาโย’’ติ วุโตฺต? ตถาคโต หิ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ หทเยน จิเนฺตตฺวา วาจาย อภินีหริฯ เตนสฺส กาโย ธมฺมมยตฺตา ธโมฺมวฯ อิติ ธโมฺม กาโย อสฺสาติ ธมฺมกาโยฯ ธมฺมกายตฺตา เอว พฺรหฺมกาโยฯ ธโมฺม หิ เสฎฺฐเตฺถน พฺรหฺมาติ วุจฺจติฯ ธมฺมภูโตติ ธมฺมสภาโวฯ ธมฺมภูตตฺตา เอว พฺรหฺมภูโตฯ
Mūlajātāpatiṭṭhitāti maggamūlassa sañjātattā tena maggamūlena patiṭṭhitā. Daḷhāti thirā. Asaṃhāriyāti sunikhātaindakhīlo viya kenaci cāletuṃ asakkuṇeyyā. Tassetaṃ kallaṃ vacanāyāti tassa ariyasāvakassa yuttametaṃ vattuṃ. Kinti? ‘‘Bhagavatomhi putto oraso’’ti evamādi. So hi bhagavantaṃ nissāya ariyabhūmiyaṃ jātoti bhagavato putto. Ure vasitvā mukhato nikkhantadhammaghosavasena maggaphalesu patiṭṭhitattā oraso mukhato jāto. Ariyadhammato jātattā ariyadhammena ca nimmitattā dhammajo dhammanimmito. Navalokuttaradhammadāyajjaṃ arahatīti dhammadāyādo. Taṃ kissa hetūti yadetaṃ ‘‘bhagavatomhi putto’’ti vatvā ‘‘dhammajo dhammanimmito’’ti vuttaṃ, taṃ kasmāti ce? Idānissa atthaṃ dassento tathāgatassa hetantiādimāha. Tattha ‘‘dhammakāyo itipī’’ti kasmā tathāgato ‘‘dhammakāyo’’ti vutto? Tathāgato hi tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ hadayena cintetvā vācāya abhinīhari. Tenassa kāyo dhammamayattā dhammova. Iti dhammo kāyo assāti dhammakāyo. Dhammakāyattā eva brahmakāyo. Dhammo hi seṭṭhatthena brahmāti vuccati. Dhammabhūtoti dhammasabhāvo. Dhammabhūtattā eva brahmabhūto.
๑๑๙. เอตฺตาวตา ภควา เสฎฺฐเจฺฉทกวาทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อปเรนปิ นเยน เสฎฺฐเจฺฉทกวาทเมว ทเสฺสตุํ โหติ โข โส, วาเสฎฺฐ, สมโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกถา พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตาวฯ อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉนฺตีติ อิตฺถภาวํ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉนฺติฯ เตธ โหนฺติ มโนมยาติ เต อิธ มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตมานาปิ โอปปาติกา หุตฺวา มเนเนว นิพฺพตฺตาติ มโนมยาฯ พฺรหฺมโลเก วิย อิธาปิ เนสํ ปีติเยว อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ ปีติภกฺขาฯ เอเตเนว นเยน สยํปภาทีนิปิ เวทิตพฺพานีติฯ
119. Ettāvatā bhagavā seṭṭhacchedakavādaṃ dassetvā idāni aparenapi nayena seṭṭhacchedakavādameva dassetuṃ hoti kho so, vāseṭṭha, samayotiādimāha. Tattha saṃvaṭṭavivaṭṭakathā brahmajāle vitthāritāva. Itthattaṃ āgacchantīti itthabhāvaṃ manussattaṃ āgacchanti. Tedha honti manomayāti te idha manussaloke nibbattamānāpi opapātikā hutvā maneneva nibbattāti manomayā. Brahmaloke viya idhāpi nesaṃ pītiyeva āhārakiccaṃ sādhetīti pītibhakkhā. Eteneva nayena sayaṃpabhādīnipi veditabbānīti.
รสปถวิปาตุภาววณฺณนา
Rasapathavipātubhāvavaṇṇanā
๑๒๐. เอโกทกีภูตนฺติ สพฺพํ จกฺกวาฬํ เอโกทกเมว ภูตํฯ อนฺธกาโรติ ตโมฯ อนฺธการติมิสาติ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺตินิวารเณน อนฺธภาวกรณํ พหลตมํฯ สมตนีติ ปติฎฺฐหิ สมนฺตโต ปตฺถริฯ ปยโส ตตฺตสฺสาติ ตตฺตสฺส ขีรสฺสฯ วณฺณสมฺปนฺนาติ วเณฺณน สมฺปนฺนาฯ กณิการปุปฺผสทิโส หิสฺสา วโณฺณ อโหสิฯ คนฺธสมฺปนฺนาติ คเนฺธน สมฺปนฺนา ทิพฺพคนฺธํ วายติฯ รสสมฺปนฺนาติ รเสน สมฺปนฺนา ปกฺขิตฺตทิโพฺพชา วิย โหติฯ ขุทฺทมธุนฺติ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ กตมธุํฯ อเนฬกนฺติ นิโทฺทสํ มกฺขิกณฺฑกวิรหิตํฯ โลลชาติโกติ โลลสภาโวฯ อตีตานนฺตเรปิ กเปฺป โลโลเยวฯ อโมฺภติ อจฺฉริยชาโต อาหฯ กิเมวิทํ ภวิสฺสตีติ วโณฺณปิสฺสา มนาโป คโนฺธปิ, รโส ปนสฺสา กีทิโส ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ โย ตตฺถ อุปฺปนฺนโลโภ, โส รสปถวิํ องฺคุลิยา สายิ, องฺคุลิยา คเหตฺวา ชิวฺหเคฺค ฐเปสิฯ
120.Ekodakībhūtanti sabbaṃ cakkavāḷaṃ ekodakameva bhūtaṃ. Andhakāroti tamo. Andhakāratimisāti cakkhuviññāṇuppattinivāraṇena andhabhāvakaraṇaṃ bahalatamaṃ. Samatanīti patiṭṭhahi samantato patthari. Payasotattassāti tattassa khīrassa. Vaṇṇasampannāti vaṇṇena sampannā. Kaṇikārapupphasadiso hissā vaṇṇo ahosi. Gandhasampannāti gandhena sampannā dibbagandhaṃ vāyati. Rasasampannāti rasena sampannā pakkhittadibbojā viya hoti. Khuddamadhunti khuddakamakkhikāhi katamadhuṃ. Aneḷakanti niddosaṃ makkhikaṇḍakavirahitaṃ. Lolajātikoti lolasabhāvo. Atītānantarepi kappe loloyeva. Ambhoti acchariyajāto āha. Kimevidaṃ bhavissatīti vaṇṇopissā manāpo gandhopi, raso panassā kīdiso bhavissatīti attho. Yo tattha uppannalobho, so rasapathaviṃ aṅguliyā sāyi, aṅguliyā gahetvā jivhagge ṭhapesi.
อจฺฉาเทสีติ ชิวฺหเคฺค ฐปิตมตฺตา สตฺต รสหรณีสหสฺสานิ ผริตฺวา มนาปา หุตฺวา ติฎฺฐติฯ ตณฺหา จสฺส โอกฺกมีติ ตตฺถ จสฺส ตณฺหา อุปฺปชฺชิฯ
Acchādesīti jivhagge ṭhapitamattā satta rasaharaṇīsahassāni pharitvā manāpā hutvā tiṭṭhati. Taṇhā cassa okkamīti tattha cassa taṇhā uppajji.
จนฺทิมสูริยาทิปาตุภาววณฺณนา
Candimasūriyādipātubhāvavaṇṇanā
๑๒๑. อาลุปฺปการกํ อุปกฺกมิํสุ ปริภุญฺชิตุนฺติ อาโลปํ กตฺวา ปิเณฺฑ ปิเณฺฑ ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ อารภิํสุฯ จนฺทิมสูริยาติ จนฺทิมา จ สูริโย จฯ ปาตุรเหสุนฺติ ปาตุภวิํสุฯ
121.Āluppakārakaṃ upakkamiṃsu paribhuñjitunti ālopaṃ katvā piṇḍe piṇḍe chinditvā paribhuñjituṃ ārabhiṃsu. Candimasūriyāti candimā ca sūriyo ca. Pāturahesunti pātubhaviṃsu.
โก ปน เตสํ ปฐมํ ปาตุภวิ, โก กสฺมิํ วสติ, กสฺส กิํ ปมาณํ, โก อุปริ, โก สีฆํ คจฺฉติ, กติ เนสํ วีถิโย, กถํ จรนฺติ, กิตฺตเก ฐาเน อาโลกํ กโรนฺตีติ? อุโภ เอกโต ปาตุภวนฺติฯ สูริโย ปฐมตรํ ปญฺญายติฯ เตสญฺหิ สตฺตานํ สยํปภาย อนฺตรหิตาย อนฺธกาโร อโหสิฯ เต ภีตตสิตา ‘‘ภทฺทกํ วตสฺส สเจ อาโลโก ปาตุภเวยฺยา’’ติ จินฺตยิํสุฯ ตโต มหาชนสฺส สูรภาวํ ชนยมานํ สูริยมณฺฑลํ อุฎฺฐหิฯ เตเนวสฺส สูริโยติ นามํ อโหสิฯ ตสฺมิํ ทิวสํ อาโลกํ กตฺวา อตฺถงฺคเต ปุน อนฺธกาโร อโหสิฯ เต ‘‘ภทฺทกํ วตสฺส สเจ อโญฺญ อาโลโก อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ จินฺตยิํสุฯ อถ เนสํ ฉนฺทํ ญตฺวาว จนฺทมณฺฑลํ อุฎฺฐหิฯ เตเนวสฺส จโนฺทติ นามํ อโหสิฯ
Ko pana tesaṃ paṭhamaṃ pātubhavi, ko kasmiṃ vasati, kassa kiṃ pamāṇaṃ, ko upari, ko sīghaṃ gacchati, kati nesaṃ vīthiyo, kathaṃ caranti, kittake ṭhāne ālokaṃ karontīti? Ubho ekato pātubhavanti. Sūriyo paṭhamataraṃ paññāyati. Tesañhi sattānaṃ sayaṃpabhāya antarahitāya andhakāro ahosi. Te bhītatasitā ‘‘bhaddakaṃ vatassa sace āloko pātubhaveyyā’’ti cintayiṃsu. Tato mahājanassa sūrabhāvaṃ janayamānaṃ sūriyamaṇḍalaṃ uṭṭhahi. Tenevassa sūriyoti nāmaṃ ahosi. Tasmiṃ divasaṃ ālokaṃ katvā atthaṅgate puna andhakāro ahosi. Te ‘‘bhaddakaṃ vatassa sace añño āloko uppajjeyyā’’ti cintayiṃsu. Atha nesaṃ chandaṃ ñatvāva candamaṇḍalaṃ uṭṭhahi. Tenevassa candoti nāmaṃ ahosi.
เตสุ จโนฺท อโนฺตมณิวิมาเน วสติฯ ตํ พหิ รชเตน ปริกฺขิตฺตํ ฯ อุภยมฺปิ สีตลเมว อโหสิฯ สูริโย อโนฺตกนกวิมาเน วสติฯ ตํ พาหิรํ ผลิกปริกฺขิตฺตํ โหติฯ อุภยมฺปิ อุณฺหเมวฯ
Tesu cando antomaṇivimāne vasati. Taṃ bahi rajatena parikkhittaṃ . Ubhayampi sītalameva ahosi. Sūriyo antokanakavimāne vasati. Taṃ bāhiraṃ phalikaparikkhittaṃ hoti. Ubhayampi uṇhameva.
ปมาณโต จโนฺท อุชุกํ เอกูนปญฺญาสโยชโนฯ ปริมณฺฑลโต ตีหิ โยชเนหิ อูนทิยฑฺฒสตโยชโนฯ สูริโย อุชุกํ ปญฺญาสโยชโน, ปริมณฺฑลโต ทิยฑฺฒสตโยชโนฯ
Pamāṇato cando ujukaṃ ekūnapaññāsayojano. Parimaṇḍalato tīhi yojanehi ūnadiyaḍḍhasatayojano. Sūriyo ujukaṃ paññāsayojano, parimaṇḍalato diyaḍḍhasatayojano.
จโนฺท เหฎฺฐา, สูริโย อุปริ, อนฺตรา เนสํ โยชนํ โหติฯ จนฺทสฺส เหฎฺฐิมนฺตโต สูริยสฺส อุปริมนฺตโต โยชนสตํ โหติฯ
Cando heṭṭhā, sūriyo upari, antarā nesaṃ yojanaṃ hoti. Candassa heṭṭhimantato sūriyassa uparimantato yojanasataṃ hoti.
จโนฺท อุชุกํ สณิกํ คจฺฉติ, ติริยํ สีฆํฯ ทฺวีสุ ปเสฺสสุ นกฺขตฺตตารกา คจฺฉนฺติฯ จโนฺท เธนุ วิย วจฺฉํ ตํ ตํ นกฺขตฺตํ อุปสงฺกมติฯ นกฺขตฺตานิ ปน อตฺตโน ฐานํ น วิชหนฺติฯ สูริยสฺส อุชุกํ คมนํ สีฆํ, ติริยํ คมนํ ทนฺธํฯ โส กาฬปกฺขอุโปสถโต ปาฎิปททิวเส โยชนานํ สตสหสฺสํ จนฺทมณฺฑลํ โอหาย คจฺฉติฯ อถ จโนฺท เลขา วิย ปญฺญายติฯ ปกฺขสฺส ทุติยาย สตสหสฺสนฺติ เอวํ ยาว อุโปสถทิวสา สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ โอหาย คจฺฉติฯ อถ จโนฺท อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อุโปสถทิวเส ปริปุโณฺณ โหติฯ ปุน ปาฎิปททิวเส โยชนานํ สตสหสฺสํ ธาวิตฺวา คณฺหาติฯ ทุติยาย สตสหสฺสนฺติ เอวํ ยาว อุโปสถทิวสา สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ธาวิตฺวา คณฺหาติฯ อถ จโนฺท อนุกฺกเมน หายิตฺวา อุโปสถทิวเส สพฺพโส น ปญฺญายติฯ จนฺทํ เหฎฺฐา กตฺวา สูริโย อุปริ โหติฯ มหติยา ปาติยา ขุทฺทกภาชนํ วิย จนฺทมณฺฑลํ ปิธียติฯ มชฺฌนฺหิเก เคหจฺฉายา วิย จนฺทสฺส ฉายา น ปญฺญายติฯ โส ฉายาย อปญฺญายมานาย ทูเร ฐิตานํ ทิวา ปทีโป วิย สยมฺปิ น ปญฺญายติฯ
Cando ujukaṃ saṇikaṃ gacchati, tiriyaṃ sīghaṃ. Dvīsu passesu nakkhattatārakā gacchanti. Cando dhenu viya vacchaṃ taṃ taṃ nakkhattaṃ upasaṅkamati. Nakkhattāni pana attano ṭhānaṃ na vijahanti. Sūriyassa ujukaṃ gamanaṃ sīghaṃ, tiriyaṃ gamanaṃ dandhaṃ. So kāḷapakkhauposathato pāṭipadadivase yojanānaṃ satasahassaṃ candamaṇḍalaṃ ohāya gacchati. Atha cando lekhā viya paññāyati. Pakkhassa dutiyāya satasahassanti evaṃ yāva uposathadivasā satasahassaṃ satasahassaṃ ohāya gacchati. Atha cando anukkamena vaḍḍhitvā uposathadivase paripuṇṇo hoti. Puna pāṭipadadivase yojanānaṃ satasahassaṃ dhāvitvā gaṇhāti. Dutiyāya satasahassanti evaṃ yāva uposathadivasā satasahassaṃ satasahassaṃ dhāvitvā gaṇhāti. Atha cando anukkamena hāyitvā uposathadivase sabbaso na paññāyati. Candaṃ heṭṭhā katvā sūriyo upari hoti. Mahatiyā pātiyā khuddakabhājanaṃ viya candamaṇḍalaṃ pidhīyati. Majjhanhike gehacchāyā viya candassa chāyā na paññāyati. So chāyāya apaññāyamānāya dūre ṭhitānaṃ divā padīpo viya sayampi na paññāyati.
กติ เนสํ วีถิโยติ เอตฺถ ปน อชวีถิ, นาควีถิ, โควีถีติ ติโสฺส วีถิโย โหนฺติฯ ตตฺถ อชานํ อุทกํ ปฎิกูลํ โหติ, หตฺถินาคานํ มนาปํฯ คุนฺนํ สีตุณฺหสมตาย ผาสุ โหติฯ ตสฺมา ยํ กาลํ จนฺทิมสูริยา อชวีถิํ อารุหนฺติ, ตทา เทโว เอกพินฺทุมฺปิ น วสฺสติฯ ยทา นาควีถิํ อาโรหนฺติ, ตทา ภินฺนํ วิย นภํ ปคฺฆรติฯ ยทา โควีถิํ อาโรหนฺติ, ตทา อุตุสมตา สมฺปชฺชติฯ จนฺทิมสูริยา ฉมาเส สิเนรุโต พหิ นิกฺขมนฺติ, ฉมาเส อโนฺต วิจรนฺติฯ เต หิ อาสาฬฺหมาเส สิเนรุสมีเปน วิจรนฺติฯ ตโต ปเร เทฺว มาเส นิกฺขมิตฺวา พหิ วิจรนฺตา ปฐมกตฺติกมาเส มเชฺฌน คจฺฉนฺติฯ ตโต จกฺกวาฬาภิมุขา คนฺตฺวา ตโย มาเส จกฺกวาฬสมีเปน จริตฺวา ปุน นิกฺขมิตฺวา จิตฺรมาเส มเชฺฌน คนฺตฺวา ตโต เทฺว มาเส สิเนรุภิมุขา ปกฺขนฺทิตฺวา ปุน อาสาเฬฺห สิเนรุสมีเปน จรนฺติฯ
Kati nesaṃ vīthiyoti ettha pana ajavīthi, nāgavīthi, govīthīti tisso vīthiyo honti. Tattha ajānaṃ udakaṃ paṭikūlaṃ hoti, hatthināgānaṃ manāpaṃ. Gunnaṃ sītuṇhasamatāya phāsu hoti. Tasmā yaṃ kālaṃ candimasūriyā ajavīthiṃ āruhanti, tadā devo ekabindumpi na vassati. Yadā nāgavīthiṃ ārohanti, tadā bhinnaṃ viya nabhaṃ paggharati. Yadā govīthiṃ ārohanti, tadā utusamatā sampajjati. Candimasūriyā chamāse sineruto bahi nikkhamanti, chamāse anto vicaranti. Te hi āsāḷhamāse sinerusamīpena vicaranti. Tato pare dve māse nikkhamitvā bahi vicarantā paṭhamakattikamāse majjhena gacchanti. Tato cakkavāḷābhimukhā gantvā tayo māse cakkavāḷasamīpena caritvā puna nikkhamitvā citramāse majjhena gantvā tato dve māse sinerubhimukhā pakkhanditvā puna āsāḷhe sinerusamīpena caranti.
กิตฺตเก ฐาเน อาโลกํ กโรนฺตีติ? เอกปฺปหาเรน ตีสุ ทีเปสุ อาโลกํ กโรนฺติฯ กถํ? อิมสฺมิญฺหิ ทีเป สูริยุคฺคมนกาโล ปุพฺพวิเทเห มชฺฌนฺหิโก โหติ, อุตฺตรกุรูสุ อตฺถงฺคมนกาโล, อปรโคยาเน มชฺฌิมยาโมฯ ปุพฺพวิเทหมฺหิ อุคฺคมนกาโล อุตฺตรกุรูสุ มชฺฌนฺหิโก, อปรโคยาเน อตฺถงฺคมนกาโล, อิธ มชฺฌิมยาโมฯ อุตฺตรกุรูสุ อุคฺคมนกาโล อปรโคยาเน มชฺฌนฺหิโก, อิธ อตฺถงฺคมนกาโล, ปุพฺพวิเทเห มชฺฌิมยาโมฯ อปรโคยานทีเป อุคฺคมนกาโล อิธ มชฺฌนฺหิโก, ปุพฺพวิเทเห อตฺถงฺคมนกาโล, อุตฺตรกุรูสุ มชฺฌิมยาโมติฯ
Kittake ṭhāne ālokaṃ karontīti? Ekappahārena tīsu dīpesu ālokaṃ karonti. Kathaṃ? Imasmiñhi dīpe sūriyuggamanakālo pubbavidehe majjhanhiko hoti, uttarakurūsu atthaṅgamanakālo, aparagoyāne majjhimayāmo. Pubbavidehamhi uggamanakālo uttarakurūsu majjhanhiko, aparagoyāne atthaṅgamanakālo, idha majjhimayāmo. Uttarakurūsu uggamanakālo aparagoyāne majjhanhiko, idha atthaṅgamanakālo, pubbavidehe majjhimayāmo. Aparagoyānadīpe uggamanakālo idha majjhanhiko, pubbavidehe atthaṅgamanakālo, uttarakurūsu majjhimayāmoti.
นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานีติ กตฺติกาทินกฺขตฺตานิ เจว เสสตารกรูปานิ จ จนฺทิมสูริเยหิ สทฺธิํเยว ปาตุรเหสุํฯ รตฺตินฺทิวาติ ตโต สูริยตฺถงฺคมนโต ยาว อรุณุคฺคมนา รตฺติ, อรุณุคฺคมนโต ยาว สูริยตฺถงฺคมนา ทิวาติ เอวํ รตฺตินฺทิวา ปญฺญายิํสุฯ อถ ปญฺจทส รตฺติโย อฑฺฒมาโส, เทฺว อฑฺฒมาสา มาโสติ เอวํ มาสฑฺฒมาสา ปญฺญายิํสุฯ อถ จตฺตาโร มาสา อุตุ, ตโย อุตู สํวจฺฉโรติ เอวํ อุตุสํวจฺฉรา ปญฺญายิํสุฯ
Nakkhattānitārakarūpānīti kattikādinakkhattāni ceva sesatārakarūpāni ca candimasūriyehi saddhiṃyeva pāturahesuṃ. Rattindivāti tato sūriyatthaṅgamanato yāva aruṇuggamanā ratti, aruṇuggamanato yāva sūriyatthaṅgamanā divāti evaṃ rattindivā paññāyiṃsu. Atha pañcadasa rattiyo aḍḍhamāso, dve aḍḍhamāsā māsoti evaṃ māsaḍḍhamāsā paññāyiṃsu. Atha cattāro māsā utu, tayo utū saṃvaccharoti evaṃ utusaṃvaccharā paññāyiṃsu.
๑๒๒. วณฺณเววณฺณตา จาติ วณฺณสฺส วิวณฺณภาโวฯ เตสํ วณฺณาติมานปจฺจยาติ เตสํ วณฺณํ อารพฺภ อุปฺปนฺนอติมานปจฺจยาฯ มานาติมานชาติกานนฺติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานาติมานสภาวานํฯ รสาย ปถวิยาติ สมฺปนฺนรสตฺตา รสาติ ลทฺธนามาย ปถวิยาฯ อนุตฺถุนิํสูติ อนุภาสิํสุฯ อโห รสนฺติ อโห อมฺหากํ มธุรรสํ อนฺตรหิตํฯ อคฺคญฺญํ อกฺขรนฺติ โลกุปฺปตฺติวํสกถํฯ อนุสรนฺตีติ อนุคจฺฉนฺติฯ
122.Vaṇṇavevaṇṇatā cāti vaṇṇassa vivaṇṇabhāvo. Tesaṃ vaṇṇātimānapaccayāti tesaṃ vaṇṇaṃ ārabbha uppannaatimānapaccayā. Mānātimānajātikānanti punappunaṃ uppajjamānātimānasabhāvānaṃ. Rasāya pathaviyāti sampannarasattā rasāti laddhanāmāya pathaviyā. Anutthuniṃsūti anubhāsiṃsu. Aho rasanti aho amhākaṃ madhurarasaṃ antarahitaṃ. Aggaññaṃ akkharanti lokuppattivaṃsakathaṃ. Anusarantīti anugacchanti.
ภูมิปปฺปฎกปาตุภาวาทิวณฺณนา
Bhūmipappaṭakapātubhāvādivaṇṇanā
๑๒๓. เอวเมว ปาตุรโหสีติ เอทิโส หุตฺวา อุฎฺฐหิ, อโนฺตวาปิยํ อุทเก ฉิเนฺน สุกฺขกลลปฎลํ วิย จ อุฎฺฐหิฯ
123.Evameva pāturahosīti ediso hutvā uṭṭhahi, antovāpiyaṃ udake chinne sukkhakalalapaṭalaṃ viya ca uṭṭhahi.
๑๒๔. ปทาลตาติ เอกา มธุรรสา ภทฺทาลตาฯ กลมฺพุกาติ นาฬิกาฯ อหุ วต โนติ มธุรรสา วต โน ปทาลตา อโหสิฯ อหายิ วต โนติ สา โน เอตรหิ อนฺตรหิตาติฯ
124.Padālatāti ekā madhurarasā bhaddālatā. Kalambukāti nāḷikā. Ahu vata noti madhurarasā vata no padālatā ahosi. Ahāyi vata noti sā no etarahi antarahitāti.
๑๒๕. อกฎฺฐปาโกติ อกเฎฺฐเยว ภูมิภาเค อุปฺปโนฺนฯ อกโณติ นิกฺกุณฺฑโกฯ อถุโสติ นิตฺถุโสฯ สุคโนฺธติ ทิพฺพคนฺธํ วายติฯ ตณฺฑุลปฺผโลติ สุปริสุทฺธํ ปณฺฑรํ ตณฺฑุลเมว ผลติฯ ปกฺกํ ปฎิวิรูฬฺหนฺติ สายํ คหิตฎฺฐานํ ปาโต ปกฺกํ โหติ, ปุน วิรูฬฺหํ ปฎิปากติกเมว คหิตฎฺฐานํ น ปญฺญายติฯ นาปทานํ ปญฺญายตีติ อลายิตํ หุตฺวา อนูนเมว ปญฺญายติฯ
125.Akaṭṭhapākoti akaṭṭheyeva bhūmibhāge uppanno. Akaṇoti nikkuṇḍako. Athusoti nitthuso. Sugandhoti dibbagandhaṃ vāyati. Taṇḍulapphaloti suparisuddhaṃ paṇḍaraṃ taṇḍulameva phalati. Pakkaṃ paṭivirūḷhanti sāyaṃ gahitaṭṭhānaṃ pāto pakkaṃ hoti, puna virūḷhaṃ paṭipākatikameva gahitaṭṭhānaṃ na paññāyati. Nāpadānaṃ paññāyatīti alāyitaṃ hutvā anūnameva paññāyati.
อิตฺถิปุริสลิงฺคาทิปาตุภาววณฺณนา
Itthipurisaliṅgādipātubhāvavaṇṇanā
๑๒๖. อิตฺถิยา จาติ ยา ปุเพฺพ มนุสฺสกาเล อิตฺถี, ตสฺส อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวติ, ปุเพฺพ ปุริสสฺส ปุริสลิงฺคํฯ มาตุคาโม นาม หิ ปุริสตฺตภาวํ ลภโนฺต อนุปุเพฺพน ปุริสตฺตปจฺจเย ธเมฺม ปูเรตฺวา ลภติฯ ปุริโส อิตฺถตฺตภาวํ ลภโนฺต กาเมสุมิจฺฉาจารํ นิสฺสาย ลภติฯ ตทา ปน ปกติยา มาตุคามสฺส อิตฺถิลิงฺคํ, ปุริสสฺส ปุริสลิงฺคํ ปาตุรโหสิฯ อุปนิชฺฌายตนฺติ อุปนิชฺฌายนฺตานํ โอโลเกนฺตานํฯ ปริฬาโหติ ราคปริฬาโหฯ เสฎฺฐินฺติ ฉาริกํฯ นิพฺพุยฺหมานายาติ นิยฺยมานายฯ
126.Itthiyā cāti yā pubbe manussakāle itthī, tassa itthiliṅgaṃ pātubhavati, pubbe purisassa purisaliṅgaṃ. Mātugāmo nāma hi purisattabhāvaṃ labhanto anupubbena purisattapaccaye dhamme pūretvā labhati. Puriso itthattabhāvaṃ labhanto kāmesumicchācāraṃ nissāya labhati. Tadā pana pakatiyā mātugāmassa itthiliṅgaṃ, purisassa purisaliṅgaṃ pāturahosi. Upanijjhāyatanti upanijjhāyantānaṃ olokentānaṃ. Pariḷāhoti rāgapariḷāho. Seṭṭhinti chārikaṃ. Nibbuyhamānāyāti niyyamānāya.
๑๒๗. อธมฺมสมฺมตนฺติ ตํ ปํสุขิปนาทิ อธโมฺมติ สมฺมตํฯ ตเทตรหิ ธมฺมสมฺมตนฺติ ตํ อิทานิ ธโมฺมติ สมฺมตํ, ธโมฺมติ ตํ คเหตฺวา วิจรนฺติฯ ตถา หิ เอกเจฺจสุ ชานปเทสุ กลหํ กุรุมานา อิตฺถิโย ‘‘ตฺวํ กสฺมา กเถสิ? ยา โคมยปิณฺฑมตฺตมฺปิ นาลตฺถา’’ติ วทนฺติฯ ปาตพฺยตนฺติ เสวิตพฺพตํฯ สนฺนิธิการกนฺติ สนฺนิธิํ กตฺวาฯ อปทานํ ปญฺญายิตฺถาติ ฉินฺนฎฺฐานํ อูนเมว หุตฺวา ปญฺญายิตฺถฯ สณฺฑสณฺฑาติ เอเกกสฺมิํ ฐาเน กลาปพนฺธา วิย คุมฺพคุมฺพา หุตฺวาฯ
127.Adhammasammatanti taṃ paṃsukhipanādi adhammoti sammataṃ. Tadetarahi dhammasammatanti taṃ idāni dhammoti sammataṃ, dhammoti taṃ gahetvā vicaranti. Tathā hi ekaccesu jānapadesu kalahaṃ kurumānā itthiyo ‘‘tvaṃ kasmā kathesi? Yā gomayapiṇḍamattampi nālatthā’’ti vadanti. Pātabyatanti sevitabbataṃ. Sannidhikārakanti sannidhiṃ katvā. Apadānaṃ paññāyitthāti chinnaṭṭhānaṃ ūnameva hutvā paññāyittha. Saṇḍasaṇḍāti ekekasmiṃ ṭhāne kalāpabandhā viya gumbagumbā hutvā.
๑๒๘. มริยาทํ ฐเปยฺยามาติ สีมํ ฐเปยฺยามฯ ยตฺร หิ นามาติ โย หิ นามฯ ปาณินา ปหริํสูติ ตโย วาเร วจนํ อคณฺหนฺตํ ปาณินา ปหริํสุฯ ตทเคฺค โขติ ตํ อคฺคํ กตฺวาฯ
128.Mariyādaṃṭhapeyyāmāti sīmaṃ ṭhapeyyāma. Yatra hi nāmāti yo hi nāma. Pāṇinā pahariṃsūti tayo vāre vacanaṃ agaṇhantaṃ pāṇinā pahariṃsu. Tadagge khoti taṃ aggaṃ katvā.
มหาสมฺมตราชวณฺณนา
Mahāsammatarājavaṇṇanā
๑๓๐. ขียิตพฺพํ ขีเยยฺยาติ ปกาเสตพฺพํ ปกาเสยฺย ขิปิตพฺพํ ขิเปยฺย, หาเรตพฺพํ หาเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ โย เนสํ สโตฺตติ โย เตสํ สโตฺตฯ โก ปน โสติ? อมฺหากํ โพธิสโตฺตฯ สาลีนํ ภาคํ อนุปทสฺสามาติ มยํ เอเกกสฺส เขตฺตโต อมฺพณมฺพณํ อาหริตฺวา ตุยฺหํ สาลิภาคํ ทสฺสาม, ตยา กิญฺจิ กมฺมํ น กาตพฺพํ, ตฺวํ อมฺหากํ เชฎฺฐกฎฺฐาเน ติฎฺฐาติฯ
130.Khīyitabbaṃ khīyeyyāti pakāsetabbaṃ pakāseyya khipitabbaṃ khipeyya, hāretabbaṃ hāreyyāti vuttaṃ hoti. Yo nesaṃ sattoti yo tesaṃ satto. Ko pana soti? Amhākaṃ bodhisatto. Sālīnaṃ bhāgaṃ anupadassāmāti mayaṃ ekekassa khettato ambaṇambaṇaṃ āharitvā tuyhaṃ sālibhāgaṃ dassāma, tayā kiñci kammaṃ na kātabbaṃ, tvaṃ amhākaṃ jeṭṭhakaṭṭhāne tiṭṭhāti.
๑๓๑. อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺตนฺติ สงฺขา สมญฺญา ปญฺญตฺติ โวหาโร อุปฺปโนฺนฯ ขตฺติโย ขตฺติโยเตฺวว ทุติยํ อกฺขรนฺติ น เกวลํ อกฺขรเมว, เต ปนสฺส เขตฺตสามิโน ตีหิ สเงฺขหิ อภิเสกมฺปิ อกํสุฯ รเญฺชตีติ สุเขติ ปิเนติฯ อคฺคเญฺญนาติ อคฺคนฺติ ญาเตน, อเคฺค วา ญาเตน โลกุปฺปตฺติสมเย อุปฺปเนฺนน อภินิพฺพตฺติ อโหสีติฯ
131.Akkharaṃ upanibbattanti saṅkhā samaññā paññatti vohāro uppanno. Khattiyo khattiyotveva dutiyaṃ akkharanti na kevalaṃ akkharameva, te panassa khettasāmino tīhi saṅkhehi abhisekampi akaṃsu. Rañjetīti sukheti pineti. Aggaññenāti agganti ñātena, agge vā ñātena lokuppattisamaye uppannena abhinibbatti ahosīti.
พฺราหฺมณมณฺฑลาทิวณฺณนา
Brāhmaṇamaṇḍalādivaṇṇanā
๑๓๒. วีตงฺคารา วีตธูมาติ ปจิตฺวา ขาทิตพฺพาภาวโต วิคตธูมงฺคาราฯ ปนฺนมุสลาติ โกเฎฺฎตฺวา ปจิตพฺพาภาวโต ปติตมุสลาฯ ฆาสเมสมานาติ ภิกฺขาจริยวเสน ยาคุภตฺตํ ปริเยสนฺตาฯ ตเมนํ มนุสฺสา ทิสฺวาติ เต เอเต มนุสฺสา ปสฺสิตฺวาฯ อนภิสมฺภุณมานาติ อสหมานา อสโกฺกนฺตาฯ คเนฺถ กโรนฺตาติ ตโย เวเท อภิสงฺขโรนฺตา เจว วาเจนฺตา จฯ อจฺฉนฺตีติ วสนฺติ, ‘‘อเจฺฉนฺตี’’ติปิ ปาโฐฯ เอเสวโตฺถฯ หีนสมฺมตนฺติ ‘‘มเนฺต ธาเรนฺติ มเนฺต วาเจนฺตี’’ติ โข, วาเสฎฺฐ, อิทํ เตน สมเยน หีนสมฺมตํฯ ตเทตรหิ เสฎฺฐสมฺมตนฺติ ตํ อิทานิ ‘‘เอตฺตเก มเนฺต ธาเรนฺติ เอตฺตเก มเนฺต วาเจนฺตี’’ติ เสฎฺฐสมฺมตํ ชาตํฯ พฺราหฺมณมณฺฑลสฺสาติ พฺราหฺมณคณสฺสฯ
132.Vītaṅgārāvītadhūmāti pacitvā khāditabbābhāvato vigatadhūmaṅgārā. Pannamusalāti koṭṭetvā pacitabbābhāvato patitamusalā. Ghāsamesamānāti bhikkhācariyavasena yāgubhattaṃ pariyesantā. Tamenaṃ manussā disvāti te ete manussā passitvā. Anabhisambhuṇamānāti asahamānā asakkontā. Ganthe karontāti tayo vede abhisaṅkharontā ceva vācentā ca. Acchantīti vasanti, ‘‘acchentī’’tipi pāṭho. Esevattho. Hīnasammatanti ‘‘mante dhārenti mante vācentī’’ti kho, vāseṭṭha, idaṃ tena samayena hīnasammataṃ. Tadetarahi seṭṭhasammatanti taṃ idāni ‘‘ettake mante dhārenti ettake mante vācentī’’ti seṭṭhasammataṃ jātaṃ. Brāhmaṇamaṇḍalassāti brāhmaṇagaṇassa.
๑๓๓. เมถุนํ ธมฺมํ สมาทายาติ เมถุนธมฺมํ สมาทิยิตฺวาฯ วิสุกมฺมเนฺต ปโยเชสุนฺติ โครกฺข วาณิชกมฺมาทิเก วิสฺสุเต อุคฺคเต กมฺมเนฺต ปโยเชสุํฯ
133.Methunaṃ dhammaṃ samādāyāti methunadhammaṃ samādiyitvā. Visukammantepayojesunti gorakkha vāṇijakammādike vissute uggate kammante payojesuṃ.
๑๓๔. สุทฺทา สุทฺทาติ เตน ลุทฺทาจารกมฺมขุทฺทาจารกมฺมุนา สุทฺทํ สุทฺทํ ลหุํ ลหุํ กุจฺฉิตํ คจฺฉนฺติ, วินสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อหุ โขติ โหติ โขฯ
134.Suddā suddāti tena luddācārakammakhuddācārakammunā suddaṃ suddaṃ lahuṃ lahuṃ kucchitaṃ gacchanti, vinassantīti attho. Ahu khoti hoti kho.
๑๓๕. สกํ ธมฺมํ ครหมาโนติ น เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาปนมเตฺตน สุชฺฌิตุํ สกฺกาติ เอวํ อตฺตโน ขตฺติยธมฺมํ นินฺทมาโนฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ‘‘อิเมหิ โข, วาเสฎฺฐ, จตูหิ มณฺฑเลหี’’ติ อิมินา อิมํ ทเสฺสติ ‘‘สมณมณฺฑลํ นาม วิสุํ นตฺถิ, ยสฺมา ปน น สกฺกา ชาติยา สุชฺฌิตุํ, อตฺตโน อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติยา วิสุทฺธิ โหติฯ ตสฺมา อิเมหิ จตูหิ มณฺฑเลหิ สมณมณฺฑลสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติฯ อิมานิ มณฺฑลานิ สมณมณฺฑลํ อนุวตฺตนฺติ, อนุวตฺตนฺตานิ จ ธเมฺมเนว อนุวตฺตนฺติ, โน อธเมฺมนฯ สมณมณฺฑลญฺหิ อาคมฺม สมฺมาปฎิปตฺติํ ปูเรตฺวา สุทฺธิํ ปาปุณนฺตี’’ติฯ
135.Sakaṃdhammaṃ garahamānoti na setacchattaṃ ussāpanamattena sujjhituṃ sakkāti evaṃ attano khattiyadhammaṃ nindamāno. Esa nayo sabbattha. ‘‘Imehi kho, vāseṭṭha, catūhi maṇḍalehī’’ti iminā imaṃ dasseti ‘‘samaṇamaṇḍalaṃ nāma visuṃ natthi, yasmā pana na sakkā jātiyā sujjhituṃ, attano attano sammāpaṭipattiyā visuddhi hoti. Tasmā imehi catūhi maṇḍalehi samaṇamaṇḍalassa abhinibbatti hoti. Imāni maṇḍalāni samaṇamaṇḍalaṃ anuvattanti, anuvattantāni ca dhammeneva anuvattanti, no adhammena. Samaṇamaṇḍalañhi āgamma sammāpaṭipattiṃ pūretvā suddhiṃ pāpuṇantī’’ti.
ทุจฺจริตาทิกถาวณฺณนา
Duccaritādikathāvaṇṇanā
๑๓๖. อิทานิ ยถาชาติยา น สกฺกา สุชฺฌิตุํ, สมฺมาปฎิปตฺติยาว สุชฺฌนฺติ, ตมตฺถํ ปากฎํ กโรโนฺต ขตฺติโยปิ โข, วาเสฎฺฐาติ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานเหตูติ มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสน สมาทินฺนกมฺมเหตุ, มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสฺส วา สมาทานเหตุฯ
136. Idāni yathājātiyā na sakkā sujjhituṃ, sammāpaṭipattiyāva sujjhanti, tamatthaṃ pākaṭaṃ karonto khattiyopi kho, vāseṭṭhāti desanaṃ ārabhi. Tattha micchādiṭṭhikammasamādānahetūti micchādiṭṭhivasena samādinnakammahetu, micchādiṭṭhikammassa vā samādānahetu.
๑๓๗. ทฺวยการีติ กาเลน กุสลํ กโรติ, กาเลน อกุสลนฺติ เอวํ อุภยการีฯ สุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที โหตีติ เอกกฺขเณ อุภยวิปากทานฎฺฐานํ นาม นตฺถิฯ เยน ปน อกุสลํ พหุํ กตํ โหติ, กุสลํ มนฺทํ, โส ตํ กุสลํ นิสฺสาย ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา นิพฺพตฺตติฯ อถ นํ อกุสลกมฺมํ กาณมฺปิ กโรติ ขุชฺชมฺปิ ปีฐสปฺปิมฺปิฯ โส รชฺชสฺส วา อนรโห โหติ, อภิสิตฺตกาเล วา เอวํภูโต โภเค ปริภุญฺชิตุํ น สโกฺกติฯ อปรสฺส มรณกาเล เทฺว พลวมลฺลา วิย เต เทฺวปิ กุสลากุสลกมฺมานิ อุปฎฺฐหนฺติฯ เตสุ อกุสลํ พลวตรํ โหติ, ตํ กุสลํ ปฎิพาหิตฺวา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาเปติฯ กุสลกมฺมมฺปิ ปวตฺติเวทนียํ โหติฯ ตเมนํ มงฺคลหตฺถิํ วา กโรนฺติ มงฺคลอสฺสํ วา มงฺคลอุสภํ วาฯ โส สมฺปตฺติํ อนุภวติ ฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที โหตี’’ติฯ
137.Dvayakārīti kālena kusalaṃ karoti, kālena akusalanti evaṃ ubhayakārī. Sukhadukkhappaṭisaṃvedī hotīti ekakkhaṇe ubhayavipākadānaṭṭhānaṃ nāma natthi. Yena pana akusalaṃ bahuṃ kataṃ hoti, kusalaṃ mandaṃ, so taṃ kusalaṃ nissāya khattiyakule vā brāhmaṇakule vā nibbattati. Atha naṃ akusalakammaṃ kāṇampi karoti khujjampi pīṭhasappimpi. So rajjassa vā anaraho hoti, abhisittakāle vā evaṃbhūto bhoge paribhuñjituṃ na sakkoti. Aparassa maraṇakāle dve balavamallā viya te dvepi kusalākusalakammāni upaṭṭhahanti. Tesu akusalaṃ balavataraṃ hoti, taṃ kusalaṃ paṭibāhitvā tiracchānayoniyaṃ nibbattāpeti. Kusalakammampi pavattivedanīyaṃ hoti. Tamenaṃ maṅgalahatthiṃ vā karonti maṅgalaassaṃ vā maṅgalausabhaṃ vā. So sampattiṃ anubhavati . Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sukhadukkhappaṭisaṃvedī hotī’’ti.
โพธิปกฺขิยภาวนาวณฺณนา
Bodhipakkhiyabhāvanāvaṇṇanā
๑๓๘. สตฺตนฺนํ โพธิปกฺขิยานนฺติ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติ อาทิโกฎฺฐาสวเสน สตฺตนฺนํ, ปฎิปาฎิยา ปน สตฺตติํสาย โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ฯ ภาวนมนฺวายาติ ภาวนํ อนุคนฺตฺวา, ปฎิปชฺชิตฺวาติ อโตฺถฯ ปรินิพฺพายตีติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติฯ อิติ ภควา จตฺตาโร วเณฺณ ทเสฺสตฺวา วินิวเตฺตตฺวา ปฎิวิทฺธจตุสจฺจํ ขีณาสวเมว เทวมนุเสฺสสุ เสฎฺฐํ กตฺวา ทเสฺสสิฯ
138.Sattannaṃ bodhipakkhiyānanti ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’ti ādikoṭṭhāsavasena sattannaṃ, paṭipāṭiyā pana sattatiṃsāya bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ . Bhāvanamanvāyāti bhāvanaṃ anugantvā, paṭipajjitvāti attho. Parinibbāyatīti kilesaparinibbānena parinibbāyati. Iti bhagavā cattāro vaṇṇe dassetvā vinivattetvā paṭividdhacatusaccaṃ khīṇāsavameva devamanussesu seṭṭhaṃ katvā dassesi.
๑๔๐. อิทานิ ตเมวตฺถํ โลกสมฺมตสฺส พฺรหฺมุโนปิ วจนทสฺสนานุสาเรน ทฬฺหํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต อิเมสญฺหิ วาเสฎฺฐ จตุนฺนํ วณฺณานนฺติอาทิมาหฯ ‘‘พฺรหฺมุนาเปสา’’ติอาทิ อมฺพฎฺฐสุเตฺต วิตฺถาริตํฯ อิติ ภควา เอตฺตเกน อิมินา กถามเคฺคน เสฎฺฐเจฺฉทกวาทเมว ทเสฺสตฺวา สุตฺตนฺตํ วินิวเตฺตตฺวา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ อตฺตมนา วาเสฎฺฐภารทฺวาชาติ วาเสฎฺฐภารทฺวาช สามเณราปิ หิ สกมนา ตุฎฺฐมนา ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิํสุฯ อิทเมว สุตฺตนฺตํ อาวชฺชนฺตา อนุมชฺชนฺตา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิํสูติฯ
140. Idāni tamevatthaṃ lokasammatassa brahmunopi vacanadassanānusārena daḷhaṃ katvā dassento imesañhi vāseṭṭha catunnaṃ vaṇṇānantiādimāha. ‘‘Brahmunāpesā’’tiādi ambaṭṭhasutte vitthāritaṃ. Iti bhagavā ettakena iminā kathāmaggena seṭṭhacchedakavādameva dassetvā suttantaṃ vinivattetvā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Attamanā vāseṭṭhabhāradvājāti vāseṭṭhabhāradvāja sāmaṇerāpi hi sakamanā tuṭṭhamanā ‘‘sādhu, sādhū’’ti bhagavato bhāsitaṃ abhinandiṃsu. Idameva suttantaṃ āvajjantā anumajjantā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇiṃsūti.
สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย
Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya
อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aggaññasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๔. อคฺคญฺญสุตฺตํ • 4. Aggaññasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๔. อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนา • 4. Aggaññasuttavaṇṇanā