Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๔. อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนา

    4. Aggaññasuttavaṇṇanā

    วาเสฎฺฐภารทฺวาชวณฺณนา

    Vāseṭṭhabhāradvājavaṇṇanā

    ๑๑๑. เอตฺถาติ ‘‘ปุพฺพาราเม, มิคารมาตุปาสาเท’’ติ เอตสฺมิํ ปททฺวเยฯ โกยํ ปุพฺพาราโม, กถญฺจ ปุพฺพาราโม, กา จ มิคารมาตา, กถญฺจสฺสา ปาสาโท อโหสีติ เอตสฺมิํ อโนฺตลีเน อนุโยเคฯ อยํ อิทานิ วุจฺจมานา อนุปุพฺพิกถา อาทิโต ปฎฺฐาย สเงฺขเปเนว อนุปุพฺพิกถาฯ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ เอกํ อุปาสิกํ อคฺคุปฎฺฐายิกฎฺฐาเน ฐเปนฺติํ ทิสฺวาน ตตฺถ สญฺชาตคารวพหุมานา ตเมวตฺถํ ปุรกฺขตฺวา ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวาฯ เมณฺฑกปุตฺตสฺสาติ เมณฺฑกเสฎฺฐิปุตฺตสฺสฯ โสตาปนฺนา อโหสิ ตถา กตาธิการตฺตาฯ

    111.Etthāti ‘‘pubbārāme, migāramātupāsāde’’ti etasmiṃ padadvaye. Koyaṃ pubbārāmo, kathañca pubbārāmo, kā ca migāramātā, kathañcassā pāsādo ahosīti etasmiṃ antolīne anuyoge. Ayaṃ idāni vuccamānā anupubbikathā ādito paṭṭhāya saṅkhepeneva anupubbikathā. Padumuttaraṃ bhagavantaṃ ekaṃ upāsikaṃ aggupaṭṭhāyikaṭṭhāne ṭhapentiṃ disvāna tattha sañjātagāravabahumānā tamevatthaṃ purakkhatvā bhagavantaṃ nimantetvā. Meṇḍakaputtassāti meṇḍakaseṭṭhiputtassa. Sotāpannā ahosi tathā katādhikārattā.

    มาตุฎฺฐาเน ฐเปสิ อตฺตโน สีลาจารสมฺปตฺติยา ครุฎฺฐานิยตฺตาฯ อุปโยคนฺติ ตตฺถ ตตฺถ อเปฺปตพฺพฎฺฐาเน อปฺปนาวเสน วินิโยคํ อคมํสุฯ อเญฺญหิ จ เวฬุริยโลหิตงฺกมสารคลฺลาทีหิฯ ภสฺสตีติ โอตรติฯ สุทฺธปาสาโทว น โสภตีติ เกวโล เอกปาสาโท เอว วิหาโร น โสภติฯ นิยูหานิ พหูนิ นีหริตฺวา กตฺตพฺพเสนาสนานิ ‘‘ทุวฑฺฒเคหานี’’ติ วทนฺติฯ มเชฺฌ คโพฺภ สมนฺตโต อนุปริยายโตติ เอวํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วเฑฺฒตฺวา กตเสนาสนานิ ทุวฑฺฒเคหานิฯ จูฬปาสาทาติ ขุทฺทกปาสาทาฯ

    Mātuṭṭhāne ṭhapesi attano sīlācārasampattiyā garuṭṭhāniyattā. Upayoganti tattha tattha appetabbaṭṭhāne appanāvasena viniyogaṃ agamaṃsu. Aññehi ca veḷuriyalohitaṅkamasāragallādīhi. Bhassatīti otarati. Suddhapāsādova na sobhatīti kevalo ekapāsādo eva vihāro na sobhati. Niyūhāni bahūni nīharitvā kattabbasenāsanāni ‘‘duvaḍḍhagehānī’’ti vadanti. Majjhe gabbho samantato anupariyāyatoti evaṃ dvikkhattuṃ vaḍḍhetvā katasenāsanāni duvaḍḍhagehāni. Cūḷapāsādāti khuddakapāsādā.

    อุตฺตรเทวีวิหาโร นาม นครสฺส ปาจีนทฺวารสมีเป กตวิหาโรฯ

    Uttaradevīvihāro nāma nagarassa pācīnadvārasamīpe katavihāro.

    ติตฺถิยลิงฺคสฺส อคฺคหิตตฺตา เนว ติตฺถิยปริวาสํ วสนฺติฯ อนุปสมฺปนฺนภาวโต อาปตฺติยา อาปนฺนาย อภาวโต น อาปตฺติปริวาสํ วสนฺติฯ ภิกฺขุภาวนฺติ อุปสมฺปทํฯ เตวิชฺชสุตฺตนฺติ อิมสฺมิํ ทีฆนิกาเย เตวิชฺชสุตฺตํ สุตฺวาฯ

    Titthiyaliṅgassa aggahitattā neva titthiyaparivāsaṃ vasanti. Anupasampannabhāvato āpattiyā āpannāya abhāvato na āpattiparivāsaṃ vasanti. Bhikkhubhāvanti upasampadaṃ. Tevijjasuttanti imasmiṃ dīghanikāye tevijjasuttaṃ sutvā.

    ๑๑๓. อนุวตฺตมานา จงฺกมิํสุ อนนุจงฺกมเน ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส ปุจฺฉนาทีนํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ เตสนฺติ เตสํ ทฺวินฺนํฯ เตนาห ‘‘ปณฺฑิตตโร’’ติฯ อตฺถาติ ภวตฺถฯ กุลสมฺปนฺนาติ สมฺปนฺนกุลา อุทิโตทิเต พฺราหฺมณกุเล อุปฺปนฺนาฯ พฺราหฺมณกุลาติ เกนจิ ปาริชุเญฺญน อนุปทฺทุตา เอว พฺราหฺมณกุลาฯ เตนาห ‘‘โภคาทิสมฺปนฺน’’นฺติอาทิฯ อิเม พฺราหฺมณา อุจฺจา หุตฺวา ‘‘อิมํ วสลํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิํสู’’ติอาทินา ชาติอาทีนิ ฆเฎฺฎนฺตา อโกฺกสนฺติฯ ปริภาสนฺตีติ ปริภวิตฺวา ภาสนฺติฯ อตฺตโน อนุรูปายาติ อตฺตโน อชฺฌาสยสฺส อนุรูปายฯ อนฺตรนฺตรา วิจฺฉิชฺช ปวตฺติยมานา ปริภาสา ปริปุณฺณา นาม น โหติ ขณฺฑภาวโต, ตพฺพิปริยายโต ปริปุณฺณา นาม โหตีติ อาห ‘‘อนฺตรา’’ติอาทิฯ

    113.Anuvattamānācaṅkamiṃsu ananucaṅkamane yathādhippetassa atthassa pucchanādīnaṃ asakkuṇeyyattā. Tesanti tesaṃ dvinnaṃ. Tenāha ‘‘paṇḍitataro’’ti. Atthāti bhavattha. Kulasampannāti sampannakulā uditodite brāhmaṇakule uppannā. Brāhmaṇakulāti kenaci pārijuññena anupaddutā eva brāhmaṇakulā. Tenāha ‘‘bhogādisampanna’’ntiādi. Ime brāhmaṇā uccā hutvā ‘‘imaṃ vasalaṃ pabbajjaṃ pabbajiṃsū’’tiādinā jātiādīni ghaṭṭentā akkosanti. Paribhāsantīti paribhavitvā bhāsanti. Attano anurūpāyāti attano ajjhāsayassa anurūpāya. Antarantarā vicchijja pavattiyamānā paribhāsā paripuṇṇā nāma na hoti khaṇḍabhāvato, tabbipariyāyato paripuṇṇā nāma hotīti āha ‘‘antarā’’tiādi.

    อปฺปติฎฺฐตายาติ อปสฺสยรหิตตฺตาฯ วิภิโนฺนติ วินโฎฺฐฯ

    Appatiṭṭhatāyāti apassayarahitattā. Vibhinnoti vinaṭṭho.

    อิตเร ตโย วณฺณาติ ขตฺติยาทโย วณฺณา หีนาฯ นนุ ขตฺติยาว เสฎฺฐา วณฺณา ยถา พุทฺธา เอตรหิ ขตฺติยกุเล เอว อุปฺปนฺนาติ? สจฺจเมตํ, เต ปน อตฺตโน มิจฺฉาภิมาเนน, มิจฺฉาคาเหน จ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ วจนมตฺตํฯ ‘‘สุชฺฌนฺตีติ สุทฺธา โหนฺติ, น นินฺทํ ครหํ ปาปุณนฺตี’’ติ วทนฺติฯ สุชฺฌนฺติ วา สํสารโต สุชฺฌนฺติ, น เสสา วณฺณา อสุกฺกชาติกตฺตา, มนฺตเชฺฌนาภาวโต จาติฯ พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา เวทวจนโต ชาตาติ มุขโต ชาตาฯ ตโต เอว พฺรหฺมุโน มหาพฺรหฺมุโน เวทวจนโต วิชาตาติ พฺรหฺมชาฯ เตน ทุวิเธนาปิ นิมฺมิตาติ พฺรหฺมนิมฺมิตาฯ เวทเวทงฺคาทิพฺรหฺมทายชฺชํ อรหนฺตีติ พฺรหฺมทายาทาฯ มุณฺฑเก สมณเกติ เอตฺถ -กาโร ครหายนฺติ อาห ‘‘นินฺทนฺตา ชิคุจฺฉนฺตา วทนฺตี’’ติฯ อิเพฺภติ สุเทฺท, เต ปน ฆรพนฺธเนน พทฺธา นิหีนตราติ อาห ‘‘คหปติเก’’ติฯ กเณฺหติ กณฺหชาติเกฯ พนฺธนเฎฺฐน พนฺธุ, กสฺส ปน พนฺธูติ อาห ‘‘มารสฺส พนฺธุภูเต’’ติฯ ปาทาปเจฺจติ ปาทโต ชาตาปเจฺจฯ อยํ กิร พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา, ขตฺติยา อุรโต, อูรูหิ เวสฺสา, ปาทโต สุทฺทา’’ติฯ

    Itare tayo vaṇṇāti khattiyādayo vaṇṇā hīnā. Nanu khattiyāva seṭṭhā vaṇṇā yathā buddhā etarahi khattiyakule eva uppannāti? Saccametaṃ, te pana attano micchābhimānena, micchāgāhena ca ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo’’ti vadanti, taṃ tesaṃ vacanamattaṃ. ‘‘Sujjhantīti suddhā honti, na nindaṃ garahaṃ pāpuṇantī’’ti vadanti. Sujjhanti vā saṃsārato sujjhanti, na sesā vaṇṇā asukkajātikattā, mantajjhenābhāvato cāti. Brahmuno mukhato jātā vedavacanato jātāti mukhato jātā. Tato eva brahmuno mahābrahmuno vedavacanato vijātāti brahmajā. Tena duvidhenāpi nimmitāti brahmanimmitā. Vedavedaṅgādibrahmadāyajjaṃ arahantīti brahmadāyādā. Muṇḍake samaṇaketi ettha ka-kāro garahāyanti āha ‘‘nindantā jigucchantā vadantī’’ti. Ibbheti sudde, te pana gharabandhanena baddhā nihīnatarāti āha ‘‘gahapatike’’ti. Kaṇheti kaṇhajātike. Bandhanaṭṭhena bandhu, kassa pana bandhūti āha ‘‘mārassa bandhubhūte’’ti. Pādāpacceti pādato jātāpacce. Ayaṃ kira brāhmaṇānaṃ laddhi ‘‘brāhmaṇā brahmuno mukhato jātā, khattiyā urato, ūrūhi vessā, pādato suddā’’ti.

    ๑๑๔. ยสฺมา ปฐมกปฺปิกกาเล จตุวณฺณววตฺถานํ นตฺถิ, สเพฺพว สตฺตา เอกสทิสา, อปรภาเค ปน เตสํ ปโยคเภทวเสน อโหสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โปราณํ…เป.… อชานนฺตา’’ติฯ ลทฺธิภินฺทนตฺถายาติ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา’’ติ เอวํ ปวตฺตาย ลทฺธิยา วินิเวฐนตฺถํฯ ปุตฺตปฺปฎิลาภตฺถายาติ ‘‘เอวํ มยํ เปตฺติกํ อิณํ โสเธสฺสามา’’ติ ลทฺธิยํ ฐตฺวา ปุตฺตปฺปฎิลาภายฯ อยเญฺหตฺถ ธมฺมิกานํ พฺราหฺมณานํ อชฺฌาสโยฯ สญฺชาตปุปฺผาติ รชสฺสลาฯ อิตฺถีนญฺหิ กุมาริภาวปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย ปจฺฉิมวยโต โอรํ อสติ วิพเนฺธ อฎฺฐเม อฎฺฐเม สตฺตาเห คพฺภาสยสญฺญิเต ตติเย อาวเตฺต กติปยา โลหิตปีฬกา สณฺฐหิตฺวา อคฺคหิตปุปฺผา เอว ภิชฺชนฺติ, ตโต โลหิตํ ปคฺฆรติ, ตตฺถ อุตุสมญฺญา, ปุปฺผสมญฺญา จฯ เนสนฺติ พฺราหฺมณานํฯ สจฺจวจนํ สิยาติ ‘‘พฺรหฺมุโน ปุตฺตา’’ติอาทิวจนํ สจฺจํ ยทิ สิยา, พฺราหฺมณีนํ…เป.… มุขํ ภเวยฺย, น เจตํ อตฺถิฯ

    114. Yasmā paṭhamakappikakāle catuvaṇṇavavatthānaṃ natthi, sabbeva sattā ekasadisā, aparabhāge pana tesaṃ payogabhedavasena ahosi, tasmā vuttaṃ ‘‘porāṇaṃ…pe… ajānantā’’ti. Laddhibhindanatthāyāti ‘‘brāhmaṇā brahmuno puttā orasā mukhato jātā’’ti evaṃ pavattāya laddhiyā viniveṭhanatthaṃ. Puttappaṭilābhatthāyāti ‘‘evaṃ mayaṃ pettikaṃ iṇaṃ sodhessāmā’’ti laddhiyaṃ ṭhatvā puttappaṭilābhāya. Ayañhettha dhammikānaṃ brāhmaṇānaṃ ajjhāsayo. Sañjātapupphāti rajassalā. Itthīnañhi kumāribhāvappattito paṭṭhāya pacchimavayato oraṃ asati vibandhe aṭṭhame aṭṭhame sattāhe gabbhāsayasaññite tatiye āvatte katipayā lohitapīḷakā saṇṭhahitvā aggahitapupphā eva bhijjanti, tato lohitaṃ paggharati, tattha utusamaññā, pupphasamaññā ca. Nesanti brāhmaṇānaṃ. Saccavacanaṃ siyāti ‘‘brahmuno puttā’’tiādivacanaṃ saccaṃ yadi siyā, brāhmaṇīnaṃ…pe… mukhaṃ bhaveyya, na cetaṃ atthi.

    จตุวณฺณสุทฺธิวณฺณนา

    Catuvaṇṇasuddhivaṇṇanā

    ๑๑๕. มุขเจฺฉทกวาทนฺติ ‘‘พฺราหฺมณา มหาพฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา’’ติ วาทสฺส เฉทกวาทํฯ อริยภาเว อสมตฺถาติ อนริยภาวาวหาฯ ปกติกาฬกาติ สภาเวเนว น สุทฺธาฯ กโณฺหติ กิลิโฎฺฐ อุปตาปโกฯ เตนาห ‘‘ทุโกฺขติ อโตฺถ’’ติฯ

    115.Mukhacchedakavādanti ‘‘brāhmaṇā mahābrahmuno mukhato jātā’’ti vādassa chedakavādaṃ. Ariyabhāve asamatthāti anariyabhāvāvahā. Pakatikāḷakāti sabhāveneva na suddhā. Kaṇhoti kiliṭṭho upatāpako. Tenāha ‘‘dukkhoti attho’’ti.

    สุกฺกภาโว นาม ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘นิกฺกิเลสภาเวน ปณฺฑรา’’ติฯ สุโกฺกติ น กิลิโฎฺฐ อนุปตาปโกติ วุตฺตํ ‘‘สุโขติ อโตฺถ’’ติฯ

    Sukkabhāvo nāma parisuddhatāti āha ‘‘nikkilesabhāvena paṇḍarā’’ti. Sukkoti na kiliṭṭho anupatāpakoti vuttaṃ ‘‘sukhoti attho’’ti.

    ๑๑๖. อุภยโวกิเณฺณติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุภเยสุ โวกิเณฺณสู’’ติฯ มิสฺสีภูเตสูติ ‘‘กทาจิ กณฺหา ธมฺมา, กทาจิ สุกฺกา ธมฺมา’’ติ เอวํ เอกสฺมิํ สนฺตาเน, เอกสฺมิํเยว จ อตฺตภาเว ปวตฺติยา มิสฺสีภูเตสุ, น ปน เอกชฺฌํ ปวตฺติยาฯ เอตฺถาติ อนนฺตรวุตฺตธมฺมาว อนฺวาธิฎฺฐาติ อาห ‘‘กณฺหสุกฺกธเมฺมสู’’ติฯ ยสฺมา จ เต พฺราหฺมณา น เจว เต ธเมฺม อติกฺกนฺตา, ยาย จ ปฎิปทาย อติกฺกเมยฺยุํ, สาปิ เตสํ ปฎิปทา นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วตฺตมานาปี’’ติฯ นานุชานนฺติ อยถาภุจฺจวาทภาวโตฯ อนุชานนญฺจ นาม อพฺภนุโมทนนฺติ ตทภาวํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘นานุโมทนฺติ, น ปสํสนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ จตุนฺนํ วณฺณานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ เตสนฺติ ปน สมฺพเนฺธปิ วา สามิวจนํฯ เต จ พฺราหฺมณา น เอวรูปา น เอทิสา, ยาทิโส อรหา เอกเทเสนาปิ เตน เตสํ สทิสตาภาวโต, ตสฺมา เตน การเณน เนสํ พฺราหฺมณานํ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ’’ติ วาทํ วิญฺญู ยถาภูตวาทิโน พุทฺธาทโย อริยา นานุชานนฺติฯ

    116.Ubhayavokiṇṇeti vacanavipallāsena vuttanti āha ‘‘ubhayesu vokiṇṇesū’’ti. Missībhūtesūti ‘‘kadāci kaṇhā dhammā, kadāci sukkā dhammā’’ti evaṃ ekasmiṃ santāne, ekasmiṃyeva ca attabhāve pavattiyā missībhūtesu, na pana ekajjhaṃ pavattiyā. Etthāti anantaravuttadhammāva anvādhiṭṭhāti āha ‘‘kaṇhasukkadhammesū’’ti. Yasmā ca te brāhmaṇā na ceva te dhamme atikkantā, yāya ca paṭipadāya atikkameyyuṃ, sāpi tesaṃ paṭipadā natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘vattamānāpī’’ti. Nānujānanti ayathābhuccavādabhāvato. Anujānanañca nāma abbhanumodananti tadabhāvaṃ dassentena ‘‘nānumodanti, na pasaṃsantī’’ti vuttaṃ. Catunnaṃ vaṇṇānanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Tesanti pana sambandhepi vā sāmivacanaṃ. Te ca brāhmaṇā na evarūpā na edisā, yādiso arahā ekadesenāpi tena tesaṃ sadisatābhāvato, tasmā tena kāraṇena nesaṃ brāhmaṇānaṃ ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo’’ti vādaṃ viññū yathābhūtavādino buddhādayo ariyā nānujānanti.

    อารกตฺตาทีหีติ เอตฺถ กิเลสานํ อารกตฺตา ปหีนภาวโต ทูรตฺตา อรหํ, กิเลสารีนํ หตตฺตา อรหํ, สํสารจกฺกสฺส อรานํ หตตฺตา อรหํ, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา อรหํ, ปาปกรเณ รหาภาเวน อรหนฺติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕ อาทโย), ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๑๒๔) จ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพ ฯ อาสวานํ ขีณตฺตาติ จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ อนวเสสโต ปหีนตฺตาฯ พฺรหฺมจริยวาสนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํฯ ตสฺส วาสสฺส ปริโยสิตตฺตา วุตฺถวาโส, ทสนฺนมฺปิ วา อริยวาสานํ วุตฺถตฺตา วุตฺถวาโสฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Ārakattādīhīti ettha kilesānaṃ ārakattā pahīnabhāvato dūrattā arahaṃ, kilesārīnaṃ hatattā arahaṃ, saṃsāracakkassa arānaṃ hatattā arahaṃ, paccayādīnaṃ arahattā arahaṃ, pāpakaraṇe rahābhāvena arahanti evamattho veditabbo. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 1.125 ādayo), taṃ saṃvaṇṇanāsu (visuddhi. ṭī. 1.124) ca vuttanayena veditabbo . Āsavānaṃ khīṇattāti catunnampi āsavānaṃ anavasesato pahīnattā. Brahmacariyavāsanti maggabrahmacariyavāsaṃ. Tassa vāsassa pariyositattā vutthavāso, dasannampi vā ariyavāsānaṃ vutthattā vutthavāso. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยาวาสา, ยทริยา อาวสิํสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วาฯ กตเม ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการโกฺข จตุราปเสฺสโน ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจ สมวยสเฐสโน อนาวิลสงฺกโปฺป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิโตฺต สุวิมุตฺตปโญฺญฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ทส อริยาวาสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙)ฯ

    ‘‘Dasayime, bhikkhave, ariyāvāsā, yadariyā āvasiṃsu vā āvasanti vā āvasissanti vā. Katame dasa? Idha, bhikkhave, bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti chaḷaṅgasamannāgato ekārakkho caturāpasseno panuṇṇapaccekasacco samavayasaṭhesano anāvilasaṅkappo passaddhakāyasaṅkhāro suvimuttacitto suvimuttapañño. Ime kho, bhikkhave, dasa ariyāvāsā’’ti (a. ni. 10.19).

    วุสฺสตีติ วา วุสิตํ, อริยมโคฺค, อริยผลญฺจ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อติสยวจนิจฺฉาวเสน อรหา ‘‘วุสิตวา’’ติ วุโตฺตฯ กรณียํ นาม ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนา ทุกฺขสฺสนฺตํ กาตุกาเมหิ เอกนฺตโต กตฺตพฺพตฺตา, ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มเคฺคหิ ปเจฺจกํ จตูสุ สเจฺจสุ กาตพฺพํ กตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตูหิ…เป.… กตกรณีโย’’ติฯ โอสีทาปนเฎฺฐน ภารา วิยาติ ภารา, กิเลสา, ขนฺธา จฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๒) โอหาริโตติ อปนีโตฯ สโก อโตฺถ สทโตฺถติ เอตฺถ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ กามํ ทิฎฺฐิอาทโยปิ สํโยชนานิ เอว, ตถาปิ ตณฺหาย ภวสํโยชนโฎฺฐ สาติสโยฯ ยถาห ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนาน’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๒.๑๒๕, ๑๒๖, ๑๒๗, ๑๓๒, ๑๓๔, ๑๓๖, ๑๔๒; ๓.๕.๕๒๐; กถา. ๗๕) ตโต สา เอว สุเตฺต (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๓, ๑๓๓; ๓.๓๗๓; สํ. นิ. ๓.๑๐๘๑; ปฎิ. ม. ๑.๓๔ อาทโย) สมุทยสจฺจภาเวน วุตฺตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภวสํโยชนํ วุจฺจติ ตณฺหา’’ติฯ สมฺมทญฺญา วิมุโตฺตติ สมฺมา อญฺญาย ชานนภูตาย อคฺคมคฺคปญฺญาย สมฺมา ยถาภูตํ ยํ ยถา ชานิตพฺพํ, ตํ ตถา ชานิตฺวา วิมุโตฺตฯ อิมสฺมิํ โลเกติ อิมสฺมิํ สตฺตโลเกฯ อิธตฺตภาเวติ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว, ปรตฺตภาเวติ ปรสฺมิํ อตฺตภาเว, อิธโลเก, ปรโลเก จาติ อโตฺถฯ

    Vussatīti vā vusitaṃ, ariyamaggo, ariyaphalañca, taṃ etassa atthīti atisayavacanicchāvasena arahā ‘‘vusitavā’’ti vutto. Karaṇīyaṃ nāma pariññāpahānasacchikiriyābhāvanā dukkhassantaṃ kātukāmehi ekantato kattabbattā, taṃ pana yasmā catūhi maggehi paccekaṃ catūsu saccesu kātabbaṃ kataṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘catūhi…pe… katakaraṇīyo’’ti. Osīdāpanaṭṭhena bhārā viyāti bhārā, kilesā, khandhā ca. Vuttañhi ‘‘bhārā have pañcakkhandhā’’ti (saṃ. ni. 3.22) ohāritoti apanīto. Sako attho sadatthoti ettha da-kāro padasandhikaro. Kāmaṃ diṭṭhiādayopi saṃyojanāni eva, tathāpi taṇhāya bhavasaṃyojanaṭṭho sātisayo. Yathāha ‘‘avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanāna’’nti. (Saṃ. ni. 2.125, 126, 127, 132, 134, 136, 142; 3.5.520; kathā. 75) tato sā eva sutte (dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.93, 133; 3.373; saṃ. ni. 3.1081; paṭi. ma. 1.34 ādayo) samudayasaccabhāvena vuttā, tasmā vuttaṃ ‘‘bhavasaṃyojanaṃ vuccati taṇhā’’ti. Sammadaññā vimuttoti sammā aññāya jānanabhūtāya aggamaggapaññāya sammā yathābhūtaṃ yaṃ yathā jānitabbaṃ, taṃ tathā jānitvā vimutto. Imasmiṃ loketi imasmiṃ sattaloke. Idhattabhāveti imasmiṃ attabhāve, parattabhāveti parasmiṃ attabhāve, idhaloke, paraloke cāti attho.

    ๑๑๗. อนฺตรวิรหิตาติ วิภาควิรหิตาฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน กุเลน สทิสา’’ติฯ อนุยนฺตีติ อนุยนฺตา, อนุยนฺตา เอว อานุยนฺตา, อนุวตฺตกาฯ เตนาห ‘‘วสวตฺติโน’’ติฯ

    117.Antaravirahitāti vibhāgavirahitā. Tenāha ‘‘attano kulena sadisā’’ti. Anuyantīti anuyantā, anuyantā eva ānuyantā, anuvattakā. Tenāha ‘‘vasavattino’’ti.

    ๑๑๘. นิวิฎฺฐาติ สเทฺธยฺยวตฺถุสฺมิํ อนุปวิสนวเสน นิวิฎฺฐาฯ ตโต เอว ตสฺมิํ อธิกํ นิวิสนโต อภินิวิฎฺฐาฯ อจลฎฺฐิตาติ อจลภาเว ฐิตาฯ

    118.Niviṭṭhāti saddheyyavatthusmiṃ anupavisanavasena niviṭṭhā. Tato eva tasmiṃ adhikaṃ nivisanato abhiniviṭṭhā. Acalaṭṭhitāti acalabhāve ṭhitā.

    นฺติ ยํ กเถตพฺพธมฺมํ อนุปธาเรตฺวา, ตทตฺถญฺจ อปฺปจฺจกฺขํ กตฺวา กถนํ, เอตํ อฎฺฐานํ อการณํ ตสฺส โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ วิจฺฉินฺทชนนตฺถนฺติ รตนตฺตยสทฺธาย วิจฺฉินฺทสฺส อุปฺปาทนตฺถํ, อญฺญถตฺตายาติ อโตฺถฯ โสติ มาโรฯ มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขีติ อาคตผลสฺส อริยสาวกสฺส ปุรโต มุสา วตฺตุํ น วิสหิ, ตสฺมา อาม มาโรสฺมีติ ปฎิชานิฯ สิลาปถวิยนฺติ รตนมยสิลาปถวิยํฯ สิเนรุํ กิร ปริวาเรตฺวา ฐิโต ภูมิปฺปเทโส สตฺตรตนมโย, ‘‘สุวณฺณมโย’’ติ เกจิ, สา วิตฺถารโต, อุเพฺพธโต อเนกโยชนสหสฺสปริมาณา อติวิย นิจฺจลาฯ กิํ ตฺวํ เอตฺถาติ กิํ การณา ตฺวํ เอตฺถฯ ‘‘ฐิโต’’ติ อจฺฉรํ ปหริฯ ฐาตุํ อสโกฺกโนฺตติ อริยสาวกสฺส ปุรโต ฐาตุํ อสโกฺกโนฺตฯ อยญฺหิ อริยธมฺมาธิคมสฺส อานุภาโว, ยํ มาโรปิ นาม มหานุภาโว อุชุกํ ปฎิปฺปริตุํ น สโกฺกติฯ

    Yanti yaṃ kathetabbadhammaṃ anupadhāretvā, tadatthañca appaccakkhaṃ katvā kathanaṃ, etaṃ aṭṭhānaṃ akāraṇaṃ tassa bodhimūleyeva samucchinnattā. Vicchindajananatthanti ratanattayasaddhāya vicchindassa uppādanatthaṃ, aññathattāyāti attho. Soti māro. Musāvādaṃ kātuṃ nāsakkhīti āgataphalassa ariyasāvakassa purato musā vattuṃ na visahi, tasmā āma mārosmīti paṭijāni. Silāpathaviyanti ratanamayasilāpathaviyaṃ. Sineruṃ kira parivāretvā ṭhito bhūmippadeso sattaratanamayo, ‘‘suvaṇṇamayo’’ti keci, sā vitthārato, ubbedhato anekayojanasahassaparimāṇā ativiya niccalā. Kiṃ tvaṃ etthāti kiṃ kāraṇā tvaṃ ettha. ‘‘Ṭhito’’ti accharaṃ pahari. Ṭhātuṃ asakkontoti ariyasāvakassa purato ṭhātuṃ asakkonto. Ayañhi ariyadhammādhigamassa ānubhāvo, yaṃ māropi nāma mahānubhāvo ujukaṃ paṭipparituṃ na sakkoti.

    มโคฺค เอว มูลํ มคฺคมูลํ, ตสฺสฯ สญฺชาตตฺตา อุปฺปนฺนตฺตาฯ เตน มคฺคมูเลน ปติฎฺฐิตสนฺตาเน ลทฺธปติฎฺฐาฯ ภควโต เทสนาธมฺมํ นิสฺสาย อริยาย ชาติยา ชาโต ‘‘ภควนฺตํ นิสฺสาย อริยภูมิยํ ชาโต’’ติ วุโตฺตฯ ‘‘อุเร วสิตฺวา’’ติ อิทํ ธมฺมโฆสสฺส อุรโต สมุฎฺฐานตาย วุตฺตํฯ อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย วา โอรโสฯ มุขโต ชาเตน ชาโต ‘‘มุขโต ชาโต’’ติ วุโตฺตฯ การณการเณปิ หิ การเณ วิย โวหาโร โหติ ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติฯ เกจิ ปน ‘‘วิโมกฺขมุขสฺส วเสน ชาตตฺตา มุขโต ชาโต’’ติ วทนฺติ, ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปุริเมนเตฺถน โยนิโช, เสทโช, มุขโชติ ตีสุ สมฺพเนฺธสุ มุขเชน สมฺพเนฺธน ภควโต ปุตฺตภาโว วิภาวิโตฯ อตฺถทฺวเยนาปิ ธมฺมชภาโวเยว ทีปิโตฯ อริยธมฺมปฺปตฺติโต ลทฺธวิเสโส หุตฺวา ปวโตฺต ตทุตฺตรกาลิโก ขนฺธสนฺตาโน ‘‘อริยธมฺมโต ชาโต’’ติ เวทิตโพฺพ, อริยธมฺมํ วา มคฺคผลํ นิสฺสาย, อุปนิสฺสาย จ ชาโต สโพฺพปิ ธมฺมปฺปพโนฺธ ‘‘อริยธมฺมโต ชาโต’’ติ คเหตโพฺพฯ เตสํ ปน อริยธมฺมานํ อปริโยสิตกิจฺจตาย อริยภาเวน อภินิพฺพตฺติมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อริยธมฺมโต ชาตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ปริโยสิตกิจฺจตาย ตถา นิพฺพตฺติปาริปูริํ อุปาทาย ‘‘นิมฺมิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ยโต ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘นวโลกุตฺตรธมฺมทายํ อาทิยตีติ ธมฺมทายาโท’’ ติปิ ปาโฐฯ อสฺสาติ ‘‘ภควโตมฺหิปุโตฺต’’ติอาทินา วุตฺตสฺส วากฺยสฺสฯ อตฺถํ ทเสฺสโนฺตติ ภาวตฺถํ ปกาเสโนฺตฯ ตถาคตสฺส อนญฺญสาธารณสีลาทิธมฺมกฺขนฺธสฺส สมูหนิเวสวเสน ธมฺมกายตาย น กิญฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, สตฺถุฎฺฐานิยสฺส ปน ธมฺมกายตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา ตถาคโต ธมฺมกาโยติ วุโตฺต’’ติ สยเมว ปุจฺฉํ สมุฎฺฐาเปตฺวา ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิสฺสเชฺชติฯ หทเยน จิเนฺตตฺวาติ ‘‘อิมํ ธมฺมํ อิมสฺส เทเสสฺสามี’’ติ ตสฺส อุปคตสฺส เวเนยฺยชนสฺส โพธนตฺถํ จิเตฺตน จิเนฺตตฺวาฯ วาจาย อภินีหรีติ สทฺธมฺมเทสนาวาจาย กรวีกรุตมญฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน เวเนยฺยสนฺตานาภิมุขํ ตทชฺฌาสยานุรูปํ หิตมตฺถํ นีหริ อุปเนสิฯ เตนาติ เตน การเณน เอวํสทฺธมฺมาธิมุตฺติภาเวนฯ อสฺสาติ ตถาคตสฺสฯ ธมฺมมยตฺตาติ ธมฺมภูตตฺตาฯ อิธาธิเปฺปตธโมฺม เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมภูโตติ อาห ‘‘ธมฺมกายตฺตา เอว พฺรหฺมกาโย’’ติฯ สพฺพโส อธมฺมํ ปชหิตฺวา อนวเสสโต ธโมฺม เอว ภูโตติ ธมฺมภูโตฯ ตถารูโป จ ยสฺมา สภาวโต ธโมฺม เอวาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘ธมฺมสภาโว’’ติฯ

    Maggo eva mūlaṃ maggamūlaṃ, tassa. Sañjātattā uppannattā. Tena maggamūlena patiṭṭhitasantāne laddhapatiṭṭhā. Bhagavato desanādhammaṃ nissāya ariyāya jātiyā jāto ‘‘bhagavantaṃ nissāya ariyabhūmiyaṃ jāto’’ti vutto. ‘‘Ure vasitvā’’ti idaṃ dhammaghosassa urato samuṭṭhānatāya vuttaṃ. Ure vāyāmajanitābhijātitāya vā oraso. Mukhato jātena jāto ‘‘mukhato jāto’’ti vutto. Kāraṇakāraṇepi hi kāraṇe viya vohāro hoti ‘‘tiṇehi bhattaṃ siddha’’nti. Keci pana ‘‘vimokkhamukhassa vasena jātattā mukhato jāto’’ti vadanti, tatthāpi vuttanayeneva attho veditabbo. Purimenatthena yonijo, sedajo, mukhajoti tīsu sambandhesu mukhajena sambandhena bhagavato puttabhāvo vibhāvito. Atthadvayenāpi dhammajabhāvoyeva dīpito. Ariyadhammappattito laddhaviseso hutvā pavatto taduttarakāliko khandhasantāno ‘‘ariyadhammato jāto’’ti veditabbo, ariyadhammaṃ vā maggaphalaṃ nissāya, upanissāya ca jāto sabbopi dhammappabandho ‘‘ariyadhammato jāto’’ti gahetabbo. Tesaṃ pana ariyadhammānaṃ apariyositakiccatāya ariyabhāvena abhinibbattimattaṃ upādāya ‘‘ariyadhammato jātattā’’ti vuttaṃ. Pariyositakiccatāya tathā nibbattipāripūriṃ upādāya ‘‘nimmitattā’’ti vuttaṃ, yato ‘‘dhammajo dhammanimmito’’ti vuttaṃ. ‘‘Navalokuttaradhammadāyaṃ ādiyatīti dhammadāyādo’’ tipi pāṭho. Assāti ‘‘bhagavatomhiputto’’tiādinā vuttassa vākyassa. Atthaṃ dassentoti bhāvatthaṃ pakāsento. Tathāgatassa anaññasādhāraṇasīlādidhammakkhandhassa samūhanivesavasena dhammakāyatāya na kiñci vattabbaṃ atthi, satthuṭṭhāniyassa pana dhammakāyataṃ dassetuṃ ‘‘kasmā tathāgato dhammakāyoti vutto’’ti sayameva pucchaṃ samuṭṭhāpetvā ‘‘tathāgato hī’’tiādinā tamatthaṃ vissajjeti. Hadayena cintetvāti ‘‘imaṃ dhammaṃ imassa desessāmī’’ti tassa upagatassa veneyyajanassa bodhanatthaṃ cittena cintetvā. Vācāya abhinīharīti saddhammadesanāvācāya karavīkarutamañjunā brahmassarena veneyyasantānābhimukhaṃ tadajjhāsayānurūpaṃ hitamatthaṃ nīhari upanesi. Tenāti tena kāraṇena evaṃsaddhammādhimuttibhāvena. Assāti tathāgatassa. Dhammamayattāti dhammabhūtattā. Idhādhippetadhammo seṭṭhaṭṭhena brahmabhūtoti āha ‘‘dhammakāyattā eva brahmakāyo’’ti. Sabbaso adhammaṃ pajahitvā anavasesato dhammo eva bhūtoti dhammabhūto. Tathārūpo ca yasmā sabhāvato dhammo evāti vattabbataṃ arahatīti āha ‘‘dhammasabhāvo’’ti.

    ๑๑๙. เสฎฺฐเจฺฉทกวาทนฺติ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๖) เอวํ วุตฺตเสฎฺฐภาวเจฺฉทกวาทํฯ อปเรนปิ นเยนาติ ยถาวุตฺตเสฎฺฐเจฺฉทกวาทโต อปเรนปิ โปราณกโลกุปฺปตฺติทสฺสนนเยนฯ เสฎฺฐเจฺฉท…เป.… ทเสฺสตุนฺติ โสปิ หิ ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ, หีนา อเญฺญ วณฺณา’’ติ, ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๔) จ เอวํ ปวตฺตาย มิจฺฉาทิฎฺฐิยา วินิเวฐโน ชาติพฺราหฺมณานํ เสฎฺฐภาวสฺส เฉทนโต เสฎฺฐเจฺฉทนวาโท นาม โหตีติ ทเสฺสตุนฺติ อโตฺถฯ

    119.Seṭṭhacchedakavādanti ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo’’ti (dī. ni. 3.116) evaṃ vuttaseṭṭhabhāvacchedakavādaṃ. Aparenapi nayenāti yathāvuttaseṭṭhacchedakavādato aparenapi porāṇakalokuppattidassananayena. Seṭṭhaccheda…pe… dassetunti sopi hi ‘‘brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo, hīnā aññe vaṇṇā’’ti, ‘‘brāhmaṇā brahmuno puttā orasā mukhato jātā brahmajā’’ti (dī. ni. 3.114) ca evaṃ pavattāya micchādiṭṭhiyā viniveṭhano jātibrāhmaṇānaṃ seṭṭhabhāvassa chedanato seṭṭhacchedanavādo nāma hotīti dassetunti attho.

    อิตฺถภาวนฺติ อิมํ ปการตํ มนุสฺสภาวํฯ สามญฺญโชตนา หิ วิเสเส อวติฎฺฐติ, ปกรณวเสน วา อยมโตฺถ อวจฺฉิโนฺน ทฎฺฐโพฺพฯ มเนเนว นิพฺพตฺตาติ พาหิรปจฺจเยน วินา เกวลํ อุปจารฌานมนสาว นิพฺพตฺตาฯ ยาย อุปจารชฺฌานเจตนาย เต ตตฺถ นิพฺพตฺตา, นีวรณวิกฺขมฺภนาทินา อุฬาโร ตสฺสา ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ฌานผลกโปฺป ตสฺสา ผลวิเสโสติ อาห ‘‘พฺรหฺมโลเก วิยา’’ติอาทิฯ ‘‘สยํปภา’’ติ ปทานํ ตตฺถ สูริยาโลกาทีหิ วินา อนฺธการํ วิธมนฺตา สยเมว ปภาสนฺตีติ สยํปภา, อนฺตลิเกฺข อากาเส จรนฺตีติ อนฺตลิกฺขจรา, ตทญฺญกามาวจรสตฺตานํ วิย สรีรสฺส วิจรณฎฺฐานสฺส อสุภตาภาวโต สุภํ, สุเภว ติฎฺฐนฺตีติ สุภฎฺฐายิโนติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Itthabhāvanti imaṃ pakārataṃ manussabhāvaṃ. Sāmaññajotanā hi visese avatiṭṭhati, pakaraṇavasena vā ayamattho avacchinno daṭṭhabbo. Manenevanibbattāti bāhirapaccayena vinā kevalaṃ upacārajhānamanasāva nibbattā. Yāya upacārajjhānacetanāya te tattha nibbattā, nīvaraṇavikkhambhanādinā uḷāro tassā pavattiviseso, tasmā jhānaphalakappo tassā phalavisesoti āha ‘‘brahmaloke viyā’’tiādi. ‘‘Sayaṃpabhā’’ti padānaṃ tattha sūriyālokādīhi vinā andhakāraṃ vidhamantā sayameva pabhāsantīti sayaṃpabhā, antalikkhe ākāse carantīti antalikkhacarā, tadaññakāmāvacarasattānaṃ viya sarīrassa vicaraṇaṭṭhānassa asubhatābhāvato subhaṃ, subheva tiṭṭhantīti subhaṭṭhāyinoti attho veditabbo.

    รสปถวิปาตุภาววณฺณนา

    Rasapathavipātubhāvavaṇṇanā

    ๑๒๐. สพฺพํ จกฺกวาฬนฺติ อนวเสสํ โกฎิสตสหสฺสํ จกฺกวาฬํฯ สมตนีติ สญฺฉาเทนฺตี วิปฺผริ, สา ปน ตสฺมิํ อุทเก ปติฎฺฐิตา อโหสีติ อาห ‘‘ปติฎฺฐหี’’ติฯ วเณฺณน สมฺปนฺนาติ สมฺปนฺนวณฺณาฯ มกฺขิกณฺฑกรหิตนฺติ มกฺขิกาหิ จ ตาสํ อณฺฑเกหิ จ รหิตํฯ

    120.Sabbaṃ cakkavāḷanti anavasesaṃ koṭisatasahassaṃ cakkavāḷaṃ. Samatanīti sañchādentī vipphari, sā pana tasmiṃ udake patiṭṭhitā ahosīti āha ‘‘patiṭṭhahī’’ti. Vaṇṇenasampannāti sampannavaṇṇā. Makkhikaṇḍakarahitanti makkhikāhi ca tāsaṃ aṇḍakehi ca rahitaṃ.

    อตีตานนฺตเรปิ กเปฺป โลโลเยวฯ กสฺมา? เอวํ จิรปริจิตโลลตาวเสน สพฺพปฐมํ ตถา อกาสีติ ทเสฺสติฯ กิเมวิทนฺติ ‘‘วณฺณโต, คนฺธโต จ ตาว ญาตํ, รสโต ปน กิเมวิทํ ภวิสฺสตี’’ติ สํสยชาโต วทติฯ ติฎฺฐตีติ อฎฺฐาสิฯ

    Atītānantarepi kappe loloyeva. Kasmā? Evaṃ ciraparicitalolatāvasena sabbapaṭhamaṃ tathā akāsīti dasseti. Kimevidanti ‘‘vaṇṇato, gandhato ca tāva ñātaṃ, rasato pana kimevidaṃ bhavissatī’’ti saṃsayajāto vadati. Tiṭṭhatīti aṭṭhāsi.

    จนฺทิมสูริยาทิปาตุภาววณฺณนา

    Candimasūriyādipātubhāvavaṇṇanā

    ๑๒๑. อาลุปฺปการกนฺติ เอตฺถ อาโลปปริยาโย อาลุปฺป-สโทฺทติ อาห ‘‘อาโลปํ กตฺวา’’ติฯ ปจฺจกฺขภูตานมฺปิ จนฺทิมสูริยานํ ปวตฺติยํ โลกิยานํ สโมฺมโห โหติ, ตํ วิธมิตุํ ‘‘โก ปน เตส’’นฺติอาทินา อฎฺฐ ปญฺหาวิสฺสชฺชนานิ คหิตานิฯ ตตฺถ เตสนฺติ จนฺทิมสูริยานํฯ กสฺมินฺติ กสฺมิํ ฐาเนฯ ‘‘โก อุปรี’’ติ เอเตเนว โก เหฎฺฐาติ อยมโตฺถ วุโตฺตเยวฯ ตถา ‘‘โก สีฆํ คจฺฉตี’’ติ อิมินา โก สณิกํ คจฺฉตีติ อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺตเยวฯ วีถิโยติ คมนวีถิโยฯ เอกโตติ เอกสฺมิํ ขเณ ปาตุภวนฺติฯ สูริยมณฺฑเล ปน อตฺถงฺคเต จนฺทมณฺฑลํ ปญฺญายิตฺถฯ ฉนฺทํ ญตฺวา วาติ รุจิํ ญตฺวา วิยฯ

    121.Āluppakārakanti ettha ālopapariyāyo āluppa-saddoti āha ‘‘ālopaṃ katvā’’ti. Paccakkhabhūtānampi candimasūriyānaṃ pavattiyaṃ lokiyānaṃ sammoho hoti, taṃ vidhamituṃ ‘‘ko pana tesa’’ntiādinā aṭṭha pañhāvissajjanāni gahitāni. Tattha tesanti candimasūriyānaṃ. Kasminti kasmiṃ ṭhāne. ‘‘Ko uparī’’ti eteneva ko heṭṭhāti ayamattho vuttoyeva. Tathā ‘‘ko sīghaṃ gacchatī’’ti iminā ko saṇikaṃ gacchatīti ayampi attho vuttoyeva. Vīthiyoti gamanavīthiyo. Ekatoti ekasmiṃ khaṇe pātubhavanti. Sūriyamaṇḍale pana atthaṅgate candamaṇḍalaṃ paññāyittha. Chandaṃ ñatvā vāti ruciṃ ñatvā viya.

    อุภยนฺติ อโนฺต, พหิ จฯ

    Ubhayanti anto, bahi ca.

    อุชุกนฺติ อายามโต, วิตฺถารโต, อุเพฺพธโต จฯ ปริมณฺฑลโตติ ปริเกฺขปโตฯ

    Ujukanti āyāmato, vitthārato, ubbedhato ca. Parimaṇḍalatoti parikkhepato.

    อุชุกํ สณิกํ คจฺฉติ อมาวาสิยํ สูริเยน สทฺธิํ คจฺฉโนฺต ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ โอหียโนฺต ปุณฺณมาสิยํ อุปฑฺฒมคฺคเมว โอหียนโตฯ ติริยํ สีฆํ คจฺฉติ เอกสฺมิมฺปิ มาเส กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ อุตฺตรโต ทสฺสนโตฯ ‘‘ทฺวีสุ ปเสฺสสู’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํฯ จนฺทสฺส ปุรโต, ปจฺฉโต, สมญฺจ ตารกา คจฺฉนฺติเยวฯ อตฺตโน ฐานนฺติ อตฺตโน คมนฎฺฐานํฯ น วิชหนฺติ อตฺตโน วีถิยาว คจฺฉนโตฯ สูริยสฺส อุชุกํ คมนสฺส สีฆตา จนฺทสฺส คมนํ อุปาทาย เวทิตพฺพาฯ ติริยํ คมนํ ทกฺขิณทิสโต อุตฺตรทิสาย, อุตฺตรทิสโต จ ทกฺขิณทิสาย คมนํ ทนฺธํ ฉหิ ฉหิ มาเสหิ อิชฺฌนโตฯ โสติ สูริโยฯ กาฬปกฺขอุโปสถโตติ กาฬปเกฺข อุโปสเถ จเนฺทน สเหว คนฺตฺวา ตโต ปรํฯ ปาฎิปททิวเสติ สุกฺกปกฺขปาฎิปททิวเสฯ โอหาย คจฺฉติ อตฺตโน สีฆคามิตาย, ตสฺส จ ทนฺธคามิตายฯ เลขา วิย ปญฺญายติ ปจฺฉิมทิสายํฯ ยาว อุโปสถทิวสาติ ยาว สุกฺกปกฺขอุโปสถทิวสาฯ ‘‘จโนฺท อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา’’ติ อิทํ อุปริภาคโต ปติตสูริยาโลกตาย เหฎฺฐโต ปวตฺตาย สูริยสฺส ทูรภาเวน ทิวเส ทิวเส อนุกฺกเมน ปริหายมานาย อตฺตโน ฉายาย วเสน อนุกฺกเมน จนฺทมณฺฑลปฺปเทสสฺส วฑฺฒมานสฺส วิย ทิสฺสมานตาย วุตฺตํ, ตสฺมา อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา วิยฯ อุโปสถทิวเส ปุณฺณมายํ ปริปุโณฺณ โหติ, ปริปุณฺณมณฺฑโล หุตฺวา ทิสฺสตีติ อโตฺถฯ ธาวิตฺวา คณฺหาติ จนฺทสฺส ทนฺธคติตาย, อตฺตโน จ สีฆคติตายฯ อนุกฺกเมน หายิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ปน ฉายาย หายมานตาย มณฺฑลํ วฑฺฒมานํ วิย ทิสฺสติ, อิธ ฉายาย วฑฺฒมานตาย มณฺฑลํ หายมานํ วิย ทิสฺสติฯ

    Ujukaṃ saṇikaṃ gacchati amāvāsiyaṃ sūriyena saddhiṃ gacchanto divase divase thokaṃ thokaṃ ohīyanto puṇṇamāsiyaṃ upaḍḍhamaggameva ohīyanato. Tiriyaṃ sīghaṃ gacchati ekasmimpi māse kadāci dakkhiṇato, kadāci uttarato dassanato. ‘‘Dvīsu passesū’’ti idaṃ yebhuyyavasena vuttaṃ. Candassa purato, pacchato, samañca tārakā gacchantiyeva. Attano ṭhānanti attano gamanaṭṭhānaṃ. Na vijahanti attano vīthiyāva gacchanato. Sūriyassa ujukaṃ gamanassa sīghatā candassa gamanaṃ upādāya veditabbā. Tiriyaṃ gamanaṃ dakkhiṇadisato uttaradisāya, uttaradisato ca dakkhiṇadisāya gamanaṃ dandhaṃ chahi chahi māsehi ijjhanato. Soti sūriyo. Kāḷapakkhauposathatoti kāḷapakkhe uposathe candena saheva gantvā tato paraṃ. Pāṭipadadivaseti sukkapakkhapāṭipadadivase. Ohāya gacchati attano sīghagāmitāya, tassa ca dandhagāmitāya. Lekhāviya paññāyati pacchimadisāyaṃ. Yāva uposathadivasāti yāva sukkapakkhauposathadivasā. ‘‘Cando anukkamena vaḍḍhitvā’’ti idaṃ uparibhāgato patitasūriyālokatāya heṭṭhato pavattāya sūriyassa dūrabhāvena divase divase anukkamena parihāyamānāya attano chāyāya vasena anukkamena candamaṇḍalappadesassa vaḍḍhamānassa viya dissamānatāya vuttaṃ, tasmā anukkamena vaḍḍhitvā viya. Uposathadivase puṇṇamāyaṃ paripuṇṇo hoti, paripuṇṇamaṇḍalo hutvā dissatīti attho. Dhāvitvā gaṇhāti candassa dandhagatitāya, attano ca sīghagatitāya. Anukkamena hāyitvāti ettha ‘‘anukkamena vaḍḍhitvā’’ti ettha vuttanayena attho veditabbo. Tattha pana chāyāya hāyamānatāya maṇḍalaṃ vaḍḍhamānaṃ viya dissati, idha chāyāya vaḍḍhamānatāya maṇḍalaṃ hāyamānaṃ viya dissati.

    ยาย วีถิยา สูริเย คจฺฉเนฺต วสฺสวลาหกา เทวปุตฺตา สูริยาภิตาปสนฺตตฺตา อตฺตโน วิมานโต น นิกฺขมนฺติ, กีฬาปสุตา หุตฺวา น วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยสฺส วิมานํ ปกติมคฺคโต อโธ โอตริตฺวา วิจรติ, ตสฺส โอรุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อโธ โอรุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตสฺมา สา วีถิ อุทกาภาเวน อชานุรูปตาย ‘‘อชวีถี’’ติ สมญฺญํ คตาฯ ยาย ปน วีถิยา สูริเย คจฺฉเนฺต วสฺสวลาหกา เทวปุตฺตา สูริยาภิตาปาภาวโต อภิณฺหํ อตฺตโน วิมานโต พหิ นิกฺขมิตฺวา กีฬาปสุตา อิโต จิโต จ วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยวิมานํ ปกติมคฺคโต อุทฺธํ อารุหิตฺวา วิจรติ, ตสฺส อุทฺธํ อารุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อุทฺธํ อารุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตคฺคติกตา จ สมานคตินา วาตมณฺฑเลน วิมานสฺส เผลฺลิตพฺพตฺตา, ตสฺมา สา วีถิ อุทกพหุภาเวน นาคานุรูปตาย ‘‘นาควีถี’’ติ สมญฺญํ คตาฯ ยทา สูริโย อุทฺธมนารุหโนฺต, อโธ จ อโนตรโนฺต ปกติมเคฺคเนว คจฺฉติ, ตทา วสฺสวลาหกา ยถากาลํ, ยถารุจิ จ วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สุเขน วิจรนฺติ, เตน กาเลน กาลํ วสฺสนโต โลเก อุตุสมตา โหติ, ตาย อุตุสมตาย เหตุภูตาย สา จนฺทิมสูริยานํ คติ ควานุรูปตาย ‘‘โควีถี’’ติ สมญฺญํ คตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชวีถี’’ติอาทิฯ

    Yāya vīthiyā sūriye gacchante vassavalāhakā devaputtā sūriyābhitāpasantattā attano vimānato na nikkhamanti, kīḷāpasutā hutvā na vicaranti, tadā kira sūriyassa vimānaṃ pakatimaggato adho otaritvā vicarati, tassa oruyha caraṇeneva candavimānampi adho oruyha carati taggatikattā, tasmā sā vīthi udakābhāvena ajānurūpatāya ‘‘ajavīthī’’ti samaññaṃ gatā. Yāya pana vīthiyā sūriye gacchante vassavalāhakā devaputtā sūriyābhitāpābhāvato abhiṇhaṃ attano vimānato bahi nikkhamitvā kīḷāpasutā ito cito ca vicaranti, tadā kira sūriyavimānaṃ pakatimaggato uddhaṃ āruhitvā vicarati, tassa uddhaṃ āruyha caraṇeneva candavimānampi uddhaṃ āruyha carati taggatikattā, taggatikatā ca samānagatinā vātamaṇḍalena vimānassa phellitabbattā, tasmā sā vīthi udakabahubhāvena nāgānurūpatāya ‘‘nāgavīthī’’ti samaññaṃ gatā. Yadā sūriyo uddhamanāruhanto, adho ca anotaranto pakatimaggeneva gacchati, tadā vassavalāhakā yathākālaṃ, yathāruci ca vimānato nikkhamitvā sukhena vicaranti, tena kālena kālaṃ vassanato loke utusamatā hoti, tāya utusamatāya hetubhūtāya sā candimasūriyānaṃ gati gavānurūpatāya ‘‘govīthī’’ti samaññaṃ gatā. Tena vuttaṃ ‘‘ajavīthī’’tiādi.

    เอวํ ‘‘กติ เนสํ วีถิโย’’ติ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘กถํ วิจรนฺตี’’ติ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตุํ ‘‘จนฺทิมสูริยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สิเนรุโต พหิ นิกฺขมนฺตีติ สิเนรุสมีเปน ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คจฺฉนฺตา ตโต คมนวีถิโต พหิ อตฺตโน ติริยคมเนน จกฺกวาฬาภิมุขา นิกฺขมนฺติฯ อโนฺต วิจรนฺตีติ เอวํ ฉ มาเส ขเณ ขเณ สิเนรุโต อปสกฺกนวเสน ตโต นิกฺขมิตฺวา จกฺกวาฬสมีปํ ปตฺตา, ตโตปิ ฉ มาเส ขเณ ขเณ อปสกฺกนวเสน นิกฺขมิตฺวา สิเนรุสมีปํ ปาปุณนฺตา อโนฺต วิจรนฺติฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ สเงฺขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘เตหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สิเนรุสฺส, จกฺกวาฬสฺส จ ยํ ฐานํ เวมชฺฌํ, ตสฺส, สิเนรุสฺส จ ยํ ฐานํ เวมชฺฌํ, เตน คจฺฉนฺตา ‘‘สิเนรุสมีเปน วิจรนฺตี’’ติ วุตฺตา, น สิเนรุสฺส อคฺคาฬินฺทอลฺลีนาฯ จกฺกวาฬสมีเปน จริตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ มเชฺฌนาติ สิเนรุสฺส, จกฺกวาฬสฺส จ อุชุกํ เวมเชฺฌน มเคฺคนฯ จิตฺรมาเส มเชฺฌนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Evaṃ ‘‘kati nesaṃ vīthiyo’’ti pañhaṃ vissajjetvā ‘‘kathaṃ vicarantī’’ti pañhaṃ vissajjetuṃ ‘‘candimasūriyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sineruto bahi nikkhamantīti sinerusamīpena taṃ padakkhiṇaṃ katvā gacchantā tato gamanavīthito bahi attano tiriyagamanena cakkavāḷābhimukhā nikkhamanti. Anto vicarantīti evaṃ cha māse khaṇe khaṇe sineruto apasakkanavasena tato nikkhamitvā cakkavāḷasamīpaṃ pattā, tatopi cha māse khaṇe khaṇe apasakkanavasena nikkhamitvā sinerusamīpaṃ pāpuṇantā anto vicaranti. Idāni tamevatthaṃ saṅkhepena vuttaṃ vivarituṃ ‘‘tehī’’tiādi vuttaṃ. Sinerussa, cakkavāḷassa ca yaṃ ṭhānaṃ vemajjhaṃ, tassa, sinerussa ca yaṃ ṭhānaṃ vemajjhaṃ, tena gacchantā ‘‘sinerusamīpenavicarantī’’ti vuttā, na sinerussa aggāḷindaallīnā. Cakkavāḷasamīpena caritvāti etthāpi eseva nayo. Majjhenāti sinerussa, cakkavāḷassa ca ujukaṃ vemajjhena maggena. Citramāse majjhenāti etthāpi eseva nayo.

    เอกปฺปหาเรนาติ เอกเวลาย, เอเกเนว วา อตฺตโน เอกปฺปหาเรนฯ มชฺฌนฺหิโกติ ฐิตมชฺฌนฺหิโก กาโล โหติฯ ตทา หิ สูริยมณฺฑลํ อุคฺคจฺฉนฺตํ หุตฺวาปิ อิมสฺมิํ ทีเป ฐิตสฺส อุปฑฺฒเมว ทิสฺสติ, อุตฺตรกุรูสุ ฐิตสฺส โอคจฺฉนฺตํ หุตฺวาฯ เอวญฺหิ เอกเวลายเมว ตีสุ ทีเปสุ อาโลกกรณํฯ

    Ekappahārenāti ekavelāya, ekeneva vā attano ekappahārena. Majjhanhikoti ṭhitamajjhanhiko kālo hoti. Tadā hi sūriyamaṇḍalaṃ uggacchantaṃ hutvāpi imasmiṃ dīpe ṭhitassa upaḍḍhameva dissati, uttarakurūsu ṭhitassa ogacchantaṃ hutvā. Evañhi ekavelāyameva tīsu dīpesu ālokakaraṇaṃ.

    เยสุ กตฺติกาทินกฺขตฺตสมญฺญา, ตานิปิ ตารกรูปานิ เยวาติ วุตฺตํ ‘‘เสสตารกรูปานิ จา’’ติ, นกฺขตฺตสญฺญิตตารกรูปโต อวสิฎฺฐตารกรูปานีติ อโตฺถฯ อุภยานิปิ ตานิ เทวตานํ วสนกวิมานานีติ เวทิตพฺพานิฯ รา-สโทฺท ติยติ ฉิชฺชติ เอตฺถาติ รตฺติ, สตฺตานํ สทฺทสฺส วูปสมนกาโลติ อโตฺถฯ ทิพฺพนฺติ สตฺตา กีฬนฺติ โชตนฺติ เอตฺถาติ ทิวาฯ สตฺตานํ อายุํ มินโนฺต วิย สิยติ อนฺตํ กโรตีติ มาโสฯ ตํ ตํ กิริยํ อรติ วเตฺตตีติ อุตุฯ ตํ ตํ สตฺตํ, ธมฺมปฺปวตฺติญฺจ สงฺคมฺม วทโนฺต วิย สรติ วเตฺตตีติ สํวจฺฉโรฯ

    Yesu kattikādinakkhattasamaññā, tānipi tārakarūpāni yevāti vuttaṃ ‘‘sesatārakarūpāni cā’’ti, nakkhattasaññitatārakarūpato avasiṭṭhatārakarūpānīti attho. Ubhayānipi tāni devatānaṃ vasanakavimānānīti veditabbāni. Rā-saddo tiyati chijjati etthāti ratti, sattānaṃ saddassa vūpasamanakāloti attho. Dibbanti sattā kīḷanti jotanti etthāti divā. Sattānaṃ āyuṃ minanto viya siyati antaṃ karotīti māso. Taṃ taṃ kiriyaṃ arati vattetīti utu. Taṃ taṃ sattaṃ, dhammappavattiñca saṅgamma vadanto viya sarati vattetīti saṃvaccharo.

    ๑๒๒. วิวชฺชนํ วิวโชฺช, โส เอว เววชฺชํ, วณฺณสฺส เววชฺชํ วณฺณเววชฺชํ, วณฺณสมฺปตฺติยา วิคโม, ตสฺส ปน อตฺถิตา ‘‘วณฺณเววชฺชตา’’ติ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘วิวชฺชภาโว’’ติฯ เตสนฺติ วณฺณวนฺตานํ สตฺตานํฯ อติมานปฺปจฺจยาติ ทุพฺพณฺณวมฺภนวเสน อติกฺกมฺม อตฺตโน วณฺณํ ปฎิจฺจ มานปจฺจยา, มานสมฺปคฺคณฺหนนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ สาติสโย รโส เอติสฺสา อตฺถีติ รสาติ ลทฺธมานาย, อนุภาสิํสูติ อนุโรธวเสน ภาสิํสุฯ โลกุปฺปตฺติวํสกถนฺติ โลกุปฺปตฺติวํสชํ ปเวณีกถํ, อาทิกาเล อุปฺปนฺนํ ปเวณีอาคตกถนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อนุปตนฺตี’’ติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ

    122. Vivajjanaṃ vivajjo, so eva vevajjaṃ, vaṇṇassa vevajjaṃ vaṇṇavevajjaṃ, vaṇṇasampattiyā vigamo, tassa pana atthitā ‘‘vaṇṇavevajjatā’’ti vuttā. Tenāha ‘‘vivajjabhāvo’’ti. Tesanti vaṇṇavantānaṃ sattānaṃ. Atimānappaccayāti dubbaṇṇavambhanavasena atikkamma attano vaṇṇaṃ paṭicca mānapaccayā, mānasampaggaṇhananimittanti attho. Sātisayo raso etissā atthīti rasāti laddhamānāya, anubhāsiṃsūti anurodhavasena bhāsiṃsu. Lokuppattivaṃsakathanti lokuppattivaṃsajaṃ paveṇīkathaṃ, ādikāle uppannaṃ paveṇīāgatakathanti attho. ‘‘Anupatantī’’tipi pāṭho, so evattho.

    ภูมิปปฺปฎกปาตุภาวาทิวณฺณนา

    Bhūmipappaṭakapātubhāvādivaṇṇanā

    ๑๒๓. เอทิโส หุตฺวาติ อหิจฺฉตฺตกสทิโส หุตฺวาฯ

    123.Ediso hutvāti ahicchattakasadiso hutvā.

    ๑๒๔. ปทาลตาติ ‘‘ปทา’’ติ เอวํนามา เอกา ลตา, สา ปน ยสฺมา สมฺปนฺนวณฺณคนฺธรสา, ตสฺมา ‘‘ภทฺทลตา’’ติ วุตฺตาฯ นาฬิกาติ นาฬิวลฺลิฯ อหายีติ นสฺสิฯ

    124.Padālatāti ‘‘padā’’ti evaṃnāmā ekā latā, sā pana yasmā sampannavaṇṇagandharasā, tasmā ‘‘bhaddalatā’’ti vuttā. Nāḷikāti nāḷivalli. Ahāyīti nassi.

    ๑๒๕. อกฎฺฐปาโกติ อกเฎฺฐเยว ฐาเน อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺจนโก, นีวาโร วิย สญฺชาโต หุตฺวา นิปฺปชฺชนโกติ อโตฺถฯ กโณ ‘‘กุณฺฑก’’นฺติ จ วุจฺจติฯ ถุสนฺติ ตณฺฑุลํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตตฺตโจ, ตทภาวโต ‘‘อกโณ, อถุโส’’ติ สาลิ วุโตฺตฯ ‘‘ปฎิวิรูฬฺห’’นฺติ อิทํ ปกฺกภาวสฺส การณวจนํฯ ปฎิวิรูฬฺหโต หิ ตํ ปกฺกนฺติฯ ยสฺมิํ ฐาเน สายํ ปโกฺก สาลิ คหิโต, ตเทว ฐานํ ทุติยทิวเส ปาโต ปเกฺกน สาลินา ปริปุณฺณํ หุตฺวา ติฎฺฐตีติ อาห ‘‘สายํ คหิตฎฺฐานํ ปาโต ปกฺกํ โหตี’’ติอาทิฯ อลายิตนฺติ ลายิตฎฺฐานมฺปิ เตสํ กมฺมปฺปจฺจยา อลายิตเมว หุตฺวา อนูนํ ปริปุณฺณเมว ปญฺญายติ, น เกวลํ ปญฺญายนเมว, อถ โข ตถาภูตเมว หุตฺวา ติฎฺฐติฯ

    125.Akaṭṭhapākoti akaṭṭheyeva ṭhāne uppajjitvā paccanako, nīvāro viya sañjāto hutvā nippajjanakoti attho. Kaṇo ‘‘kuṇḍaka’’nti ca vuccati. Thusanti taṇḍulaṃ pariyonandhitvā ṭhitattaco, tadabhāvato ‘‘akaṇo, athuso’’ti sāli vutto. ‘‘Paṭivirūḷha’’nti idaṃ pakkabhāvassa kāraṇavacanaṃ. Paṭivirūḷhato hi taṃ pakkanti. Yasmiṃ ṭhāne sāyaṃ pakko sāli gahito, tadeva ṭhānaṃ dutiyadivase pāto pakkena sālinā paripuṇṇaṃ hutvā tiṭṭhatīti āha ‘‘sāyaṃ gahitaṭṭhānaṃ pāto pakkaṃ hotī’’tiādi. Alāyitanti lāyitaṭṭhānampi tesaṃ kammappaccayā alāyitameva hutvā anūnaṃ paripuṇṇameva paññāyati, na kevalaṃ paññāyanameva, atha kho tathābhūtameva hutvā tiṭṭhati.

    อิตฺถิปุริสลิงฺคาทิปาตุภาววณฺณนา

    Itthipurisaliṅgādipātubhāvavaṇṇanā

    ๑๒๖. ‘‘มนุสฺสกาเล’’ติ อิทํ ปุเพฺพ มนุสฺสภูตานํเยว ตตฺถ อิทานิ นิกนฺติวเสน อุปฺปตฺติ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, เทวตานมฺปิ ปุริมชาติยํ อิตฺถิภาเว ฐิตานํ ตตฺถ วิราคาทิปุริสตฺตปฺปจฺจเย อสติ ตทา อิตฺถิลิงฺคเมว ปาตุภวติฯ ปุริสตฺตปจฺจเยติ ‘‘อตฺตโนปิ อนิสฺสรตา, สพฺพกาลํ ปรายตฺตวุตฺติตา, รชสฺสลตา วญฺจตา, คพฺภธารณํ, ปฐมาย ปกติยา นิหีนปกติตา, สูรวีรตาภาโว, ‘อปฺปกา ชนา’ติ ‘หีเฬตพฺพตา’ติ เอวมาทิ อาทีนวปจฺจเวกฺขณปุพฺพกมฺปิ อิตฺถิภาเว ‘อลํ อิตฺถิภาเวน, น หิ อิตฺถิภาเว ฐตฺวา จกฺกวตฺติสิริํ, น สกฺกมารพฺรหฺมสิริโย ปจฺจนุภวิตุํ, น ปเจฺจกโพธิํ, น สมฺมาสโมฺพธิํ อธิคนฺตุํ สกฺกา’ติ เอวํ อิตฺถิภาววิรชฺชนํ, ‘ยถาวุตฺตอาทีนววิรหโต อุตฺตมปกติภาวโต สมฺปทมิทํ ปุริสตฺตํ นาม เสฎฺฐํ อุตฺตมํ, เอตฺถ ฐตฺวา สกฺกา เอตา สมฺปตฺติโย สมฺปาปุณิตุ’นฺติ เอวํ ปุริสตฺตภาเว สมฺภาวนาปุพฺพกํ ปตฺถนาฐปนํ, ‘ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา’ติ’’ เอวมาทิเก ปุริสภาวสฺส ปจฺจยภูเต ธเมฺมฯ ปูเรตฺวา วเฑฺฒตฺวาฯ ปจฺจกฺขํ ภูตํ, สทิสญฺจ ทิฎฺฐธมฺมิกํ, สมฺปรายิกญฺจ สุวิปุลํ อนตฺถํ อจิเนฺตตฺวา ปุริสสฺส กาเมสุ มิจฺฉาจรณํ เกวลํ อิตฺถิยํ อาสาปตฺติ ผเลเนวาติ อาสาอาปตฺติ อิตฺถิภาวาวหาปิ โหติเยวฯ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารภาเวน ตนฺนิกนฺติยา นิมิตฺตภาวาปตฺติโตติ วุตฺตํ ‘‘ปุริโส อิตฺถตฺตภาวํ ลภโนฺต กาเมสุมิจฺฉาจารํ นิสฺสาย ลภตี’’ติฯ ตทาติ ยถาวุเตฺต ปฐมกปฺปิกกาเลฯ ปกติยาติ สภาเวนฯ มาตุคามสฺสาติ ปุริมตฺตภาเว มาตุคามภูตสฺสฯ ปุริสสฺสาติ เอตฺถาปิ ‘‘ปกติยา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อุปนิชฺฌายตนฺติ อุเปจฺจ นิชฺฌายนฺตานํฯ ยถา อญฺญมญฺญสฺมิํ สาราโค อุปฺปชฺชติ, เอวํ สาเปกฺขภาเวน โอโลเกนฺตานํฯ ราคปริฬาโหติ ราคโช ปริฬาโหฯ

    126.‘‘Manussakāle’’ti idaṃ pubbe manussabhūtānaṃyeva tattha idāni nikantivasena uppatti hotīti katvā vuttaṃ, devatānampi purimajātiyaṃ itthibhāve ṭhitānaṃ tattha virāgādipurisattappaccaye asati tadā itthiliṅgameva pātubhavati. Purisattapaccayeti ‘‘attanopi anissaratā, sabbakālaṃ parāyattavuttitā, rajassalatā vañcatā, gabbhadhāraṇaṃ, paṭhamāya pakatiyā nihīnapakatitā, sūravīratābhāvo, ‘appakā janā’ti ‘hīḷetabbatā’ti evamādi ādīnavapaccavekkhaṇapubbakampi itthibhāve ‘alaṃ itthibhāvena, na hi itthibhāve ṭhatvā cakkavattisiriṃ, na sakkamārabrahmasiriyo paccanubhavituṃ, na paccekabodhiṃ, na sammāsambodhiṃ adhigantuṃ sakkā’ti evaṃ itthibhāvavirajjanaṃ, ‘yathāvuttaādīnavavirahato uttamapakatibhāvato sampadamidaṃ purisattaṃ nāma seṭṭhaṃ uttamaṃ, ettha ṭhatvā sakkā etā sampattiyo sampāpuṇitu’nti evaṃ purisattabhāve sambhāvanāpubbakaṃ patthanāṭhapanaṃ, ‘tattha ninnapoṇapabbhāracittatā’ti’’ evamādike purisabhāvassa paccayabhūte dhamme. Pūretvā vaḍḍhetvā. Paccakkhaṃ bhūtaṃ, sadisañca diṭṭhadhammikaṃ, samparāyikañca suvipulaṃ anatthaṃ acintetvā purisassa kāmesu micchācaraṇaṃ kevalaṃ itthiyaṃ āsāpatti phalenevāti āsāāpatti itthibhāvāvahāpi hotiyeva. Tanninnapoṇapabbhārabhāvena tannikantiyā nimittabhāvāpattitoti vuttaṃ ‘‘puriso itthattabhāvaṃ labhanto kāmesumicchācāraṃ nissāya labhatī’’ti. Tadāti yathāvutte paṭhamakappikakāle. Pakatiyāti sabhāvena. Mātugāmassāti purimattabhāve mātugāmabhūtassa. Purisassāti etthāpi ‘‘pakatiyā’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Upanijjhāyatanti upecca nijjhāyantānaṃ. Yathā aññamaññasmiṃ sārāgo uppajjati, evaṃ sāpekkhabhāvena olokentānaṃ. Rāgapariḷāhoti rāgajo pariḷāho.

    นิพฺพุยฺหมานายาติ ปริณตา หุตฺวา นิยฺยมานายฯ

    Nibbuyhamānāyāti pariṇatā hutvā niyyamānāya.

    เมถุนธมฺมสมาจารวณฺณนา

    Methunadhammasamācāravaṇṇanā

    ๑๒๗. โคมยปิณฺฑมตฺตมฺปิ นาลตฺถาติ สมฺมเทว วิวาหกมฺมํ นาลตฺถาติ อธิปฺปาเยน วทนฺติฯ ปาตพฺยตนฺติ ตสฺมิํ อสทฺธเมฺม กิเลสกาเมน ปิวิตพฺพตํ กิญฺจิ ปิวิตพฺพวตฺถุํ ปิวนฺตา วิย อติวิย โตเสตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพตํ อาปชฺชิํสุ, ปาตพฺยตนฺติ วา ปริภุญฺชนกตํ อาปชฺชิํสุ อุปคจฺฉิํสุฯ ปริโภคโตฺถ หิ อยํ ปา-สโทฺท, กตฺตุสาธโน จ ตพฺย-สโทฺท, ยถารุจิ ปริภุญฺชิํสูติ อโตฺถฯ

    127.Gomayapiṇḍamattampi nālatthāti sammadeva vivāhakammaṃ nālatthāti adhippāyena vadanti. Pātabyatanti tasmiṃ asaddhamme kilesakāmena pivitabbataṃ kiñci pivitabbavatthuṃ pivantā viya ativiya tosetvā paribhuñjitabbataṃ āpajjiṃsu, pātabyatanti vā paribhuñjanakataṃ āpajjiṃsu upagacchiṃsu. Paribhogattho hi ayaṃ -saddo, kattusādhano ca tabya-saddo, yathāruci paribhuñjiṃsūti attho.

    สนฺนิธิการกนฺติ สนฺนิธิการํ, -กาโร ปทวฑฺฒนมตฺตนฺติ อาห ‘‘สนฺนิธิํ กตฺวา’’ติฯ อปทานนฺติ อวขณฺฑนํฯ เอเกกสฺมิํ ฐาเนติ ยตฺถ ยตฺถ วหิตํ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ เอเกกสฺมิํ ฐาเนฯ คุมฺพคุมฺพาติ ปุญฺชปุญฺชาฯ

    Sannidhikārakanti sannidhikāraṃ, ka-kāro padavaḍḍhanamattanti āha ‘‘sannidhiṃ katvā’’ti. Apadānanti avakhaṇḍanaṃ. Ekekasmiṃ ṭhāneti yattha yattha vahitaṃ, tasmiṃ tasmiṃ ekekasmiṃ ṭhāne. Gumbagumbāti puñjapuñjā.

    สาลิวิภาควณฺณนา

    Sālivibhāgavaṇṇanā

    ๑๒๘. สีมํ ฐเปยฺยามาติ ‘‘อยํ ภูมิภาโค อสุกสฺส, อยํ ภูมิภาโค อสุกสฺสา’’ติ เอวํ ปริเจฺฉทํ กเรยฺยามฯ ตํ อคฺคํ กตฺวาติ ตํ อาทิํ กตฺวาฯ

    128.Sīmaṃ ṭhapeyyāmāti ‘‘ayaṃ bhūmibhāgo asukassa, ayaṃ bhūmibhāgo asukassā’’ti evaṃ paricchedaṃ kareyyāma. Taṃ aggaṃ katvāti taṃ ādiṃ katvā.

    มหาสมฺมตราชวณฺณนา

    Mahāsammatarājavaṇṇanā

    ๑๓๐. ปกาเสตพฺพนฺติ โทสวเสน ปกาเสตพฺพํฯ ขิปิตพฺพนฺติ เขปํ กาตพฺพํฯ เตนาห ‘‘หาเรตพฺพ’’นฺติ, สตฺตนิกายโต นีหริตพฺพํฯ

    130.Pakāsetabbanti dosavasena pakāsetabbaṃ. Khipitabbanti khepaṃ kātabbaṃ. Tenāha ‘‘hāretabba’’nti, sattanikāyato nīharitabbaṃ.

    เนสนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ

    Nesanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ.

    ๑๓๑. อกฺขรนฺติ นิรุตฺติํฯ สา หิ มหาชเนน สมฺมโตติ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพโต นิรุตฺติ , ตสฺมิํเยว นิรูฬฺหภาวโต , อญฺญตฺถ อสญฺจรณโต อกฺขรนฺติ จ วุจฺจติ, ตถา สงฺขาตพฺพโต สงฺขา, สมญฺญายตีติ สมญฺญา, ปญฺญาปนโต ปญฺญตฺติ, โวหรณโต โวหาโรฯ อุปฺปโนฺนติ ปวโตฺตฯ น เกวลํ อกฺขรเมวาติ น เกวลํ สมญฺญากรณเมวฯ เขตฺตสามิโนติ ตํ ตํ ภูมิภาคํ ปริคฺคเหตฺวา ฐิตสตฺตาฯ ตีหิ สเงฺขหีติ ติวิธกิริยาภิสงฺขเตหิ ตีหิ สเงฺขหิ ขตฺติยาทีหิ ตีหิ วเณฺณหิ ปริคฺคหิเตหิฯ ‘‘ขตฺติยานุยนฺตพฺราหฺมณคหปติกเนคมชานปเทหิ ตีหิ คหปตีหิ ปริคฺคหิเตหี’’ติ จ วทนฺติฯ อคฺคนฺติ ญาเตนาติ อคฺคํ กุลนฺติ ญาเตนฯ ขตฺติยกุลญฺหิ โลเก สพฺพเสฎฺฐํฯ ยถาห ‘‘ขตฺติโย เสโฎฺฐ ชเนตสฺมิํ, เย โคตฺตปฎิสาริโน’’ติ, (ที. นิ. ๑.๒๗๗; ๓.๑๔๐; ม. นิ. ๒.๓๐; สํ. นิ. ๑.๑๘๒, ๒๔๕) อเภโทปจาเรน ปน อกฺขรสฺส ขตฺติยสทฺทสฺสปิ เสฎฺฐตาติ ปาฬิยํ ‘‘อคฺคเญฺญน อกฺขเรนา’’ติ วุตฺตํฯ อิทานิ อเภโทปจาเรน วินา เอว อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อเคฺค วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    131.Akkharanti niruttiṃ. Sā hi mahājanena sammatoti niddhāretvā vattabbato nirutti , tasmiṃyeva nirūḷhabhāvato , aññattha asañcaraṇato akkharanti ca vuccati, tathā saṅkhātabbato saṅkhā, samaññāyatīti samaññā, paññāpanato paññatti, voharaṇato vohāro. Uppannoti pavatto. Na kevalaṃ akkharamevāti na kevalaṃ samaññākaraṇameva. Khettasāminoti taṃ taṃ bhūmibhāgaṃ pariggahetvā ṭhitasattā. Tīhi saṅkhehīti tividhakiriyābhisaṅkhatehi tīhi saṅkhehi khattiyādīhi tīhi vaṇṇehi pariggahitehi. ‘‘Khattiyānuyantabrāhmaṇagahapatikanegamajānapadehi tīhi gahapatīhi pariggahitehī’’ti ca vadanti. Agganti ñātenāti aggaṃ kulanti ñātena. Khattiyakulañhi loke sabbaseṭṭhaṃ. Yathāha ‘‘khattiyo seṭṭho janetasmiṃ, ye gottapaṭisārino’’ti, (dī. ni. 1.277; 3.140; ma. ni. 2.30; saṃ. ni. 1.182, 245) abhedopacārena pana akkharassa khattiyasaddassapi seṭṭhatāti pāḷiyaṃ ‘‘aggaññena akkharenā’’ti vuttaṃ. Idāni abhedopacārena vinā eva atthaṃ dassetuṃ ‘‘agge vā’’tiādi vuttaṃ.

    พฺราหฺมณมณฺฑลาทิวณฺณนา

    Brāhmaṇamaṇḍalādivaṇṇanā

    ๑๓๒. เยน อนารมฺภภาเวน พาหิตากุสลา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุตฺตา, ตเมว ตาว ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘วีตงฺคารา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจิตฺวา’’ติอาทิมาหฯ ตเมนนฺติ วจนวิปลฺลาเสน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘เต เอเต’’ติฯ อภิสงฺขโรนฺตาติ จิตฺตมนฺตภาเวน อญฺญมญฺญํ อภิวิสิเฎฺฐ กโรนฺตา, พฺราหฺมณากปฺปภาเวน สงฺขโรนฺตา จฯ วาเจนฺตาติ ปเรสํ กเถนฺตา, เย ตถา คเนฺถ กาตุํ น ชานนฺติฯ อจฺฉนฺตีติ อาสนฺติ, อุปวิสนฺตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วสนฺตี’’ติฯ อเจฺฉนฺตีติ กาลํ เขเปนฺติฯ หีนสมฺมตํ ฌานภาวนานุโยคํ ฉเฑฺฑตฺวา คเนฺถ ปสุตตาทีปนโตฯ เสฎฺฐสมฺมตํ ชาตํ ‘‘เวทธรา โสตฺติยา สุพฺราหฺมณาติ เอวํ เสฎฺฐสมฺมตํ ชาตํฯ

    132. Yena anārambhabhāvena bāhitākusalā ‘‘brāhmaṇā’’ti vuttā, tameva tāva dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘vītaṅgārā’’tiādi vuttanti tadatthaṃ dassento ‘‘pacitvā’’tiādimāha. Tamenanti vacanavipallāsena niddesoti āha ‘‘te ete’’ti. Abhisaṅkharontāti cittamantabhāvena aññamaññaṃ abhivisiṭṭhe karontā, brāhmaṇākappabhāvena saṅkharontā ca. Vācentāti paresaṃ kathentā, ye tathā ganthe kātuṃ na jānanti. Acchantīti āsanti, upavisantīti attho. Tenāha ‘‘vasantī’’ti. Acchentīti kālaṃ khepenti. Hīnasammataṃ jhānabhāvanānuyogaṃ chaḍḍetvā ganthe pasutatādīpanato. Seṭṭhasammataṃ jātaṃ ‘‘vedadharā sottiyā subrāhmaṇāti evaṃ seṭṭhasammataṃ jātaṃ.

    ๑๓๓. เมถุนธมฺมํ สมาทิยิตฺวาติ ชายาปติกภาเวน ทฺวยํ ทฺวยํ นิวาสํ อชฺฌุปคนฺตฺวาฯ วาณิชกมฺมาทิเกติ อาทิ-สเทฺทน กสิกมฺมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ

    133.Methunadhammaṃ samādiyitvāti jāyāpatikabhāvena dvayaṃ dvayaṃ nivāsaṃ ajjhupagantvā. Vāṇijakammādiketi ādi-saddena kasikammādiṃ saṅgaṇhāti.

    ๑๓๔. ลุทฺทาจารกมฺมขุทฺทาจารกมฺมุนาติ ปรวิเหฐนาทิลุทฺทาจารกมฺมุนา, นฬการทารุกมฺมาทิขุทฺทาจารกมฺมุนา จฯ สุทฺทนฺติ เอตฺถ สุ-อิติ สีฆเตฺถ นิปาโตฯ ทา-อิติ ครหณเตฺถติ อาห ‘‘สุทฺทํ สุทฺทํ ลหุํ ลหุํ กุจฺฉิตํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ

    134.Luddācārakammakhuddācārakammunāti paraviheṭhanādiluddācārakammunā, naḷakāradārukammādikhuddācārakammunā ca. Suddanti ettha su-iti sīghatthe nipāto. -iti garahaṇattheti āha ‘‘suddaṃ suddaṃ lahuṃ lahuṃ kucchitaṃ gacchantī’’ti.

    ๑๓๕. อหูติ กาลวิปลฺลาสวเสน วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โหติ โข’’ติ อาหฯ อิมินาติ ‘‘อิเมหิ โข, วาเสฎฺฐ, จตูหิ มณฺฑเลหิ สมณมณฺฑลสฺส อภินิพฺพตฺติ โหตี’’ติ อิมินา วจเนนฯ อิมํ ทเสฺสตีติ สมณมณฺฑลํ นาม…เป.… สุทฺธิํ ปาปุณนฺตีติ อิมํ อตฺถชาตํ ทเสฺสติฯ ยทิ อิเมหิ…เป.… อภินิพฺพตฺติ โหติ, เอวํ สเนฺต อิมาเนว จตฺตาริ มณฺฑลานิ ปธานานิ, สมณมณฺฑลํ อปฺปธานํ ตโต อภินิพฺพตฺตตฺตาติ? นยิทเมวนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมณมณฺฑลํ อนุวตฺตนฺติ คุเณหิ วิสิฎฺฐภาวโตฯ คุโณ หิ วิญฺญูนํ อนุวตฺตนเหตุ, น โกลปุตฺติยํ, วณฺณโปกฺขรตา, วากฺกรณมตฺตํ วาฯ เตนาห ‘‘ธเมฺมเนว อนุวตฺตนฺติ, โน อธเมฺมนา’’ติฯ โส ธโมฺม จ โลกุตฺตโรว อธิเปฺปโต, เยน สํสารโต วิสุชฺฌติ, ตสฺมา สมณมณฺฑลนฺติ จ สาสนิกเมว สมณคณํ วทตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘สมณมณฺฑลญฺหี’’ติอาทิฯ

    135.Ahūti kālavipallāsavasena vuttanti dassento ‘‘hoti kho’’ti āha. Imināti ‘‘imehi kho, vāseṭṭha, catūhi maṇḍalehi samaṇamaṇḍalassa abhinibbatti hotī’’ti iminā vacanena. Imaṃ dassetīti samaṇamaṇḍalaṃ nāma…pe… suddhiṃ pāpuṇantīti imaṃ atthajātaṃ dasseti. Yadi imehi…pe… abhinibbatti hoti, evaṃ sante imāneva cattāri maṇḍalāni padhānāni, samaṇamaṇḍalaṃ appadhānaṃ tato abhinibbattattāti? Nayidamevanti dassetuṃ ‘‘imānī’’tiādi vuttaṃ. Samaṇamaṇḍalaṃ anuvattanti guṇehi visiṭṭhabhāvato. Guṇo hi viññūnaṃ anuvattanahetu, na kolaputtiyaṃ, vaṇṇapokkharatā, vākkaraṇamattaṃ vā. Tenāha ‘‘dhammeneva anuvattanti, no adhammenā’’ti. So dhammo ca lokuttarova adhippeto, yena saṃsārato visujjhati, tasmā samaṇamaṇḍalanti ca sāsanikameva samaṇagaṇaṃ vadatīti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘samaṇamaṇḍalañhī’’tiādi.

    ทุจฺจริตาทิกถาวณฺณนา

    Duccaritādikathāvaṇṇanā

    ๑๓๖. มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสน สมาทินฺนกมฺมํ นาม ‘‘โก อนุพนฺธิตโพฺพฯ อโชตคฺคิโสฎฺฐิมิโส’’ติอาทินา ยญฺญวิธานาทิวเสน ปวตฺติตํ หิํสาทิปาปกมฺมํฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสฺสาติ ‘‘เอส สทฺธาธิคโต เทวยาโน, เยน ยนฺติ ปุตฺติโน วิโสกา’’ติอาทินา ปวตฺติตสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิสหคตกมฺมสฺสฯ สมาทานํ ตสฺส ตถา ปวตฺตนํ, ตสฺสา วา ทิฎฺฐิยา อุปคมนํฯ

    136.Micchādiṭṭhivasena samādinnakammaṃ nāma ‘‘ko anubandhitabbo. Ajotaggisoṭṭhimiso’’tiādinā yaññavidhānādivasena pavattitaṃ hiṃsādipāpakammaṃ. Micchādiṭṭhikammassāti ‘‘esa saddhādhigato devayāno, yena yanti puttino visokā’’tiādinā pavattitassa micchādiṭṭhisahagatakammassa. Samādānaṃ tassa tathā pavattanaṃ, tassā vā diṭṭhiyā upagamanaṃ.

    ๑๓๗. ทฺวยการีติ กุสลากุสลทฺวยสฺส กตฺตาฯ ตยิทํ ทฺวยํ ยสฺมา เอกชฺฌํ นปฺปวตฺตติ, ตสฺมา อาห ‘‘กาเลนา’’ติอาทิฯ เอกกฺขเณ อุภยวิปากทานฎฺฐานํ นาม นตฺถิ เอกสฺมิํ ขเณ จิตฺตทฺวยูปสญฺหิตาย สตฺตสนฺตติยา อภาวโตฯ ยถา ปน ทฺวยการิโน สุขทุกฺขปฎิสํเวทิตา สมฺภวติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เยน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํภูโตติ วิกลาวยโวฯ เทฺวปิหิ กุสลากุสลกมฺมานิ กตูปจิตานิ สภาวโต พลวนฺตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา มรณกาเล อุปฎฺฐหนฺติ ฯ เตสุ อกุสลํ พลวตรํ โหติ ปจฺจยลาภโตฯ นิกนฺติอาทโย หิ ปจฺจยวิเสสา อกุสลเสฺสว สภาคา, น กุสลสฺส, ตสฺมา กตูปจิตภาเวน สมานพเลสุปิ กุสลากุสเลสุ ปจฺจยลาเภน วิปจฺจิตุํ ลโทฺธกาสตาย กุสลโต อกุสลํ พลวตรํ โหตีติ, ตถาภูตมฺปิ ตํ ยถา วิปากทาเน ลโทฺธกาสสฺส กุสลสฺสาปิ อวสโร โหติ, ตถา ลทฺธปจฺจยํ ปฎิสนฺธิทานาภิมุขํ กุสลํ ปฎิพาหิตฺวา ปฎิสนฺธิํ เทนฺตํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาเปตีติฯ ‘‘อกุสลํ พลวตรํ โหตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อกุสลํ เจ พลวตรํ โหติ, ตํ กุสลํ ปฎิพาหิตฺวา’’ติ วุตฺตนเยเนว อตฺถํ วตฺวา เตสุ กุสลํ เจ พลวตรํ โหติ, ตญฺจ อกุสลํ ปฎิพาหิตฺวา มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺตาเปติ, อกุสลํ ปวตฺติเวทนียํ โหติ, อถ นํ ตํ กาณมฺปิ กโรติ ขุชฺชมฺปิ ปีฐสปฺปิมฺปิ กุจฺฉิโรคาทีหิ วา อุปทฺทุตํฯ เอวํ โส ปวตฺติยํ นานปฺปการํ ทุกฺขํ ปจฺจนุภวตีติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที โหตี’’ติฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – วุตฺตกาเล วา กาเรน สมานพเลสุ กุสลากุสลกเมฺมสุ อุปฎฺฐหเนฺตสุ มรณสฺส อาสนฺนเวลายํ ยทิ พลวตรานิ กุสลชวนานิ ชวนฺติ, ยถาอุปฎฺฐิตํ อกุสลํ ปฎิพาหิตฺวา กุสลํ วุตฺตนเยน ปฎิสนฺธิํ เทติฯ อถ พลวตรานิ อกุสลชวนานิ ชวนฺติ, ยถาอุปฎฺฐิตํ กุสลํ ปฎิพาหิตฺวา อกุสลํ วุตฺตนเยเนว ปฎิสนฺธิํ เทติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อุภินฺนํ กมฺมานํ สมานพลวภาวโต, ปจฺจยนฺตรสาเปกฺขโต จาติ, สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ

    137.Dvayakārīti kusalākusaladvayassa kattā. Tayidaṃ dvayaṃ yasmā ekajjhaṃ nappavattati, tasmā āha ‘‘kālenā’’tiādi. Ekakkhaṇe ubhayavipākadānaṭṭhānaṃ nāma natthi ekasmiṃ khaṇe cittadvayūpasañhitāya sattasantatiyā abhāvato. Yathā pana dvayakārino sukhadukkhapaṭisaṃveditā sambhavati, taṃ dassetuṃ ‘‘yena panā’’tiādi vuttaṃ. Evaṃbhūtoti vikalāvayavo. Dvepihi kusalākusalakammāni katūpacitāni sabhāvato balavantāneva honti, tasmā maraṇakāle upaṭṭhahanti . Tesu akusalaṃ balavataraṃ hoti paccayalābhato. Nikantiādayo hi paccayavisesā akusalasseva sabhāgā, na kusalassa, tasmā katūpacitabhāvena samānabalesupi kusalākusalesu paccayalābhena vipaccituṃ laddhokāsatāya kusalato akusalaṃ balavataraṃ hotīti, tathābhūtampi taṃ yathā vipākadāne laddhokāsassa kusalassāpi avasaro hoti, tathā laddhapaccayaṃ paṭisandhidānābhimukhaṃ kusalaṃ paṭibāhitvā paṭisandhiṃ dentaṃ tiracchānayoniyaṃ nibbattāpetīti. ‘‘Akusalaṃ balavataraṃ hotī’’ti ettha ‘‘akusalaṃ ce balavataraṃ hoti, taṃ kusalaṃ paṭibāhitvā’’ti vuttanayeneva atthaṃ vatvā tesu kusalaṃ ce balavataraṃ hoti, tañca akusalaṃ paṭibāhitvā manussayoniyaṃ nibbattāpeti, akusalaṃ pavattivedanīyaṃ hoti, atha naṃ taṃ kāṇampi karoti khujjampi pīṭhasappimpi kucchirogādīhi vā upaddutaṃ. Evaṃ so pavattiyaṃ nānappakāraṃ dukkhaṃ paccanubhavatīti idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sukhadukkhappaṭisaṃvedī hotī’’ti. Tatrāyaṃ vinicchayo – vuttakāle vā kārena samānabalesu kusalākusalakammesu upaṭṭhahantesu maraṇassa āsannavelāyaṃ yadi balavatarāni kusalajavanāni javanti, yathāupaṭṭhitaṃ akusalaṃ paṭibāhitvā kusalaṃ vuttanayena paṭisandhiṃ deti. Atha balavatarāni akusalajavanāni javanti, yathāupaṭṭhitaṃ kusalaṃ paṭibāhitvā akusalaṃ vuttanayeneva paṭisandhiṃ deti. Taṃ kissa hetu? Ubhinnaṃ kammānaṃ samānabalavabhāvato, paccayantarasāpekkhato cāti, sabbaṃ vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.

    โพธิปกฺขิยภาวนาวณฺณนา

    Bodhipakkhiyabhāvanāvaṇṇanā

    ๑๓๘. โพธิ วุจฺจติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ พุชฺฌตีติ กตฺวา, สภาวโต, ตํสภาวโต จ ตสฺสา ปเกฺข ภวาติ โพธิปกฺขิยา, สติวีริยาทโย ธมฺมา, เตสํ โพธิปกฺขิยานํฯ ปฎิปาฎิยาติ โพธิปกฺขิยเทสนาปฎิปาฎิยาฯ ภาวนํ อนุคนฺตฺวาติ อนุกฺกเมน ปวตฺตํ ภาวนํ ปตฺวาฯ เตนาห ‘‘ปฎิปชฺชิตฺวา’’ติฯ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา วเสน ขีณาสวสฺส เสฎฺฐภาวํ โลกสฺส ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ สกฺกา, น อิตราย สพฺพโส อปญฺญตฺติภาวูปคมเน ตสฺส อทสฺสนโตติ วุตฺตํ ‘‘ปรินิพฺพาตีติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตี’’ติฯ วินิวเตฺตตฺวาติ ตโต จตุวณฺณโต นีหริตฺวาฯ

    138.Bodhi vuccati maggasammādiṭṭhi, cattāri ariyasaccāni bujjhatīti katvā, sabhāvato, taṃsabhāvato ca tassā pakkhe bhavāti bodhipakkhiyā, sativīriyādayo dhammā, tesaṃ bodhipakkhiyānaṃ. Paṭipāṭiyāti bodhipakkhiyadesanāpaṭipāṭiyā. Bhāvanaṃ anugantvāti anukkamena pavattaṃ bhāvanaṃ patvā. Tenāha ‘‘paṭipajjitvā’’ti. Saupādisesāya nibbānadhātuyā vasena khīṇāsavassa seṭṭhabhāvaṃ lokassa pākaṭaṃ katvā dassetuṃ sakkā, na itarāya sabbaso apaññattibhāvūpagamane tassa adassanatoti vuttaṃ ‘‘parinibbātīti kilesaparinibbānena parinibbāyatī’’ti. Vinivattetvāti tato catuvaṇṇato nīharitvā.

    ๑๔๐. ตเมวตฺถนฺติ ‘‘ขีณาสโวว เทวมนุเสฺสสุ เสโฎฺฐ’’ติ วุตฺตเมวตฺถํฯ

    140.Tamevatthanti ‘‘khīṇāsavova devamanussesu seṭṭho’’ti vuttamevatthaṃ.

    เสฎฺฐเจฺฉทกวาทเมวาติ ชาติพฺราหฺมณานํ เสฎฺฐภาวสมุเจฺฉทกเมว กถํฯ ทเสฺสตฺวา ภาสิตฺวาฯ สุตฺตนฺตํ วินิวเตฺตตฺวาติ ปุเพฺพ โลกิยธมฺมสนฺทสฺสนวเสน ปวตฺตํ อคฺคญฺญสุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺนํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนมนฺวายา’’ติอาทินา ตโต วินิวเตฺตตฺวา นีหริตฺวา เตน อสํสฎฺฐํ กตฺวาฯ อาวชฺชนฺตาติ สมนฺนาหรนฺตาฯ อนุมชฺชนฺตาติ ปุเพฺพนาปรํ อตฺถโต วิจรนฺตาติฯ

    Seṭṭhacchedakavādamevāti jātibrāhmaṇānaṃ seṭṭhabhāvasamucchedakameva kathaṃ. Dassetvā bhāsitvā. Suttantaṃ vinivattetvāti pubbe lokiyadhammasandassanavasena pavattaṃ aggaññasuttaṃ ‘‘sattannaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ bhāvanamanvāyā’’tiādinā tato vinivattetvā nīharitvā tena asaṃsaṭṭhaṃ katvā. Āvajjantāti samannāharantā. Anumajjantāti pubbenāparaṃ atthato vicarantāti.

    อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Aggaññasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๔. อคฺคญฺญสุตฺตํ • 4. Aggaññasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๔. อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนา • 4. Aggaññasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact