Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๔. อคฺคปสาทสุตฺตวณฺณนา

    4. Aggapasādasuttavaṇṇanā

    ๓๔. จตุเตฺถ อเคฺคสุ ปสาทาติ เสเฎฺฐสุ ปสาทาฯ อคฺคา วา ปสาทาติ เสฎฺฐภูตา ปสาทาฯ เสฎฺฐวจโน เหตฺถ อคฺคสโทฺทฯ ปุริมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป อคฺคสเทฺทน พุทฺธาทิรตนตฺตยํ วุจฺจติฯ เตสุ ภควา ตาว อสทิสเฎฺฐน, คุณวิสิฎฺฐเฎฺฐน, อสมสมเฎฺฐน จ อโคฺคฯ โส หิ มหาภินีหารํ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปวิจยญฺจ อาทิํ กตฺวา โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ ปโยชเนหิ จ เสสชเนหิ อสทิโสติ อสทิสเฎฺฐนปิ อโคฺคฯ เย จสฺส เต คุณา มหากรุณาทโย, เตหิ เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฎฺฐเฎฺฐนปิ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย อโคฺคฯ เย ปน ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสเตฺตหิ อสมา, เตหิ สทฺธิํ อยเมว รูปกายคุเณหิ เจว ธมฺมกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมเฎฺฐนปิ อโคฺคฯ ตถา ทุลฺลภปาตุภาวโต อจฺฉริยมนุสฺสภาวโต พหุชนหิตสุขาวหโต อทุติยอสหายาทิภาวโต จ ภควา โลเก อโคฺคติ วุจฺจติฯ ยถาห –

    34. Catutthe aggesu pasādāti seṭṭhesu pasādā. Aggā vā pasādāti seṭṭhabhūtā pasādā. Seṭṭhavacano hettha aggasaddo. Purimasmiṃ atthavikappe aggasaddena buddhādiratanattayaṃ vuccati. Tesu bhagavā tāva asadisaṭṭhena, guṇavisiṭṭhaṭṭhena, asamasamaṭṭhena ca aggo. So hi mahābhinīhāraṃ dasannaṃ pāramīnaṃ pavicayañca ādiṃ katvā bodhisambhāraguṇehi ceva buddhaguṇehi ca payojanehi ca sesajanehi asadisoti asadisaṭṭhenapi aggo. Ye cassa te guṇā mahākaruṇādayo, tehi sesasattānaṃ guṇehi visiṭṭhaṭṭhenapi sabbasattuttamatāya aggo. Ye pana purimakā sammāsambuddhā sabbasattehi asamā, tehi saddhiṃ ayameva rūpakāyaguṇehi ceva dhammakāyaguṇehi ca samoti asamasamaṭṭhenapi aggo. Tathā dullabhapātubhāvato acchariyamanussabhāvato bahujanahitasukhāvahato adutiyaasahāyādibhāvato ca bhagavā loke aggoti vuccati. Yathāha –

    ‘‘เอกปุคฺคลสฺส, ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิํฯ กตมสฺส เอกปุคฺคลสฺส? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺมุทฺธสฺสฯ เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุโสฺสฯ เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชน…เป.… สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อทุติโย อสหาโย อปฺปฎิโม อปฺปฎิภาโค อปฺปฎิปุคฺคโล อสโม อสมสโม ทฺวิปทานํ อโคฺคฯ กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๑-๑๗๓)ฯ

    ‘‘Ekapuggalassa, bhikkhave, pātubhāvo dullabho lokasmiṃ. Katamassa ekapuggalassa? Tathāgatassa arahato sammāsammuddhassa. Ekapuggalo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati acchariyamanusso. Ekapuggalo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati bahujana…pe… sammāsambuddho. Ekapuggalo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati adutiyo asahāyo appaṭimo appaṭibhāgo appaṭipuggalo asamo asamasamo dvipadānaṃ aggo. Katamo ekapuggalo? Tathāgato arahaṃ sammāsambuddho’’ti (a. ni. 1.171-173).

    ธมฺมสงฺฆา อญฺญธมฺมสเงฺฆหิ อสทิสเฎฺฐน วิสิฎฺฐคุณตาย ทุลฺลภปาตุภาวาทินา จ อคฺคาฯ ตถา หิ เตสํ สฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฎิปนฺนตาทิคุณวิเสเสหิ อเญฺญ ธมฺมสงฺฆสทิสา อปฺปตรํ นิหีนา วา นตฺถิ, กุโต เสฎฺฐาฯ สยเมว เตหิ วิสิฎฺฐคุณตาย เสฎฺฐาฯ ตถา ทุลฺลภุปฺปาทอจฺฉริยภาวพหุชนหิตสุขาวหอทุติยาสหายาทิสภาวา จ เตฯ ยทเคฺคน หิ ภควา ทุลฺลภปาตุภาโว, ตทเคฺคน ธมฺมสงฺฆาปีติฯ อจฺฉริยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ อเคฺคสุ เสเฎฺฐสุ อุตฺตเมสุ ปวเรสุ คุณวิสิเฎฺฐสุ ปสาทาติ อคฺคปฺปสทา

    Dhammasaṅghā aññadhammasaṅghehi asadisaṭṭhena visiṭṭhaguṇatāya dullabhapātubhāvādinā ca aggā. Tathā hi tesaṃ svākkhātatādisuppaṭipannatādiguṇavisesehi aññe dhammasaṅghasadisā appataraṃ nihīnā vā natthi, kuto seṭṭhā. Sayameva tehi visiṭṭhaguṇatāya seṭṭhā. Tathā dullabhuppādaacchariyabhāvabahujanahitasukhāvahaadutiyāsahāyādisabhāvā ca te. Yadaggena hi bhagavā dullabhapātubhāvo, tadaggena dhammasaṅghāpīti. Acchariyādīsupi eseva nayo. Evaṃ aggesu seṭṭhesu uttamesu pavaresu guṇavisiṭṭhesu pasādāti aggappasadā.

    ทุติยสฺมิํ ปนเตฺถ ยถาวุเตฺตสุ อเคฺคสุ พุทฺธาทีสุ อุปฺปตฺติยา อคฺคภูตา ปสาทา อคฺคปฺปสาทาฯ เย ปน อริยมเคฺคน อาคตา อเวจฺจปฺปสาทา, เต เอกเนฺตเนว อคฺคภูตา ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทาฯ ยถาห – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๗-๑๐๓๘)ฯ อคฺควิปากตฺตาปิ เจเต อคฺคปฺปสาทาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อเคฺค โข ปน ปสนฺนานํ อโคฺค วิปาโก’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐)ฯ

    Dutiyasmiṃ panatthe yathāvuttesu aggesu buddhādīsu uppattiyā aggabhūtā pasādā aggappasādā. Ye pana ariyamaggena āgatā aveccappasādā, te ekanteneva aggabhūtā pasādāti aggappasādā. Yathāha – ‘‘idha, bhikkhave, ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hotī’’tiādi (saṃ. ni. 5.1037-1038). Aggavipākattāpi cete aggappasādā. Vuttampi cetaṃ – ‘‘agge kho pana pasannānaṃ aggo vipāko’’ti (a. ni. 4.34; itivu. 90).

    อปทา วาติอาทีสุ วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ, น วิกปฺปโตฺถฯ ยถา ‘‘อนุปฺปโนฺน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปโนฺน วา กามาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ อนุปฺปโนฺน จ อุปฺปโนฺน จาติ อโตฺถฯ ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ฐิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ เอตฺถ ภูตานญฺจ สมฺภเวสีนญฺจาติ อโตฺถฯ ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒) เอตฺถ อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อโตฺถ, เอวํ ‘‘อปทา วา…เป.… อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เอตฺถาปิ อปทา จ ทฺวิปทา จาติ สมฺปิณฺฑนวเสน อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ, น วิกปฺปโตฺถ’’ติฯ

    Apadā vātiādīsu -saddo samuccayattho, na vikappattho. Yathā ‘‘anuppanno vā kāmāsavo uppajjati, uppanno vā kāmāsavo pavaḍḍhatī’’ti (ma. ni. 1.17) ettha anuppanno ca uppanno cāti attho. Yathā ca ‘‘bhūtānaṃ vā sattānaṃ ṭhitiyā sambhavesīnaṃ vā anuggahāyā’’ti ettha bhūtānañca sambhavesīnañcāti attho. Yathā ca ‘‘aggito vā udakato vā mithubhedato vā’’ti (dī. ni. 2.152) ettha aggito ca udakato ca mithubhedato cāti attho, evaṃ ‘‘apadā vā…pe… aggamakkhāyatī’’ti (a. ni. 4.34; itivu. 90) etthāpi apadā ca dvipadā cāti sampiṇḍanavasena attho daṭṭhabbo. Tena vuttaṃ ‘‘vā-saddo samuccayattho, na vikappattho’’ti.

    รูปิโนติ รูปวโนฺตฯ น รูปิโนติ อรูปิโนฯ สญฺญิโนติ สญฺญวโนฺตฯ น สญฺญิโนติ อสญฺญิโนฯ ‘‘อปทา วา’’ติอาทิสพฺพปเทหิ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว, เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปญฺจโวการภโว, สญฺญิภโว, อสญฺญิภโว, เนวสญฺญินาสญฺญิภโวติ นววิเธปิ ภเว สเตฺตปิ อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทเสฺสติฯ เอตฺถ หิ รูปิคฺคหเณน กามภโว, รูปภโว, ปญฺจโวการภโว, เอกโวการภโว จ ทสฺสิโต, อรูปิคฺคหเณน อรูปภโว, จตุโวการภโว จ ทสฺสิโต, สญฺญิภวาทโย ปน สรูเปเนว ทสฺสิตาฯ อปทาทิคฺคหเณน กามภวปญฺจโวการภวสญฺญิภวานํ เอกเทโสว ทสฺสิโตฯ

    Rūpinoti rūpavanto. Na rūpinoti arūpino. Saññinoti saññavanto. Na saññinoti asaññino. ‘‘Apadā vā’’tiādisabbapadehi kāmabhavo, rūpabhavo, arūpabhavo, ekavokārabhavo, catuvokārabhavo, pañcavokārabhavo, saññibhavo, asaññibhavo, nevasaññināsaññibhavoti navavidhepi bhave sattepi anavasesato pariyādiyitvā dasseti. Ettha hi rūpiggahaṇena kāmabhavo, rūpabhavo, pañcavokārabhavo, ekavokārabhavo ca dassito, arūpiggahaṇena arūpabhavo, catuvokārabhavo ca dassito, saññibhavādayo pana sarūpeneva dassitā. Apadādiggahaṇena kāmabhavapañcavokārabhavasaññibhavānaṃ ekadesova dassito.

    กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อทุติยสุเตฺต ‘‘ทฺวิปทานํ อโคฺค’’ติ ทฺวิปทา เอว คหิตา, เอวํ ทฺวิปทคฺคหณเมว อกตฺวา อปทาทิคฺคหณํ กตนฺติ? วุจฺจเต – อทุติยสุเตฺต ตาว เสฎฺฐตรวเสน ทฺวิปทคฺคหณเมว กตํฯ อิมสฺมิญฺหิ โลเก เสโฎฺฐ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติฯ กตเรสุ ทฺวิปเทสุ? มนุเสฺสสุ เจว เทเวสุ จฯ มนุเสฺสสุ อุปฺปชฺชมาโน สกลโลกํ วเส วเตฺตตุํ สมโตฺถ พุโทฺธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺตนโก มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก วา สมฺปชฺชติฯ อิติ ตโตปิ เสฎฺฐตรวเสเนส ทฺวิปทานํ อโคฺคติ ตตฺถ วุตฺตํฯ อิธ ปน อนวเสสปริยาทานวเสน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป.… เนวสญฺญินาสญฺญิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ ฯ นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํฯ -กาโร ปทสนฺธิกโร, อโคฺค อกฺขายตีติ ปทวิภาโคฯ เตเนวาห ‘‘คุเณหิ อโคฺค’’ติอาทิฯ

    Kasmā panettha yathā adutiyasutte ‘‘dvipadānaṃ aggo’’ti dvipadā eva gahitā, evaṃ dvipadaggahaṇameva akatvā apadādiggahaṇaṃ katanti? Vuccate – adutiyasutte tāva seṭṭhataravasena dvipadaggahaṇameva kataṃ. Imasmiñhi loke seṭṭho nāma uppajjamāno apadacatuppadabahupadesu na uppajjati, dvipadesuyeva uppajjati. Kataresu dvipadesu? Manussesu ceva devesu ca. Manussesu uppajjamāno sakalalokaṃ vase vattetuṃ samattho buddho hutvā uppajjati, devesu uppajjamāno dasasahassilokadhātuṃ vase vattanako mahābrahmā hutvā uppajjati, so tassa kappiyakārako vā ārāmiko vā sampajjati. Iti tatopi seṭṭhataravasenesa dvipadānaṃ aggoti tattha vuttaṃ. Idha pana anavasesapariyādānavasena evaṃ vuttaṃ ‘‘yāvatā, bhikkhave, sattā apadā vā…pe… nevasaññināsaññino vā, tathāgato tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti . Niddhāraṇe cetaṃ sāmivacanaṃ. Ma-kāro padasandhikaro, aggo akkhāyatīti padavibhāgo. Tenevāha ‘‘guṇehi aggo’’tiādi.

    อโคฺค วิปาโก โหตีติ อเคฺค สมฺมาสมฺพุเทฺธ ปสนฺนานํ โย ปสาโท อโคฺค เสโฎฺฐ อุตฺตมโกฎิภูโต วา, ตสฺมา ตสฺส วิปาโกปิ อโคฺค เสโฎฺฐ อุตฺตมโกฎิภูโต อุฬารตโม ปณีตตโม โหติฯ โส ปน ปสาโท ทุวิโธ โลกิยโลกุตฺตรเภทโตฯ เตสุ โลกิยสฺส ตาว –

    Aggo vipāko hotīti agge sammāsambuddhe pasannānaṃ yo pasādo aggo seṭṭho uttamakoṭibhūto vā, tasmā tassa vipākopi aggo seṭṭho uttamakoṭibhūto uḷāratamo paṇītatamo hoti. So pana pasādo duvidho lokiyalokuttarabhedato. Tesu lokiyassa tāva –

    ‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,

    ‘‘Ye keci buddhaṃ saraṇaṃ gatāse,

    น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมิํ;

    Na te gamissanti apāyabhūmiṃ;

    ปหาย มานุสํ เทหํ,

    Pahāya mānusaṃ dehaṃ,

    เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติฯ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; อิติวุ. อฎฺฐ. ๙๐; สํ. นิ. ๑.๓๗);

    Devakāyaṃ paripūressanti. (dī. ni. 2.332; itivu. aṭṭha. 90; saṃ. ni. 1.37);

    ‘‘พุโทฺธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;

    ‘‘Buddhoti kittayantassa, kāye bhavati yā pīti;

    วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺสฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๖; อิติวุ. อฎฺฐ. ๙๐);

    Varameva hi sā pīti, kasiṇenapi jambudīpassa. (dī. ni. aṭṭha. 1.6; itivu. aṭṭha. 90);

    ‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;

    ‘‘Sataṃ hatthī sataṃ assā, sataṃ assatarīrathā;

    สตํ กญฺญาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;

    Sataṃ kaññāsahassāni, āmukkamaṇikuṇḍalā;

    เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิํ’’ฯ (จูฬว. ๓๐๕);

    Ekassa padavītihārassa, kalaṃ nāgghanti soḷasiṃ’’. (cūḷava. 305);

    ‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ เต อเญฺญ เทเว ทสหิ ฐาเนหิ อธิคฺคณฺหนฺติ ทิเพฺพน อายุนา, ทิเพฺพน วเณฺณน, ทิเพฺพน สุเขน, ทิเพฺพน ยเสน, ทิเพฺพน อาธิปเตเยฺยน, ทิเพฺพหิ รูเปหิ, ทิเพฺพหิ สเทฺทหิ, ทิเพฺพหิ คเนฺธหิ, ทิเพฺพหิ รเสหิ, ทิเพฺพหิ โผฎฺฐเพฺพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

    ‘‘Sādhu kho, devānaminda, buddhaṃ saraṇagamanaṃ hoti, buddhaṃ saraṇagamanahetu kho, devānaminda, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Te aññe deve dasahi ṭhānehi adhiggaṇhanti dibbena āyunā, dibbena vaṇṇena, dibbena sukhena, dibbena yasena, dibbena ādhipateyyena, dibbehi rūpehi, dibbehi saddehi, dibbehi gandhehi, dibbehi rasehi, dibbehi phoṭṭhabbehī’’ti (saṃ. ni. 4.341) –

    เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ปสาทผลวิเสสโยโค เวทิตโพฺพ, ตสฺมา โส อปายทุกฺขวินิวตฺตเนน สทฺธิํ สมฺปตฺติภเวสุ สุขวิเสสทายโกว ทฎฺฐโพฺพฯ

    Evamādīnaṃ suttapadānaṃ vasena pasādaphalavisesayogo veditabbo, tasmā so apāyadukkhavinivattanena saddhiṃ sampattibhavesu sukhavisesadāyakova daṭṭhabbo.

    โลกุตฺตโร ปน สามญฺญผลวิปากทายโก วฎฺฎทุกฺขวินิวตฺตโกฯ สโพฺพปิ จายํ ปสาโท ปรมฺปราย วฎฺฎทุกฺขํ วินิวเตฺตติเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Lokuttaro pana sāmaññaphalavipākadāyako vaṭṭadukkhavinivattako. Sabbopi cāyaṃ pasādo paramparāya vaṭṭadukkhaṃ vinivattetiyeva. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยสฺมิํ สมเย, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อตฺตโน สทฺธํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมิํ สมเย ราคปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฎฺฐิตํ…เป.… น โมหปริยุฎฺฐิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ โหติ, อุชุคตจิตฺตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Yasmiṃ samaye, bhikkhave, ariyasāvako attano saddhaṃ anussarati, nevassa tasmiṃ samaye rāgapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, na dosapariyuṭṭhitaṃ…pe… na mohapariyuṭṭhitaṃ cittaṃ hoti, ujugatamevassa tasmiṃ samaye cittaṃ hoti, ujugatacittassa pāmojjaṃ jāyati, pamuditassa pīti jāyati…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānātī’’ti.

    ธมฺมาติ สภาวธมฺมาฯ สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตาติ สงฺขตา, สปจฺจยา ธมฺมาฯ เหตูหิ ปจฺจเยหิ จ น เกหิจิ กตา สงฺขตาติ อสงฺขตา, อปจฺจโย นิพฺพานํฯ สงฺขตานํ ปริโยสิตภาเวน ‘‘อสงฺขตา’’ติ ปุถุวจนํฯ วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ เตสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ โย วิราคสงฺขาโต อสงฺขตธโมฺม, โส สภาเวเนว สณฺหสุขุมภาวโต สนฺตตรปณีตตรภาวโต คมฺภีราทิภาวโต มทนิมฺมทนาทิภาวโต อคฺคํ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ ปวรนฺติ วุจฺจติฯ ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อโตฺถฯ มทนิมฺมทโนติอาทีนิ สพฺพานิ นิพฺพานเววจนานิฯ เตเนวาห ‘‘วิราโคติอาทีนิ นิพฺพานเสฺสว นามานี’’ติฯ ราคมทาทโยติ อาทิ-สเทฺทน มานมทปุริสมทาทิเก สงฺคณฺหาติ ฯ สพฺพา ปิปาสาติ กามปิปาสาทิกา สพฺพา ปิปาสาฯ สเพฺพ อาลยา สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺตีติ กามาลยาทิกา สเพฺพปิ อาลยา สมุคฺฆาตํ ยนฺติฯ วฎฺฎานีติ กมฺมวฎฺฎวิปากวฎฺฎานิฯ ตณฺหาติ อฎฺฐสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหาฯ

    Dhammāti sabhāvadhammā. Saṅkhatāti samecca sambhūya paccayehi katāti saṅkhatā, sapaccayā dhammā. Hetūhi paccayehi ca na kehici katā saṅkhatāti asaṅkhatā, apaccayo nibbānaṃ. Saṅkhatānaṃ pariyositabhāvena ‘‘asaṅkhatā’’ti puthuvacanaṃ. Virāgo tesaṃ aggamakkhāyatīti tesaṃ saṅkhatāsaṅkhatadhammānaṃ yo virāgasaṅkhāto asaṅkhatadhammo, so sabhāveneva saṇhasukhumabhāvato santatarapaṇītatarabhāvato gambhīrādibhāvato madanimmadanādibhāvato aggaṃ seṭṭhaṃ uttamaṃ pavaranti vuccati. Yadidanti nipāto, yo ayanti attho. Madanimmadanotiādīni sabbāni nibbānavevacanāni. Tenevāha ‘‘virāgotiādīni nibbānasseva nāmānī’’ti. Rāgamadādayoti ādi-saddena mānamadapurisamadādike saṅgaṇhāti . Sabbā pipāsāti kāmapipāsādikā sabbā pipāsā. Sabbe ālayā samugghātaṃ gacchantīti kāmālayādikā sabbepi ālayā samugghātaṃ yanti. Vaṭṭānīti kammavaṭṭavipākavaṭṭāni. Taṇhāti aṭṭhasatappabhedā sabbāpi taṇhā.

    อโคฺค วิปาโก โหตีติ เอตฺถาปิ –

    Aggo vipāko hotīti etthāpi –

    ‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส…เป.…’’ฯ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ นิ. ๑.๓๗);

    ‘‘Ye keci dhammaṃ saraṇaṃ gatāse…pe…’’. (dī. ni. 2.332; saṃ ni. 1.37);

    ‘‘ธโมฺมติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป.…’’ฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๖; อิติวุ. อฎฺฐ. ๙๐);

    ‘‘Dhammoti kittayantassa, kāye bhavati yā pīti…pe…’’. (dī. ni. aṭṭha. 1.6; itivu. aṭṭha. 90);

    ‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, ธมฺมํ สรณคมนํ โหติ, ธมฺมํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกเจฺจ…เป.… ทิเพฺพหิ โผฎฺฐเพฺพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

    ‘‘Sādhu kho, devānaminda, dhammaṃ saraṇagamanaṃ hoti, dhammaṃ saraṇagamanahetu kho, devānaminda, evamidhekacce…pe… dibbehi phoṭṭhabbehī’’ti (saṃ. ni. 4.341) –

    เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ธเมฺม ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตโพฺพฯ

    Evamādīnaṃ suttapadānaṃ vasena dhamme pasādassa phalavisesayogo veditabbo.

    สงฺฆา วา คณา วาติ ชนสมูหสงฺขาตา ยาวตา โลเก สงฺฆา วา คณา วาฯ ตถาคตสาวกสโงฺฆติ อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาโต ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหโต ตถาคตสฺส สาวกสโงฺฆฯ อคฺคมกฺขายตีติ อตฺตโน สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติอาทิคุณวิเสเสน เตสํ สงฺฆานํ อโคฺค เสโฎฺฐ อุตฺตโม ปวโรติ วุจฺจติฯ ยทิทนฺติ ยานิ อิมานิฯ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ ยุคฬวเสน, ปฐมมคฺคโฎฺฐ ปฐมผลโฎฺฐติ อิทเมกํ ยุคฬํ, ยาว จตุตฺถมคฺคโฎฺฐ จตุตฺถผลโฎฺฐติ อิทเมกํ ยุคฬนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิฯ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลาติ ปุริสปุคฺคลวเสน เอโก ปฐมมคฺคโฎฺฐ, เอโก ปฐมผลโฎฺฐติ อิมินา นเยน อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลาฯ เอตฺถ จ ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา เอกตฺถานิ เอตานิ ปทานิ, เวเนยฺยวเสน ปเนวํ วุตฺตํฯ เอส ภควโต สาวกสโงฺฆติ ยานิมานิ ยุคฬวเสน จตฺตาริ ยุคานิ ปาฎิเยกฺกโต อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสโงฺฆฯ อาหุเนโยฺยติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อิธาปิ –

    Saṅghā vā gaṇā vāti janasamūhasaṅkhātā yāvatā loke saṅghā vā gaṇā vā. Tathāgatasāvakasaṅghoti aṭṭhaariyapuggalasamūhasaṅkhāto diṭṭhisīlasāmaññena saṃhato tathāgatassa sāvakasaṅgho. Aggamakkhāyatīti attano sīlasamādhipaññāvimuttiādiguṇavisesena tesaṃ saṅghānaṃ aggo seṭṭho uttamo pavaroti vuccati. Yadidanti yāni imāni. Cattāri purisayugāni yugaḷavasena, paṭhamamaggaṭṭho paṭhamaphalaṭṭhoti idamekaṃ yugaḷaṃ, yāva catutthamaggaṭṭho catutthaphalaṭṭhoti idamekaṃ yugaḷanti evaṃ cattāri purisayugāni. Aṭṭha purisapuggalāti purisapuggalavasena eko paṭhamamaggaṭṭho, eko paṭhamaphalaṭṭhoti iminā nayena aṭṭha purisapuggalā. Ettha ca purisoti vā puggaloti vā ekatthāni etāni padāni, veneyyavasena panevaṃ vuttaṃ. Esa bhagavato sāvakasaṅghoti yānimāni yugaḷavasena cattāri yugāni pāṭiyekkato aṭṭha purisapuggalā, esa bhagavato sāvakasaṅgho. Āhuneyyotiādīni vuttatthāneva. Idhāpi –

    ‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส…เป.…’’ฯ (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

    ‘‘Ye keci saṅghaṃ saraṇaṃ gatāse…pe…’’. (dī. ni. 2.332; saṃ. ni. 1.37);

    ‘‘สโงฺฆติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป.…’’ฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๖; อิติวุ. อฎฺฐ. ๙๐);

    ‘‘Saṅghoti kittayantassa, kāye bhavati yā pīti…pe…’’. (dī. ni. aṭṭha. 1.6; itivu. aṭṭha. 90);

    ‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, สงฺฆํ สรณคมนํ โหติ, สงฺฆํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท…เป.… ทิเพฺพหิ โผฎฺฐเพฺพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

    ‘‘Sādhu kho, devānaminda, saṅghaṃ saraṇagamanaṃ hoti, saṅghaṃ saraṇagamanahetu kho, devānaminda…pe… dibbehi phoṭṭhabbehī’’ti (saṃ. ni. 4.341) –

    อาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน สเงฺฆ ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค ตสฺส อคฺควิปากตา จ เวทิตพฺพาฯ ตถา อนุตฺตริยปฎิลาโภ สตฺตมภวาทิโต ปฎฺฐาย วฎฺฎทุกฺขสมุเจฺฉโท อนุตฺตรสุขาธิคโมติ เอวมาทิอุฬารผลนิปฺผาทนวเสน อคฺควิปากตา เวทิตพฺพาฯ

    Ādīnaṃ suttapadānaṃ vasena saṅghe pasādassa phalavisesayogo tassa aggavipākatā ca veditabbā. Tathā anuttariyapaṭilābho sattamabhavādito paṭṭhāya vaṭṭadukkhasamucchedo anuttarasukhādhigamoti evamādiuḷāraphalanipphādanavasena aggavipākatā veditabbā.

    คาถาสุ อคฺคโตติ อเคฺค รตนตฺตเย, อคฺคภาวโต วา ปสนฺนานํฯ อคฺคํ ธมฺมนฺติ อคฺคสภาวํ พุทฺธสุโพธิํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติํ, รตนตฺตยสฺส อนญฺญสาธารณํ อุตฺตมสภาวํ, ทสพลาทิสฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฎิปนฺนตาทิคุณสภาวํ วาฯ วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํฯ เอวํ สาธารณโต อคฺคปฺปสาทวตฺถุํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อสาธารณโต ตํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘อเคฺค พุเทฺธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปสนฺนานนฺติ อเวจฺจปฺปสาเทน จ อิตรปฺปสาเทน จ ปสนฺนานํ อธิมุตฺตานํฯ วิราคูปสเมติ วิราเค อุปสเม จ, สพฺพสฺส ราคสฺส สเพฺพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตวิราคเหตุภูเต อจฺจนฺตอุปสมเหตุภูเต จาติ อโตฺถฯ สุเขติ วฎฺฎทุกฺขกฺขยภาเวน สงฺขารูปสมสุขภาเวน สุเขฯ

    Gāthāsu aggatoti agge ratanattaye, aggabhāvato vā pasannānaṃ. Aggaṃ dhammanti aggasabhāvaṃ buddhasubodhiṃ dhammasudhammataṃ saṅghasuppaṭipattiṃ, ratanattayassa anaññasādhāraṇaṃ uttamasabhāvaṃ, dasabalādisvākkhātatādisuppaṭipannatādiguṇasabhāvaṃ vā. Vijānatanti vijānantānaṃ. Evaṃ sādhāraṇato aggappasādavatthuṃ dassetvā idāni asādhāraṇato taṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘agge buddhe’’tiādi vuttaṃ. Tattha pasannānanti aveccappasādena ca itarappasādena ca pasannānaṃ adhimuttānaṃ. Virāgūpasameti virāge upasame ca, sabbassa rāgassa sabbesaṃ kilesānaṃ accantavirāgahetubhūte accantaupasamahetubhūte cāti attho. Sukheti vaṭṭadukkhakkhayabhāvena saṅkhārūpasamasukhabhāvena sukhe.

    อคฺคสฺมิํ ทานํ ททตนฺติ อเคฺค รตนตฺตเย ทานํ ททนฺตานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชนฺตานํฯ ตตฺถ ธรมานํ ภควนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา, ปรินิพฺพุตํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ธาตุเจติยาทิเก อุปฎฺฐหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา พุเทฺธ ทานํ ททนฺติ นามฯ ‘‘ธมฺมํ ปูเชสฺสามา’’ติ ธมฺมธเร ปุคฺคเล จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ธมฺมญฺจ จิรฎฺฐิติกํ กโรนฺตา ธเมฺม ทานํ ททนฺติ นามฯ ตถา อริยสงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ตํ อุทฺทิสฺส อิตรสฺมิมฺปิ ตถา ปฎิปชฺชนฺตา สเงฺฆ ทานํ ททนฺติ นามฯ อคฺคํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ เอวํ รตนตฺตเย ปสเนฺนน เจตสา อุฬารํ ปริจฺจาคํ อุฬารญฺจ ปูชาสกฺการํ ปวเตฺตนฺตานํ ทิวเส ทิวเส อคฺคํ อุฬารํ กุสลํ อุปจียติฯ อิทานิ ตสฺส ปุญฺญสฺส อคฺควิปากตาย อคฺคภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อคฺคํ อายู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อายูติ ทิพฺพํ วา มานุสํ วา อคฺคํ อุฬารํ ปรมํ อายุ ปวฑฺฒติ อุปรูปริ พฺรูหติฯ วโณฺณติ รูปสมฺปทาฯ ยโสติ ปริวารสมฺปทาฯ กิตฺตีติ ถุติโฆโสฯ สุขนฺติ กายิกํ เจตสิกญฺจ สุขํฯ พลนฺติ กายพลเญฺจว ญาณพลญฺจฯ

    Aggasmiṃ dānaṃ dadatanti agge ratanattaye dānaṃ dadantānaṃ deyyadhammaṃ pariccajantānaṃ. Tattha dharamānaṃ bhagavantaṃ catūhi paccayehi upaṭṭhahantā pūjentā sakkarontā, parinibbutaṃ bhagavantaṃ uddissa dhātucetiyādike upaṭṭhahantā pūjentā sakkarontā buddhe dānaṃ dadanti nāma. ‘‘Dhammaṃ pūjessāmā’’ti dhammadhare puggale catūhi paccayehi upaṭṭhahantā pūjentā sakkarontā dhammañca ciraṭṭhitikaṃ karontā dhamme dānaṃ dadanti nāma. Tathā ariyasaṅghaṃ catūhi paccayehi upaṭṭhahantā pūjentā sakkarontā taṃ uddissa itarasmimpi tathā paṭipajjantā saṅghe dānaṃ dadanti nāma. Aggaṃ puññaṃ pavaḍḍhatīti evaṃ ratanattaye pasannena cetasā uḷāraṃ pariccāgaṃ uḷārañca pūjāsakkāraṃ pavattentānaṃ divase divase aggaṃ uḷāraṃ kusalaṃ upacīyati. Idāni tassa puññassa aggavipākatāya aggabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘aggaṃ āyū’’tiādi vuttaṃ. Tattha āyūti dibbaṃ vā mānusaṃ vā aggaṃ uḷāraṃ paramaṃ āyu pavaḍḍhati uparūpari brūhati. Vaṇṇoti rūpasampadā. Yasoti parivārasampadā. Kittīti thutighoso. Sukhanti kāyikaṃ cetasikañca sukhaṃ. Balanti kāyabalañceva ñāṇabalañca.

    อคฺคสฺส รตนตฺตยสฺส ทานํ ทาตาฯ อถ วา อคฺคสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทานํ อุฬารํ กตฺวา ตตฺถ ปุญฺญํ ปวเตฺตตาฯ อคฺคธมฺมสมาหิโตติ อเคฺคน ปสาทธเมฺมน ทานาทิธเมฺมน จ สํหิโต สมนฺนาคโต อจลปฺปสาทยุโตฺต, ตสฺส วา วิปากภูเตหิ พหุชนสฺส ปิยมนาปตาทิธเมฺมหิ ยุโตฺตฯ อคฺคปฺปโตฺต ปโมทตีติ ยตฺถ ยตฺถ สตฺตนิกาเย อุปฺปโนฺน, ตตฺถ ตตฺถ อคฺคภาวํ เสฎฺฐภาวํ อธิคโต, อคฺคภาวํ วา โลกุตฺตรมคฺคผลํ อธิคโต ปโมทติ อภิรมติ ปริตุสฺสตีติฯ

    Aggassa ratanattayassa dānaṃ dātā. Atha vā aggassa deyyadhammassa dānaṃ uḷāraṃ katvā tattha puññaṃ pavattetā. Aggadhammasamāhitoti aggena pasādadhammena dānādidhammena ca saṃhito samannāgato acalappasādayutto, tassa vā vipākabhūtehi bahujanassa piyamanāpatādidhammehi yutto. Aggappatto pamodatīti yattha yattha sattanikāye uppanno, tattha tattha aggabhāvaṃ seṭṭhabhāvaṃ adhigato, aggabhāvaṃ vā lokuttaramaggaphalaṃ adhigato pamodati abhiramati paritussatīti.

    อคฺคปสาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aggapasādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. อคฺคปฺปสาทสุตฺตํ • 4. Aggappasādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. ปสาทสุตฺตวณฺณนา • 4. Pasādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact