Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๘. อคฺคิกฺขโนฺธปมสุตฺตํ

    8. Aggikkhandhopamasuttaṃ

    ๗๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ อทฺทสา โข ภควา อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน อญฺญตรสฺมิํ ปเทเส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ 1ฯ ทิสฺวาน มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูต’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ

    72. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ carati mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Addasā kho bhagavā addhānamaggappaṭipanno aññatarasmiṃ padese mahantaṃ aggikkhandhaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ 2. Disvāna maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘passatha no tumhe, bhikkhave, amuṃ mahantaṃ aggikkhandhaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūta’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปเชฺชยฺย วา, ยํ วา ขตฺติยกญฺญํ วา พฺราหฺมณกญฺญํ วา คหปติกญฺญํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปเชฺชยฺย วา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยกญฺญํ วา พฺราหฺมณกญฺญํ วา คหปติกญฺญํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปเชฺชยฺย วา, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปเชฺชยฺย วา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ amuṃ mahantaṃ aggikkhandhaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ āliṅgetvā upanisīdeyya vā upanipajjeyya vā, yaṃ vā khattiyakaññaṃ vā brāhmaṇakaññaṃ vā gahapatikaññaṃ vā mudutalunahatthapādaṃ āliṅgetvā upanisīdeyya vā upanipajjeyya vā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyakaññaṃ vā brāhmaṇakaññaṃ vā gahapatikaññaṃ vā mudutalunahatthapādaṃ āliṅgetvā upanisīdeyya vā upanipajjeyya vā, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ amuṃ mahantaṃ aggikkhandhaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ āliṅgetvā upanisīdeyya vā upanipajjeyya vā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส อสุจิสงฺกสฺสรสมาจารสฺส ปฎิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺส อสฺสมณสฺส สมณปฎิญฺญสฺส อพฺรหฺมจาริสฺส พฺรหฺมจาริปฎิญฺญสฺส อโนฺตปูติกสฺส อวสฺสุตสฺส กสมฺพุชาตสฺส ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปเชฺชยฺย วาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa pāpadhammassa asucisaṅkassarasamācārassa paṭicchannakammantassa assamaṇassa samaṇapaṭiññassa abrahmacārissa brahmacāripaṭiññassa antopūtikassa avassutassa kasambujātassa yaṃ amuṃ mahantaṃ aggikkhandhaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ āliṅgetvā upanisīdeyya vā upanipajjeyya vā. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya.

    ‘‘ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม อสุจิสงฺกสฺสรสมาจาโร…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยกญฺญํ วา พฺราหฺมณกญฺญํ วา คหปติกญฺญํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิเงฺคตฺวา อุปนิสีทติ วา อุปนิปชฺชติ วา, ตญฺหิ ตสฺส 3, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo pāpadhammo asucisaṅkassarasamācāro…pe… kasambujāto khattiyakaññaṃ vā brāhmaṇakaññaṃ vā gahapatikaññaṃ vā mudutalunahatthapādaṃ āliṅgetvā upanisīdati vā upanipajjati vā, tañhi tassa 4, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส ทฬฺหาย วาลรชฺชุยา อุโภ ชงฺฆา เวเฐตฺวา ฆํเสยฺย – สา ฉวิํ ฉิเนฺทยฺย ฉวิํ เฉตฺวา จมฺมํ ฉิเนฺทยฺย จมฺมํ เฉตฺวา มํสํ ฉิเนฺทยฺย มํสํ เฉตฺวา นฺหารุํ ฉิเนฺทยฺย นฺหารุํ เฉตฺวา อฎฺฐิํ ฉิเนฺทยฺย อฎฺฐิํ เฉตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติเฎฺฐยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อภิวาทนํ สาทิเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว , ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อภิวาทนํ สาทิเยยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส ทฬฺหาย วาลรชฺชุยา…เป.… อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติเฎฺฐยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso daḷhāya vālarajjuyā ubho jaṅghā veṭhetvā ghaṃseyya – sā chaviṃ chindeyya chaviṃ chetvā cammaṃ chindeyya cammaṃ chetvā maṃsaṃ chindeyya maṃsaṃ chetvā nhāruṃ chindeyya nhāruṃ chetvā aṭṭhiṃ chindeyya aṭṭhiṃ chetvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭheyya, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā abhivādanaṃ sādiyeyyā’’ti? ‘‘Etadeva , bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā abhivādanaṃ sādiyeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso daḷhāya vālarajjuyā…pe… aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭheyyā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส ทฬฺหาย วาลรชฺชุยา อุโภ ชงฺฆา เวเฐตฺวา…เป.… อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติเฎฺฐยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อภิวาทนํ สาทิยติ, ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso daḷhāya vālarajjuyā ubho jaṅghā veṭhetvā…pe… aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭheyya. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā abhivādanaṃ sādiyati, tañhi tassa, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส ติณฺหาย สตฺติยา เตลโธตาย ปโจฺจรสฺมิํ ปหเรยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อญฺชลิกมฺมํ สาทิเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อญฺชลิกมฺมํ สาทิเยยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส ติณฺหาย สตฺติยา เตลโธตาย ปโจฺจรสฺมิํ ปหเรยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso tiṇhāya sattiyā teladhotāya paccorasmiṃ pahareyya, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā añjalikammaṃ sādiyeyyā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā añjalikammaṃ sādiyeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso tiṇhāya sattiyā teladhotāya paccorasmiṃ pahareyyā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส ติณฺหาย สตฺติยา เตลโธตาย ปโจฺจรสฺมิํ ปหเรยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อญฺชลิกมฺมํ สาทิยติ, ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso tiṇhāya sattiyā teladhotāya paccorasmiṃ pahareyya. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo pāpadhammo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā añjalikammaṃ sādiyati, tañhi tassa, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยปเฎฺฎน อาทิเตฺตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน กายํ สมฺปลิเวเฐยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ จีวรํ ปริภุเญฺชยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา…เป.… สทฺธาเทยฺยํ จีวรํ ปริภุเญฺชยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยปเฎฺฎน อาทิเตฺตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน กายํ สมฺปลิเวเฐยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso tattena ayopaṭṭena ādittena sampajjalitena sajotibhūtena kāyaṃ sampaliveṭheyya, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ cīvaraṃ paribhuñjeyyā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā…pe… saddhādeyyaṃ cīvaraṃ paribhuñjeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso tattena ayopaṭṭena ādittena sampajjalitena sajotibhūtena kāyaṃ sampaliveṭheyyā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยปเฎฺฎน อาทิเตฺตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน กายํ สมฺปลิเวเฐยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ จีวรํ ปริภุญฺชติ, ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso tattena ayopaṭṭena ādittena sampajjalitena sajotibhūtena kāyaṃ sampaliveṭheyya. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ cīvaraṃ paribhuñjati, tañhi tassa, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา ตตฺตํ โลหคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ มุเข ปกฺขิเปยฺย – ตํ ตสฺส โอฎฺฐมฺปิ ทเหยฺย 5 มุขมฺปิ ทเหยฺย ชิวฺหมฺปิ ทเหยฺย กณฺฐมฺปิ ทเหยฺย อุรมฺปิ 6 ทเหยฺย อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคา 7 นิกฺขเมยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุเญฺชยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุเญฺชยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา ตตฺตํ โลหคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ มุเข ปกฺขิเปยฺย – ตํ ตสฺส โอฎฺฐมฺปิ ทเหยฺย มุขมฺปิ ทเหยฺย ชิวฺหมฺปิ ทเหยฺย กณฺฐมฺปิ ทเหยฺย อุรมฺปิ ทเหยฺย อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคํ นิกฺขเมยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso tattena ayosaṅkunā mukhaṃ vivaritvā tattaṃ lohaguḷaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ mukhe pakkhipeyya – taṃ tassa oṭṭhampi daheyya 8 mukhampi daheyya jivhampi daheyya kaṇṭhampi daheyya urampi 9 daheyya antampi antaguṇampi ādāya adhobhāgā 10 nikkhameyya, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjeyyā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso tattena ayosaṅkunā mukhaṃ vivaritvā tattaṃ lohaguḷaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ mukhe pakkhipeyya – taṃ tassa oṭṭhampi daheyya mukhampi daheyya jivhampi daheyya kaṇṭhampi daheyya urampi daheyya antampi antaguṇampi ādāya adhobhāgaṃ nikkhameyyā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส ตเตฺตน อโยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา ตตฺตํ โลหคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ มุเข ปกฺขิเปยฺย – ตํ ตสฺส โอฎฺฐมฺปิ ทเหยฺย มุขมฺปิ ทเหยฺย ชิวฺหมฺปิ ทเหยฺย กณฺฐมฺปิ ทเหยฺย อุรมฺปิ ทเหยฺย อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคํ นิกฺขเมยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชติ, ตญฺหิ ตสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso tattena ayosaṅkunā mukhaṃ vivaritvā tattaṃ lohaguḷaṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ mukhe pakkhipeyya – taṃ tassa oṭṭhampi daheyya mukhampi daheyya jivhampi daheyya kaṇṭhampi daheyya urampi daheyya antampi antaguṇampi ādāya adhobhāgaṃ nikkhameyya. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo pāpadhammo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjati, tañhi tassa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส สีเส วา คเหตฺวา ขเนฺธ วา คเหตฺวา ตตฺตํ อโยมญฺจํ วา อโยปีฐํ วา อภินิสีทาเปยฺย วา อภินิปชฺชาเปยฺย วา, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ มญฺจปีฐํ 11 ปริภุเชฺชยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ มญฺจปีฐํ ปริภุเญฺชยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส สีเส วา คเหตฺวา ขเนฺธ วา คเหตฺวา ตตฺตํ อโยมญฺจํ วา อโยปีฐํ วา อภินิสีทาเปยฺย วา อภินิปชฺชาเปยฺย วา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso sīse vā gahetvā khandhe vā gahetvā tattaṃ ayomañcaṃ vā ayopīṭhaṃ vā abhinisīdāpeyya vā abhinipajjāpeyya vā, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ mañcapīṭhaṃ 12 paribhujjeyyā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ mañcapīṭhaṃ paribhuñjeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso sīse vā gahetvā khandhe vā gahetvā tattaṃ ayomañcaṃ vā ayopīṭhaṃ vā abhinisīdāpeyya vā abhinipajjāpeyya vā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส สีเส วา คเหตฺวา ขเนฺธ วา คเหตฺวา ตตฺตํ อโยมญฺจํ วา อโยปีฐํ วา อภินิสีทาเปยฺย วา อภินิปชฺชาเปยฺย วาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ มญฺจปีฐํ ปริภุญฺชติฯ ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso sīse vā gahetvā khandhe vā gahetvā tattaṃ ayomañcaṃ vā ayopīṭhaṃ vā abhinisīdāpeyya vā abhinipajjāpeyya vā. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo pāpadhammo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ mañcapīṭhaṃ paribhuñjati. Tañhi tassa, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ – ยํ พลวา ปุริโส อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิเปยฺย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย – โส ตตฺถ เผณุเทฺทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คเจฺฉยฺย สกิมฺปิ อโธ คเจฺฉยฺย สกิมฺปิ ติริยํ คเจฺฉยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ วิหารํ ปริภุเญฺชยฺยา’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภเนฺต, วรํ – ยํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ วิหารํ ปริภุเญฺชยฺย, ทุกฺขเญฺหตํ, ภเนฺต, ยํ พลวา ปุริโส อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิเปยฺย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย – โส ตตฺถ เผณุเทฺทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คเจฺฉยฺย สกิมฺปิ อโธ คเจฺฉยฺย สกิมฺปิ ติริยํ คเจฺฉยฺยา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho varaṃ – yaṃ balavā puriso uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ gahetvā tattāya lohakumbhiyā pakkhipeyya ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya – so tattha pheṇuddehakaṃ paccamāno sakimpi uddhaṃ gaccheyya sakimpi adho gaccheyya sakimpi tiriyaṃ gaccheyya, yaṃ vā khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ vihāraṃ paribhuñjeyyā’’ti? ‘‘Etadeva, bhante, varaṃ – yaṃ khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ vihāraṃ paribhuñjeyya, dukkhañhetaṃ, bhante, yaṃ balavā puriso uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ gahetvā tattāya lohakumbhiyā pakkhipeyya ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya – so tattha pheṇuddehakaṃ paccamāno sakimpi uddhaṃ gaccheyya sakimpi adho gaccheyya sakimpi tiriyaṃ gaccheyyā’’ti.

    ‘‘อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฎิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส…เป.… กสมฺพุชาตสฺส ยํ พลวา ปุริโส อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา…เป.… สกิมฺปิ ติริยํ คเจฺฉยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานญฺหิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคเจฺฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยฯ ยญฺจ โข โส, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม…เป.… กสมฺพุชาโต ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ วิหารํ ปริภุญฺชติ ฯ ตญฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ

    ‘‘Ārocayāmi vo, bhikkhave, paṭivedayāmi vo, bhikkhave, yathā etadeva tassa varaṃ dussīlassa pāpadhammassa…pe… kasambujātassa yaṃ balavā puriso uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ gahetvā…pe… sakimpi tiriyaṃ gaccheyya. Taṃ kissa hetu? Tatonidānañhi so, bhikkhave, maraṇaṃ vā nigaccheyya maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ, na tveva tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya. Yañca kho so, bhikkhave, dussīlo pāpadhammo…pe… kasambujāto khattiyamahāsālānaṃ vā brāhmaṇamahāsālānaṃ vā gahapatimahāsālānaṃ vā saddhādeyyaṃ vihāraṃ paribhuñjati . Tañhi tassa, bhikkhave, hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เยสญฺจ 13 มยํ ปริภุญฺชาม จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ 14 เตสํ เต การา มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา, อมฺหากเญฺจวายํ ปพฺพชฺชา อวญฺฌา ภวิสฺสติ สผลา สอุทฺรยา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ – ‘อตฺตตฺถํ วา, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุํ; ปรตฺถํ วา, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุํ; อุภยตฺถํ วา, ภิกฺขเว, สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุ’’’นฺติฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yesañca 15 mayaṃ paribhuñjāma cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ 16 tesaṃ te kārā mahapphalā bhavissanti mahānisaṃsā, amhākañcevāyaṃ pabbajjā avañjhā bhavissati saphalā saudrayā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ – ‘attatthaṃ vā, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetuṃ; paratthaṃ vā, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetuṃ; ubhayatthaṃ vā, bhikkhave, sampassamānena alameva appamādena sampādetu’’’nti.

    อิทมโวจ ภควา 17ฯ อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคญฺฉิ 18ฯ สฎฺฐิมตฺตา ภิกฺขู สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติํสุ – ‘‘สุทุกฺกรํ ภควา, สุทุกฺกรํ ภควา’’ติฯ สฎฺฐิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสูติฯ อฎฺฐมํฯ

    Idamavoca bhagavā 19. Imasmiñca pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggañchi 20. Saṭṭhimattā bhikkhū sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattiṃsu – ‘‘sudukkaraṃ bhagavā, sudukkaraṃ bhagavā’’ti. Saṭṭhimattānaṃ bhikkhūnaṃ anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsūti. Aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. สโญฺชติภูตํ (สฺยา.)
    2. sañjotibhūtaṃ (syā.)
    3. ตํ หิสฺส (ก.)
    4. taṃ hissa (ka.)
    5. ฑเหยฺย (กตฺถจิ)
    6. ม. นิ. ๓.๒๗๐ เทวทูตสุเตฺต ปน ‘‘อุทรมฺปิ’’ อิติ วิเทสปาโฐ ทิสฺสติ
    7. อโธภาคํ (ก.)
    8. ḍaheyya (katthaci)
    9. ma. ni. 3.270 devadūtasutte pana ‘‘udarampi’’ iti videsapāṭho dissati
    10. adhobhāgaṃ (ka.)
    11. มญฺจํ วา ปีฐํ วา (ก.)
    12. mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā (ka.)
    13. เยสํ (?)
    14. … ปริกฺขารานํ (สี. สฺยา. ก.)
    15. yesaṃ (?)
    16. … parikkhārānaṃ (sī. syā. ka.)
    17. อิทมโวจ ภควา…เป.… (ก.)
    18. อุคฺคจฺฉิ (ก.)
    19. idamavoca bhagavā…pe… (ka.)
    20. uggacchi (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อคฺคิกฺขโนฺธปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Aggikkhandhopamasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘-๙. อคฺคิกฺขโนฺธปมสุตฺตาทิวณฺณนา • 8-9. Aggikkhandhopamasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact