Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๔. อคฺคิสุตฺตวณฺณนา
4. Aggisuttavaṇṇanā
๙๓. จตุเตฺถ อนุทหนเฎฺฐน อคฺคิ, ราโค เอว อคฺคิ ราคคฺคิฯ ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโน สเตฺต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา ‘‘อคฺคี’’ติ วุจฺจติฯ อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ยถา อคฺคิ ยเทว อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตํ นิทหติ, มหาปริฬาโห จ โหติ, เอวมิเมปิ ราคาทโย ยสฺมิํ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ นิทหนฺติ, มหาปริฬาหา จ โหนฺติ ทุนฺนิพฺพาปยาฯ เตสุ ราคปริฬาเหน สนฺตตฺตหทยานํ อิจฺฉิตาลาภทุเกฺขน มรณปฺปตฺตานํ สตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิฯ อยํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตาฯ โทสสฺส ปน อนุทหนตาย วิเสสโต มโนปโทสิกา เทวา, โมหสฺส อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา จ นิทสฺสนํฯ โมหวเสน หิ เตสํ สติสโมฺมโส โหติ, ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารเวลํ อติวเตฺตนฺตา กาลํ กโรนฺติฯ อยํ ตาว ราคาทีนํ ทิฎฺฐธมฺมิโก อนุทหนภาโวฯ สมฺปรายิโก ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตาปนวเสน โฆรตโร ทุรธิวาโส จฯ อยญฺจ อโตฺถ อาทิตฺตปริยาเยน วิภาเวตโพฺพฯ
93. Catutthe anudahanaṭṭhena aggi, rāgo eva aggi rāgaggi. Rāgo hi uppajjamāno satte anudahati jhāpeti, tasmā ‘‘aggī’’ti vuccati. Itaresupi dvīsu eseva nayo. Tattha yathā aggi yadeva indhanaṃ nissāya uppajjati, taṃ nidahati, mahāpariḷāho ca hoti, evamimepi rāgādayo yasmiṃ santāne sayaṃ uppannā, taṃ nidahanti, mahāpariḷāhā ca honti dunnibbāpayā. Tesu rāgapariḷāhena santattahadayānaṃ icchitālābhadukkhena maraṇappattānaṃ sattānaṃ pamāṇaṃ natthi. Ayaṃ tāva rāgassa anudahanatā. Dosassa pana anudahanatāya visesato manopadosikā devā, mohassa anudahanatāya khiḍḍāpadosikā devā ca nidassanaṃ. Mohavasena hi tesaṃ satisammoso hoti, tasmā khiḍḍāvasena āhāravelaṃ ativattentā kālaṃ karonti. Ayaṃ tāva rāgādīnaṃ diṭṭhadhammiko anudahanabhāvo. Samparāyiko pana nirayādīsu nibbattāpanavasena ghorataro duradhivāso ca. Ayañca attho ādittapariyāyena vibhāvetabbo.
คาถาสุ กาเมสุ มุจฺฉิเตติ วตฺถุกาเมสุ ปาตพฺยตาวเสน มุจฺฉํ พาลฺยํ ปมาทํ มิจฺฉาจารํ อาปเนฺนฯ พฺยาปเนฺนติ พฺยาปนฺนจิเตฺต ทหตีติ สมฺพโนฺธฯ นเร ปาณาติปาติโนติ อิทํ โทสคฺคิสฺสฯ อริยธเมฺม อโกวิเทติ เย ขนฺธายตนาทีสุ สเพฺพน สพฺพํ อุคฺคหปริปุจฺฉาย มนสิการรหิตา อริยธมฺมสฺส อกุสลา, เต สโมฺมเหน อภิภูตา วิเสเสน สมฺมูฬฺหา นามาติ วุตฺตาฯ เอเต อคฺคี อชานนฺตาติ ‘‘เอเต ราคคฺคิอาทโย อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนฺตี’’ติ อชานนฺตฺตาอา ปริญฺญาภิสมยวเสน ปหานาภิสมยวเสน จ อปฺปฎิวิชฺฌนฺตาฯ สกฺกายาภิรตาติ สกฺกาเย อุปาทานกฺขนฺธปญฺจเก ตณฺหาทิฎฺฐิมานนนฺทนาภิรตาฯ วฑฺฒยนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชเนน วฑฺฒยนฺติ อาจินนฺติฯ นิรยนฺติ อฎฺฐวิธํ มหานิรยํ, โสฬสวิธํ อุสฺสทนิรยนฺติ สพฺพมฺปิ นิรยํฯ ติรจฺฉานญฺจ โยนิโยติ ติรจฺฉานโยนิโย จฯ อสุรนฺติ อสุรกายํ เปตฺติวิสยญฺจ วฑฺฒยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
Gāthāsu kāmesu mucchiteti vatthukāmesu pātabyatāvasena mucchaṃ bālyaṃ pamādaṃ micchācāraṃ āpanne. Byāpanneti byāpannacitte dahatīti sambandho. Nare pāṇātipātinoti idaṃ dosaggissa. Ariyadhamme akovideti ye khandhāyatanādīsu sabbena sabbaṃ uggahaparipucchāya manasikārarahitā ariyadhammassa akusalā, te sammohena abhibhūtā visesena sammūḷhā nāmāti vuttā. Ete aggī ajānantāti ‘‘ete rāgaggiādayo idha ceva samparāye ca anudahantī’’ti ajānanttāā pariññābhisamayavasena pahānābhisamayavasena ca appaṭivijjhantā. Sakkāyābhiratāti sakkāye upādānakkhandhapañcake taṇhādiṭṭhimānanandanābhiratā. Vaḍḍhayantīti punappunaṃ uppajjanena vaḍḍhayanti ācinanti. Nirayanti aṭṭhavidhaṃ mahānirayaṃ, soḷasavidhaṃ ussadanirayanti sabbampi nirayaṃ. Tiracchānañca yoniyoti tiracchānayoniyo ca. Asuranti asurakāyaṃ pettivisayañca vaḍḍhayantīti sambandho.
เอตฺตาวตา ราคคฺคิอาทีนํ อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนภาวทสฺสนมุเขน วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เนสํ นิพฺพาปเนน วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ รตฺตินฺทิวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยุตฺตาติ ภาวนานุโยควเสน ยุตฺตาฯ กตฺถ? สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนฯ เตน อญฺญสาสเน ราคคฺคิอาทีนํ นิพฺพาปนาภาวํ ทเสฺสติฯ ตถา หิ อนญฺญสาธารณํ เตสํ นิพฺพาปนวิธิํ อสุภกมฺมฎฺฐานํ สเงฺขเปเนว ทเสฺสโนฺต –
Ettāvatā rāgaggiādīnaṃ idha ceva samparāye ca anudahanabhāvadassanamukhena vaṭṭaṃ dassetvā idāni nesaṃ nibbāpanena vivaṭṭaṃ dassetuṃ ‘‘ye ca rattindivā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yuttāti bhāvanānuyogavasena yuttā. Kattha? Sammāsambuddhasāsane. Tena aññasāsane rāgaggiādīnaṃ nibbāpanābhāvaṃ dasseti. Tathā hi anaññasādhāraṇaṃ tesaṃ nibbāpanavidhiṃ asubhakammaṭṭhānaṃ saṅkhepeneva dassento –
‘‘เต นิพฺพาเปนฺติ ราคคฺคิํ, นิจฺจํ อสุภสญฺญิโน;
‘‘Te nibbāpenti rāgaggiṃ, niccaṃ asubhasaññino;
โทสคฺคิํ ปน เมตฺตาย, นิพฺพาเปนฺติ นรุตฺตมา;
Dosaggiṃ pana mettāya, nibbāpenti naruttamā;
โมหคฺคิํ ปน ปญฺญาย, ยายํ นิเพฺพธคามินี’’ติฯ –
Mohaggiṃ pana paññāya, yāyaṃ nibbedhagāminī’’ti. –
อาห ฯ ตตฺถ อสุภสญฺญิโนติ ทฺวตฺติํสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทิวเสน จ อสุภภาวนานุโยเคน อสุภสญฺญิโนฯ เมตฺตายาติ ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๔, ๖๖) วุตฺตาย เมตฺตาภาวนายฯ เอตฺถ จ อสุภชฺฌานญฺจ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตอนาคามิมเคฺคน ราคคฺคิโทสคฺคีนํ นิพฺพาปนํ เวทิตพฺพํฯ ปญฺญายาติ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญายฯ เตเนวาห ‘‘ยายํ นิเพฺพธคามินี’’ติฯ สา หิ กิเลสกฺขนฺธํ วินิวิชฺฌนฺตี คจฺฉติ ปวตฺตตีติ นิเพฺพธคามินีติ วุจฺจติฯ อเสสํ ปรินิพฺพนฺตีติ อรหตฺตมเคฺคน อเสสํ ราคคฺคิอาทิํ นิพฺพาเปตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ฐิตา ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิปกา ปุเพฺพว สมฺมปฺปธาเนน สพฺพโส โกสชฺชสฺส สุปฺปหีนตฺตา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อกิลาสุภาเวน จ รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อเสสํ ปรินิพฺพนฺติฯ ตโต จ อเสสํ นิเสฺสสํ วฎฺฎทุกฺขํ อจฺจคุํ อติกฺกมํสุฯ
Āha . Tattha asubhasaññinoti dvattiṃsākāravasena ceva uddhumātakādivasena ca asubhabhāvanānuyogena asubhasaññino. Mettāyāti ‘‘so mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharatī’’ti (a. ni. 3.64, 66) vuttāya mettābhāvanāya. Ettha ca asubhajjhānañca pādakaṃ katvā nibbattitaanāgāmimaggena rāgaggidosaggīnaṃ nibbāpanaṃ veditabbaṃ. Paññāyāti vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya. Tenevāha ‘‘yāyaṃ nibbedhagāminī’’ti. Sā hi kilesakkhandhaṃ vinivijjhantī gacchati pavattatīti nibbedhagāminīti vuccati. Asesaṃ parinibbantīti arahattamaggena asesaṃ rāgaggiādiṃ nibbāpetvā saupādisesāya nibbānadhātuyā ṭhitā paññāvepullappattiyā nipakā pubbeva sammappadhānena sabbaso kosajjassa suppahīnattā phalasamāpattisamāpajjanena akilāsubhāvena ca rattindivamatanditā carimakacittanirodhena anupādisesāya nibbānadhātuyā asesaṃ parinibbanti. Tato ca asesaṃ nissesaṃ vaṭṭadukkhaṃ accaguṃ atikkamaṃsu.
เอวํ เย ราคคฺคิอาทิเก นิพฺพาเปนฺติ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนน นิพฺพุติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปฎิวิทฺธคุเณหิ โถเมโนฺต โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ อริยทฺทสาติ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ ปสฺสิตพฺพํ กิเลเสหิ วา อารกตฺตา อริยํ นิพฺพานํ, อริยํ จตุสจฺจเมว วา ทิฎฺฐวโนฺตติ อริยทฺทสาฯ เวทสฺส มคฺคญาณสฺส, เตน วา เวเทน สํสารสฺส ปริโยสานํ คตาติ เวทคุโนฯ สมฺมทญฺญายาติ สมฺมเทว สพฺพํ อาชานิตพฺพํ กุสลาทิํ ขนฺธาทิญฺจ ชานิตฺวาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Evaṃ ye rāgaggiādike nibbāpenti, tesaṃ anupādisesanibbānena nibbutiṃ dassetvā idāni paṭividdhaguṇehi thomento osānagāthamāha. Tattha ariyaddasāti ariyehi buddhādīhi passitabbaṃ kilesehi vā ārakattā ariyaṃ nibbānaṃ, ariyaṃ catusaccameva vā diṭṭhavantoti ariyaddasā. Vedassa maggañāṇassa, tena vā vedena saṃsārassa pariyosānaṃ gatāti vedaguno. Sammadaññāyāti sammadeva sabbaṃ ājānitabbaṃ kusalādiṃ khandhādiñca jānitvā. Sesaṃ vuttanayameva.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๔. อคฺคิสุตฺตํ • 4. Aggisuttaṃ