Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตํ

    2. Aggivacchasuttaṃ

    ๑๘๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    187. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho vacchagotto paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vacchagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ 1 ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi 2 bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, ‘antavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘antavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, ‘อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, ‘anantavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘anantavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti ? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ

    ‘‘Kiṃ pana, bho gotama, ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.

    ๑๘๘. ‘‘‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิ 3ฯ ‘กิํ ปน, โภ โคตม, อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ , เอวํทิฎฺฐิ – อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ ปน, โภ โคตม, อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ ปน, โภ โคตม, อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ

    188. ‘‘‘Kiṃ nu kho, bho gotama, sassato loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi 4. ‘Kiṃ pana, bho gotama, asassato loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha , evaṃdiṭṭhi – asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ nu kho, bho gotama, antavā loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – antavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ pana, bho gotama, anantavā loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – anantavā loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ nu kho, bho gotama, taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ pana, bho gotama, aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ nu kho, bho gotama, hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi.

    ‘‘‘กิํ ปน, โภ โคตม, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ ‘กิํ ปน, โภ โคตม, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฎฺฐิ – เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ

    ‘‘‘Kiṃ pana, bho gotama, na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ nu kho, bho gotama, hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi. ‘Kiṃ pana, bho gotama, neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavaṃ gotamo’ti iti puṭṭho samāno ‘na kho ahaṃ, vaccha, evaṃdiṭṭhi – neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi.

    ‘‘กิํ ปน โภ โคตโม อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน เอวํ อิมานิ สพฺพโส ทิฎฺฐิคตานิ อนุปคโต’’ติ?

    ‘‘Kiṃ pana bho gotamo ādīnavaṃ sampassamāno evaṃ imāni sabbaso diṭṭhigatāni anupagato’’ti?

    ๑๘๙. ‘‘‘สสฺสโต โลโก’ติ โข, วจฺฉ, ทิฎฺฐิคตเมตํ ทิฎฺฐิคหนํ ทิฎฺฐิกนฺตาโร 5 ทิฎฺฐิวิสูกํ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตํ ทิฎฺฐิสํโยชนํ สทุกฺขํ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ ฯ ‘อสสฺสโต โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘อนฺตวา โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘อนนฺตวา โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีร’นฺติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ …เป.… ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ…เป.… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ, ทิฎฺฐิคตเมตํ ทิฎฺฐิคหนํ ทิฎฺฐิกนฺตาโร ทิฎฺฐิวิสูกํ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตํ ทิฎฺฐิสํโยชนํ สทุกฺขํ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ อิมํ โข อหํ, วจฺฉ, อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน เอวํ อิมานิ สพฺพโส ทิฎฺฐิคตานิ อนุปคโต’’ติฯ

    189. ‘‘‘Sassato loko’ti kho, vaccha, diṭṭhigatametaṃ diṭṭhigahanaṃ diṭṭhikantāro 6 diṭṭhivisūkaṃ diṭṭhivipphanditaṃ diṭṭhisaṃyojanaṃ sadukkhaṃ savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ, na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati . ‘Asassato loko’ti kho, vaccha…pe… ‘antavā loko’ti kho, vaccha…pe… ‘anantavā loko’ti kho, vaccha…pe… ‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’nti kho, vaccha…pe… ‘aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīra’nti kho, vaccha…pe… ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, vaccha …pe… ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, vaccha…pe… ‘hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, vaccha…pe… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti kho, vaccha, diṭṭhigatametaṃ diṭṭhigahanaṃ diṭṭhikantāro diṭṭhivisūkaṃ diṭṭhivipphanditaṃ diṭṭhisaṃyojanaṃ sadukkhaṃ savighātaṃ saupāyāsaṃ sapariḷāhaṃ, na nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati. Imaṃ kho ahaṃ, vaccha, ādīnavaṃ sampassamāno evaṃ imāni sabbaso diṭṭhigatāni anupagato’’ti.

    ‘‘อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส กิญฺจิ ทิฎฺฐิคต’’นฺติ? ‘‘ทิฎฺฐิคตนฺติ โข, วจฺฉ, อปนีตเมตํ ตถาคตสฺสฯ ทิฎฺฐเญฺหตํ, วจฺฉ, ตถาคเตน – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สญฺญา, อิติ สญฺญาย สมุทโย, อิติ สญฺญาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา, อิติ สงฺขารานํ สมุทโย, อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ ตสฺมา ตถาคโต สพฺพมญฺญิตานํ สพฺพมถิตานํ สพฺพอหํการมมํการมานานุสยานํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา อนุปาทา วิมุโตฺตติ วทามี’’ติฯ

    ‘‘Atthi pana bhoto gotamassa kiñci diṭṭhigata’’nti? ‘‘Diṭṭhigatanti kho, vaccha, apanītametaṃ tathāgatassa. Diṭṭhañhetaṃ, vaccha, tathāgatena – ‘iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā, iti vedanāya samudayo, iti vedanāya atthaṅgamo; iti saññā, iti saññāya samudayo, iti saññāya atthaṅgamo; iti saṅkhārā, iti saṅkhārānaṃ samudayo, iti saṅkhārānaṃ atthaṅgamo; iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Tasmā tathāgato sabbamaññitānaṃ sabbamathitānaṃ sabbaahaṃkāramamaṃkāramānānusayānaṃ khayā virāgā nirodhā cāgā paṭinissaggā anupādā vimuttoti vadāmī’’ti.

    ๑๙๐. ‘‘เอวํ วิมุตฺตจิโตฺต ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ กุหิํ อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’ฯ ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, น อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’ฯ ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’ฯ ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’ฯ

    190. ‘‘Evaṃ vimuttacitto pana, bho gotama, bhikkhu kuhiṃ upapajjatī’’ti? ‘‘Upapajjatīti kho, vaccha, na upeti’’. ‘‘Tena hi, bho gotama, na upapajjatī’’ti? ‘‘Na upapajjatīti kho, vaccha, na upeti’’. ‘‘Tena hi, bho gotama, upapajjati ca na ca upapajjatī’’ti? ‘‘Upapajjati ca na ca upapajjatīti kho, vaccha, na upeti’’. ‘‘Tena hi, bho gotama, neva upapajjati na na upapajjatī’’ti? ‘‘Neva upapajjati na na upapajjatīti kho, vaccha, na upeti’’.

    ‘‘‘เอวํ วิมุตฺตจิโตฺต ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ กุหิํ อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, โภ โคตม, น อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, โภ โคตม, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิฯ ‘เตน หิ, โภ โคตม, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน ‘เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิฯ เอตฺถาหํ, โภ โคตม, อญฺญาณมาปาทิํ, เอตฺถ สโมฺมหมาปาทิํฯ ยาปิ เม เอสา โภโต โคตมสฺส ปุริเมน กถาสลฺลาเปน อหุ ปสาทมตฺตา สาปิ เม เอตรหิ อนฺตรหิตา’’ติฯ ‘‘อลญฺหิ เต, วจฺฉ, อญฺญาณาย, อลํ สโมฺมหายฯ คมฺภีโร หายํ, วจฺฉ, ธโมฺม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ โส ตยา ทุชฺชาโน อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺรโยเคน 7 อญฺญตฺราจริยเกน’’ 8

    ‘‘‘Evaṃ vimuttacitto pana, bho gotama, bhikkhu kuhiṃ upapajjatī’ti iti puṭṭho samāno ‘upapajjatīti kho, vaccha, na upetī’ti vadesi. ‘Tena hi, bho gotama, na upapajjatī’ti iti puṭṭho samāno ‘na upapajjatīti kho, vaccha, na upetī’ti vadesi. ‘Tena hi, bho gotama, upapajjati ca na ca upapajjatī’ti iti puṭṭho samāno ‘upapajjati ca na ca upapajjatīti kho, vaccha, na upetī’ti vadesi. ‘Tena hi, bho gotama, neva upapajjati na na upapajjatī’ti iti puṭṭho samāno ‘neva upapajjati na na upapajjatīti kho, vaccha, na upetī’ti vadesi. Etthāhaṃ, bho gotama, aññāṇamāpādiṃ, ettha sammohamāpādiṃ. Yāpi me esā bhoto gotamassa purimena kathāsallāpena ahu pasādamattā sāpi me etarahi antarahitā’’ti. ‘‘Alañhi te, vaccha, aññāṇāya, alaṃ sammohāya. Gambhīro hāyaṃ, vaccha, dhammo duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. So tayā dujjāno aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrayogena 9 aññatrācariyakena’’ 10.

    ๑๙๑. ‘‘เตน หิ, วจฺฉ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, วจฺฉ, สเจ เต ปุรโต อคฺคิ ชเลยฺย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ ชลตี’’’ติ? ‘‘สเจ เม, โภ โคตม, ปุรโต อคฺคิ ชเลยฺย, ชาเนยฺยาหํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ ชลตี’’’ติฯ

    191. ‘‘Tena hi, vaccha, taññevettha paṭipucchissāmi; yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, vaccha, sace te purato aggi jaleyya, jāneyyāsi tvaṃ – ‘ayaṃ me purato aggi jalatī’’’ti? ‘‘Sace me, bho gotama, purato aggi jaleyya, jāneyyāhaṃ – ‘ayaṃ me purato aggi jalatī’’’ti.

    ‘‘สเจ ปน ตํ, วจฺฉ, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ กิํ ปฎิจฺจ ชลตี’ติ, เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, วจฺฉ, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, โภ โคตม, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ กิํ ปฎิจฺจ ชลตี’ติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, โภ โคตม, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘โย เม อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ ติณกฎฺฐุปาทานํ ปฎิจฺจ ชลตี’’’ติฯ

    ‘‘Sace pana taṃ, vaccha, evaṃ puccheyya – ‘yo te ayaṃ purato aggi jalati ayaṃ aggi kiṃ paṭicca jalatī’ti, evaṃ puṭṭho tvaṃ, vaccha, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bho gotama, evaṃ puccheyya – ‘yo te ayaṃ purato aggi jalati ayaṃ aggi kiṃ paṭicca jalatī’ti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bho gotama, evaṃ byākareyyaṃ – ‘yo me ayaṃ purato aggi jalati ayaṃ aggi tiṇakaṭṭhupādānaṃ paṭicca jalatī’’’ti.

    ‘‘สเจ เต, วจฺฉ, ปุรโต โส อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต’’’ติ? ‘‘สเจ เม, โภ โคตม, ปุรโต โส อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, ชาเนยฺยาหํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต’’’ติฯ

    ‘‘Sace te, vaccha, purato so aggi nibbāyeyya, jāneyyāsi tvaṃ – ‘ayaṃ me purato aggi nibbuto’’’ti? ‘‘Sace me, bho gotama, purato so aggi nibbāyeyya, jāneyyāhaṃ – ‘ayaṃ me purato aggi nibbuto’’’ti.

    ‘‘สเจ ปน ตํ, วจฺฉ, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต โส อคฺคิ อิโต กตมํ ทิสํ คโต – ปุรตฺถิมํ วา ทกฺขิณํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา’ติ, เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, วจฺฉ, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘น อุเปติ, โภ โคตม, ยญฺหิ โส, โภ โคตม, อคฺคิ ติณกฎฺฐุปาทานํ ปฎิจฺจ อชลิ 11 ตสฺส จ ปริยาทานา อญฺญสฺส จ อนุปหารา อนาหาโร นิพฺพุโต เตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติฯ

    ‘‘Sace pana taṃ, vaccha, evaṃ puccheyya – ‘yo te ayaṃ purato aggi nibbuto so aggi ito katamaṃ disaṃ gato – puratthimaṃ vā dakkhiṇaṃ vā pacchimaṃ vā uttaraṃ vā’ti, evaṃ puṭṭho tvaṃ, vaccha, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Na upeti, bho gotama, yañhi so, bho gotama, aggi tiṇakaṭṭhupādānaṃ paṭicca ajali 12 tassa ca pariyādānā aññassa ca anupahārā anāhāro nibbuto tveva saṅkhyaṃ gacchatī’’ti.

    ๑๙๒. ‘‘เอวเมว โข, วจฺฉ, เยน รูเปน ตถาคตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย ตํ รูปํ ตถาคตสฺส ปหีนํ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวํกตํ อายติํ อนุปฺปาทธมฺมํฯ รูปสงฺขยวิมุโตฺต 13 โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุปฺปริโยคาโฬฺห – เสยฺยถาปิ มหาสมุโทฺทฯ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติฯ

    192. ‘‘Evameva kho, vaccha, yena rūpena tathāgataṃ paññāpayamāno paññāpeyya taṃ rūpaṃ tathāgatassa pahīnaṃ ucchinnamūlaṃ tālāvatthukataṃ anabhāvaṃkataṃ āyatiṃ anuppādadhammaṃ. Rūpasaṅkhayavimutto 14 kho, vaccha, tathāgato gambhīro appameyyo duppariyogāḷho – seyyathāpi mahāsamuddo. Upapajjatīti na upeti, na upapajjatīti na upeti, upapajjati ca na ca upapajjatīti na upeti, neva upapajjati na na upapajjatīti na upeti.

    ‘‘ยาย เวทนาย ตถาคตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย สา เวทนา ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เวทนาสงฺขยวิมุโตฺต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุปฺปริโยคาโฬฺห – เสยฺยถาปิ มหาสมุโทฺทฯ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติฯ

    ‘‘Yāya vedanāya tathāgataṃ paññāpayamāno paññāpeyya sā vedanā tathāgatassa pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Vedanāsaṅkhayavimutto kho, vaccha, tathāgato gambhīro appameyyo duppariyogāḷho – seyyathāpi mahāsamuddo. Upapajjatīti na upeti, na upapajjatīti na upeti, upapajjati ca na ca upapajjatīti na upeti, neva upapajjati na na upapajjatīti na upeti.

    ‘‘ยาย สญฺญาย ตถาคตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย สา สญฺญา ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ สญฺญาสงฺขยวิมุโตฺต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุปฺปริโยคาโฬฺห – เสยฺยถาปิ มหาสมุโทฺทฯ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติฯ

    ‘‘Yāya saññāya tathāgataṃ paññāpayamāno paññāpeyya sā saññā tathāgatassa pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Saññāsaṅkhayavimutto kho, vaccha, tathāgato gambhīro appameyyo duppariyogāḷho – seyyathāpi mahāsamuddo. Upapajjatīti na upeti, na upapajjatīti na upeti, upapajjati ca na ca upapajjatīti na upeti, neva upapajjati na na upapajjatīti na upeti.

    ‘‘เยหิ สงฺขาเรหิ ตถาคตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย เต สงฺขารา ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ สงฺขารสงฺขยวิมุโตฺต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุปฺปริโยคาโฬฺห – เสยฺยถาปิ มหาสมุโทฺทฯ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ , น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติฯ

    ‘‘Yehi saṅkhārehi tathāgataṃ paññāpayamāno paññāpeyya te saṅkhārā tathāgatassa pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā. Saṅkhārasaṅkhayavimutto kho, vaccha, tathāgato gambhīro appameyyo duppariyogāḷho – seyyathāpi mahāsamuddo. Upapajjatīti na upeti , na upapajjatīti na upeti, upapajjati ca na ca upapajjatīti na upeti, neva upapajjati na na upapajjatīti na upeti.

    ‘‘เยน วิญฺญาเณน ตถาคตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย ตํ วิญฺญาณํ ตถาคตสฺส ปหีนํ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวํกตํ อายติํ อนุปฺปาทธมฺมํฯ วิญฺญาณสงฺขยวิมุโตฺต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุปฺปริโยคาโฬฺห – เสยฺยถาปิ มหาสมุโทฺทฯ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ’’ฯ

    ‘‘Yena viññāṇena tathāgataṃ paññāpayamāno paññāpeyya taṃ viññāṇaṃ tathāgatassa pahīnaṃ ucchinnamūlaṃ tālāvatthukataṃ anabhāvaṃkataṃ āyatiṃ anuppādadhammaṃ. Viññāṇasaṅkhayavimutto kho, vaccha, tathāgato gambhīro appameyyo duppariyogāḷho – seyyathāpi mahāsamuddo. Upapajjatīti na upeti, na upapajjatīti na upeti, upapajjati ca na ca upapajjatīti na upeti, neva upapajjati na na upapajjatīti na upeti’’.

    เอวํ วุเตฺต, วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหาสาลรุโกฺขฯ ตสฺส อนิจฺจตา สาขาปลาสา ปลุเชฺชยฺยุํ 15, ตจปปฎิกา ปลุเชฺชยฺยุํ, เผคฺคู ปลุเชฺชยฺยุํ 16; โส อปเรน สมเยน อปคตสาขาปลาโส อปคตตจปปฎิโก อปคตเผคฺคุโก สุโทฺธ อสฺส, สาเร ปติฎฺฐิโต; เอวเมว โภโต โคตมสฺส ปาวจนํ อปคตสาขาปลาสํ อปคตตจปปฎิกํ อปคตเผคฺคุกํ สุทฺธํ, สาเร ปติฎฺฐิตํฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ

    Evaṃ vutte, vacchagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘seyyathāpi, bho gotama, gāmassa vā nigamassa vā avidūre mahāsālarukkho. Tassa aniccatā sākhāpalāsā palujjeyyuṃ 17, tacapapaṭikā palujjeyyuṃ, pheggū palujjeyyuṃ 18; so aparena samayena apagatasākhāpalāso apagatatacapapaṭiko apagataphegguko suddho assa, sāre patiṭṭhito; evameva bhoto gotamassa pāvacanaṃ apagatasākhāpalāsaṃ apagatatacapapaṭikaṃ apagatapheggukaṃ suddhaṃ, sāre patiṭṭhitaṃ. Abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.

    อคฺคิวจฺฉสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Aggivacchasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. เอวํทิฎฺฐี (สี. สฺยา. กํ. ก.)
    2. evaṃdiṭṭhī (sī. syā. kaṃ. ka.)
    3. โมฆมญฺญนฺตีติ วเทสิ (สี.), โมฆมญฺญนฺติ อิติ วเทสิ (?)
    4. moghamaññantīti vadesi (sī.), moghamaññanti iti vadesi (?)
    5. ทิฎฺฐิกนฺตารํ (สี. ปี.)
    6. diṭṭhikantāraṃ (sī. pī.)
    7. อญฺญตฺราโยเคน (ที. นิ. ๑.๔๒๐)
    8. อญฺญตฺถาจริยเกน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    9. aññatrāyogena (dī. ni. 1.420)
    10. aññatthācariyakena (sī. syā. kaṃ. pī.)
    11. ชลติ (สฺยา. กํ. ก.)
    12. jalati (syā. kaṃ. ka.)
    13. รูปสงฺขาวิมุโตฺต (สี. สฺยา. กํ. ปี.) เอวํ เวทนาสงฺขยาทีสุปิ
    14. rūpasaṅkhāvimutto (sī. syā. kaṃ. pī.) evaṃ vedanāsaṅkhayādīsupi
    15. สาขาปลาสํ ปลุเชฺชยฺย
    16. เผคฺคุ ปลุเชฺชยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    17. sākhāpalāsaṃ palujjeyya
    18. pheggu palujjeyya (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 2. Aggivacchasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 2. Aggivacchasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact