Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. อาหารวโคฺค
2. Āhāravaggo
๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา
1. Āhārasuttavaṇṇanā
๑๑. อาหารวคฺคสฺส ปฐเม อาหาราติ ปจฺจยาฯ ปจฺจยา หิ อาหรนฺติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา อาหาราติ วุจฺจนฺติฯ ภูตานํ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ ชาตา นิพฺพตฺตาฯ สมฺภเวสิโนติ เย สมฺภวํ ชาติํ นิพฺพตฺติํ เอสนฺติ คเวสนฺติฯ ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสญฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสญฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นามฯ สํเสทชา โอปปาติกา จ ปฐมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นามฯ เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อญฺญํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, ตโต ปรํ ภูตา นามฯ อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตา อภินิพฺพตฺตาเยว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานํ เอตํ อธิวจนํฯ สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโนฯ อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํฯ เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยติฯ วาสโทฺท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนโตฺถ, ตสฺมา ภูตานญฺจ สมฺภเวสีนญฺจาติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
11. Āhāravaggassa paṭhame āhārāti paccayā. Paccayā hi āharanti attano phalaṃ, tasmā āhārāti vuccanti. Bhūtānaṃ vā sattānantiādīsu bhūtāti jātā nibbattā. Sambhavesinoti ye sambhavaṃ jātiṃ nibbattiṃ esanti gavesanti. Tattha catūsu yonīsu aṇḍajajalābujā sattā yāva aṇḍakosaṃ vatthikosañca na bhindanti, tāva sambhavesino nāma, aṇḍakosaṃ vatthikosañca bhinditvā bahi nikkhantā bhūtā nāma. Saṃsedajā opapātikā ca paṭhamacittakkhaṇe sambhavesino nāma, dutiyacittakkhaṇato pabhuti bhūtā nāma. Yena vā iriyāpathena jāyanti, yāva tato aññaṃ na pāpuṇanti, tāva sambhavesino nāma, tato paraṃ bhūtā nāma. Atha vā bhūtāti jātā abhinibbattā, ye bhūtā abhinibbattāyeva, na puna bhavissantīti saṅkhaṃ gacchanti, tesaṃ khīṇāsavānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Sambhavamesantīti sambhavesino. Appahīnabhavasaṃyojanattā āyatimpi sambhavaṃ esantānaṃ sekkhaputhujjanānametaṃ adhivacanaṃ. Evaṃ sabbathāpi imehi dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyati. Vāsaddo cettha sampiṇḍanattho, tasmā bhūtānañca sambhavesīnañcāti ayamattho veditabbo.
ฐิติยาติ ฐิตตฺถํฯ อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํฯ วจนเภโทเยว เจส, อโตฺถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยวฯ อถ วา ฐิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิเจฺฉทายฯ อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทายฯ อุโภปิ เจตานิ ‘‘ภูตานํ วา ฐิติยา เจว อนุคฺคหาย จ, สมฺภเวสีนํ วา ฐิติยา เจว อนุคฺคหาย จา’’ติ เอวํ อุภยตฺถ ทฎฺฐพฺพานีติฯ
Ṭhitiyāti ṭhitatthaṃ. Anuggahāyāti anuggahatthaṃ. Vacanabhedoyeva cesa, attho pana dvinnampi padānaṃ ekoyeva. Atha vā ṭhitiyāti tassa tassa sattassa uppannadhammānaṃ anuppabandhavasena avicchedāya. Anuggahāyāti anuppannānaṃ uppādāya. Ubhopi cetāni ‘‘bhūtānaṃ vā ṭhitiyā ceva anuggahāya ca, sambhavesīnaṃ vā ṭhitiyā ceva anuggahāya cā’’ti evaṃ ubhayattha daṭṭhabbānīti.
กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อโชฺฌหริตพฺพโก อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํฯ โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, สุขุมตาย สุขุโมฯ สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติฯ สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพาฯ กุมฺภีลานญฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโมฯ กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติ, เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตา วิลียนฺติฯ โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติฯ โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฎฺฐีนิ จ ขาทนฺติ, ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺตาเนว กนฺทมูลํ วิย มุทุกานิ โหนฺติฯ ตรจฺฉานํ อาหารํ อุปาทาย หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต หิ นานารุกฺขสาขาทโย ขาทนฺติฯ หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติฯ เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติฯ เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโมฯ สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโมฯ สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโมฯ ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร สุขุโมฯ คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโมฯ เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโมฯ จกฺกวตฺติโน อาหารโต ภุมฺมานํ เทวานํ อาหาโร สุขุโมฯ ภุมฺมานํ เทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํฯ เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหารา วิตฺถาเรตพฺพาฯ เตสํ ปนาหาโร สุขุโมเตฺวว นิฎฺฐํ ปโตฺตฯ
Kabaḷīkāro āhāroti kabaḷaṃ katvā ajjhoharitabbako āhāro, odanakummāsādivatthukāya ojāyetaṃ adhivacanaṃ. Oḷāriko vā sukhumo vāti vatthuoḷārikatāya oḷāriko, sukhumatāya sukhumo. Sabhāvena pana sukhumarūpapariyāpannattā kabaḷīkāro āhāro sukhumova hoti. Sāpi cassa vatthuto oḷārikatā sukhumatā ca upādāyupādāya veditabbā. Kumbhīlānañhi āhāraṃ upādāya morānaṃ āhāro sukhumo. Kumbhīlā kira pāsāṇe gilanti, te ca nesaṃ kucchippattā vilīyanti. Morā sappavicchikādipāṇe khādanti. Morānaṃ pana āhāraṃ upādāya taracchānaṃ āhāro sukhumo. Te kira tivassachaḍḍitāni visāṇāni ceva aṭṭhīni ca khādanti, tāni ca nesaṃ kheḷena temitamattāneva kandamūlaṃ viya mudukāni honti. Taracchānaṃ āhāraṃ upādāya hatthīnaṃ āhāro sukhumo. Te hi nānārukkhasākhādayo khādanti. Hatthīnaṃ āhārato gavayagokaṇṇamigādīnaṃ āhāro sukhumo. Te kira nissārāni nānārukkhapaṇṇādīni khādanti. Tesampi āhārato gunnaṃ āhāro sukhumo. Te allasukkhatiṇāni khādanti. Tesaṃ āhārato sasānaṃ āhāro sukhumo. Sasānaṃ āhārato sakuṇānaṃ āhāro sukhumo. Sakuṇānaṃ āhārato paccantavāsīnaṃ āhāro sukhumo. Paccantavāsīnaṃ āhārato gāmabhojakānaṃ āhāro sukhumo. Gāmabhojakānaṃ āhārato rājarājamahāmattānaṃ āhāro sukhumo. Tesampi āhārato cakkavattino āhāro sukhumo. Cakkavattino āhārato bhummānaṃ devānaṃ āhāro sukhumo. Bhummānaṃ devānaṃ āhārato cātumahārājikānaṃ. Evaṃ yāva paranimmitavasavattīnaṃ āhārā vitthāretabbā. Tesaṃ panāhāro sukhumotveva niṭṭhaṃ patto.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมิํ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตีฯ ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีโต มุหุเตฺตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ ยํกิญฺจิเทว ขาทิตุกาโม, สปฺปิํ ปน ปสตมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติฯ ตตฺถ วตฺถุ กมฺมชเตชสงฺขาตํ ปริสฺสยํ วิโนเทติ, น ปน สโกฺกติ ปาเลตุํฯ โอชา ปน ปาเลติ, น สโกฺกติ ปริสฺสยํ วิโนเทตุํฯ เทฺว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสยเญฺจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติฯ
Ettha ca oḷārike vatthusmiṃ ojā parittā hoti dubbalā, sukhume balavatī. Tathā hi ekapattapūrampi yāguṃ pīto muhutteneva jighacchito hoti yaṃkiñcideva khāditukāmo, sappiṃ pana pasatamattaṃ pivitvā divasaṃ abhottukāmo hoti. Tattha vatthu kammajatejasaṅkhātaṃ parissayaṃ vinodeti, na pana sakkoti pāletuṃ. Ojā pana pāleti, na sakkoti parissayaṃ vinodetuṃ. Dve pana ekato hutvā parissayañceva vinodenti pālenti cāti.
ผโสฺส ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผโสฺส เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตโพฺพฯ เทสนานโย เอว เจส, ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย ตติโย จาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํฯ มโนสเญฺจตนาติ เจตนาว วุจฺจติฯ วิญฺญาณนฺติ จิตฺตํฯ อิติ ภควา อิมสฺมิํ ฐาเน อุปาทิณฺณกอนุปาทิณฺณกวเสน เอกราสิํ กตฺวา จตฺตาโร อาหาเร ทเสฺสสิฯ กพฬีการาหาโร หิ อุปาทิณฺณโกปิ อตฺถิ อนุปาทิณฺณโกปิ, ตถา ผสฺสาทโยฯ ตตฺถ สปฺปาทีหิ คิลิตานํ มณฺฑูกาทีนํ วเสน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโร ทฎฺฐโพฺพฯ มณฺฑูกาทโย หิ สปฺปาทีหิ คิลิตา อโนฺตกุจฺฉิคตาปิ กิญฺจิ กาลํ ชีวนฺติเยวฯ เต ยาว อุปาทิณฺณกปเกฺข ติฎฺฐนฺติ, ตาว อาหารตฺถํ น สาเธนฺติ ฯ ภิชฺชิตฺวา ปน อนุปาทิณฺณกปเกฺข ฐิตา สาเธนฺติฯ ตทาปิ อุปาทิณฺณกาหาโรติ วุจฺจนฺตีติฯ อิทํ ปน อาจริยานํ น รุจฺจตีติ อฎฺฐกถายเมว ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – อิเมสํ สตฺตานํ ขาทนฺตานมฺปิ อขาทนฺตานมฺปิ ภุญฺชนฺตานมฺปิ อภุญฺชนฺตานมฺปิ ปฎิสนฺธิจิเตฺตเนว สหชาตา กมฺมชา โอชา นาม อตฺถิ, สา ยาวปิ สตฺตมา ทิวสา ปาเลติ, อยเมว อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโรติ เวทิตโพฺพฯ เตภูมกวิปากวเสน ปน อุปาทิณฺณกผสฺสาทโย เวทิตพฺพา, เตภูมกกุสลากุสลกิริยวเสน อนุปาทิณฺณกาฯ โลกุตฺตรา ปน รุฬฺหีวเสน กถิตาติฯ
Phasso dutiyoti cakkhusamphassādi chabbidhopi phasso etesu catūsu āhāresu dutiyo āhāroti veditabbo. Desanānayo eva cesa, tasmā iminā nāma kāraṇena dutiyo tatiyo cāti idamettha na gavesitabbaṃ. Manosañcetanāti cetanāva vuccati. Viññāṇanti cittaṃ. Iti bhagavā imasmiṃ ṭhāne upādiṇṇakaanupādiṇṇakavasena ekarāsiṃ katvā cattāro āhāre dassesi. Kabaḷīkārāhāro hi upādiṇṇakopi atthi anupādiṇṇakopi, tathā phassādayo. Tattha sappādīhi gilitānaṃ maṇḍūkādīnaṃ vasena upādiṇṇakakabaḷīkārāhāro daṭṭhabbo. Maṇḍūkādayo hi sappādīhi gilitā antokucchigatāpi kiñci kālaṃ jīvantiyeva. Te yāva upādiṇṇakapakkhe tiṭṭhanti, tāva āhāratthaṃ na sādhenti . Bhijjitvā pana anupādiṇṇakapakkhe ṭhitā sādhenti. Tadāpi upādiṇṇakāhāroti vuccantīti. Idaṃ pana ācariyānaṃ na ruccatīti aṭṭhakathāyameva paṭikkhipitvā idaṃ vuttaṃ – imesaṃ sattānaṃ khādantānampi akhādantānampi bhuñjantānampi abhuñjantānampi paṭisandhicitteneva sahajātā kammajā ojā nāma atthi, sā yāvapi sattamā divasā pāleti, ayameva upādiṇṇakakabaḷīkārāhāroti veditabbo. Tebhūmakavipākavasena pana upādiṇṇakaphassādayo veditabbā, tebhūmakakusalākusalakiriyavasena anupādiṇṇakā. Lokuttarā pana ruḷhīvasena kathitāti.
เอตฺถาห – ‘‘ยทิ ปจฺจยโฎฺฐ อาหารโฎฺฐ, อถ กสฺมา อเญฺญสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตาฯ วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร, นามกาเย เวทนาย ผโสฺส, วิญฺญาณสฺส มโนสเญฺจตนา, นามรูปสฺส วิญฺญาณํฯ ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฎฺฐิติโก อาหารํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐติ, อนาหาโร โน ติฎฺฐติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓), ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑; วิภ. ๒๒๕)ฯ
Etthāha – ‘‘yadi paccayaṭṭho āhāraṭṭho, atha kasmā aññesupi sattānaṃ paccayesu vijjamānesu imeyeva cattāro vuttā’’ti? Vuccate – ajjhattikasantatiyā visesapaccayattā. Visesapaccayo hi kabaḷīkārāhārabhakkhānaṃ sattānaṃ rūpakāyassa kabaḷīkāro āhāro, nāmakāye vedanāya phasso, viññāṇassa manosañcetanā, nāmarūpassa viññāṇaṃ. Yathāha – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, ayaṃ kāyo āhāraṭṭhitiko āhāraṃ paṭicca tiṭṭhati, anāhāro no tiṭṭhati (saṃ. ni. 5.183), tathā phassapaccayā vedanā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti (saṃ. ni. 2.1; vibha. 225).
โก ปเนตฺถ อาหาโร กิํ อาหรตีติ? กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรติ ผสฺสาหาโร ติโสฺส เวทนา, มโนสเญฺจตนาหาโร ตโย ภเว, วิญฺญาณาหาโร ปฎิสนฺธินามรูปนฺติฯ
Ko panettha āhāro kiṃ āharatīti? Kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāni āharati phassāhāro tisso vedanā, manosañcetanāhāro tayo bhave, viññāṇāhāro paṭisandhināmarūpanti.
กถํ? กพฬีการาหาโร ตาว มุเข ฐปิตมเตฺตเยว อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติ, ทนฺตวิจุณฺณิตํ ปน อโชฺฌหริยมานํ เอเกกํ สิตฺถํ อฎฺฐฎฺฐรูปานิ สมุฎฺฐาเปติเยวฯ เอวํ กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรติฯ ผสฺสาหาโร ปน สุขเวทนีโย ผโสฺส อุปฺปชฺชมาโนเยว สุขํ เวทนํ อาหรติ, ทุกฺขเวทนีโย ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขเวทนีโย อทุกฺขมสุขนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ผสฺสาหาโร ติโสฺส เวทนา อาหรติฯ
Kathaṃ? Kabaḷīkārāhāro tāva mukhe ṭhapitamatteyeva aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti, dantavicuṇṇitaṃ pana ajjhohariyamānaṃ ekekaṃ sitthaṃ aṭṭhaṭṭharūpāni samuṭṭhāpetiyeva. Evaṃ kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāni āharati. Phassāhāro pana sukhavedanīyo phasso uppajjamānoyeva sukhaṃ vedanaṃ āharati, dukkhavedanīyo dukkhaṃ, adukkhamasukhavedanīyo adukkhamasukhanti evaṃ sabbathāpi phassāhāro tisso vedanā āharati.
มโนสเญฺจตนาหาโร กามภวูปคํ กมฺมํ กามภวํ อาหรติ, รูปารูปภวูปคานิ ตํ ตํ ภวํฯ เอวํ สพฺพถาปิ มโนสเญฺจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรติฯ วิญฺญาณาหาโร ปน เย จ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ตํสมฺปยุตฺตกา ตโย ขนฺธา, ยานิ จ ติสนฺตติวเสน ติํส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สหชาตาทิปจฺจยนเยน ตานิ อาหรตีติ วุจฺจติฯ เอวํ วิญฺญาณาหาโร ปฎิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติฯ เอตฺถ จ ‘‘มโนสเญฺจตนา ตโย ภเว อาหรตี’’ติ สาสวกุสลากุสลเจตนาว วุตฺตาฯ ‘‘วิญฺญาณํ ปฎิสนฺธินามรูปํ อาหรตี’’ติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว วุตฺตํฯ อวิเสเสน ปน ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฎฺฐานธมฺมานํ อาหรณโตเปเต ‘‘อาหารา’’ติ เวทิตพฺพาฯ
Manosañcetanāhāro kāmabhavūpagaṃ kammaṃ kāmabhavaṃ āharati, rūpārūpabhavūpagāni taṃ taṃ bhavaṃ. Evaṃ sabbathāpi manosañcetanāhāro tayo bhave āharati. Viññāṇāhāro pana ye ca paṭisandhikkhaṇe taṃsampayuttakā tayo khandhā, yāni ca tisantativasena tiṃsa rūpāni uppajjanti, sahajātādipaccayanayena tāni āharatīti vuccati. Evaṃ viññāṇāhāro paṭisandhināmarūpaṃ āharatīti. Ettha ca ‘‘manosañcetanā tayo bhave āharatī’’ti sāsavakusalākusalacetanāva vuttā. ‘‘Viññāṇaṃ paṭisandhināmarūpaṃ āharatī’’ti paṭisandhiviññāṇameva vuttaṃ. Avisesena pana taṃsampayuttataṃsamuṭṭhānadhammānaṃ āharaṇatopete ‘‘āhārā’’ti veditabbā.
เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ กพฬีการาหาโร อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธติ, ผโสฺส ผุสโนฺตเยว มโนสเญฺจตนา อายูหมานาว, วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมวฯ กถํ? กพฬีการาหาโร หิ อุปตฺถเมฺภโนฺตเยว กายฎฺฐปเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ กมฺมชนิโตปิ หิ อยํ กาโย กพฬีการาหาเรน อุปตฺถโทฺธ ทสปิ วสฺสานิ วสฺสสตมฺปิ ยาว อายุปริมาณา ติฎฺฐติฯ ยถา กิํ ? ยถา มาตุยา ชนิโตปิ ทารโก ธาติยา ถญฺญาทีนิ ปาเยตฺวา โปสิยมาโน จิรํ ติฎฺฐติ, ยถา จ อุปตฺถเมฺภน อุปตฺถมฺภิตํ เคหํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Etesu catūsu āhāresu kabaḷīkārāhāro upatthambhento āhārakiccaṃ sādheti, phasso phusantoyeva manosañcetanā āyūhamānāva, viññāṇaṃ vijānantameva. Kathaṃ? Kabaḷīkārāhāro hi upatthambhentoyeva kāyaṭṭhapanena sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Kammajanitopi hi ayaṃ kāyo kabaḷīkārāhārena upatthaddho dasapi vassāni vassasatampi yāva āyuparimāṇā tiṭṭhati. Yathā kiṃ ? Yathā mātuyā janitopi dārako dhātiyā thaññādīni pāyetvā posiyamāno ciraṃ tiṭṭhati, yathā ca upatthambhena upatthambhitaṃ gehaṃ. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ยถา, มหาราช, เคเห ปปตเนฺต อเญฺญน ทารุนา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอว ตํ เคหํ น ปตติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อยํ กาโย อาหารฎฺฐิติโก อาหารํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐตี’’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, gehe papatante aññena dārunā upatthambhitaṃ santaṃ eva taṃ gehaṃ na patati. Evameva kho, mahārāja, ayaṃ kāyo āhāraṭṭhitiko āhāraṃ paṭicca tiṭṭhatī’’ti.
เอวํ กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธติฯ
Evaṃ kabaḷīkāro āhāro upatthambhento āhārakiccaṃ sādheti.
เอวํ สาเธโนฺตปิ จ กพฬีกาโร อาหาโร ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีนํ ปจฺจโย โหติ อาหารสมุฎฺฐานสฺส จ อุปาทิณฺณกสฺส จฯ กมฺมชานํ อนุปาลโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, อาหารสมุฎฺฐานานํ ชนโก หุตฺวาติฯ ผโสฺส ปน สุขาทิวตฺถุภูตํ อารมฺมณํ ผุสโนฺตเยว สุขาทิเวทนาปวตฺตเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ มโนสเญฺจตนา กุสลากุสลกมฺมวเสน อายูหมานาเยว ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมว นามรูปปฺปวตฺตเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหตีติฯ
Evaṃ sādhentopi ca kabaḷīkāro āhāro dvinnaṃ rūpasantatīnaṃ paccayo hoti āhārasamuṭṭhānassa ca upādiṇṇakassa ca. Kammajānaṃ anupālako hutvā paccayo hoti, āhārasamuṭṭhānānaṃ janako hutvāti. Phasso pana sukhādivatthubhūtaṃ ārammaṇaṃ phusantoyeva sukhādivedanāpavattanena sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Manosañcetanā kusalākusalakammavasena āyūhamānāyeva bhavamūlanipphādanato sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Viññāṇaṃ vijānantameva nāmarūpappavattanena sattānaṃ ṭhitiyā hotīti.
เอวํ อุปตฺถมฺภนาทิวเสน อาหารกิจฺจํ สาธยมาเนสุ ปเนเตสุ จตฺตาริ ภยานิ ทฎฺฐพฺพานิฯ เสยฺยถิทํ – กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยํ, ผเสฺส อุปคมนเมว, มโนสเญฺจตนาย อายูหนเมว, วิญฺญาเณ อภินิปาโตเยว ภยนฺติฯ กิํ การณา? กพฬีการาหาเร หิ นิกนฺติํ กตฺวา สีตาทีนํ ปุรกฺขตา สตฺตา อาหารตฺถาย มุทฺทาคณนาทิกมฺมานิ กโรนฺตา อนปฺปกํ ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติฯ เอกเจฺจ จ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย อาหารํ ปริเยสนฺตา ทิเฎฺฐว ธเมฺม คารยฺหา โหนฺติ, สมฺปราเยปิ, ‘‘ตสฺส สงฺฆาฎิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา’’ติอาทินา ลกฺขณสํยุเตฺต (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) วุตฺตนเยน สมณเปตา โหนฺติฯ อิมินา ตาว การเณน กพฬีกาเร อาหาเร นิกนฺติ เอว ภยนฺติ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ upatthambhanādivasena āhārakiccaṃ sādhayamānesu panetesu cattāri bhayāni daṭṭhabbāni. Seyyathidaṃ – kabaḷīkārāhāre nikantiyeva bhayaṃ, phasse upagamanameva, manosañcetanāya āyūhanameva, viññāṇe abhinipātoyeva bhayanti. Kiṃ kāraṇā? Kabaḷīkārāhāre hi nikantiṃ katvā sītādīnaṃ purakkhatā sattā āhāratthāya muddāgaṇanādikammāni karontā anappakaṃ dukkhaṃ nigacchanti. Ekacce ca imasmiṃ sāsane pabbajitvāpi vejjakammādikāya anesanāya āhāraṃ pariyesantā diṭṭheva dhamme gārayhā honti, samparāyepi, ‘‘tassa saṅghāṭipi ādittā sampajjalitā’’tiādinā lakkhaṇasaṃyutte (saṃ. ni. 2.218) vuttanayena samaṇapetā honti. Iminā tāva kāraṇena kabaḷīkāre āhāre nikanti eva bhayanti veditabbā.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาปิ ผสฺสสฺสาทิโน ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาราทีสุ ภเณฺฑสุ อปรชฺฌนฺติ, เต สห ภเณฺฑน ภณฺฑสามิกา คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ วา ฉินฺทิตฺวา สงฺการกูเฎ ฉเฑฺฑนฺติ , รโญฺญ วา นิยฺยาเทนฺติฯ ตโต เต ราชา วิวิธา กมฺมการณา การาเปติฯ กายสฺส จ เภทา ทุคฺคติ เตสํ ปาฎิกงฺขา โหติฯ อิติ ผสฺสสฺสาทมูลกํ ทิฎฺฐธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ สพฺพมาคตเมว โหติฯ อิมินา การเณน ผสฺสาหาเร อุปคมนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Phassaṃ upagacchantāpi phassassādino paresaṃ rakkhitagopitesu dārādīsu bhaṇḍesu aparajjhanti, te saha bhaṇḍena bhaṇḍasāmikā gahetvā khaṇḍākhaṇḍikaṃ vā chinditvā saṅkārakūṭe chaḍḍenti , rañño vā niyyādenti. Tato te rājā vividhā kammakāraṇā kārāpeti. Kāyassa ca bhedā duggati tesaṃ pāṭikaṅkhā hoti. Iti phassassādamūlakaṃ diṭṭhadhammikampi samparāyikampi bhayaṃ sabbamāgatameva hoti. Iminā kāraṇena phassāhāre upagamanameva bhayanti veditabbaṃ.
กุสลากุสลกมฺมายูหเน ปน ตมฺมูลกํ ตีสุ ภเวสุ ภยํ สพฺพํ อาคตเมว โหติฯ อิมินา การเณน มโนสเญฺจตนาหาเร อายูหนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kusalākusalakammāyūhane pana tammūlakaṃ tīsu bhavesu bhayaṃ sabbaṃ āgatameva hoti. Iminā kāraṇena manosañcetanāhāre āyūhanameva bhayanti veditabbaṃ.
ปฎิสนฺธิวิญฺญาณญฺจ ยสฺมิํ ยสฺมิํ ฐาเน อภินิปตติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ปฎิสนฺธินามรูปํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตติฯ ตสฺมิญฺจ นิพฺพเตฺต สพฺพภยานิ นิพฺพตฺตานิเยว โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตาติ อิมินา การเณน วิญฺญาณาหาเร อภินิปาโตเยว ภยนฺติ เวทิตโพฺพติฯ
Paṭisandhiviññāṇañca yasmiṃ yasmiṃ ṭhāne abhinipatati, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne paṭisandhināmarūpaṃ gahetvāva nibbattati. Tasmiñca nibbatte sabbabhayāni nibbattāniyeva honti tammūlakattāti iminā kāraṇena viññāṇāhāre abhinipātoyeva bhayanti veditabboti.
กิํนิทานาติอาทีสุ นิทานาทีนิ สพฺพาเนว การณเววจนานิฯ การณญฺหิ ยสฺมา ผลํ นิเทติ, ‘‘หนฺท นํ คณฺหถา’’ติ อเปฺปติ วิย, ตสฺมา นิทานนฺติ วุจฺจติฯ ยสฺมา ตํ ตโต สมุเทติ ชายติ ปภวติ, ตสฺมา สมุทโย ชาติ ปภโวติ วุจฺจติฯ อยํ ปเนตฺถ ปทโตฺถ – กิํนิทานํ เอเตสนฺติ กิํนิทานาฯ โก สมุทโย เอเตสนฺติ กิํสมุทยาฯ กา ชาติ เอเตสนฺติ กิํชาติกาฯ โก ปภโว เอเตสนฺติ กิํปภวาฯ ยสฺมา ปน เตสํ ตณฺหา ยถาวุเตฺตน อเตฺถน นิทานเญฺจว สมุทโย จ ชาติ จ ปภโว จ, ตสฺมา ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติอาทิมาหฯ เอวํ สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Kiṃnidānātiādīsu nidānādīni sabbāneva kāraṇavevacanāni. Kāraṇañhi yasmā phalaṃ nideti, ‘‘handa naṃ gaṇhathā’’ti appeti viya, tasmā nidānanti vuccati. Yasmā taṃ tato samudeti jāyati pabhavati, tasmā samudayo jāti pabhavoti vuccati. Ayaṃ panettha padattho – kiṃnidānaṃ etesanti kiṃnidānā. Ko samudayo etesanti kiṃsamudayā. Kā jāti etesanti kiṃjātikā. Ko pabhavo etesanti kiṃpabhavā. Yasmā pana tesaṃ taṇhā yathāvuttena atthena nidānañceva samudayo ca jāti ca pabhavo ca, tasmā ‘‘taṇhānidānā’’tiādimāha. Evaṃ sabbapadesu attho veditabbo.
เอตฺถ จ อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานาติ ปฎิสนฺธิํ อาทิํ กตฺวา อตฺตภาวสงฺขาตานํ อาหารานํ ปุริมตณฺหานํ วเสน นิทานํ เวทิตพฺพํฯ กถํ? ปฎิสนฺธิกฺขเณ ตาว ปริปุณฺณายตนานํ สตฺตานํ สตฺตสนฺตติวเสน, เสสานํ ตโต อูนอูนสนฺตติวเสน อุปฺปนฺนรูปพฺภนฺตรํ ชาตา โอชา อตฺถิ, อยํ ตณฺหานิทาโน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโรฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยญฺจ จิตฺตํ วิญฺญาณนฺติ อิเม ตณฺหานิทานา อุปาทิณฺณก-ผสฺสมโนสเญฺจตนา-วิญฺญาณาหาราติ เอวํ ตาว ปุริมตณฺหานิทานา ปฎิสนฺธิกา อาหาราฯ ยถา จ ปฎิสนฺธิกา, เอวํ ตโต ปรํ ปฐมภวงฺคจิตฺตกฺขณาทินิพฺพตฺตาปิ เวทิตพฺพาฯ
Ettha ca ime cattāro āhārā taṇhānidānāti paṭisandhiṃ ādiṃ katvā attabhāvasaṅkhātānaṃ āhārānaṃ purimataṇhānaṃ vasena nidānaṃ veditabbaṃ. Kathaṃ? Paṭisandhikkhaṇe tāva paripuṇṇāyatanānaṃ sattānaṃ sattasantativasena, sesānaṃ tato ūnaūnasantativasena uppannarūpabbhantaraṃ jātā ojā atthi, ayaṃ taṇhānidāno upādiṇṇakakabaḷīkārāhāro. Paṭisandhicittasampayuttā pana phassacetanā sayañca cittaṃ viññāṇanti ime taṇhānidānā upādiṇṇaka-phassamanosañcetanā-viññāṇāhārāti evaṃ tāva purimataṇhānidānā paṭisandhikā āhārā. Yathā ca paṭisandhikā, evaṃ tato paraṃ paṭhamabhavaṅgacittakkhaṇādinibbattāpi veditabbā.
ยสฺมา ปน ภควา น เกวลํ อาหารานเมว นิทานํ ชานาติ, อาหารนิทานภูตาย ตณฺหายปิ, ตณฺหาย นิทานานํ เวทนาทีนมฺปิ นิทานํ ชานาติเยว, ตสฺมา ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กิํนิทานาติอาทินา นเยน วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา วิวฎฺฎํ ทเสฺสสิฯ อิมสฺมิญฺจ ปน ฐาเน ภควา อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฎฺฎํ ทเสฺสติฯ กถํ? อาหารวเสน หิ อยํ อตฺตภาโว คหิโตฯ
Yasmā pana bhagavā na kevalaṃ āhārānameva nidānaṃ jānāti, āhāranidānabhūtāya taṇhāyapi, taṇhāya nidānānaṃ vedanādīnampi nidānaṃ jānātiyeva, tasmā taṇhā cāyaṃ, bhikkhave, kiṃnidānātiādinā nayena vaṭṭaṃ dassetvā vivaṭṭaṃ dassesi. Imasmiñca pana ṭhāne bhagavā atītābhimukhaṃ desanaṃ katvā atītena vaṭṭaṃ dasseti. Kathaṃ? Āhāravasena hi ayaṃ attabhāvo gahito.
ตณฺหาติ อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ, เวทนาผสฺสสฬายตนนามรูปวิญฺญาณานิ ยสฺมิํ อตฺตภาเว ฐตฺวา กมฺมํ อายูหิตํ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตานิ, อวิชฺชาสงฺขารา ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํฯ อิติ ทฺวีสุ ฐาเนสุ อตฺตภาโว, ทฺวีสุ ตสฺส ชนกํ กมฺมนฺติ สเงฺขเปน กมฺมเญฺจว กมฺมวิปากญฺจาติ, เทฺวปิ ธเมฺม ทเสฺสเนฺตน อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฎฺฎํ ทสฺสิตํฯ
Taṇhāti imassattabhāvassa janakaṃ kammaṃ, vedanāphassasaḷāyatananāmarūpaviññāṇāni yasmiṃ attabhāve ṭhatvā kammaṃ āyūhitaṃ, taṃ dassetuṃ vuttāni, avijjāsaṅkhārā tassattabhāvassa janakaṃ kammaṃ. Iti dvīsu ṭhānesu attabhāvo, dvīsu tassa janakaṃ kammanti saṅkhepena kammañceva kammavipākañcāti, dvepi dhamme dassentena atītābhimukhaṃ desanaṃ katvā atītena vaṭṭaṃ dassitaṃ.
ตตฺรายํ เทสนา อนาคตสฺส อทสฺสิตตฺตา อปริปุณฺณาติ น ทฎฺฐพฺพาฯ นยโต ปน ปริปุณฺณาเตฺวว ทฎฺฐพฺพาฯ ยถา หิ จกฺขุมา ปุริโส อุทกปิเฎฺฐ นิปนฺนํ สุํสุมารํ ทิสฺวา ตสฺส ปรภาคํ โอโลเกโนฺต คีวํ ปเสฺสยฺย, โอรโต ปิฎฺฐิํ, ปริโยสาเน นงฺคุฎฺฐมูลํ, เหฎฺฐา กุจฺฉิํ โอโลเกโนฺต ปน อุทกคตํ อคฺคนงฺคุฎฺฐเญฺจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท น ปเสฺสยฺย, โส น เอตฺตาวตา ‘‘อปริปุโณฺณ สุํสุมาโร’’ติ คณฺหาติ, นยโต ปน ปริปุโณฺณเตฺวว คณฺหาติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ
Tatrāyaṃ desanā anāgatassa adassitattā aparipuṇṇāti na daṭṭhabbā. Nayato pana paripuṇṇātveva daṭṭhabbā. Yathā hi cakkhumā puriso udakapiṭṭhe nipannaṃ suṃsumāraṃ disvā tassa parabhāgaṃ olokento gīvaṃ passeyya, orato piṭṭhiṃ, pariyosāne naṅguṭṭhamūlaṃ, heṭṭhā kucchiṃ olokento pana udakagataṃ agganaṅguṭṭhañceva cattāro ca hatthapāde na passeyya, so na ettāvatā ‘‘aparipuṇṇo suṃsumāro’’ti gaṇhāti, nayato pana paripuṇṇotveva gaṇhāti, evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ.
อุทกปิเฎฺฐ นิปนฺนสุํสุมาโร วิย หิ เตภูมกวฎฺฎํฯ ตีเร ฐิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโรฯ เตน ปุริเสน อุทกปิเฎฺฐ สุํสุมารสฺส ทิฎฺฐกาโล วิย โยคินา อาหารวเสน อิมสฺสตฺตภาวสฺส ทิฎฺฐกาโลฯ ปรโต คีวาย ทิฎฺฐกาโล วิย อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนิกาย ตณฺหาย ทิฎฺฐกาโลฯ ปิฎฺฐิยา ทิฎฺฐกาโล วิย ยสฺมิํ อตฺตภาเว ตณฺหาสงฺขาตํ กมฺมํ กตํ, เวทนาทิวเสน ตสฺส ทิฎฺฐกาโลฯ นงฺคุฎฺฐมูลสฺส ทิฎฺฐกาโล วิย ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกานํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ทิฎฺฐกาโลฯ เหฎฺฐา กุจฺฉิํ โอโลเกนฺตสฺส ปน อคฺคนงฺคุฎฺฐเญฺจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท อทิสฺวาปิ ‘‘อปริปุโณฺณ สุํสุมาโร’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุโณฺณเตฺวว คหณํ วิย ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจยวฎฺฎํ ปาฬิยํ น อาคตํ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เทสนา อปริปุณฺณา’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุณฺณาเตฺวว คหณํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ จ อาหารตณฺหานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, ตณฺหาเวทนานํ อนฺตเร เอโก, วิญฺญาณสงฺขารานํ อนฺตเร เอโกติ เอวํ ติสนฺธิจตุสเงฺขปเมว วฎฺฎํ ทสฺสิตนฺติฯ ปฐมํฯ
Udakapiṭṭhe nipannasuṃsumāro viya hi tebhūmakavaṭṭaṃ. Tīre ṭhito cakkhumā puriso viya yogāvacaro. Tena purisena udakapiṭṭhe suṃsumārassa diṭṭhakālo viya yoginā āhāravasena imassattabhāvassa diṭṭhakālo. Parato gīvāya diṭṭhakālo viya imassattabhāvassa janikāya taṇhāya diṭṭhakālo. Piṭṭhiyā diṭṭhakālo viya yasmiṃ attabhāve taṇhāsaṅkhātaṃ kammaṃ kataṃ, vedanādivasena tassa diṭṭhakālo. Naṅguṭṭhamūlassa diṭṭhakālo viya tassattabhāvassa janakānaṃ avijjāsaṅkhārānaṃ diṭṭhakālo. Heṭṭhā kucchiṃ olokentassa pana agganaṅguṭṭhañceva cattāro ca hatthapāde adisvāpi ‘‘aparipuṇṇo suṃsumāro’’ti agahetvā nayato paripuṇṇotveva gahaṇaṃ viya yattha yattha paccayavaṭṭaṃ pāḷiyaṃ na āgataṃ, tattha tattha ‘‘desanā aparipuṇṇā’’ti agahetvā nayato paripuṇṇātveva gahaṇaṃ veditabbaṃ. Tattha ca āhārataṇhānaṃ antare eko sandhi, taṇhāvedanānaṃ antare eko, viññāṇasaṅkhārānaṃ antare ekoti evaṃ tisandhicatusaṅkhepameva vaṭṭaṃ dassitanti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อาหารสุตฺตํ • 1. Āhārasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา • 1. Āhārasuttavaṇṇanā